ฝูงชนที่มุงดูอยู่ด้านนอกเห็นเขาหน้าบวมราวกับหัวหมู ต่างะเิเสียงหัวเราะขบขัน
ปรกติพวกเขาทั้งครอบครัวกดขี่ข่มเหงอูหลันฮวาอย่างไร คนในหมู่บ้านใครบ้างไม่รู้ จึงไม่มีใครเห็นใจที่พวกเขาถูกทุบตี
คนที่รอดูความหายนะของผู้อื่นกลับรู้สึกว่าตีได้ดีด้วยซ้ำไป
เสียงเยาะหยันจากผู้คนดังมาไม่ขาดสาย
อูต้าฟางอับอายจนกลายเป็โทสะ คว้าจอบที่ทิ้งอยู่ด้านข้างขึ้นมาตีอูหลันฮวาอย่างเดือดดาล
"เฮ้ย!" ทุกคนต่างร้องอย่างตระหนก นั่นจอบเชียวนะ หากฟาดถูกศีรษะมีหวังชะตาขาดแน่นอน
เ้าอูต้าฟางผู้นี้คิดสังหารหลานสาวตนเองหรืออย่างไร?
"ต้าฟาง เ้าเสียสติไปแล้วหรือ" าุโผู้นำตระกูลอูตะคอกเสียงดัง ด้านข้างยังมีาุโในตระกูลอีกสองสามคนช่วยกันปรามให้หยุด
ภรรยาอูต้าฟางซึ่งหลบอยู่หลังประตูกลับกระเหี้ยนกระหือรืออยากใช้จอบฟาดศีรษะอูหลันฮวาจนแทบทนไม่ไหว นางเองก็หน้าบวมฉึ่ง ปรากฏรอยฝ่ามืออย่างเห็นได้ชัด
ดวงตาของนางฉายแววขุ่นเคือง จดจ้องเงาร่างของคนดื้อดึงภายในลานเรือนเขม็ง
ขณะจอบกำลังจะฟาดถูกอูหลันฮวา ก็เห็นนางยกมือขึ้นคว้าด้ามจอบไว้แน่น สายตาที่จ้องมองอูต้าฟางเยียบเย็นปานน้ำแข็ง
"เฮ่อ..." ทุกคนต่างถอนหายใจโล่งอก
าุโผู้นำตระกูลอูหน้าง้ำเข้ามาชิงจอบไป
"ต้าฟาง เ้าวิปริตไปแล้ว คิดจะเอาชีวิตหลันฮวาหรืออย่างไร ไม่กลัวว่าิญญาของต้าซานจะแล่นมาคิดบัญชีกับเ้ายามดึกดื่นเลยรึ"
"หึ ตอนเขามีชีวิตข้ายังไม่กลัว นับประสาอันใดกับตอนตายไปแล้ว ผู้าุโ ท่านอย่าพูดอีกเลย ถึงอย่างไรบ้านนี้ก็ไม่อาจรองรับคนเนรคุณกล้าลงมือทำร้ายผู้หลักผู้ใหญ่ อูหลันฮวาข้าต้องขายแน่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ข้าย่อมมีสิทธิ์อย่างชอบธรรม"
อูต้าฟางถลึงตาใส่อูหลันฮวาอย่างเกรี้ยวกราด
าุโอายุหกสิบปีผู้หนึ่งทนดูต่อไปไม่ไหว "ต้าฟางเอ๋ย ที่จริงหลันฮวาก็สมควรออกเรือนนานแล้ว หากไม่ใช่พวกเ้าเรียกสินสอดทองหมั้นเสียสูงลิบ นางจะเป็อย่างตอนนี้หรือ"
"ลุงเก้า ท่านกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูก ข้าเลี้ยงดูนางมาเกือบสิบปี เรียกค่าสินสอดแค่นี้จะเป็ไรไป ข้าเลี้ยงสุนัขสิบปีกเสียข้าวสารไปเป็ยุ้งฉาง สินสอดแค่นี้ยังไม่พอด้วยซ้ำ"
พอคำพูดของอูต้าฟางหลุดปากออกมา ทุกคนที่มุงดูอยู่ต่างโห่ร้องพร้อมกัน ปล่อยให้ผู้อื่นหิวโซผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ยังมีหน้ามาพูดเช่นนี้อีกหรือ หากอูหลันฮวาไม่ขึ้นเขาไปหาของกินด้วยตนเอง ก็คงอดตายไปแล้ว
"ข้าทำงาน ครอบครัวข้ามีทั้งบ้านและที่นา ข้าไม่ได้กินข้าวเปล่าๆ"
อูหลันฮวาซึ่งสงวนวาจามาแต่ั้แ่ต้นเริ่มเอ่ยปาก แม้ว่านางจะพูดไม่ชัด แต่ทุกคนก็ยังฟังเข้าใจ
"ถูกต้อง อูต้าซานทิ้งบ้านกับที่นาไว้ให้หลันฮวา พวกเ้าเข้ายึดครองทั้งหมดไม่ว่า แม้แต่ข้าวก็ยังมิให้นางกิน"
"งานหนักและสกปรกโสโครกอันใดก็ให้สตรีคนเดียวทำทุกอย่าง หน้าต้องหนาแค่ไหนก็สุดจะรู้ได้"
"หลันฮวาทำงานคนเดียวเท่ากับคนในบ้านพวกเ้าสามคน ยังบอกว่านางกินอยู่เปล่าๆ อย่างไม่ละอายใจ"
พวกชาวบ้านต่างชี้หน้าปรามาสอูต้าฟาง
สีหน้าของอูต้าฟางเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวซีด บุตรชายสองคนของเขาเอาแต่หลบอยู่หลังบิดาอย่างรักตัวกลัวตาย ไม่กล้าเปล่งเสียงสักคำ
"ผายลม บ้านกับที่นาสกุลอูล้วนสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น นางไม่ใช่บุรุษ มีสิทธิ์อะไรมาบ้านและที่นา นางกินข้าวบ้านข้า ทำงานให้ก็สมควรแล้วนี่ หากใจบุญสุนทานนัก ไยไม่พานางกลับไปกินข้าวที่บ้านเสียเลยเล่า เ้าพวกชอบสอดเื่ของชาวบ้าน"
อูต้าฟางลุกขึ้นมาเต้นผาง ด่าทอพวกชาวบ้าน
ผู้นำตระกูลอูกับาุโสองสามท่านต่างส่ายหน้าระอาใจ
ยามนี้ แม่เฒ่าอูชีก็เข้ามา
พอนางมาถึง ทุกคนต่างตระหนักถึงจุดจบของอูหลันฮวาจึงเงียบเสียงทันใด
ผู้นำตระกูลอูมุ่นคิ้วขมวด "ต้าฟาง เ้า้าเช่นนี้จริงหรือ"
อูต้าฟางเห็นแม่เฒ่าอูชีมาถึง ก็กระดกมุมปากเข้าไปต้อนรับ "ผู้าุโ บ้านข้ารองรับนางไม่ไหวแล้วจริงๆ วันไหนเกิดนางทุบตีพวกเราตายทั้งครอบครัว แล้วพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็ธรรมจากท่านได้อีกหรือ"
าุโผู้นำตระกูลฟางโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ ชี้หน้าด่าอูต้าฟางเป็ชุด "จะ... เ้าคนต่ำช้า รอวันหน้าเ้าลงไปข้างล่าง ดูซิ จะมองหน้าบิดามารดากับน้องชายของตนเองอย่างไร"
เขาสะบัดแขน หมุนตัวสาวเท้าก้าวใหญ่จากไป
าุโอีกสองสามคนต่างมองหน้ากัน ถอนหายใจ แล้วเดินตามไป แม้แต่ผู้นำตระกูลยังจัดการไม่ได้ พวกเขาก็คร้านจะสนใจเหมือนกัน
อูหลันฮวาทุบตีคนในครอบครัวของลุง อันที่จริงก็ผิดศีลธรรม อูต้าฟางแค่จับจุดนี้ก็สามารถใช้เหตุผลนี้ขายอูหลันฮวาได้โดยชอบธรรม
ในที่สุดก็มีแค่ลุงเก้าเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ต่อ
อูต้าฟางท่าทางลำพองใจ เชื้อเชิญแม่เฒ่าอูชีเข้ามาในเรือนอย่างกระตือรือร้น
"อูต้าฟาง เ้าจะขายหลันฮวาจริงรึ"
แม่เฒ่าอูชีไม่เสียเวลาไร้สาระ นางสังเกตการณ์อยู่ด้านนอกมาครู่หนึ่งแล้ว เมื่ออูต้าฟางตัดใจขายแน่นอนแล้ว นางก็คร้านจะเกลี้ยกล่อม
"ขาย หลานชั่วเนรคุณแบบนี้ ข้าไม่เลี้ยงให้เสียข้าวสุก" อูต้าฟางโกรธจัดจนใบหน้าบวมแดงกระตุกริกๆ
"พวกท่านรุมทุบตีข้ากันทั้งบ้าน หากไม่ป้องกันตัว ต้องรอให้ถูกพวกท่านตีตายก่อนหรือ"
คำว่าเนรคุณไร้มโนธรรมของเขาทำให้อูหลันฮวาคับแค้นอัดอั้นตันใจยิ่ง
นางแค่ไปกินข้าวบ้านต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนแค่มื้อเดียว พอกลับมา ถูกจิกหัวตบหน้าด่าทอไม่ว่า ยังใช้ม้านั่งยาวมาฟาดนางอีก นางแย่งม้านั่งมาได้ ผู้อื่นอับอายจนกลายเป็โทสะ วิ่งออกไปหยิบราวตากผ้า
อูหลันฮวาไม่ใช่คนโง่ ไหนเลยจะยอมอยู่เฉยให้พวกเขาทุบตีฝ่ายเดียว อูต้าฟางเรียกให้คนทั้งบ้านล้อมนางไว้ ทำให้อูหลันฮวาจำต้องลุกขึ้นต่อต้าน
หลังจากนั้นก็เริ่มต่อสู้กัน นึกถึงการถูกกดขี่ข่มเหงแต่ละอย่างที่ผ่านมา นางก็ควบคุมแรงตนเองไม่ได้ สุดท้ายคนที่มามุงดูต้องเข้ามาช่วยแยกพวกเขาออกจากกัน เื่ถึงเป็อันยุติ
ตอนนั้นอูต้าฟางถูกนางตีจนบอบช้ำไปทั้งตัว อันที่จริงนางเองก็ถูกทุบตีเช่นกัน แต่ไม่เจ็บหนักเท่าพวกเขา
"ผายลม ผู้าุโอบรมสั่งสอน เ้ากลับลงมือทุบตีคนเกือบตาย นี่หรือที่เ้าเรียกว่าป้องกันตัว" อูต้าฟังถลึงตาใส่นางด้วยสีหน้ากราดเกรี้ยว แค่ตนเองจับจุดที่นางลงไม้ลงมือกับผู้าุโ ไม่ว่าอย่างไรก็มีเหตุผล เขาไม่หวั่นอยู่แล้ว
"ฮึ ผู้าุโบอกให้เ้าไปกินมูล เ้าไปไหมล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นยืนอยู่หลังฝูงชนอดใจไม่ไหวด่าออกมาประโยคหนึ่ง
มารดามันเถอะ เื่แปลกมีให้เห็นทุกปี แต่ปีนี้กลับเยอะมากเป็พิเศษ
"คิก" ซีมู่เซียงอยู่ด้านข้างต้องป้องปากหัวเราะพรืดออกมา
"เอาล่ะๆ ข้าไม่มีเวลาว่างมาฟังพวกเ้าตีฝีปากใส่กันหรอกนะ ว่ามา จะขายเท่าไร อูต้าฟาง เ้าต้องตระหนักถึงความเป็จริงด้วย อย่าเป็สิงโตปากกว้าง" แม่เฒ่าอูชีเริ่มหมดความอดทน
อูต้าฟางกลอกตา เดินเข้าไปหา "แม่เฒ่าชี ครั้งก่อนฟางเฉ่าขายได้สิบตำลึงมิใช่หรือ พวกเราไม่ขออะไรมาก แค่เท่ากับฟางเฉ่าก็พอแล้ว"
นี่คือเื่ที่ทุกคนในครอบครัวอดทนต่อความเ็ปปรึกษาหารือกันเมื่อคืน
ราคาเดียวกับค่าสินสอดไม่นับว่าขาดทุน
พอคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนต่างร้องฮือฮา เงินสิบตำลึงไม่ใช่จำนวนน้อยๆ
แม่เฒ่าอูชีได้ยินเช่นนั้นก็เดือดดาล หัวเราะเยาะหยัน อูต้าฟางผู้นี้เลอะเลือนไร้เหตุผลสิ้นดี
