แสงปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง เนื่องจากครั้งนี้ระยะทางค่อนข้างใกล้ทำให้ไม่ได้รู้สึกหูอื้อและวิงเวียนศีรษะเหมือนครั้งที่แล้ว เพียงแต่รู้สึกแสงแสบตาปรากฏขึ้นแวบหนึ่งทัศนียภาพเบื้องหน้าก็พลันเปลี่ยนแปลงไป
พวกเขาถูกเคลื่อนย้ายมายังทุ่งหญ้ากว้างตีนูเาเล็กๆ แปลกตาลูกหนึ่ง ห่างออกไปไม่ไกลมีธารน้ำเล็กๆ สายหนึ่งและรอบๆ ธารน้ำมีฝูงสิงสาราสัตว์มากมายกำลังเล็มกินหญ้าและดื่มน้ำอยู่ อีกทั้งยังมีดอกไม้ใบหญ้าที่รู้จักและไม่รู้จักขึ้นอยู่เต็มทั่วทั้งท้องทุ่ง ทัศนียภาพงดงามตาอย่างที่สุด
“ทุกท่าน!” น้ำเสียงห้าวหาญของหลงไซ้หนานดังขึ้น สายตาของทุกคนหันมองไปที่นาง จากนั้นนางยื่นมืออกมาชี้ขึ้นไปยังบนเขาพร้อมกับพูดขึ้น “ขึ้นไปพักยังค่ายที่พักชั่วคราวก่อนจากนั้นค่อยมาปรึกษาหารือกันเื่แผนการสู้รบ ข้าจะแนะนำเกี่ยวกับภูมิประเทศของเกาะแห่งความมืดมิดให้พวกเ้าฟังอย่างละเอียด จากนั้นทุกคนค่อยตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร ทุกคนเห็นว่าอย่างไร?”
“ข้า...เห็นด้วย!” เยว่ชิงเฉิงพยักหน้าเอ่ยขึ้นมาก่อน จากนั้นสายตามองมายังเย่ชิงหาน
“เห็นด้วย!” เย่ชิงหานเห็นเย่ชิงอู่มองมายังตนเองก็รู้ได้ทันทีว่านางมอบอำนาจการตัดสินใจให้ตนเองทั้งหมด หลงไซ้หนานพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบ เป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย พลังฝีมือบวกกับชื่อเสียงที่ยิ่งกว่าบุรุษอกสามศอก แน่นอนว่าทุกคนย่อมต้องคล้อยตามนาง
อีกอย่างในฐานะที่เป็บุตรสาวคนเดียวของท่านจ้าวเขตปกครองนางย่อมต้องมีข้อมูลที่ทุกคนไม่มีอยู่เป็แน่ ในเมื่อนางเสนอขึ้นมาก่อนเช่นนี้ย่อมมีแต่ผลดีไม่มีผลเสียแก่ทุกคน ดังนั้นทุกคนจึงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่ลังเล
“เห็นด้วย! เห็นด้วย! เห็นด้วย!”
ทุกคนรีบเดินทางขึ้นเขาไปยังค่ายที่พักชั่วคราวที่อยู่บริเวณเอวูเาอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านการเข้าร่วมงานประลองมานับครั้งไม่ถ้วนที่แห่งนี้จึงถูกกำหนดให้เป็ค่ายที่พักชั่วคราวของผู้เข้าร่วมจากเขตปกครองเทพา มีห้องพักและจุดตำแหน่งรักษาการณ์เฝ้าระวังภัยอยู่โดยรอบทั้งสี่ทิศ
“หน่วยแรกเฝ้ารักษาการณ์ หน่วยที่สองและสามเก็บกวาดทำความสะอาดห้องที่พัก หน่วยที่สี่และห้าออกล่าสัตว์และหุงหาอาหาร” เห็นได้ชัดว่าหลงไซ้หนานทำหน้าที่เป็ผู้นำกองกำลังอยู่บ่อยๆ สามารถสั่งการออกมาได้อย่างคล่องแคล่วไม่ติดขัด ครั้งนี้คนของเมืองัมาเข้าร่วมหนึ่งพันคน มีทั้งที่เป็คนของทางจวนเมืองัเองและทั้งที่เพิ่งเข้าร่วมมาเฉพาะกาล หลงไซ้หนานไม่ได้ออกคำสั่งต่อกองกำลังของตระกูลอื่นๆ และกองกำลังระดับหัวกะทิกลุ่มอื่นๆ ที่รวมตัวกันมาแต่อย่างใด ดังนั้นทุกคนจึงอยู่กับที่จัดการกับเื่ของตนเองไปพลางๆ เพื่อไม่เป็การสอดแทรกเพิ่มความวุ่นวายขึ้น
ทั้งหนึ่งพันคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จัดการกับค่ายที่พักได้เรียบร้อย ผู้นำกองกำลังทั้งหลายหลังจากจัดแจงที่พักให้กับสมาชิกกองกำลังตนเองกลับไปพักเรียบร้อยจึงได้มารวมตัวกันที่บริเวณค่ายที่พักของหลงไซ้หนานเพื่อปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับแนวทางการสู้รบที่จะดำเนินต่อไป
“ข้าจะไม่พูดอะไรมาก หลังจากประชุมเสร็จใครจะอยู่ใครจะไป ทุกท่านเลือกเอง” หลงไซ้หนานเห็นว่าทุกคนมากันอย่างพร้อมหน้าแล้วจึงพูดเข้าประเด็นในทันที “ลำดับแรก ข้าตัดสินใจว่าจะทำตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิมๆ ก่อตั้งค่ายอยู่ที่นี่โดยมีกองกำลังระดับหัวกะทิหน่วยหนึ่งเฝ้ารักษาการณ์อยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ผู้ที่เข้าร่วมงานประลองทั้งหมดสามารถอยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝน รักษาอาการาเ็หรือแม้กระทั่งพักผ่อน! แต่แน่นอนว่าหลังจากวันนี้ไปอาหารการกินต่างๆ ต้องดูแลตัวเอง หากจะหยุดพักอยู่ที่นี่จนกระทั่งสิ้นสุดงานประลองก็ย่อมได้ แต่ว่าถ้าหากมีศัตรูบุกโจมตีเข้ามาทุกท่านที่พักอยู่ที่นี่จำเป็จะต้องออกมาช่วยกันต่อสู้รับศึกด้วย”
“เห็นด้วย!”
“เห็นด้วย!”
.................................
ข้อเสนอแรกของการประชุมต่างได้รับการเห็นชอบจากตัวแทนที่เข้าร่วมประชุมทุกคน งานประลองาระหว่างเขตปกครองที่ผ่านๆ มาล้วนมีการก่อต้องค่ายใหญ่ชั่วคราวขึ้นเพื่อเป็สถานที่พักให้ผู้ที่เหน็ดเหนื่อยและาเ็จากการต่อสู้ได้หลบมาพักอาศัย รวมไปถึงผู้ที่ไม่้าที่จะออกไปสู้รบก็สามารถพักอยู่ภายในค่ายได้
ในสถานการณ์ปกติไม่มีศัตรูใดที่จะยอมเสี่ยงฝ่าอันตรายต่างๆ มากมายเพื่อที่จะบุกมาโจมตีถึงยังที่ตั้งค่ายที่พัก ดังนั้นแม้ว่าค่ายที่พักชั่วคราวจะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็สถานที่ปลอดภัยถึงที่สุด แต่ก็ยังถือว่าเป็สถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุดเช่นกัน เมื่ออยู่ในเกาะแห่งความมืดมิดที่รายล้อมไปด้วยอันตรายอยู่ทุกหย่อมหญ้าเช่นนี้ และตอนนี้กองกำลังจากเมืองัเสนอตัวแบกรับภาระนี้ไว้ แน่นอนว่าทุกคนย่อมต้องยินดีและดีใจอย่างที่สุด
“ข้อที่สอง คิดว่าหลายคนคงรู้จักกับภูมิประเทศของเกาะแห่งความมืดมิดนี้ดี แต่ก็ยังคงมีหลายคนที่ยังไม่เคยได้รู้จักมาก่อน ข้าจะพูดแนะนำอย่างง่ายๆ ให้เข้าใจก็แล้วกัน เกาะแห่งความมืดมิดมีลักษณะเป็รูปสามเหลี่ยม ที่เราอยู่ตอนนี้คือมุมทางด้านทิศใต้ของเกาะ ส่วนอีกสองมุมที่เหลือคือค่ายที่พักชั่วคราวของพวกปีศาจกับพวกคนเถื่อน”
“ทุกคนดูที่ราบรูปวงกลมที่อยู่ตรงกลาง ที่นั่นคือสนามรบสำหรับไว้สู้รบศึกตัดสินสุดท้าย ส่วนเขตรอบนอกของทุ่งราบทรงกลมนั้นคือสถานที่สำหรับต่อสู้เข่นฆ่ากันของพวกระดับหัวกะทิอย่างพวกเรา เขตแดนรอบนอกนี้ชื่อว่า...ป่ามายาพิศวง”
“หากตัดมุมทั้งสามของเกาะทิ้งไป เกาะแห่งความมืดมิดก็ไม่ต่างจากขนมปังรูปทรงกลมแบน ใจกลางมีรูเล็กๆ อยู่ซึ่งก็คือสนามรบสำหรับต่อสู้ตัดสิน นอกนั้นรอบๆ ล้วนเป็ป่ามายาพิศวง ซึ่งป่ามายาพิศวงนี้จะเป็สนามรบของพวกเราตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ ในป่ามีสมบัติล้ำค่า มีมารอสูร มีศัตรู แต่ที่มีมากที่สุดคือค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนขนาดเล็กที่กระจายอยู่ทั่วทุกที่”
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนขนาดเล็กเหล่านี้เวลาปกติจะไม่สามารถมองเห็นได้ หากมีผู้ไปััโดนเข้าจะถูกมันเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ ภายในป่ามายาพิศวงแบบสุ่ม ดังนั้นทุกคนจะต้องระวังเป็อย่างมากเมื่อจะออกสำรวจไปยังสถานที่ใหม่ หาไม่แล้วละก็ดวงซวยถูกมันส่งไปตกยังกลางกองกำลังระดับหัวกะทิของเผ่าปีศาจหรือเผ่าคนเถื่อน ถ้าเป็อย่างนั้นต้องตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ยังมีมารอสูรที่อยู่ในป่าหากพบเจอต้องระวังให้มาก มารอสูรที่นี่ระดับต่ำสุดคือระดับสี่ สูงสุดถึงระดับแปดซึ่งสามารถสังหารใครก็ได้ที่อยู่บนเกาะภายในพริบตา แน่นอนว่าสิ่งที่อยู่ข้างกายของมารอสูรเ่าั้ครึ่งหนึ่งคือสมบัติล้ำค่าต่างๆ แต่จะมีโอกาสได้หรือไม่นั้นแน่นอนว่าล้วนขึ้นอยู่กับวาสนาและโชคชะตาของแต่ละคน!”
“ข้าขอเตือนทุกท่านด้วยความหวังดี ก่อนอื่นต้องรักษาชีวิตให้รอดก่อน พวกเ้าในที่นี้หลายคนคงอยากที่จะอาศัยโอกาสในงานประลองครั้งนี้ฆ่าศัตรูเก็บสะสมแต้มเพื่อแลกเปลี่ยนทรัพย์สมบัติและของล้ำค่าต่างๆ หรือกระทั่งยศตำแหน่งจ้าวเมืองอะไรพวกนี้ แต่ถ้าหากชีวิตไม่เหลือแล้วละก็ทั้งหมดล้วนมลายกลายเป็หมอกควัน! หวังว่าทุกท่านจะโชคดีสมดังใจปรารถนาที่ตั้งใจไว้!”
คำพูดของหลงไซ้หนานทำให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมได้รับประโยชน์มากมาย และลดทอนจิตใจที่เร่าร้อนของหลายๆ คนลง งานประลองาระหว่างเขตปกครองของผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิที่หกสิบปีจะเวียนมาครั้งหนึ่ง หลายคนต่างมุ่งหวังที่จะใช้โอกาสนี้สังหารเข่นฆ่าศัตรูเพื่อเก็บสะสมแต้มนำไปแลกสิ่งของมีค่า สาวงาม ตำแหน่งจ้าวเมืองห้าร้อยเมืองเล็ก ตำแหน่งจ้าวเมืองแห่งหนึ่งร้อยเมืองใหญ่ แต่ด้วยคำพูดของหลงไซ้หนานทำให้พวกเขาเข้าใจสภาพของความเป็จริงได้เป็อย่างดีว่า เมื่อไม่มีชีวิตแล้วก็ไม่ต้องคิดเพ้อฝันถึงสิ่งใดๆ อีก...
ป่ามายาพิศวง!
เย่ชิงหานพิจารณาแผนที่โดยละเอียดอีกครั้ง แผนที่ดังกล่าวเขาเคยได้เห็นมาแล้วก่อนหน้านี้ และได้ทำความเข้าใจกับสถานที่สำคัญต่างๆ ภายในที่แอบแฝงไปด้วยอันตรายและสมบัติล้ำค่าต่างๆ ด้วยเช่นกัน
ป่ากว้างใหญ่เป็อย่างมาก ถ้าหากให้เขาเร่งเดินทางจากทิศใต้ขึ้นไปยังสุดเขตแดนของทางทิศเหนือคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน อีกทั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนขนาดเล็กจะสับเปลี่ยนตำแหน่งทุกครั้งที่เริ่มงานประลองแต่ละครั้ง และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นมารอสูรระดับสูงก็จะสับเปลี่ยนตำแหน่งที่อยู่ด้วยทุกครั้ง หรือบางทีก็ถูกเคลื่อนย้ายเข้ามาทดแทนยังบริเวณที่มารอสูรถูกฆ่าไปในงานประลองครั้งก่อนหน้า ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีตระกูลหรือขุมกำลังใดจะสามารถล่วงรู้ตำแหน่งที่ตั้งของค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนและมารอสูรระดับสูงได้ก่อนหน้าที่จะเริ่มงานประลอง
หลังจากที่เสร็จสิ้นการประชุมทุกคนต่างทยอยกลับยังที่พักของตน ต่างเริ่มดำเนินการจัดเตรียมเสบียงอาหารและน้ำดื่มเพื่อทำการออกเดินทาง เมื่อถึงเวลาบ่ายเริ่มมีกองกำลังขนาดเล็กทยอยเดินทางออกจากค่ายที่พักชั่วคราว ข้ามธารน้ำขนาดเล็กมุดหายเข้าไปในป่ามายาพิศวง
ผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิทั้งหนึ่งหมื่นคนส่วนมากจะเป็การรวมตัวของตระกูลต่างๆ ที่อยู่ภายในเขตปกครองเทพา ภายนอกทั้งหมดล้วนขึ้นตรงต่อของห้าตระกูลใหญ่และเมืองัทั้งหกขุมกำลังหลัก นอกจากกองกำลังจริงๆ ของตระกูลตนเองแล้วที่เหลือล้วนเป็การเข้ามาพึ่งพิงแค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งเมื่อมาถึงเกาะแห่งความมืดมิดแล้วต่างคนจึงต่างแยกย้ายกันไป
เป้าหมายสำคัญของผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิทั้งหลายที่มาเข้าร่วมงานประลองล้วนหวังที่จะสังหารศัตรูเก็บสะสมคะแนน เสี่ยงภัยเพื่อเสาะหาสมบัติ! ถ้าจะให้เดินตามก้นของเหล่าขุมกำลังใหญ่ทั้งหลาย เมื่อเผชิญกับอันตรายให้พวกเขาออกหน้าสู้รบ แต่เมื่อได้รับสมบัติล้ำค่าต่างๆ พวกเขากลับไม่มีส่วนแบ่ง แน่นอนว่าที่ผ่านมาล้วนไม่มีคนโง่และไม่มีใครยอมทำเื่ที่โง่เขลาเช่นนี้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เมื่อพวกเขามาถึงยังเกาะแห่งความมืดมิด หากไม่รวมกลุ่มกันออกไปก็ออกไปโดยลำพังบ้างก็มี ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นตลอดทุกครั้งที่มีงานประลองและเหล่าขุมกำลังหลักทั้งหลายก็ไม่ได้โทษหรือตำหนิพวกเขาแต่อย่างใด เพราะทุกคนล้วนเอาชีวิตเป็เดิมพัน และอีกอย่างภายในป่ามายาพิศวงไม่เหมาะที่จะเดินทางรวมกันเป็กลุ่มใหญ่ อาจจะตกเป็เป้าหมายของการถูกโจมตีได้ง่าย อีกทั้งภูมิประเทศก็ยังไม่เอื้ออำนวย เดินอยู่ดีๆ คนจำนวนครึ่งหนึ่งถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนเคลื่อนย้ายส่งไปยังที่ต่างๆ บ้างก็มี...
เย่อีกับพวกเย่ซานหลังจากที่เตรียมพร้อมเสร็จจึงออกเดินทางไปพร้อมกับกองกำลังจำนวนสี่ร้อยคนเข้าไปยังภายในป่ามายาพิศวง เย่ชิงหานและเย่ชิงอู่ทำเพียงมองดูพวกเขาอยู่ไกลๆ ไม่ได้เข้าไปกล่าวอำลาหรือใดๆ ออกมา ภายนอกฐานะของพวกเขาเป็แค่กองกำลังของสองตระกูลจากสองเมืองเล็กที่รวมตัวกัน แต่ความจริงแล้วพวกเขาล้วนเป็นักรบผู้ไม่กลัวตายแห่งตระกูลเย่ที่ได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติการภารกิจลับในครั้งนี้...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้