มิอาจคงรอยจูบไว้นานเกินควรได้
นี่ไม่ใช่จูบแรกของทั้งสอง
แม้แต่จูบแบบดูดดื่มที่เชื่อมริมฝีปากกับลิ้นของทั้งสองก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ทว่าจูบนี้ทำให้พวกเธอหวั่นไหวที่สุด ช่างเป็ความขัดแย้งในตัวเองที่ทั้งเร้าและคลายอารมณ์เหลือเกิน
เมื่อก่อนโจวเฉิงคิดว่าจิตใจของเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทว่าในครั้งนี้เขารู้สึกว่าเขาเพิ่งจับมันได้จริงๆ นิดหน่อย
แค่นิดหน่อย ทำไมไม่ใช่ทั้งหมดน่ะหรือ
เพราะใจของเซี่ยเสี่ยวหลานมีสิ่งอื่นๆ อยู่ในนั้น และเธอก็หวังว่าเขาจะใส่สิ่งอื่นๆ ลงไปได้เช่นกัน เพลิดเพลินกับความสุขในยามอยู่ด้วยกัน และต่างคนต่างจัดการธุระของตนเองให้ดีได้ในยามจากกันชั่วคราว เธอไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรัก แต่เธอเต็มใจที่จะเรียนรู้ว่าควรปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อเป็คนรักที่ดีและได้มาตรฐาน
ไม่ใช่พอละเลยแฟนหนุ่ม ก็ซื้อของเป็กอง ใช้วัตถุมาชดเชย
นั่นไม่ใช่ปัญหาว่าจ่ายเงินเท่าไร
ความสัมพันธ์คู่รักเป็ของคนสองคน ดังนั้นจะให้โจวเฉิงทุ่มเทคนเดียวไม่ได้
โจวเฉิงวิ่งตามเธอมาโดยตลอด ย่อมเกิดความรู้สึกสั่นคลอนเป็ธรรมดา ในบางครั้งโจวเฉิงไม่จำเป็ต้องวิ่ง เพียงรอเธออยู่ที่เดิม ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานพบว่าตัวเองเดินเร็วเกินไป เธอก็สามารถวิ่งกลับมาหาเขาได้
เธอ้าอะไร ก็บอกโจวเฉิงไปตามความจริง อย่างเช่นระหว่างเรียนหัวชิงไม่มีความตั้งใจจะแต่งงาน
ส่วนโจวเฉิง้าอะไร ก็ควรบอกเธอเหมือนกัน
ทั้งสองฝ่ายต้องรับฟังความคิดของอีกฝ่าย แสวงหาจุดยืนร่วมในขณะที่รักษาความแตกต่างระหว่างคนทั้งคู่ หากตกลงกันไม่สำเร็จ สามารถแก้ไขด้วยการถกเถียงได้เช่นกัน
“การถกเถียงนิดๆ หน่อยๆ ก็เป็วิธีสื่อสารเข่นกัน แต่ทำาเย็นไม่ได้นะ! เหมือนคราวนี้ที่เธอไม่ตอบจดหมายของฉัน ฉันนึกว่าเธอไม่มีแม้แต่ช่องว่างสำหรับการต่อรองเสียอีก นึกว่าเธอ้าแต่งงานมีลูกสร้างครอบครัวสุขสันต์ทั้งใจจริงๆ... และยังมีเื่ฝึกทหารด้วย ฉันรู้ว่าเธอระมัดระวังผลกระทบ แต่เธอยอมรับหรือเปล่าว่าเธอกำลังจงใจเ็าต่อฉัน?”
เซี่ยเสี่ยวหลานเคืองโจ๊กชามนั้นน่ะสิ ความขี้เหนียวที่มาในรูปแบบของความยุติธรรมเป็กลางของโจวเฉิงนั้น ตักโจ๊กให้เธอโดยนับเม็ดข้าวได้เลยทีเดียว!
โจวเฉิงหัวเราะไม่ออกเสียง เขาคิดว่าแปลกใหม่และน่ารักยิ่งนัก เสี่ยวหลานกำลังงอนเขาเกี่ยวกับเื่เล็กน้อยแบบนี้ เหมือนที่เคืองเกาเฟยเพราะความหึงหวงจนหยิกเอวเขาอย่างไม่มีเหตุผลในครานั้น
“ฉันกลัวว่าจะส่งผลไม่ดีกับเธอน่ะ ไม่อย่างนั้นคงส่งของกินมาให้เธอตั้งนานแล้ว พรุ่งนี้เป็วันหยุด เธออยากกินอะไร ฉันจะซื้อให้เธอ ตกลงไหม?”
สติสัมปชัญญะบอกโจวเฉิงว่า เขาสนทนากับเซี่ยเสี่ยวหลานนานเกินไปแล้ว
ทว่าในส่วนลึกของหัวใจเขายังคงอยากอยู่กับเสี่ยวหลานอีกสักหน่อย
หนึ่งสัปดาห์ของการฝึกทหารจะมีวันหยุดพักผ่อน ไม่เพียงแต่เปิดโถงอาบน้ำใหญ่ของค่าย ทว่ายังอนุญาตให้นักศึกษาออกนอกค่ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัยหนึ่งวันด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ว่าหยางหย่งหงคงดีใจจนแทบบ้าอย่างแน่นอน เธอมาหาเพื่อนร่วมห้องพักเพื่อปรึกษาหารืออยู่หลายหน คิดว่าตนเองน่าจะถือโอกาสกลับบ้านได้ โดยปกติกองกำลังทหารมักตั้งอยู่ในเขตนอกเมือง กองบัญชาการพลปืนใหญ่ก็เป็เช่นนี้ ออกไปได้ไกลที่สุดถึงตลาดนัดในชุมชนเท่านั้น จะหารถให้หยางหย่งหงกลับบ้านได้หรือ?
พอพูดถึงของกิน เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกหิวโหยเป็อย่างมาก
“ฉันจะกินเนื้อสัตว์ ซื้อเนื้อให้ฉันเยอะๆ ฉันจะกินกับพวกเพื่อนร่วมหอ!”
ทุกคนรู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว ดังนั้นโจวเฉิงจะเลี้ยงของกินก็เป็เื่ปกติ แม้ระหว่างการฝึกไม่สามารถประกาศความสัมพันธ์ของเธอกับโจวเฉิงได้ แต่พอกลับถึงมหาวิทยาลัยก็ไม่สำคัญแล้ว
เพิ่งตกลงว่าจะปฏิบัติตนเป็คนรักที่ได้มาตรฐาน สำหรับเพื่อนของโจวเฉิง เธอสนิทกับทั้งคังเหว่ยและเส้ากวงหรงแล้ว
ส่วนเพื่อนของเธอ... เอาเถอะ เธอยังไม่มีเวลาหามิตรสหายคนสนิทที่ใจตรงกัน เอาเพื่อนร่วมหอพักมาแทนก่อนก็คงเหมือนกันสินะ ให้โจวเฉิงได้เดินเข้ามาอยู่ในวงสังคมของเธอ
ทั้งสองคุยกันต่ออีกสักพัก ถึงแยกจากกันอย่างอาลัยอาวรณ์
เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานจากไป สีหน้าของโจวเฉิงเปลี่ยนไปทันที “ใครแอบอยู่ตรงนั้น ออกมา!”
เสียงความเคลื่อนไหวดังกรอบแกรบเบาๆ นึกว่าเขาไม่ได้ยินรึ
โจวเฉิงชักปืนออกมาบรรจุะุเตรียมพร้อม ใครคนหนึ่งเดินยกสองมือสูงออกมาจากข้างกำแพงที่พักทหาร เป็จี้เจียงหยวน!
“หัวหน้าครูฝึก นี่เป็เื่เข้าใจผิดนะครับ”
เขาจะรู้ได้อย่างไร เื่หัวหน้าครูฝึกกับเซี่ยเสี่ยวหลานคบกันน่ะ!
ตอนแรกเขานึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีธุระที่จะรายงานต่อโจวเฉิงจริงๆ เขาจึงอยากรอสองคนนี้คุยกันจบก่อนค่อยจากไป เวลานี้ทุกคนต่างกำลังฝึกร้องเพลงประสานเสียงที่สนามฝึก นักศึกษาชายหญิงร่วมกันร้องเพลงอย่างกระตือรือร้น เสียงก็ดังพอสมควร ดังจนจี้เจียงหยวนได้ยินเนื้อหาการสนทนาของโจวเฉิงกับเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ชัดเจนนัก
แต่พอคุยจนถึง่สุดท้าย ทั้งสองคนจูบกัน จี้เจียงหยวนไม่ได้ตาบอดเสียด้วย ดังนั้นเขาย่อมรู้ความสัมพันธ์ของสองคนแล้ว
เพราะฉะนั้น แฟนหนุ่มของสหายเซี่ยเสี่ยวหลาน ก็คือหัวหน้าครูฝึกโจว?
จี้เจียงหยวนทำเสียงเคลื่อนไหวโดยไม่ได้ตั้งใจ นึกว่าถูกกลบสนิทด้วยเสียงร้องเพลงที่อยู่ไม่ไกลแล้ว คาดไม่ถึงว่าโจวเฉิงจะระแวดระวังมากถึงขนาดนี้
โจวเฉิงเห็นชัดเจนว่าเป็เขา ก็รู้สึกหมดคำพูดทีเดียว
“นักศึกษาจี้เจียงหยวน คุณแยกตัวออกจากลุ่มโดยพลการ...”
จี้เจียงหยวนทำหน้าเหมือนกินอุจจาระ
ครูฝึก คุณช่วยละอายใจหน่อยได้หรือเปล่า เมื่อครู่ยังกระหนุงกระหนิงกับนักศึกษาหญิงหัวชิงอยู่เลย ตอนนี้กลับขึงขังอะไรปานนั้น
“ครูฝึกโจว ความรักมีเสรีภาพ ผมไม่ใช่คนปากสว่าง นี่เป็เื่ส่วนตัวของพวกคุณ ผมจะเก็บเป็ความลับ!”
----------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานแอบย่องกลับค่าย เมื่อมาถึงซูจิ้งก็ดึงเธอไว้
“เธอไปไหนมา เมื่อครู่ครูฝึกเรียกชื่อ ฉันบอกว่าเธอเข้าห้องน้ำ เธออย่าหลุดปากบอกอย่างอื่นเชียวนะ!”
เซี่ยเสี่ยวหลานซาบซึ้งใจยิ่งนัก “เพื่อนรัก วันหยุดพรุ่งนี้ฉันจะเลี้ยงเนื้อเธอนะ”
พอได้ยินคำว่า ‘เนื้อ’ ซูจิ้งรู้สึกหิวจนกลืนน้ำลายไม่หยุด ยุคปัจจุบันอาหารที่ทุกคนรับประทานนั้นเรียบง่ายมาก ซูจิ้งเป็คนปักกิ่งก็จริง แต่บ้านเธอก็ไม่ได้มีเนื้อสัตว์ให้ทานทุกวัน ฝึกทหารมาหนึ่งสัปดาห์ ความหนักของการออกกำลังกายในแต่ละวันสูงขนาดนี้ ทุกๆ คนล้วนอยากกินของที่มีเนื้อสัตว์บ้างอย่างแน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดถึงเนื้อ หลู่ซิ่วเจียวถึงกับไม่ร้องเพลงอีกต่อไป
“ตลาดนัดละแวกนี้ไกลหรือเปล่า?”
“ไม่ไกลอยู่แล้ว ระยะทางไม่กี่ลี้เท่านั้น”
หลู่ซิ่วเจียวหันไปถามหนิงเสวี่ย “พรุ่งนี้ไปด้วยกันไหม?”
หนิงเสวี่ยส่ายศีรษะ “เธอไปเถอะ ฉันอยากพักสักวัน”
ความเข้มข้นของการฝึกฝนในหลายวันที่ผ่านมานี้ กระทั่งหนิงเสวี่ยก็ตามเกือบไม่ทัน ด้านแรงกายยังพอทนไหว แต่หลังจากฝึกฝนในทุกๆ วันเธอก็ไม่เหลือเวลาแตะการบ้านแล้ว หนิงเสวี่ยเชื่อมั่น การเรียนดุจดั่งล่องเรือทวนกระแสน้ำ ไม่แล่นไปข้างหน้าก็ถอยหลัง หากไม่มีความเพียรพยายามสุดกำลัง ก็อย่าคิดว่าจะได้ความสำเร็จสมดั่งใจหวัง
เธอไม่อยากไปเดินเที่ยวตลาดนัดอะไรทั้งนั้น
ของกินย่ำแย่เธอสามารถทนได้
เธอเพียง้าวาดภาพอย่างเงียบๆ กับตนเองเท่านั้น
หลู่ซิ่วเจียวตัดพ้อไม่กี่ประโยค หลังจากนั้นเื่นี้ก็ผ่านพ้นไป เซี่ยเสี่ยวหลานกลับเดาความคิดของหนิงเสวี่ยได้ ทุกคนพักในห้องเดียวกัน หนิงเสวี่ยมักมองอุปกรณ์วาดภาพ คงคันไม้คันมือแล้วสินะ ช่างทุ่มเทและขันแข็งเหลือเกิน ไม่แปลกใจที่มีผลงานอย่างทุกวันนี้ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานตะขิดตะขวงใจ
ในการฝึกทหาร กินนอนร่วมกัน บีบทุกคนเข้าด้วยกัน เธอได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากคนรอบข้าง
ว่ากันว่าหลังจากวันหยุดพักผ่อนเป็ต้นไป สิ่งที่รอคอยนักศึกษาอยู่คือบททดสอบที่สาหัสยิ่งกว่า นอกจากฝึกการเดินขบวนแล้ว ยังมีการฝึกภาคสนามนอกสถานที่ และมีการทดสอบสมรรถภาพทางกายด้วย... การทดสอบทุกรายการมีคะแนน เพื่อจะคัดเลือกตัวแทน ‘ผู้สำเร็จการศึกษาดีเด่นประจำค่าย’ โดยพิจารณาจากคะแนนรวม บวกกับความประพฤติภาพรวมระหว่างการฝึกทหารในครั้งนี้
หากเป็เมื่อก่อน เซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่ค่อยสนใจเื่พวกนี้
ทว่าหลังฝึกทหารหลายวัน เธอพบว่าไม่ว่าจะทำสิ่งใด ถ้าจริงจังตั้งใจพอ ก็จะได้รับการยอมรับจากคนหมู่มาก!
มาเข้าร่วมการฝึกวิชาทหารเหมือนกัน คนอื่นๆ สนใจใน ‘ผู้สำเร็จการฝึกดีเด่นประจำค่าย’ นี้มาก เซี่ยเสี่ยวหลานเองจึงตั้งปณิธาณที่จะสู้เช่นกัน หยาดเหงื่อที่เธอเสียไปไม่ใช่ของปลอม ‘ผู้สำเร็จการศึกษาดีเด่น’ และ ‘หมู่ดีเด่น’ กลับไปที่มหาวิทยาลัยจะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่ม
ใครก็ไม่อยากถอดใจละทิ้งสิ่งเหล่านี้ ยังไม่ได้แข่งด้วยซ้ำ จะยอมแพ้หรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้