“การจัดแสดงสินค้าโบราณหรือครับ?” เย่เฟิงชะงักก่อนนึกสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงชวนตน
“ใช่แล้ว” โอวเอทำท่ามีเลศนัย “งานนี้ยิ่งใหญ่มาก ไม่เพียงเท่านั้น เธออาจได้เจอบุคคลสำคัญบางคนซึ่งยากจะได้เจอในยามปกติ”
คนที่ยากจะได้เจอในยามปกติ? เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
“ไม่มีอะไรหรอก ถ้าอยากไป ลุงหาตั๋วเข้างานให้ได้นะ บางทีนายอาจเจอของที่เป็ประโยชน์กับนายก็ได้นะ” โอวเอยิ้มพลางโบกมือ และไม่พูดอะไรต่ออีก
เย่เฟิงเหลือบมองเขาแล้วรู้สึกะเืใจ ลุงคนนี้ร้ายจริงๆ ความคิดละเอียดอ่อน คงไม่รู้ว่าตนมาจากโลกเทวะหรอกนะ?
ไม่... คงไม่หรอก หากพิจารณาจากเื่หินจิติญญา ลุงโอวคงนึกว่าเขาเป็หนึ่งในผู้ฝึกวรยุทธ์ของโลกนี้ก็ได้ ท่าทางของลุงโอวจึงอธิบายได้ไม่ยาก
“ถ้าอย่างนั้นผมต้องรบกวนลุงโอวด้วยนะครับ” เย่เฟิงพยักหน้า เขาค่อนข้างสนใจงานนี้ทีเดียว จากนั้นถามต่อ “ใช่แล้วลุงโอว ลุงพอรู้จักที่ตั้งของสำนักงานใหญ่แก๊งอสรพิษ์ไหมครับ? หรือว่ที่อยู่ของหัวหน้าใหญ่ของแก๊งก็ได้” เขาตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้จะดูดซับหินิญญา จากนั้จัดการกับแก๊งอสรพิษ์
“เสี่ยวมี่เฟิง นายคิดจะทำอะไรกันเนี่ย?” สีหน้าของโอวบีเปลี่ยนไปทันที เย่เฟิงถามถึงสำนักงานใหญ่ของแก๊งอสรพิษ์แบบนี้้าไปหาเื่คนเหรอ บ้าไปแล้วหรือไง?
“สำนักงานใหญ่ของแก๊งอยู่ที่คาสิโนเทียนหัว แต่ฉันไม่รู้หรอกว่าหัวหน้าแก๊งจะอยู่ที่นั่นหรือเปล่า” ความเเตกต่างระหว่างโอวเอกับโอวบีคือ โอวเอบอกที่อยู่ของเเก๊งให้เย่เฟิงอย่างสงบ
“เดี๋ยวนะพ่อ…” โอวบีจ้องพ่ออย่างสงสัย ทำไมพ่อของเขาถึงยอมบอกเย่เฟิง นี่เขาจะพาเย่เฟิงไปตายหรือ?
“ขอบคุณมากครับลุงโอว ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ” เย่เฟิงประกบมือแสดงความเคารพโอวเอ จากนั้นหันมาตบไหล่โอวบีพร้อมรอยยิ้ม แล้วเดินออกจากร้าน กลับไปบ่มเพาะวรุยทธ์ก่อนค่อยไปคาสิโนเทียนหัว เมื่อเจอตัวหัวหน้าแก๊งอสรพิษ์ เขาจะควบคุมอีกฝ่ายโดยไม่มีใครทันตั้งตัว
“พ่อ วันนี้พ่อดูแปลกมากเลยนะ?” โอวบีอดส่ายหัวไม่ได้เมื่อมองเย่เฟิงเดินจากไป
“เด็กอย่างแกจะเข้าใจอะไร” โอวเอดุ “ถ้าพ่อเข้าใจไม่ผิด เขาคงเป็หนึ่งในผู้ฝึกวรยุทธ์ ยังต้องให้เเกเป็ห่วงอีกเหรอ?”
“ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้เหรอ?” โอวบีชะงักไปชั่วขณะ ดูเหมือนเขาไม่เข้าใจเกี่ยวกับเื่นี้สักเท่าไร
“ใช่ แล้วแกรู้ไหมว่าไอก้อนหินสีเขียวนั่นคืออะไร?” ท่าทางของโอวเอจริงจังขึ้น
“แล้วมันคืออะไรเหรอพ่อ?” โอวบีถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ดูจากรูปร่างแล้ว มันน่าจะเป็หินจิติญญาในโลกของผู้ฝึกวรยุทธ์” โอวเอพูดอย่างเคร่งขรึม “ตอนแรกพ่อก็ไม่รู้เื่นี้ แต่ครั้งล่าสุดได้คุยกับเพื่อนเก่าเื่สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับผู้ฝึกวรยุทธ์ ถ้าพูดถึงมูลค่าของหินจิติญญานี้ หนึ่งก้อนราคาไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน!”
“ร้อยล้าน! บ้าน่า งั้นเราก็ขาดทุนแย่สิ?” ได้ยินดังนั้น โอวบีแทบจะวิ่งไปลากเย่เฟิงกลับมา
“ขาดทุนบ้านเเกสิ!” พ่อค้าหน้าเืตบหัวลูก “ถ้าเป็ไปตามที่ฉันคาด เย่เฟิงเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์ เเกก็ได้กำไรที่สุด เพราะงั้นจำไว้ รักษาความสัมพันธ์กับเขาให้ดีล่ะ”
โอวบีมึนงง ในสมองว่างเปล่า “สรุปเเล้ววรยุทธ์คืออะไรล่ะพ่อ? หรือมันเหมือนในทีวี บินข้ามกำเเพงหรือวิ่งบนน้ำได้?”
“เฮ้อ พ่อก็รู้ไม่มากนักหรอก แต่สั้นๆ คือพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดานั่นแหละ” โอวเอยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ไปเมืองหลางฝางคราวนี้ เพื่อนเก่าของพ่อแนะนำให้ไป ตอนเเรกกะจะขายหินจิติญญาในงานจัดแสดงวัตถุโบราณ แต่ตอนนี้ฉันไม่จำเป็ต้องไปแล้ว เพราะงั้นเดี๋ยวเอาจดหมายเชิญไปให้เย่เฟิงที่โรงเรียนด้วยล่ะ”
ในฐานะนักธุรกิจ จำเป็ต้องช่างสังเกตและคำนวณผลได้ผลเสียได้อย่างรวดเร็ว เมื่อโอวเอมองเย่เฟิงตอนนี้ก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าเด็กหนุ่มต่างจากที่ผ่านมามาก จึงคิดแผนขึ้นมา เขาได้ยินจากเพื่อนเก่าว่า ผู้ฝึกวรยุทธ์ทุกคนล้วนเป็มีสถานะสูงส่งมาก ใช่ว่าจะพบเจอได้ทั่วไป แม้กระทั่งตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิงก็ยังไม่กล้าล่วงเกินพวกเขา
ก่อนหน้านี้ โอวเอไม่ได้กลัวว่าเย่เฟิงจะถูกคุณชายสามตระกูลหลินจ้องฆ่า แต่แค่ใช้โอกาสนี้สร้างบุญคุณกับเย่เฟิง การลงทุนแบบนี้ไม่เสียหายอะไรหรอก ยิ่งกว่านั้นเย่เฟิงยังเป็เพื่อนสนิทที่เล่นกับลูกของตนมาตั้งเเต่เด็ก ไเเน่... เย่เฟิงคนนี้อาจนำตระกูลโอวไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอนาคต
…………
ตอนนี้ เย่เฟิงใช้เงินก้อนสุดท้ายนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านของตัวเองที่วิลลล่าชิงเฟิง เขาพอจะเดาความคิดของโอวเอได้แล้ว
“ถ้าว่ากันตามนั้น ก็เป็ไปได้สูงว่างานจัดแสดงวัตถุโบราณจะมีผู้ฝึกวรยุทธ์มากมายมรวมตัวกันที่นั่น รวมถึง…” เขานึกถึงหญิงสาวผู้มีใบหน้ารูปไข่ที่เจอกันครั้งก่อน ปู่ผู้ลึกลับของเขาไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับผู้ฝึกวรยุทธ์แก่เขาเลย เหมือนอยากให้เขาใช้ชีวิตเป็แค่คนธรรมดา แต่ชายหนุ่มไม่ใช่เย่เฟิงคนเดิมอีกแล้ว การอยู่แบบสงบเหมือนคนธรรมดาใช่นิสัยของเขาเสียที่ไหน? แม้ไม่สามารถกลับสู่โลกเทวะแต่เขาก็สามารถอยู่อย่างสุขสบายในโลกเเห่งนี้ได้
“เย่เฟิง!” ในเวลาที่เย่เฟิงเพิ่งถึงบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงหวานใสที่คุ้นเคยจากบ้านข้างเคียง เธอคือดาวโรงเรียนซูเมิ่งหานนั่นเอง
เย่เฟิงเหลือบมอง อีกฝ่ายสวมชุดดอกไม้สีขาวซึ่งสวยและปราณีต เธอเรียกเขาจากระเบียงชั้นสองของบ้านตัวเอง เย่เฟิงไม่สนใจเสียงเรียกแล้วหันตัวเดินเข้าบ้านทันที
“เย่เฟิงเดี๋ยวก่อน! พาฉันไปเมืองหลางฝางที!” ซูเมิ่งหานเห็นเขาเดินจากไปก็ะโเรียกอีกครั้ง
ชายหนุ่มตอบกลับอย่างรำคาญ “อีกครึ่งเดือนฉันจะไป ถ้าเธออยากมาด้วยก็ตามใจ”
“จริงนะ!? นายไม่โกหกฉันแน่นะ!” ซูเมิ่งหานประหลาดใจ แต่ไม่นานก็แสดงท่าทีตื่นเต้นและมีความสุข เธอนึกว่าฝ่ายตรงข้ามจะปฏิเสธเธอเหมือนเมื่อเช้าเสียอีก
“สาวน้อย ฉันจะโกหกเธอไปเพื่ออะไรล่ะ?” เย่เฟิงหัวเราะ ในที่สุดก็ถึงบ้านเสียท ชายหนุ่มปิดประตูเสียงดัง “ปัง”
ซูเมิ่งหานยังยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสอง ตอนนี้เธอมีความสุขมาก เธอไม่รู้ว่าทำไมเย่เฟิงถึงกลับบ้านช้าขนาดนี้ แต่แค่เขายอมพาเธอไปเมืองหลางฝางก็เพียงพอแล้ว
หญิงสาวแค่อยากไปเยี่ยมคุณยาย แม้เธอจะไม่ชอบเย่เฟิง แต่ถ้าได้เจอคุณยาย เธอก็มีความสุขได้ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทำไมเมื่อครู่เขาเรียกเธอว่าสาวน้อยกันนะ? ซูเมิ่งหานก้มมองหน้าอกของตัวเอง แล้วด่าชายหนุ่มด้วยความโมโห “ใครเล็กกันฮะตาบ้า! ฉันขอแช่งให้นายไม่มีเมีย!”
อยู่ๆ เย่เฟิงที่อยู่ในห้องนอนก็จาม “ใครแช่งเราลับหลังกันเนี่ย? เฮ้อ ช่างเถอะ ในที่สุดเราก็เจอหินจิติญญาสักที คงต้องรีบหน่อยเเล้วล่ะ”
ชายหนุ่มลุกขึ้นปิดผ้าม่านทั้งหมดในห้อง เขารีบนั่งบนเตียงเพื่อดูดซับหินจิติญญาครึ่งก้อนซึ่งได้มาจากร้านของลุงโอวโดยไม่แม้แต่จะกินข้าวหรืออาบน้ำ
หินจิติญญาที่สมบูรณ์ทั้งก้อนช่วยให้ผู้ฝึกวิถีเซียนเพิ่มระดับวรยุทธ์ได้ถึงสามหรือห้าปี แต่หินจิติญญาครึ่งก้อนในมือของเขามีพลังฟ้าดินเหลืออยู่เพียงหนึ่งในสาม จึงช่วยเสริมระดับวรยุทธ์ของเขาได้เพียงหนึ่งปี ถึงอย่างนั้นก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
การดูดซับหินจิติญญาสามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต ไม่ว่าอย่างไรเย่เฟิงก็ต้องทำ เพราะตอนนี้วรยุทธ์ของเขาอยู่ที่ระดับห้าเดือนเท่านั้น ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย
มนุษย์เป็สิ่งมีชีวิตที่บอบบางมาก เดินบนถนนก็อาจตายได้ กินข้าวหรือดื่มน้ำก็อาจสำลักตายได้เหมือนกัน เย่เฟิงไม่อยากลำบากเช่นนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้