แล้วญาญ่าก็แย่งตอบออกมาทันที “ย๊า! ได้อยู่แล้ว เพราะพี่ก็มากับพี่ชาย พี่สาว พี่ก็อยากจะตอบคำถามของญาญ่างั้นเหรอ? งั้นฟังดีๆน๊า เหลืออีกแค่ห้าข้อเท่านั้น ถ้าตอบผิดอีกแม้แต่ข้อเดียวล่ะก็ จะเข้าไปด้านในไม่ได้จริงๆนะ ข้อที่ 6 ........... มีไก่ตัวหนึ่งกับนกตัวหนึ่งตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ไก่แข็งตาย แต่นกกลับมีชีวิตรอด นั้นเป็เพราะอะไร?”
ซูเฟยเฟยมองเย่เทียนเซี่ยที่มีดวงตาสับสนแวบหนึ่งก่อนจะตอบออกมา “คำตอบนั้นง่ายมาก เพราะนกตัวนั้นคือนกเพนกวิ้น นกเพนกวิ้นไม่มีทางแข็งตายอยู่แล้ว!”
“.............” เย่เทียนเซี่ย
“ว๊าว! พี่สาวฉลาดจัง ตอบถูกนะค๊า” ญาญ่าดึงอมยิ้มออกมาจากปากของตัวเองแล้วมองไปที่ซูเฟยเฟยด้วยความใ “งั้นคำถามข้อที่ 7 อะไรเอ่ยไม่ต้องใช้แรงก็ทำได้?”
“แน่นอนว่าต้องเป็การนอนอยู่แล้ว การนอนไม่ต้องใช้แรงอะไรก็ทำได้” ซูเฟยเฟยตอบออกไปอย่างรวดเร็ว
-_-!! เย่เทียนเซี่ย
“อั๊ยหยา! พี่สาว พี่ตอบถูกอีกแล้ว” ญาญ่ายิ่งตกตะลึงมากขึ้นไปอีก สีหน้าของเธอเริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เพราะตามกฎของท่านเทพธิดาผู้สร้างโลกที่ได้กำหนดไว้ วันนี้พวกเขาไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ ไม่อย่างนั้นถ้าถูกพี่สาวเทพธิดาผู้สร้างโลกพบเข้า...........”
“ฟังคำถามข้อที่ 8 ดีๆน๊า.......... ในตะกร้าใบหนึ่งมีแอ๊ปเปิ้ลหกลูก เด็กหกคนแบ่งกันคนละลูก แต่ในตะกร้ายังเหลือแอ๊ปเปิ้ลอีก 1 ลูก นั้นเป็เพราะอะไร?”
“นี่ก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ เป็เพราะมีเด็กคนนึงหยิบแอ๊บเปิ้ลกับตะกร้าไปด้วยกันยังไงล่ะ ดังนั้นในตะกร้าถึงเหลือแอ๊บเปิ้ลอยู่อีกหนึ่งลูก”
“!@#¥%……” เย่เทียนเซี่ย
“พี่สาว......... พี่ตอบถูกอีกแล้ว พี่เก่งมากเลย” ญาญ่าตัวน้อยยิ่งกังวลมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กังวลถึงขนาดอมยิ้มที่อยู่ในมือก็ยังถูกเมินไป เธอครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะถามออกมา “งั้น.........คำถามข้อที่ 9 มีอยู่วันหนึ่ง เสี่ยวิขี่วัวตัวโตเดินผ่านทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยต้นหญ้าสีเขียวสดมากมาย แต่ทำไมเ้าวัวตัวโตถึงไม่กินหญ้า?”
ซูเฟยเฟยคิดเล็กน้อยจากนั้นก็ตอบคำถามออกไปด้วยรอยยิ้ม “เพราะวัวตัวโตนั่นก็คือคนไงล่ะ เขาไม่กินหญ้าอยู่แล้ว”
(@o@)…… เย่เทียนเซี่ย
ครั้งนี้กลับกลายเป็เย่เทียนเซี่ยซะเองที่พูดอะไรไม่ออก เขายืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวมองไปยังเด็กผู้หญิงกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ถามตอบกันไปมา ทุกครั้งที่ตอบคำถามข้อหนึ่งจบหัวใจอันอ่อนแอของเย่เทียนเซี่ยก็เหมือนถูกจู่โจมอย่างหนัก........ คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดมาตลอดอย่างเขาถูกผู้หญิงสองคนจู่โจมเข้าใส่โดยสมบูรณ์
“ว๊า.......พี่สาว พี่ฉลาดมากเลย ฉลาดกว่าพี่ชายโง่ๆคนนั้นเยอะเลย พี่ตอบถูกอีกแล้ว” เสียงของญาญ่าตัวน้อยไม่พอใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา เธอเสียใจจริงๆ เมื่อกี้ทำไมเธอถึงแย่งตอบว่าให้ซูเฟยเฟยตอบคำถามได้นะ ถ้ารู้เร็วกว่านี้.......... ถ้ารู้เร็วกว่านี้เธอคงจะไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ตอบคำถามแน่ๆ
“ยังมีคำถามสุดท้ายอีกนี่? หนูน้อย” ซูเฟยเฟยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเธอแล้วพูดพร้อมทั้งกระตุกยิ้มมุมปาก การตอบปัญหาเชาว์คือเกมที่เธอและแม่ของเธอชอบเล่นกันตอนที่เธอยังเป็เด็ก แม้ว่าแม่ของเธอจะไม่อยู่นานแล้ว แต่ตอนที่อยู่คนเดียวเธอก็มักจะหาคำถามที่น่าสนใจหรือปัญหาเชาว์ที่ตัวเองคิดขึ้นมาเองมาเล่นอยู่คนเดียวเสมอๆ เมื่อคิดถึงความสุขในตอนที่ได้อยู่กับแม่และใบหน้างดงามของเธอ........... ซูเฟยเฟยสามารถบอกได้เลยว่าแม่ของเธอคือยอดฝีมือของยอดฝีมือในด้านนี้ ตอนที่เธอยังเด็กมากๆเธอก็เคยพบกับคำถามแบบนี้มาแล้ว คำถามของญาญ่าเป็แค่คำถามเด็กๆสำหรับเธอเท่านั้น
“งั้น........คำถามข้อที่สิบ..........” ญาญ่าตั้งใจคิดอยู่นาน และดูเหมือนเธอจะหาคำถามที่ยากมากๆมาได้คำถามหนึ่งด้วยความพยายามของเธอ จานนั้นเธอก็พูดออกมาในที่สุด “ทุกวันเสี่ยวิจะเขียนจดหมาย 7 ฉบับให้แฟนของเขา จากนั้นก็ส่งมันไปพร้อมๆกัน แต่ทุกวันเสี่ยวลี่แฟนของเขากลับได้รับจดหมายเพียงฉบับเดียวเท่านั้น นั่นเป็เพราะอะไร?”
“ง่ายมากเลย นั่นก็เพราะว่าเสี่ยวิเ้าชู้มาก เขามีแฟนทั้งหมด 7 คน! ถูกหรือเปล่า?”
~~(>_<)~~ เย่เทียนเซี่ย
คำถามที่ญาญ่าคิดอยู่ตั้งนานถูกซูเฟยเฟยตอบออกมาได้อย่างง่ายดาย ใบหน้าของญาญ่างงอง่ำ แต่เธอก็ยังกำอมยิ้มที่อยู่ในมือไว้แน่น
“ตอบถูกห้าข้อก็สามารถเข้าไปได้แล้วใช่ไหม? พวกเราตอบถูกห้าข้อแล้วนะ ตอนนี้สามารถเข้าไปด้านในได้แล้วใช่ไหมเอ๋ย” ซูเฟยเฟยพูดกับญาญ่าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจด้วยสีหน้าพอใจสุดๆ และสีหน้าของเย่เทียนเซี่ยก็ยิ่งทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่ เธอรู้อยู่แล้วว่าที่เย่เทียนเซี่ยตอบคำถามไม่ได้ ไม่ได้เป็เพราะความรู้ของเขามีไม่มากเท่าตัวเธอ แต่เป็เพราะเขาไม่เคยพบเจอมันมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจแนวทางในการตอบปัญหาเชาว์เหล่านี้ การเดินทางนั้นต้องใช้ความคุ้นเคย คนที่คุ้นเคยกับการแก้ปัญหาด้วยวิธีที่รวดเร็วที่สุดและตรงไปตรงมาที่สุดก็มักจะสับสนกับสิ่งนี้อย่างเห็นได้ชัด
“พี่สาว พี่เก่งมากเลย..........ฮือ ญาญ่าพูดคำไหนคำนั้น จะให้พวกท่านเข้าไปข้างในตอนนี้แหละ” ญาญ่าพูดออกมาอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก เธอขยับมือเล็กน้อย แล้วเสียงดังสนั่นก็ดังขึ้นมาตามมาด้วยกำแพงน้ำแข็งที่ปิดผนึกอยู่หน้าถ้ำหมาป่าน้ำแข็งที่แตกออกแล้วเผยให้เห็นปากทางเข้าที่มีหมอกสีขาวลอยอยู่
“บ๊ายบายนะจ๊ะน้องสาว.........เทียนเซี่ย ไปกันเถอะ” เมื่อหันไปบอกลาญาญ่าที่มีท่าทางน่าสงสารเหมือนทำเื่ผิดพลาดใหญ่หลวงขึ้นมาเรียบร้อยซูเฟยเฟยก็ลากเย่เทียนเซี่ยที่กำลังสติหลุดลอยอยู่เดินไปทางถ้ำหมาป่าน้ำแข็ง
“เฟยเฟย เธอรู้คำตอบของคำถามพวกนั้นได้ยังไงอ่ะ......... เธอเคยได้ยินคำถามพวกนั้นมาก่อนเหรอ?” เย่เทียนเซี่ยถามเสียงอ่อน ตัวของเขาเองตอบผิดรัวๆ 5 ข้อ รวมกับเมื่อวานอีก 6 ข้อก็เท่ากับว่าเขาตอบผิดติดต่อกัน 11 ข้อพอดี แต่ซูเฟยเฟยกลับตอบถูกทั้งหมด 5 ข้อ......... ช่องว่างนี้ทำให้เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว!
“เปล่าหรอก” ซูเฟยเฟยมองเขาแล้วกะพริบตาปริบๆ จากนั้นเธอก็แอบยิ้มแล้วพูดออกไป “ว๊า เทียนเซี่ย เด็กดี.......อย่าเสียใจไปเลยนะ ปัญหาพวกนั้นนายตอบไม่ได้มันก็ธรรมดาอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่านายไม่ฉลาดเลยนะ”
╭(╯^╰)╮เย่เทียนเซี่ย
“ติ๊ง! เพื่อของท่าน ‘ตุ้นพั่วเชียวจวิน’ ออนไลน์แล้วค่ะ”
“ติ๊ง! เพื่อของท่าน ‘มู่หรงชิวสุ่ย’ ออนไลน์แล้วค่ะ”
เพิ่งจะเดินเข้าไปใกล้ปากทางเข้าถ้ำหมาป่าน้ำแข็งเสียงแจ้งเตือนระบบก็ดังขึ้นมาข้างหูของเย่เทียนเซี่ย เย่เทียนเซี่ยรีบดึงซูเฟยเฟยให้หยุดลงแล้วติดต่อไปหาจั้วพั่วจวินทันทีก่อนจะะโออกมาเสียงดังทันที “พั่วจวิน นายรีบมาที่ถ้ำหมาป่าน้ำแข็งเร็วเข้า ตอนนี้เลย............อื้ม จำไว้ว่าไม่ต้องพาชิวสุ่ยมาด้วย เขามาจะเป็อันตรายซะเปล่าๆ”
“อาๆ..........รับทราบ จะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ!!”
เมื่อวางสายอุปกรณ์สื่อสารแล้วเย่เทียนเซี่ยก็เดินกลับไปหาญาญ่าแล้วพูดกับเด็กสาวที่ยังคงมีใบหน้างุนงงอยู่ “นี่ น้องสาวตัวน้อย ขอซื้อรองเท้าลุยหิมะอีกสักคู่สิ......
อีกด้านหนึ่งเมื่อจั้วพั่วจวินวางสายไปแล้วเขาก็ร้องะโออกมาด้วยความตื่นเต้น “วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่รองเรียกฉันไปทำภารกิจถ้ำหมาป่าหิมะ ฉันจะได้ไปแล้ว!!”
“บิงโก! เสียงเรียกของพี่รองช่างเป็เสียงที่ไพเราะที่สุดในโลกเสมอเลย พี่สามที่รัก ให้เวลาฉันซักสามนาที ฉันจะรีบไปหาน้ำยาและลูกธนูที่ฉันมีน้อยจนน่าสงสารมาเพิ่มก่อน” มู่หรวชิวสุ่ยพูดออกมาด้วยใบหน้าเปล่งประกาย จนเหมือนกับดอกไม้ผลิบานที่งดงามหาใดเปรียบ ถ้าเขาแย้มยิ้มทรงเสน่ห์อีกสักหน่อยคงจะทำให้ผู้เล่นชายที่เดินผ่านไปมาตายไปได้ในเสี้ยววินาที
“โอ๊ย! ไปเถอะๆ แต่ว่าพี่รองยังกำชับเป็พิเศษอีกว่าให้ฉันไปคนเดียวนะ ถ้านายไปจะเป็อันตราย” จั้วพั่วจวินพูดจบเขาก็ออกวิ่งไปจนไม่เหลือแม้แต่เงา
“โอ้!! ไม่! พวกนายทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ!!” หลังจากเงียบไปสักพักมู่หรงชิวสุ่ยก็ะโออกมาเหมือนผู้หญิงที่ถูกทิ้งและยังคงจมอยู่กับความเศร้า
ผ่านไปไม่นานจั้วพั่วจวินก็มาโผล่อยู่ที่ด้านหน้าถ้ำหมาป่าหิมะ ดวงตาของเขามองไปที่เย่เทียนเซี่ยและซูเฟยเฟยที่ยืนรอเขาอยู่ ก่อนเขาจะรีบวิ่งเข้าไปหาทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว “พี่รอง คุณหนูซู ผมมาแล้ว”
“อืม เปลี่ยนรองเท้าสิ พวกเราจะเข้าไปข้างในแล้ว” เย่เทียนเซี่ยส่งรองเท้าลุยหิมะสีดำที่เขาเพิ่งซื้อมาให้กับจั้วพั่วจวิน
“อืม โอเค” แม้ว่ารองเท้าคู่นั้นจะน่าเกลียดมาก แต่จั้วพั่วจวินก็สวมมันลงไปอย่างรวดเร็ว แล้วเดินตามเย่เทียนเซี่ยเข้าไปที่ถ้ำหมาป่าหิมะ เมื่อเดินผ่านร่างของญาญ่าไปเขาก็มองเธอสักพักแล้วทักทายเธออย่างง่ายๆ “สวัสดีน้องสาวตัวน้อย.....บ๊ายบายน้องสาวตัวน้อย”
“............” ญาญ่า
ภายในถ้ำหมาป่าน้ำแข็งหนาวมาก นี่เป็ความรู้สึกแรกของจั้วพั่วจวินและซูเฟยเฟย
ถ้ำหมาป่าน้ำแข็งงดงามมาก......... นี่เป็ความรู้สึกต่อมาของพวกเขาทั้งสองคน ทั้งหมดนี้คือโลกแห่งน้ำแข็ง เป็ความงามบริสุทธิ์ที่แทบจะมองไม่เห็นข้อบกพร่องใดๆเลย หรือบางทีมันอาจจะไม่มีอยู่เลยก็เป็ได้ ถ้าตัดเื่อุณหภูมิของที่นี่ออกไปล่ะก็มันคงจะสมบูรณ์แบบมากกว่านี้
“พี่รอง พี่บอกว่าเมื่อวานตอนที่พี่มาที่นี่ครั้งแรก........พี่แพ้งั้นเหรอ?” จั้วพั่วจวินถามออกไปอย่างตกตะลึง ด้วยความที่เขารู้จักเย่เทียนเซี่ยดี แม้แต่เขาที่เข้ามาครั้งแรกยังคว้าน้ำเหลวกลับออกไป.............มันคงจะเป็ระดับที่ยากจนน่ากลัว!
แต่ตอนแรกแม้แต่มอนสเตอร์ชั้นเซียนเขาก็สามารถจัดการมันได้ด้วยความเร็วชั่วพริบตาเชียวนะ
“อืม เพราะงั้นถึง้าความช่วยเหลือของพวกนายไงล่ะ” เย่เทียนเซี่ยมองไปด้านหน้าแล้วพูดขึ้นมา ประกาศฉบับแรกเกี่ยวกับหมาป่าน้ำแข็งเป็เพียงประกาศอย่างง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็มอนสเตอร์หรืออันตรายใดๆก็ไม่มีระบุเอาไว้เลยสักอย่าง
“นี่..............” จั้วพั่วจวินส่ายหน้าไปมาอย่างกระดากอาย “พี่รอง ความสามารถของผมในตอนนี้พี่ก็น่าจะรู้อยู่แล้ว แม้แต่พี่ยังผ่านไปไม่ได้ ผมมาอย่างมากก็เป็ได้แค่พลทหาร........... บางทีอาจจะต้องให้พี่รองคอยคุ้มครองด้วยซ้ำ”
“วางใจเถอะ เทียนเซี่ยของฉันฉลาดมากๆ เขาคงไม่โง่เรียกนายมาเป็แค่พลทหาร แค่ฟังแผนการที่เทียนเซี่ยของฉันเตรียมเอาไว้ก็พอแล้ว” ซูเฟยเฟยพูดบ้าง เมื่อพูดถึงคำว่า “ฉลาด” กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเย่เทียนเซี่ยก็ดูเหมือนจะกระตุกเล็กน้อย
“อืม ใช่ๆ”
จั้วพั่วจวินที่หากถูกคนอื่นทำให้ไม่พอใจเล็กๆน้อยๆก็อาจจะโมโหจนบ้าคลั่งได้กลับกลายเป็เพียงเ้าอ้วนที่แสนจะเชื่อฟังอยู่เสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เทียนเซี่ย ตอนนี้แม้แต่ต่อหน้าซูเฟยเฟย เขาก็เริ่มแสดงใบหน้าแบบนั้นออกมาเหมือนกัน........ ดวงตาของเขามองไปที่ตำแหน่งที่ซูเฟยเฟยกำลังกอดเย่เทียนเซี่ยแล้วเดินไป......... ความใกล้ชิดสนิทสนมของพวกเขาที่เป็ธรรมชาติแบบนี้ทำให้ในใจของเขาอดจินตนาการไม่ได้จริงๆ
หรือว่าพวกเขาจะเป็แบบนั้นจริงๆ........ จริงเหรอ.........จริงเหรอ............
แล้วเซียนเอ๋อร์ล่ะ............ เจ๊ใหญ่ล่ะ...........จะทำยังไง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แม้ว่าจั้วพั่วจวินจะไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่เขาก็ยังคงแอบคิดและปวดหัวอยู่คนเดียวเงียบๆ เมื่อมีเื่มากมายที่เขาเข้าใจดีมากกว่าซูเฟยเฟยหลายเท่า
“พี่รอง แล้วครั้งนี้พี่มั่นใจมากน้อยแค่ไหนว่าจะผ่านมันไปได้ พวกเราจะทำได้จริงๆเหรอ?” จั้วพั่วจวินยังคงถามออกไปด้วยความไม่สบายใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อมั่น แต่เขารู้ซึ้งดีถึงความต่างระหว่างตัวเองและเย่เทียนเซี่ย
“ไม่มั่นใจ ฉันก็แค่ไม่อยากให้มันล้มเหลวก็แค่นั้น ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็ยังไงก็ทุ่มมันไปทั้งหมดก็แล้วกัน”
เมื่อเดินผ่านเส้นทาง่แรกไปแล้ว ต่อมาพวกเขาก็ผจญผ่านทางน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ที่มีแท่งน้ำแข็งที่พร้อมจะตกลงมาได้ตลอดเวลา แล้วสุดท้ายพวกเขาก็มาถึงเส้นทางกระดูกน้ำแข็งอันน่ากลัวอีกครั้ง