เมื่อนึกถึงเื่ที่ท่านหมอหวังบอกว่าบนตัวของเฉินเหยียนมีโรคแฝงอยู่ หลิ่วจิ้งคิดสักพักจึงเอ่ยว่า “ร่างกายของเ้า เ้าย่อมรู้ดีที่สุดท่านหมอหวังบอกว่ายาที่จัดให้เพียงช่วยขจัดหนอนบนตัวและรักษาาแภายนอกให้เ้าได้เท่านั้นแต่อาการเจ็บป่วยภายในร่างกายเ้าเขาก็ทำได้แค่สอบถามดู ไม่อาจรักษาได้มากกว่านี้เ้าอาจจะมีหนทางซึ่งสามารถรักษาที่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยนี้ได้”
หลิ่วจิ้งรู้สึกสงสารกับสิ่งที่เฉินเหยียนพบพานมาและอยากยื่นมือเข้าช่วยเหลือเขา
ดวงตาของเฉินเหยียนเป็ประกายวิบวับสายตาเขามองข้ามตัวหลิ่วจิ้งไปไกล พักใหญ่เขาจึงเอ่ยว่า “ไม่เป็อันใดขอบคุณฮูหยินที่เป็ห่วง นั่นเป็โรคที่สืบทอดกันมาในครอบครัวเมื่อถึงเวลาก็จะหายได้เอง”
หลิ่วจิ้งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่คิดจะบีบเค้นเขาในเมื่อเขาบอกมาเช่นนี้ก็คงจะมีเื่ลับบางอย่างที่ไม่้าให้ผู้อื่นรู้ เช่นเดียวกับที่นางมีเมื่อถึงเวลานางก็จะให้เขาได้รู้ ซึ่งตัวนางเองก็เฝ้าคอยเช่นกันอยากรู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดเฉินเหยียนจึงจะยอมเปิดใจให้นาง
“ข้ารู้จักหมอผู้หนึ่ง แม้จะบอกว่าได้พบกันด้วยวาสนาเพียงครั้งแต่ข้าเชื่อใจเขา หากวันใดเ้าคิดตกแล้วอยากเข้าใจว่าโรคภายในตัวเ้าเป็เช่นใดก็ให้บอกข้า ข้าจะพาเ้าไปให้เขาช่วยตรวจดู”
ภาพของหลานตงพลันปรากฏขึ้นในหัวสมองของหลิ่วจิ้งผู้ที่สามารถมอบเงินหนึ่งพันตำลึงทองแก่นาง นางย่อมเชื่อในนิสัยใจคอของเขา
เฉินเหยียนพยักหน้าให้หลิ่วจิ้งด้วยความซาบซึ้งเขามองออกว่าฮูหยินอยากช่วยเขาด้วยใจจริง
“คืนวาน อวี้จิ่นคงจะส่งเสื้อผ้ามาให้เ้าผลัดเปลี่ยนแล้วเหตุใดเ้ายังคงสวมเสื้อผ้าที่เ้าใส่ตอนมาอยู่” หลิ่วจิ้งไม่เข้าใจเมื่อเห็นเฉินเหยียนยังคงใส่เสื้อผ้าขาดๆ ที่เขาใส่เมื่อตอนมาถึง
“เื่นี้” เฉินเหยียนลังเลครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ขอบคุณฮูหยินที่เป็ห่วงเพียงแต่เสื้อผ้าเ่าั้หรูหรามีราคาเกินไปไม่เหมาะกับคนที่มีฐานะต่ำต้อยเลยจริงๆ”
เมื่อคืนเขาอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ เขาจำไม่ได้แล้วว่าก่อนนี้ตนเคยสวมเสื้อผ้าอย่างไรเพราะตัวเขามีหนอนออกมามากมายมาเป็เวลานาน แล้วจะมีเสื้อผ้าผลัดเปลี่ยนได้อย่างไร
เขายังคงเจียมเนื้อเจียมตัวแม้จะบอกว่าเขายังไม่รู้ว่าฮูหยินช่วยเขาเพราะสาเหตุใดแต่ก็รู้ว่าจะต้องไม่ได้ช่วยเขากลับมาเลี้ยงดูเป็คุณชายแน่นอนเสื้อผ้าที่คู่ควรให้เฉพาะคนที่เป็เ้านายสวมใส่ ต่อให้อยากใส่เพียงใดเขาก็ไม่กล้าจึงทำได้แต่สวมเสื้อผ้าเก่าที่ติดตัวมา
“เฮ้อ เป็ข้าละเลยเอง” หลิ่วจิ้งก็ไม่ได้คิดถึงเหตุผลข้อนี้มาก่อนนางจะมีเสื้อผ้าของเด็กรับใช้ได้อย่างไรกลับเป็เสื้อผ้าของหั่วอี้ที่มีมากมายจนใส่ไม่หมด จนแม้แต่ตัวหั่วอี้เองก็ยังไม่รู้ว่าเขามีเสื้อผ้าอยู่มากเท่าใดคิดว่าเดิมทีคงเป็ฮูหยินใหญ่เตรียมให้เขากระมังหลิ่วจิ้งจึงหยิบมาเรื่อยเปื่อยสองชุดแล้วให้อวี้จิ่นนำมามอบให้เฉินเหยียน ยามนี้นางจึงเพิ่งพบว่าตนเองทำการไม่เหมาะอย่างยิ่ง
“อีกประเดี๋ยวข้าจะให้คนมาวัดตัวเ้า จะได้ตัดเสื้อผ้าให้เ้าสักสองสามชุด”หลิ่วจิ้งพูดพลางสังเกตเห็นท่าทีจะปฏิเสธของเฉินเหยียน นางไม่ให้โอกาสเขาพูดและเอ่ยต่อไปว่า“เ้าไม่ต้องเกรงใจข้า เงินทองไม่ใช่ปัญหา หากข้าจนปัญญาข้าก็จะไม่ขืนออกหน้า ขอเพียงมีใจภักดีต่อข้าก็เท่ากับทดแทนเงินทองเล็กน้อยที่ข้าจ่ายไปนี้แล้ว”
เฉินเหยียนกลืนคำพูดที่เขาคิดจะบอกปฏิเสธกลับไปตัวเขาเองก็ไม่มีความสามารถใดจะตอบแทนได้เช่นนั้นก็ให้เป็ตามคำของฮูหยินก็แล้วกันเขาจะใช้ความภักดีตอบแทนบุญคุณที่ฮูหยินช่วยเหลือเขา
หลิ่วจิ้งและเฉินเหยียนสนทนากันอยู่เช่นนี้นับว่าไม่ใช่เวลาสั้นๆแล้ว แต่กลับไม่เห็นว่าอิ๋งเหอกลับไปแล้วจะมีอวี้จิ่นมาเปลี่ยนจะมีเื่ใดที่ทำให้สาวใช้ข้างกายทั้งสองไม่มาดูแลรับใช้นางกันนะหลิ่วจิ้งเกิดลางไม่ดี หลังจากสั่งความเื่ที่ต้องระมัดระวังกับเฉินเหยียนแล้วนางก็ลุกขึ้นและเดินกลับไป
เฉินเหยียนได้แต่ส่งหลิ่วจิ้งจากไปด้วยสายตา ไม่ได้ออกไปส่งเพราะเขารู้ดีว่าด้วยฐานะของเขาแล้วอย่างไรเสียก็อย่าได้เข้าไปใกล้หลิ่วจิ้งให้มากนักเป็ดีวันแรกที่เขาได้พบกับหั่วอี้ก็มองเห็นความไม่พอใจในสายตาของอีกฝ่ายแล้วจึงคิดว่าอย่าไปท้าทายต่อความน่าเกรงขามของหั่วอี้จะดีกว่า
ขามาหลิ่วจิ้งเดินไปชมไป กลับไม่รู้สึกว่าทางที่มาไกลนักแต่ขากลับเป็เพราะมีเื่ในใจจึงรู้สึกว่าหนทางช่างยาวไกลเหลือเกินเดินมาตั้งนานแล้วกลับยังไม่ถึงเสียที
หลิ่วจิ้งเพิ่งจะเดินพ้นต้นอู๋ถงมาไม่ไกลก็มองเห็นอิ๋งเหอวิ่งเหยาะๆ มาทางนี้อย่างร้อนรน เห็นท่าทางร้อนใจของอิ๋งเหอหลิ่วจิ้งพลันกังวลขึ้นมาทันใด ไม่เข้าทีแล้ว จะต้องเกิดเื่ใดขึ้นเป็แน่
“ฮูหยิน ฮูหยินเ้าคะ ท่านรีบไปช่วยอวี้จิ่นเร็วเ้าค่ะนางถูกป้าจ้าวตบเอาเ้าค่ะ” อิ๋งเหอมองเห็นหลิ่วจิ้งมาแต่ไกลก็ร้องไห้โฮออกมาทันที
อิ๋งเหอร่ำไห้เช่นนี้ ทำให้หลิ่วจิ้งยิ่งกังวลใจ “อย่าร้องเลิกร้องไห้ได้แล้ว เกิดเื่ใด รีบบอกมา อวี้จิ่นเป็อะไร?”
หลิ่วจิ้งร้อนใจดั่งไฟสุม อิ๋งเหอร้องไห้ก็ยิ่งพูดไม่ชัดเจน ติดๆขัดๆ กว่าจะสนทนากันรู้เื่
เดิมทีเพราะอวี้จิ่นเห็นาแบนตัวเฉินเหยียนเมื่อวานจึงรู้สึกสงสารเขานักคิดว่าคงเป็ห่วงว่าอาหารที่เด็กรับใช้นำไปส่งจะแห้งหยาบเกินไปจึงอยากต้มโจ๊กข้าวฟ่างฟักทองให้เขาชามหนึ่ง
นึกไม่ถึงว่าพอต้มโจ๊กเสร็จป้าจ้าวมาหาอาหารที่ทำเสร็จแล้วในห้องครัวพอดี เมื่อเช้านางตื่นสายยังไม่ได้ทานข้าวเช้าก็ต้องไปปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่าแล้วจนฮูหยินผู้เฒ่าทานอาหารเสร็จไม่นานก็รู้สึกง่วงและเข้าห้องไปนอนพักสายตานางจึงมีเวลามาหาของกินที่ห้องครัว
แล้วนางก็ดันมาหมายตาโจ๊กข้าวฟ่างฟักทองที่อวี้จิ่นต้มเสียนี่จึงยกไปกินและถูกอวี้จิ่นมาพบเข้า
อวี้จิ่นย่อมไม่ยอมให้นางกินด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงถกเถียงกันขึ้นมาป้าจ้าวถือว่าตนเองเป็คนข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่ารวมทั้งนางรู้มาจากทางฮูหยินผู้เฒ่าว่าหากนางจ้าวคลอดลูกชายคนแรกให้หั่วอี้ได้หั่วอี้ก็จะยกนางจ้าวให้เป็เอก
เมื่อเป็ดังนี้ นางจึงไม่ได้เห็นหลิ่วจิ้งอยู่ในสายตานั่นเพราะเมื่อนางจ้าวถูกยกเป็ฮูหยินเอก หลิ่วจิ้งเข้าจวนมาหลังอาหนูเช่นนั้นก็ต้องลดขั้นเป็ฮูหยินสามได้เท่านั้นสำหรับนางแล้วหลิ่วจิ้งจึงไม่อาจมีอำนาจคุกคามใดๆ ต่อนาง นางย่อมไม่จำเป็ต้องเคารพหลิ่วจิ้งอีกต่อไปกับอวี้จิ่นจึงยิ่งไม่ต้องเห็นหัว แล้วนางจะปล่อยให้อวี้จิ่นไม่ไว้หน้านางซ้ำยังมาตำหนิว่าไม่ควรกินโจ๊กที่อีกฝ่ายทำได้อย่างไร ว่าแล้วจึงเข้าไปตบหน้าอวี้จิ่นฉาดหนึ่ง
อวี้จิ่นไม่ทันได้ตั้งตัวใดๆ จึงถูกป้าจ้าวตบจนล้มลงกับพื้นยังไม่พอ ป้าจ้าวยังต่อว่าอวี้จิ่นอย่างหนักว่า “โจ๊กฟักทองนี่ถูกน้ำลายข้าแล้วคิดว่าอวี้จิ่นเ้าเองก็คงไม่อยากกินน้ำลายข้าหรอกกระมังอย่างไรข้าก็ไม่อยากกินแล้ว เช่นนั้นก็เททิ้งเสียดีกว่า” ป้าจ้าวว่าพลางเอาโจ๊กในมือราดลงบนตัวอวี้จิ่น
ทุกคนในห้องครัวล้วนมองเห็น ทว่าแม้จะโมโหแต่กลับไม่กล้าออกปากอิ๋งเหอเห็นว่าไม่เข้าทีแล้วจึงรีบมาหาหลิ่วจิ้ง
หลิ่วจิ้งเดินไปพลางฟังอิ๋งเหอเล่าไปพลาง ฟังจนนางค่อยๆเดือดดาลขึ้นมา ว่ากันว่าบ่าวมีอำนาจคิดอยู่เหนือนายป้าจ้าวตบอวี้จิ่นก็มิใช่ว่า้าตบให้นางดู หากป้าจ้าวมองเห็นนางซึ่งเป็ฮูหยินอยู่ในสายตาแล้วจะกล้ามาข่มเหงสาวใช้ข้างกายนางได้อย่างไร จะตีสุนัขก็ต้องดูเ้าของสุนัขด้วย
หลิ่วจิ้งเริ่มออกวิ่ง กระโปรงยาวๆ ของนางทำให้วิ่งลำบากนักนางไม่สนใจ รีบวิ่งให้เร็วโดยมีอิ๋งเหอคอยตามมาข้างหลังเงียบๆ
นางตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้อวี้จิ่นให้จงได้าระหว่างนางกับทุกคนในจวนแม่ทัพช้าเร็วก็ต้องปะทุขึ้น ไม่มีทางให้หลบเลี่ยงในเมื่อไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเปิดศึกอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ให้ป้าจ้าวเป็ชนวนเปิดศึกเมื่อถอยร่นอีกไม่ได้ก็ตอบโต้ไปเสียเลย
แม้ตอนนี้นางยังเตรียมตัวไม่พร้อม แต่ศึกครานี้นางจะต้องเข้าสู้และนี่ก็คือเป้าหมายของนางในจวนแม่ทัพแห่งนี้ เป้าหมายนั้นคือฐานะของนางในสายตาของทุกคนในจวนแม่ทัพศึกครานี้นางจะแพ้ไม่ได้
_____________________________
