องค์หญิงหลานซินเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้และฮองเฮามิใช่ย่ำแย่หรอกหรือ หาไม่แล้วคงไม่ส่งตัวนางเข้าไปในตำหนักเย็น แต่เหตุใดจึงยอมรับฟังคำพูดของนาง
หากเป็เช่นนี้ นางยิ่งไม่มีโอกาสขอร้องแทนโจวหมัวมัวแล้ว เพราะนางต่อต้านและสงสัยในตัวฮองเฮา นั่นเท่ากับต่อต้านและสงสัยในตัวฮ่องเต้ด้วย
ปฏิกิริยาของเซวียนหยวนเช่อทำให้เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงันเล็กๆ เช่นกัน นางไม่ละโมบ นางคาดหวังเพียงแค่เขาอย่าลำเอียงเข้าข้างองค์หญิงหลานซินก็พอ แต่คิดไม่ถึงเขายังคงลำเอียง แต่ที่เขาเอนเอียงไปนั้นไม่ใช่องค์หญิงหลานซิน แต่เป็นาง!
มีคำพูดเหล่านี้ของเขาเป็หลักประกัน นางย่อมไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีกต่อไป คิดจะจัดการพวกนางอย่างไรก็จัดการอย่างนั้น!
นางไม่ได้ตัดสินบทลงโทษในทันที แต่หันไปถามจื่อซูก่อน “จื่อซู เ้าพูดมา เปิ่นกงควรลงโทษพวกนางอย่างไร เ้าพูดออกมาได้เลย การตัดสินใจของเ้าก็คือการตัดสินใจของเปิ่นกง”
ครั้งนี้จื่อซูได้รับเคราะห์หนักเช่นนี้ เฟิ่งเฉี่ยนจะต้องช่วยนางระบายความคับแค้นใจครั้งนี้ให้ได้!
จื่อซูเงยหน้าขึ้นมองโจวหมัวมัวและฮูหยินรอง ใบหน้าซีดเผือดนั้นมีเม็ดเหงื่อละเอียดเต็มไปหมด แค่คิดก็รู้ว่าาแบนร่างของนางทำให้นางต้องได้รับความเ็ปเพียงใด
โจวหมัวมัวและฮูหยินรองล้วนมองนางด้วยความตื่นตระหนก ราวกับนั่งอยู่บนพรมเข็มก็ไม่ปาน
“จื่อซู เ้าพูดออกมาได้เลย ้าลงโทษพวกนางอย่างไรก็ลงโทษพวกนางอย่างนั้น” เฟิ่งเฉี่ยนเกรงว่านางจะห่วงหน้าพะวงหลัง จึงเอ่ยวาจาให้กำลังใจ
จื่อซูขบริมฝีปากพูดเสียงเบา “เหนียงเหนียง สามารถเห็นท่านกลับมาอย่างปลอดภัยได้ บ่าวก็วางใจแล้วเพคะ าแเล็กน้อยบนตัวของบ่าวไม่มีอะไรหนักหนา ท่านไม่ต้องปวดใจแทนบ่าวเพคะ”
พูดแล้วนางก็พยายามยิ้มออกมา ยิ่งทำให้เฟิ่งเฉี่ยนเห็นแล้วปวดใจยิ่งกว่าเดิม
เด็กโง่คนนี้ล้วนถูกผู้อื่นรังแกจนมีสภาพเช่นนี้แล้ว ยังจะคอยคิดแทนนางอีก จื่อซูไม่ปรารถนาให้นางสร้างศัตรูไปทั่ว
น่าเสียดายที่นางยังไม่กระจ่างแจ้งว่าสำหรับคนที่มีใจคิดร้ายต่อเ้า เ้าใจดีมีเมตตาเท่าใด พวกเขาก็จะยิ่งกำเริบเสิบสานเท่านั้น มิใช่ว่าเ้าถอยให้ก้าวหนึ่ง พวกเขาก็จะยอมรามือ
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า มองนางด้วยสายตาปลอบประโลม จากนั้นจึงหันมามองฮูหยินรองและโจวหมัวมัว “จื่อซูนางเป็คนจิตใจดี ไม่ยินดีที่จะถือสาพวกเ้า ข้าเคารพการตัดสินใจของนาง”
ฮูหยินรองและโจวหมัวมัวได้ยินเช่นนั้นพลันพรูลมหายใจโล่งอก ทว่าลมหายใจเฮือกนี้ยังไม่ทันพรูออกมาทั้งหมด หัวใจของพวกนางก็ต้องกระเด็นกระดอนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“ทว่า เปิ่นกงเป็ผู้ตราประทับหงส์ เป็ประมุขของตำหนักใน หากไม่อาจสร้างความเป็ธรรมเช่น ทำผิดต้องลงโทษ สร้างความชอบต้องให้รางวัล วันหน้าจะปกครองคนอย่างไร ดังนั้น บทลงโทษของพวกเ้ายังคงไม่อาจละเว้นอยู่นั่นเอง” เฟิ่งเฉี่ยนพูดเนิบๆ
ชิ!
พูดมาตั้งนาน นาง้าลงโทษนั่นเอง!
ฮูหยินรองและโจวหมัวมัวลนลานทันที ไม่รู้ว่ามีอะไรรอคอยพวกนางอยู่ ความหวาดกลัวที่เกิดจากความไม่รู้ต่างหากเล่าที่ทรมานจิตใจคนที่สุด
ดวงตาเ็าของเฟิ่งเฉี่ยนกวาดผ่านคนทั้งสองเรียบๆ ริมฝีปากยกยิ้มเล็กน้อย “แต่พวกเ้าวางใจได้ เปิ่นกงมีเมตตามาโดยตลอด ไม่สังหารพวกเ้าหรอก”
นางพูดไปพร้อมกับเดินไปที่เก้าอี้ยาวแล้วโน้มตัวลงไปหยิบไม้กระบองขึ้นมา “ควรใช้ทัณฑ์ทรมานวิธีใดดีนะ”
ฮูหยินรองและโจวหมัวมัวเห็นเช่นนั้นต่างสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง หรือนางจะให้พวกนางรับโทษโบย
เฟิ่งเฉี่ยนพลันปล่อยมือ ไม้กระบองตกลงบนพื้นดังกลุกๆ “แบบนี้ไม่ได้! โจวหมัวมัวอายุมากแล้ว เกรงว่าร่างกายคงรับไม่ไหว”
โจวหมัวมัวมีสีหน้าปกติทว่าในใจลอบโล่งอก แม้นางจะมีวรยุทธ์ขั้นสูง แต่ร่างกายของนางชราภาพแล้วจริงๆ เกรงว่าโบยไม่ถึงสิบไม้ก็ทนไม่ไหว
เฟิ่งเฉี่ยนเดินไปหยุดข้างกายฮูหยินรอง นางยื่นมือไปหยิบแส้หนังในมือฮูหยินรองมาตวัดเล่นพร้อมกล่าวว่า “แส้หนังเส้นนี้ของฮูหยินรองไม่เลวเลยทีเดียว ถักได้แน่นมาก”
นางออกแรงตวัด แส้หนังกระทบกับฝ่ามือนางดังพ่าบๆ
ฮูหยินรองได้ยินแล้วตัวสั่นงันงก นางคุกเข่าลงบนพื้น “ฮองเฮาเพคะ แม่รองอายุมากแล้ว สุขภาพย่ำแย่ลงเรื่อยๆ พระองค์โปรดละเว้นแม่รองครั้งนี้เถิด แม่รองไม่กล้าอีกแล้ว”
เฟิ่งเฉี่ยนยกยิ้มมุมปาก “แม่รองพูดมาก็ถูก เอาแส้หนังของท่านมาเฆี่ยนตีท่าน ช่างเป็การดูิ่ท่านโดยแท้ ในฐานะผู้น้อย ข้าจะไม่ทำเื่เช่นนี้ออกมาโดยเด็ดขาด”
ฮูหยินรองพยักหน้าหงึกๆ นางซาบซึ้งใจจนน้ำตาแทบไหลอยู่แล้ว
น้ำเสียงของเฟิ่งเฉี่ยนเปลี่ยนไปในตอนนี้เอง “แต่หากไม่ลงโทษ เปิ่นกงก็ไม่อาจยอมรับได้ ดังนั้น หลังจากเปิ่นกงได้ใคร่ครวญพิจารณาเป็อย่างดีแล้ว เปิ่นกงตัดสินใจ ลงโทษพวกเ้า...”
นางจงใจลากเสียงให้ยาวเป็พิเศษ เพื่อให้หัวใจของฮูหยินรองและโจวหมัวมัวถูกแขวนให้สูงขึ้น ตุบๆๆ กระทั่งถูกแขวนอยู่ในที่สูงที่สุด นางจึงพูดเนิบๆ ว่า “ตบหน้าซึ่งกันและกันหนึ่งร้อยครั้ง!”
ภายในระยะเวลาสั้นๆ หัวใจของฮูหยินรองและโจวหมัวมัวราวกับนั่งรถข้ามูเาอย่างไรอย่างนั้น ประเดี๋ยวขึ้นประเดี๋ยวลง ประเดี๋ยวสูงประเดี๋ยวต่ำ คิดว่าในที่สุดก็ได้ลงมาแล้ว ใครเลยจะรู้ว่าจะมีกับดักรออยู่ ตกลงไปทีเดียวเป็พันจั้ง
“อะไรนะ นี่ไม่เหมาะสมกระมัง” องค์หญิงหลานซินหลุดปากทันที การกระทำของฮองเฮาไหนเลยจะ้าให้คนทั้งสองตบหน้าซึ่งกันและกัน ชัดเจนเหลือเกินว่า้าตบหน้านางผ่านการตบหน้าโจวหมัวมัว
นางยินดีให้ลงโทษโบยหรือเฆี่ยนด้วยแส้จะดีกว่า!
อย่างน้อยๆ ก็ยังมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง
ฮูหยินรองและโจวหมัวมัวโง่งมไปเลยทีเดียว พวกนางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า สุดท้ายบทลงโทษจะกลายเป็เช่นนี้
เซวียนหยวนเช่อที่ยืนดูอยู่ด้านข้างรู้นานแล้วว่านางเป็คนซุกซน ต่อให้เป็เื่เล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องเอาคืน ไม่มีทางปล่อยคนทั้งสองไปง่ายดายเช่นนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะขบคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่านางจะใช้วิธีนี้
วิธีการนี้เหี้ยมโหดกว่าการถูกโบยและถูกเฆี่ยนตามร่างกายเสียอีก อย่างมากก็เป็ร่างกาย แต่การตบหน้ากลับต่างออกไป ที่ทรมานมิใช่เพียงร่างกาย ยังมีศักดิ์ศรีและเกียรติของคน!
นี่มิใช่จุดที่นางเฉลียวฉลาดที่สุดหรือ เื่ที่นางฉลาดเฉลียวที่สุดคือ นางให้ฮูหยินรองและโจวหมัวมัวตบหน้าซึ่งกันและกัน จุดประสงค์นอกจากอบรมสั่งสอนคนทั้งสองแล้ว ยังเป็การบ่อนทำลายคู่ต่อสู้ ตรองดูว่าคนที่เคยตบหน้าซึ่งกันและกัน ยังเป็ไปได้อีกหรือไม่ที่จะร่วมมือกัน
เฟิ่งซินเหยาตะลึงงันไปอึดใจหนึ่งแล้วจึงรีบกล่าว “พี่สาว ทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
เฟิ่งเฉี่ยนแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ทำเช่นนี้ไม่ได้หรือ หากเ้าปวดใจแทนมารดาเ้าจริงๆ ไม่สู้เ้ามารับโทษแทนนาง”
เฟิ่งซินเหยาไม่พูดไม่จาทันที หากเปลี่ยนเป็วันอื่นๆ นางอาจจะช่วยมารดารับโทษ แต่เป็วันนี้ มีพี่เขยอยู่ด้านข้าง หากใบหน้านี้ของนางถูกตบตีจนบวมเป่ง พี่เขยจะมองนางอย่างไร
แต่ที่นางไม่ได้ไตร่ตรองให้แจ่มแจ้งก็คือ หากวันนี้นางรับโทษแทนมารดาของนางจริงๆ บางทีเซวียนหยวนเช่ออาจมองนางสูงขึ้นอีกสักหน่อย น่าเสียดายที่นางไม่ได้ทำ สตรีนางหนึ่งที่ไม่มีใจกตัญญู ในสายตาของเซวียนหยวนเช่อเป็เพียงภาพลักษณ์ที่ย่ำแย่ลง
น่าเสียดาย ด้วยสติปัญญาและความรู้สึกของเฟิ่งซินเหยา นางไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรแม้แต่น้อย
ฮูหยินรองเห็นบุตรสาวของตนถอยร่น ในใจพลันรู้สึกผิดหวัง ดูท่าแล้วนางคงหนีไม่พ้นการถูกลงโทษในวันนี้
“ยังตะลึงอะไรกันอยู่อีก เริ่มเลยเถิด!” เฟิ่งเฉี่ยนเอ่ยเร่ง
ฮูหยินรองและโจวหมัวมัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ทั้งสองคนต่างจ้องมองอีกฝ่าย แต่ไม่มีใครเคลื่อนไหว
เฟิ่งเฉี่ยนแค่นเสียงดังฮึ “ยืนห่างกันเช่นนั้นจะตบถูกหรือ พวกเ้าจะเดินเข้ามาเอง หรือให้ข้าส่งคนไปลากตัวพวกเ้ามา”
ลั่วหยิ่งโบกมือ องครักษ์สองคนมุ่งหน้าไปทางคนทั้งสอง คนทั้งสองตกตะลึง
“บ่าวเดินไปเองเพคะ”
“หม่อมฉันเดินไปเองเพคะ”
คนทั้งสองล้มลุกคลุกคลานมาถึงเบื้องหน้าเฟิ่งเฉี่ยน ทั้งคู่คุกเข่าลงเผชิญหน้ากัน เ้ามองข้า ข้ามองเ้า ไม่มีผู้ใดลงมือก่อน
