ภายใต้แสงจันทร์ ลิ้นไฟสีแดงกวาดไปทั่ว เผาไหม้ความว่างเปล่า ทำให้ทั้งหุบเขาสั่นะเื
เสียงคำรามอันยิ่งใหญ่ราวกับถล่มท้องฟ้า บิดเบือนห้วงมิติเวลา ทำให้ผู้คนตัวสั่นสะท้าน
พระราชวังขนาดมหึมากำลังฟื้นคืนชีพ ช่องว่างเปิดขึ้นที่ประตูห้องโถงหน้าทางทิศบูรพา ลำแสงทำลายท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับใบมีด แยกยอดเขาออกไปหลายร้อยลี้
เมื่อยอดฝีมือของกลุ่มต่างๆ เห็นฉากนี้ พวกเขาต่างก็ใจนเหงื่อตก แม้แต่ยอดฝีมือเหนือเมฆาในพื้นที่ด้านนอกของูเาไป่หลิงต่างก็หน้าเปลี่ยนสี
ประตูวังเปิดออก ูเาแตกออกเป็เสี่ยงๆ นี่เป็ฉากที่น่าใที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
เสียงลั่นดังเอี๊ยดรุนแรงเป็พิเศษ เมื่อประตูห้องโถงด้านหน้าเปิดออกอย่างช้าๆ พระราชวังทั้งหลังก็สว่างไสวด้วยแสงที่สุกใสท่ามกลางความมืดมิด
ข้อจำกัดบางอย่างที่ปกคลุมพระราชวังถูกยกขึ้นมาโดยพลัน ขณะนี้มันได้เปิดออกสู่โลกภายนอกแล้ว
ดวงตาของซูอวิ๋นเป็ประกาย นางพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “ศิษย์พี่ เรารีบเข้าไปกันเถอะ”
ฉู่จินหงพุ่งข้ามอากาศพร้อมกระบี่ของตนโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ในเวลาเดียวกันชิวซานอวิ๋นก็สังเกตเห็นว่ามีข้อจำกัดถูกถอดออกแล้ว เขาจึงตรงไปที่ประตูห้องโถงด้านหน้าทางทิศบูรพาร่วมกับสหายร่วมสำนักอินทนิล ซึ่งเป็ทางเข้าเดียวในตอนนี้
ยอดฝีมืออัจฉริยะจากศาลาดารา์ สำนักดาราทมิฬ และตำหนักดาวเหนือต่างก็ไม่ช้าเลย ขณะที่ยอดฝีมือจากสำนักกายา สำนัก์ และสำนักวั่นจื๋อต่างก็พุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วสูงไม่ต่างกัน
ยอดฝีมือของตำหนักหยวนนภา โถงหยวนปฐี สำนักอินทนิล และสำนักชื่อหยวนปังล้วนทำหน้าที่ของตน ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนผ่านจากสำนักหลักอันดับสองและสามต่างเร่งรีบเช่นกัน
“ไปให้พ้น!”
เมื่อก้าวไปข้างหน้า หลายคนก็ต่อสู้กันเพื่อคว้าโอกาสนี้ไว้
ผู้แข็งแกร่งวิ่งไปข้างหน้า ผู้อ่อนแอตามหลัง ผู้โชคร้ายต้องตายด้วยน้ำมือของผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
พระราชวังขนาดมหึมาลอยอยู่กลางอากาศ เหนือยอดต้นไม้กว่าห้าร้อยจั้ง
นอกจากการฝึกฝนทั้งสามของฝ่ายมนุษย์แล้ว ิญญาอสูรบางตัวยังใช้โอกาสนี้ในการบุกเข้าไปอีกด้วย
ห้องโถงด้านหน้าคือเทพแห่งความมั่งคั่ง คนแรกที่บุกเข้ามาได้มาจากศาลาดารา์ ชื่อของเขาคือเยวี่ยซิงเหอ เขาสวมชุดเกราะสีเงินและมีอาวุธที่น่าประทับใจ ดูไปแล้วเหมือนชายหนุ่มในวัยอายุยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกปี และเขาคือคนที่เก่งที่สุดในบรรดาสหายร่วมสำนักที่มาจากศาลาดารา์
หลังจากเยวี่ยซิงเหอรีบพุ่งเข้าไปในโถงด้านหน้า เขาก็ใกับภาพตรงหน้าในทันที
ในห้องโถงอันกว้างขวาง แสงหลากสีสันเริงระบำไปในอากาศ โดยมีรูปร่างเหมือนกระแสน้ำวนสีสันสดใสขนาดมหึมา ประกอบไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณแปลกตา สัตว์ลึกลับ อาวุธิญญา ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว เปล่งคลื่นอันผันผวนที่ไม่อาจอธิบายได้ออกมาไม่หยุด
สิ่งเหล่านี้หมายความว่าอย่างไร พวกมันลอยวนไปรอบๆ ล่องลอยไปอย่างอิสระท่ามกลางกระแสน้ำวนหลากสีสัน
เยวี่ยซิงเหอให้ความสนใจอย่างมาก ก่อนที่จำนวนผู้คนที่วิ่งเข้ามาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาก็มีคนมากกว่าสิบคนบุกเข้ามาที่นี่
“ดูสิ นั่นอะไร?”
มีคนพบศิลาจารึกที่สร้างขึ้นจากรูปแบบทางจิติญญานับไม่ถ้วน ซึ่งบันทึกกฎสำหรับการทะลุผ่านระดับเอาไว้
วัตถุแปลกๆ ที่ลอยว่อนอยู่ในกระแสน้ำวนหลากสีนั้นสอดคล้องกับการฝึกฝนซิงซิว หยวนซิว และจื๋อซิว ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็อาวุธิญญา อุปกรณ์ิญญา พลังหยวน และิญญาดารารวมถึงสิ่งต่างๆ อีกมากมาย
พวกที่ทะลุทะลวงได้ต้องใช้วัตถุแปลกๆ เข้ามาช่วยเพื่อให้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น นี่เป็ทั้งการทดสอบและโอกาสอันดี
“เ้าต้องได้รับการยอมรับและกลายเป็คนในลิขิตชะตาจึงจะเข้าไปได้”
“ข้าเดาว่าโอกาสที่นี่มีจำกัด และเป็ไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเข้าไปได้”
“ผู้ถูกลิขิตไว้แล้วไม่ต้องกังวล อย่าฝืนตัวเองกับคนที่ไม่มีโอกาส เราต้องเร่งมือ”
อัจฉริยะของแต่ละฝ่ายพุ่งเข้าหากระแสน้ำวนหลากสีสันอย่างรวดเร็ว รับรู้และสื่อสารอย่างระมัดระวัง ด้วยหวังว่าจะได้รับการยอมรับ
ยอดฝีมือจำนวนมากยังคงแย่งชิงที่หนึ่งและไล่ล่ากันอยู่ด้านนอกประตูพระราชวัง
...
ค่ำคืนอันเงียบสงบ จันทราส่องสว่างเหนือศีรษะ
ขณะที่ยอดฝีมือจากกลุ่มต่างๆ รีบวิ่งเข้าไปในห้องโถงหลัก อยู่ดีๆ ก็มีรูปรากฏขึ้นบนลำต้นของต้นไม้ั์ด้านล่างพระราชวัง และมีร่างหนึ่งวิ่งออกมา
“เอ๊ะ ที่นี่ที่ไหน?”
หนิงเทียนมีสีหน้าใ เขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้แห้งเหี่ยว เดินผ่านชั้นเมฆหมอก ทว่าเหตุใดทิวทัศน์ตรงหน้าถึงได้เปลี่ยนไป?
ข้อมูลทุกประเภทหลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของหนิงเทียนอย่างรวดเร็ว เขาััถึงความตาย เื การต่อสู้ และการสู้รบ จากนั้นก็สังเกตเห็นพลังผันผวนที่เหลืออยู่ของยอดฝีมือจำนวนมาก
“เหตุใดจึงมียอดฝีมือมากมายขนาดนี้ แม้กระทั่งหยวนซิวและซิงซิวก็อยู่ที่นี่?”
หนิงเทียนมองไปรอบๆ และเห็นทิวทัศน์ในหุบเขาอย่างชัดเจน จากนั้นเขาก็ตรงไปที่ยอดไม้และเห็นพระราชวังอันยิ่งใหญ่
นอกหุบเขา ยังมีผู้บำเพ็ญจำนวนมากในขอบเขตผนึกดาราที่กำลังเร่งรีบเข้ามา
หนิงเทียนยืนอยู่บนยอดต้นไม้ หลังจากเฝ้าดูอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตรวจพบยอดฝีมือของหยวนซิวในขอบเขตผนึกดารา
“ที่นี่มันเกิดเื่บ้าอะไรขึ้น? บอกข้ามา”
ยอดฝีมือหยวนซิวเหลือบมองหนิงเทียน แล้วพูดด้วยความเหยียดหยาม “หลีกไป อย่ามายุ่งกับข้า ไม่เช่นนั้น...อ๊าก!!!”
หนิงเทียนตบเขาจนร่างลอยออกไป หากจับได้จะถูกทุบตีอย่างรุนแรง ชายคนนั้นได้แต่ตกตะลึง
“อย่าทำข้า บอก...ข้าบอกแล้ว...”
“พระราชวังลับ กองทัพโครงกระดูก ข้าไม่คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้”
หลังจากฟังเื่ราวจากคนผู้นั้นแล้ว ในที่สุดหนิงเทียนก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
แต่ก็ยังมีคำถามค้างอยู่ในใจของเขา
เห็นได้ชัดว่าตนเดินขึ้นไปบนต้นไม้แห้งเหี่ยวที่สูงทะลุฟ้า ทำไมยอดต้นไม้ถึงกลายเป็แบบนี้ไปได้?
สิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย
“ช่างเถอะ ไม่สนแล้ว ลองขึ้นไปดูก่อนก็แล้วกัน”
หนิงเทียนเตะยอดฝีมือหยวนซิ่วออกไปด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว จากนั้นใช้ทักษะคุมวาโยลอยตัวไปยังห้องโถงเทพแห่งความมั่งคั่ง
ระหว่างทางมีเถาวัลย์สีเขียวโจมตีเขาเป็ระยะ เถาวัลย์นั้นเปรียบเสมือนหอกที่ทรงพลัง
หนิงเทียนเหลือบมองอย่างเ็า ก่อนจะใช้ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ร่วมกับทักษะคุมิญญาเพื่อปลดปล่อยการยับยั้งทางจิตอันทรงพลัง เถาวัลย์สีเขียวส่งเสียงกรีดร้องด้วยความประหลาดใจแล้วหายไปในทันที
ภายในสายลมที่อัดแน่น หนิงเทียนยังคงรวดเร็วราวกับสายลมอันเงียบสงบ เขาถูกโจมตีสามครั้งติดต่อกันจากระยะหลายร้อยจั้ง
มีการลอบโจมตีโดยิญญาอสูรและหยวนซิว ส่วนครั้งที่สามกลับกลายเป็ว่ามีจื๋อซิวลอบลงมือด้วย
หนิงเทียนหลบได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะจ้องมองอย่างเ็าไปยังยอดฝีมือหยวนซิวและจื๋อซิวที่โจมตีเขา
“มองอะไร ถ้าเ้ายังมองอีก ข้าจะควักลูกตาของเ้าเสีย”
นั่นคือศิษย์ของหยวนซิวจากสำนักชั้นสอง เขาไม่ให้ค่าหนิงเทียนเลย
“ข้าว่าจุดอิ้นถัง[1]ของเ้าดำคล้ำเสียแล้ว เหตุร้ายนองเืคงใกล้มาเยือนเต็มที”
หนิงเทียนหัวเราะเยาะ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
“เ้าเด็กบ้า กล้าดีอย่างไรมาแช่งข้า เ้าเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วหรือ?”
ศิษย์หยวนซิวรีบวิ่งเข้าหาหนิงเทียนท่ามกลางเสียงคำรามอันรุนแรง แสงสีแดงส่องประกายระหว่างมือที่ยกขึ้น ปราณกระบี่ของเขาหลั่งไหลออกมา
นี่คือศิษย์ของหยวนซิวที่เชี่ยวชาญด้านการใช้กระบี่ เขาอยู่ในขั้นแปดของขอบเขตผนึกดารา เสาพลังแปดเสาปรากฏอยู่รอบกายและมีประกายจากแสงกระบี่ส่องสว่าง
ดวงตาของหนิงเทียนขยับเล็กน้อย เขาทำราวกับตนไร้โอกาสหลบหลีก และโดนปราณกระบี่ที่ปั่นป่วนบีบรัดคอ แล้วแสงกระบี่อันคมกริบก็ตกใส่เขา ทำให้เกิดเสียงแตกดังสนั่น
“เ้าหนู เมื่อได้เกิดใหม่ในชาติหน้า จำไว้ว่าจงเชื่อฟังสักหน่อย...”
ศิษย์หยวนซิวพูดอย่างเย่อหยิ่ง ราวกับว่าเขาเห็นเนื้อและเืของหนิงเทียนกระจายไปทั่วแล้ว
“ข้าเตือนแล้วว่าจะเกิดหายนะนองเื แต่เ้าไม่ใส่ใจ นี่คือสิ่งที่เ้าสมควรได้รับ”
หนิงเทียนเพิกเฉยต่อแสงกระบี่ของศัตรู หลังจากเขาสะบัดมือขวา ปราณกระบี่ก็สลายไป กระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นเปลี่ยนร่างศิษย์หยวนซิวให้กลายเป็ขยะทันที
“อ๊าก! เ้า!!”
เสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยองเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไป
ใบหน้าของศิษย์จื๋อซิวที่โจมตีหนิงเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาพูดด้วยความใ “เ้า...เ้า...เ้าเป็ใคร?”
“แม้แต่ข้าเ้าก็ไม่รู้จัก ช่างโง่เขลาเสียจริง”
หนิงเทียนเคลื่อนตัวออกไปและโจมตีด้วยฝ่ามือเดียว ศิษย์จื๋อซิวผู้นั้นไม่สามารถโต้กลับได้แม้แต่น้อย
เมื่อทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า หนิงเทียนก็มาถึงด้านนอกห้องโถงด้านหน้า ซึ่งมียอดฝีมือหลายคนมารวมตัวกัน ก่อนจะถูกปิดกั้นไว้ด้านนอกห้องโถง
“บรรดาผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตเปลี่ยนผ่านไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป”
เสียงเ็าและเย่อหยิ่งระงับเสียงของฝูงชน ทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างมาก
“ทำไม วังแห่งนี้ไม่ใช่ของครอบครัวเ้าสักหน่อย?”
“จะสนเขาไปทำไม ใครขวาง ก็แค่ฆ่าเสียให้สิ้น!”
“ใช่ ไปเร็ว!”
เหล่ายอดฝีมือในที่นี้ตื่นเต้นกันมาก ก่อนจะร้องะโแล้วรีบวิ่งเข้าไปจนสถานการณ์อยู่นอกเหนือการควบคุม
การต่อสู้อันวุ่นวายเริ่มขึ้นทันที เสียงคำรามและเสียงกรีดร้องดังขึ้นทั่วบริเวณ
หนิงเทียนเฝ้าดูด้วยความสนใจจากภายนอก ดวงตาของเขาเป็ประกายสดใส
“ผู้ที่มีระดับต่ำสุดคือขอบเขตผนึกดารา และส่วนใหญ่เป็ซิงซิวกับหยวนซิว พวกมันล้วนไม่ต่างจากแกะตัวอ้วนพี”
หนิงเทียนสร้างตราประทับจากฝ่ามือ จากนั้นก็มีกระแสน้ำวนสีดำแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือในพริบตา ปลดปล่อยความผันผวนของพลังิญญาที่ยากจะบรรยาย นี่คือวิชาแปลงิญญา
ในบางครั้งยอดฝีมือก็เสียชีวิตในการต่อสู้ในบริเวณใกล้เคียง ิญญาเร่ร่อนลอยล่องอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า ยากที่คนธรรมดาจะสังเกตเห็น แต่หนิงเทียนที่เชี่ยวชาญในวิถีแห่งิญญากลับกำลังพยายามทำให้ดีที่สุดในขณะนี้
วิชาแปลงิญญาของหนิงเทียนรวมเอาทักษะกลั่นิญญาบริสุทธิ์และชั่วร้ายเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเรียกรวมกันว่าทักษะแยกแสงิญญา
ในเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป หนิงเทียนสามารถรวบรวมแสงิญญาได้มากถึงสามสิบสี่ดวง ทั้งยังััได้ถึงิญญาที่ขุ่นเคืองจำนวนมากรวมตัวกันในหุบเขาอันลึกลับ
“ทักษะแยกแสงิญญา!”
เปลวเพลิงหมุนวนรอบร่างของหนิงเทียน ก่อตัวเป็กระแสน้ำวนสองแห่ง แห่งหนึ่งเป็สีเขียว อีกแห่งเป็สีดำ ในกระแสน้ำวนสีเขียวมีเตาิญญาควบแน่น และในกระแสน้ำวนสีดำมีหม้อต้มสีดำก่อตัวอยู่ภายใน
กระแสวังวนทั้งสองหนึ่งดีหนึ่งชั่ว กลืนกินพลังฟ้าดิน และมีแรงดึงดูดร้ายแรงต่อดวงิญญาที่หลงทางในความว่างเปล่า
ยามราตรี ภายในหุบเขานั้นมีกระแสลมพัดไปทุกหนทุกแห่ง แสงแห่งิญญานับพันพุ่งเข้าหาหนิงเทียน ทั้งหมดล้วนเป็ส่วนผสมของิญญาที่ความขุ่นเคืองและโกรธแค้นอย่างไม่สิ้นสุด
หนิงเทียนหยิบขวดหยกหยินหยางออกมา แสงิญญาแปลกแยกต่างพุ่งเข้าไปในขวดหยกโดยพร้อมเพรียง
“แสงิญญาสามพันดวง...ฮ่าฮ่า...ยังคงเพิ่มขึ้น...สี่พันแล้ว...”
หนิงเทียนตื่นเต้นเป็อย่างยิ่ง แสงิญญาเป็วัตถุดิบในการกลั่นอาวุธของเขา สิ่งนี้อันตรายยิ่งนัก และโดยทั่วไปสามารถเก็บได้ในสนามรบเท่านั้น
“เอ๊ะ แสงิญญามีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกัน หลังจากการตายของศิษย์ในขอบเขตผนึกดาราเหล่านี้ แสงิญญานั้นแย่กว่าแสงิญญาจากปราสาทหินมาก แสงิญญายังแบ่งออกเป็ระดับด้วยหรือไม่?”
เมื่อหนิงเทียนทำให้แสงิญญาแยกออกจากกันแล้ว เขาก็ค้นพบว่าความแข็งแกร่งของแสงิญญาหลังความตายมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ระหว่างผู้บำเพ็ญในขอบเขตผนึกดาราและขอบเขตเปลี่ยนผ่าน
สำหรับยอดฝีมือในขอบเขตเปลี่ยนผ่าน เห็นได้ชัดว่าแสงิญญานั้นทรงพลังกว่าแสงิญญาที่ได้รับการขัดเกลาโดยเฮยเย่าและชิงเยี่ยนหนึ่งระดับ
“หากแสงิญญาในขอบเขตผนึกดาราเป็ของแสงิญญาระดับหนึ่งดาว เช่นนั้นแสงิญญาในขอบเขตเปลี่ยนผ่านคงเป็ของแสงิญญาระดับสองดาว”
หนิงเทียนพึมพำกับตัวเอง ในไม่ช้าก็เสร็จสิ้นทักษะแยกแสงิญญา คราวนี้เขารวบรวมแสงิญญาได้มากกว่าสี่พันห้าร้อยดวง
หนิงเทียนหยิบพู่กันิญญาหลากสีออกมา แล้วใช้ทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์เพื่อวาดเถาวัลย์สีเขียวสิบสองเถาในความว่างเปล่า ซึ่งทั้งหมดนี้เป็ิญญาอสูรระดับสาม
“จงไปรวบรวมแหวนมิติทั้งหมดบนศพเ่าั้ให้ข้า”
เถาวัลย์สีเขียวทั้งสิบสองเถาหายไปอย่างรวดเร็วภายใต้ความมืดมิด
หนิงเทียนมองเห็นเหตุการณ์ในห้องโถงด้านหน้าผ่านประตูพระราชวัง ดวงตาที่เฉียบคมของเขาเข้าใจความลึกลับของห้องโถงด้านหน้าได้อย่างรวดเร็ว
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้...”
จากนั้นเสียงคำรามแปลกๆ ก็ดังขึ้นขัดภวังค์ของหนิงเทียน และดึงดูดความสนใจของเขา
ในขณะนี้ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนผ่านจากสำนักต่างๆ ล้วนเร่งรีบเข้าไปในห้องโถงด้านหน้าแล้ว ในขณะที่ศิษย์หลักในขอบเขตผนึกดาราต่างแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งที่จะเข้าสู่ห้องโถงด้านหน้า
เนื่องจากมีพระมากข้าวต้มน้อย[2] การแข่งขันจึงดุเดือด ศิษย์จากสำนักร้อยบุปผาที่ไม่มีเจตนาเข้าร่วมในาก็ยังต้องเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
ซิ่งอวี่เจวียนปกป้องเสิ่นซินจู๋ในขณะที่ต่อสู้และถอยกลับ แต่คิดไม่ถึงว่านางตกเป็เป้าหมายของเหล่าศิษย์จากสำนักชื่อหยวนปัง
“สองคนนี้เก่งนะ พาพวกนางกลับไปเป็สาวใช้กันเถอะ”
“น่าสนใจ ข้าอยากได้คนที่อายุน้อยกว่า”
ศิษย์สองคนจากสำนักชื่อหยวนปังไล่ล่าสตรีทั้งสองอย่างเมามันด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้า พวกเขาทุบตีเสิ่นซินจู๋จนนางกระอักเืและได้รับาเ็สาหัส ทำให้นางไม่สามารถต้านทานได้อีกแล้ว
“ศิษย์พี่รีบหนีไป ทิ้งข้าไว้ที่นี่เถิด”
เสิ่นซินจู๋ะโลั่น นางเพิ่งเข้าสู่ขอบเขตผนึกดาราขั้นแรก จึงไม่อยากลากซิ่งอวี่เจวียนให้เดือดร้อนไปด้วยกัน
“ไสหัวไป!”
ซิ่งอวี่เจวียนคำรามด้วยความโกรธ นางยิงธนูจันทรามรกตเพื่อขับไล่คู่ต่อสู้ของเสิ่นซินจู๋ออกไป และเสียงคำรามกระแทกหูนี้เองที่ดึงดูดความสนใจของหนิงเทียน
---------------------------------------
[1] จุดอิ้นถัง (印堂) คือจุดฝังเข็มที่อยู่ระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้าง หากจุดอิ้นถังเปลี่ยนเป็สีดำแสดงว่าหายนะกำลังมาเยือน
[2] พระมากข้าวต้มน้อย (僧多粥少) คือการเปรียบเทียบคนมากสิ่งของน้อยไม่พอแบ่ง
