สภาพของจางเจียิดูไม่ได้ เพราะเนื้อตัวมีแต่ฝุ่น ถูกพ่อค้าหาบเร่ที่สวนมาถ่มน้ำลายใส่ด้วยความรังเกียจ
“ไอ้บ้า เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ หลบไปให้พ้น”
จางเจียิหยุดเดิน
จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาสวมกอดเขาแน่นจากด้านหลัง
“พี่เจียิ พวกเราสัญญากันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะคอยช่วยเหลือประคับประคองกัน? แล้วพี่ทิ้งฉันลงได้อย่างไร?”
เสียงไพเราะน่าฟังราวกับเสียง์อันคุ้นเคยดังขึ้นข้างหู
จางเจียิกุมมือน้อยๆ ที่โอบรอบเอวของตนเองไว้อย่างระมัดระวัง
เมื่อเขาหันกลับไป ก็พบกับใบหน้าดวงหน้าอันอ่อนเยาว์ของฮั่วเสี่ยวเหวิน บนใบหน้าของเธอมีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่ เหตุเพราะพยายามวิ่งตามจางเจียิมา
เด็กหญิงร้อนใจมากจวนเจียนจะร้องไห้ออกมารอมร่อ
“พี่เจียิ ฉันไม่อยากไปกับพวกเขา ฉันอยากจะอยู่กับพี่”
เด็กหนุ่มอายุสิบหกกำลังพยายามเก็บกลั้นน้ำตาที่ทำท่าจะเอ่อล้นออกมา
“ฉันก็อยากอยู่กับเธอ เพียงแต่ว่าคุณลุงของเธอสามารถมอบสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าให้เธอได้ เธอตามคุณลุงไปอยู่ในเมืองเถอะ แล้ววันหน้าฉันจะไปหา”
จางเจียิยกมือขึ้นลูบหัวฮั่วเสี่ยวเหวินเบาๆ เพื่อปลอบประโลม
แต่ฮั่วเสี่ยวเหวินกลับส่ายหน้าไปมา
“ฉันไม่อยากตามคุณลุงไปอยู่ในเมือง ฉันจะอยู่กับพี่เจียิ”
กล่าวจบ เธอก็ร้องไห้ออกมาจนดวงตาบวมแดงไปหมด
เมื่อเห็นฮั่วเสี่ยวเหวินร้องไห้เช่นนี้ จางเจียิก็ทำอะไรไม่ถูก เขาเอ่ยขึ้น “ก็ได้ๆ ไม่ต้องร้องแล้ว ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากไปอยู่ในเมืองกับลุง หากเป็เช่นนั้นก็อาศัยอยู่กับฉันแล้วกัน ถ้าเธอไม่กลัวลำบากเสียก่อน”
“ฉันไม่อยากแยกจากกับพี่” ฮั่วเสี่ยวเหวินกล่าวซ้ำพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น
ป๋ายเข่อเหยียนที่ไล่ตามมาเห็นภาพดังกล่าวก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะเดินเข้าไปหาทั้งคู่ เธอทำเพียงแค่ยืนมองพี่ชายน้องสาวคู่นี้กอดกันอยู่เงียบๆ
คงต้องผ่านอะไรมาด้วยกันมากมายแน่ คนสองคนที่ไม่ใช่ครอบครัวกันถึงได้พึ่งพิงกันและกันมากถึงเพียงนี้
จากนั้นเด็กทั้งสองคนก็เปลี่ยนจากร้องไห้มาเป็แย้มรอยยิ้มให้กัน
มือข้างหนึ่งของจางเจียิจูงมือฮั่วเสี่ยวเหวินไว้
เขาค่อยๆ เช็ดเืที่ซึมออกมาจากหลังมือของเธอให้เรียบร้อยสะอาดสะอ้านด้วยความระมัดระวัง
“ต่อไปห้ามทำเช่นนี้อีก ไม่อย่างนั้นฉันจะปวดใจมาก”
ฮั่วเสี่ยวเหวินเงยหน้าขึ้น เธอยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสองซี่กับจางเจียิ
“ขอเพียงพวกเรายังอยู่ด้วยกัน ฉันก็จะไม่ทำแบบนี้อีก เมื่อครู่นี้ทำฉันเจ็บไม่น้อยเลย”
น้ำเสียงของเด็กหญิงเจือไปด้วยความหวานชื่น
จางเจียิเช็ดมือข้างที่ถูกเข็มปักของเธอด้วยความระมัดระวัง
“เอาล่ะ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ ฉันจะหาหมั่นโถวลูกใหญ่มาให้เธอกิน”
ได้ยินดังนั้นฮั่วเสี่ยวเหวินก็รู้สึกปวดใจ หมั่นโถวหาง่ายขนาดนั้นที่ไหน เธอไม่ได้กำลังกินหมั่นโถว แต่กำลังกินเืเนื้อของเขาต่างหาก
“ขอแค่อยู่กับพี่เจียิ ฉันกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นจ้ะ”
เมื่อกลับมายังบ้านหลังซอมซ่อจนไม่อาจเรียกว่าบ้านได้เต็มปาก ฮั่วเสี่ยวเหวินก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ
“ดีเหลือเกิน ในที่สุดก็ได้กลับมาแล้ว”
สิ้นเสียงของเธอ ก็กลับมีเสียงพูดปริศนาดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“ฮั่วเสี่ยวเหวิน หลานยินดีที่จะอยู่ในที่แบบนี้แต่ไม่ยอมตามลุงไปอยู่ในเมืองที่มีสภาพแวดล้อมดีๆ งั้นหรือจ๊ะ ดูที่นี่สิ แสงสว่างก็ยังมีไม่เพียงพอ หลานยังต้องเรียนหนังสืออยู่ แล้วจะทำการบ้านในที่แบบนี้ได้อย่างไร จะใช้ชีวิตอย่างไร?”
เงาร่างของป๋ายเข่อเหยียนค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางแสงสลัวภายในบ้าน
จางเจียิกับฮั่วเสี่ยวเหวินใ คิดไม่ถึงว่าจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญตามมา
โดยเฉพาะฮั่วเสี่ยวเหวิน เธอจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้อยู่กับคุณลุงในห้องผู้ป่วยเมื่อครู่ แต่อีกฝ่ายสวมชุดพยาบาล
เื่เรียนหนังสือทำงานอะไรนั่น ฮั่วเสี่ยวเหวินเป็คนจากยุค 90 หรือศตวรรษที่ 21 สิ่งที่พวกคุณไม่เคยเห็น ไม่อาจจินตนาการ ฮั่วเสี่ยวเหวินล้วนเคยเห็นมาหมดแล้วทั้งสิ้น ไม่จำเป็ที่จะต้องเรียนหนังสืออีกต่อไป
ฮั่วเสี่ยวเหวินบ่นในใจ แต่ถ้าพูดออกมาคงทำให้คนอื่นมองว่าเธอเป็โรคประสาทแน่
“หนูไม่ไปอยู่ในเมือง หนูจะอยู่กับพี่เจียิที่นี่ และไม่ต้องเรียนหนังสือก็ได้ค่ะ”
ป๋ายเข่อเหยียนไม่สนใจ เธอมองว่านี่เป็คำพูดที่ใช้อารมณ์ของเด็กน้อยที่ยังไม่รู้ความ
ป๋ายเข่อเหยียนย่อตัวลง พยายามควบคุมสีหน้าให้ดูอ่อนโยน เธอยื่นมือไปลูบหัวของฮั่วเสี่ยวเหวิน และก็พบว่าผมของอีกฝ่ายเกาะกันยุ่งเหยิงเป็สังกะตังหมดแล้ว
“ฮั่วเสี่ยวเหวิน ฉันรู้ว่าหลานไม่อยากจะแยกจากกับพี่ชาย แต่ถ้าหากอยู่ที่นี่ หลานดูสภาพแวดล้อมสิ พวกเธอสองคนไม่มีแม้แต่อาหารจะกิน เป็เช่นนี้จะมีชีวิตรอดได้หรือ? และเขาจะเลี้ยงดูหลานได้จริงๆ น่ะหรือ?”
แผลเป็บนหน้าจางเจียิยิ่งดูน่ากลัวเป็พิเศษเมื่ออยู่ในห้องที่มืดสลัวนี้
“ผมหาหมั่นโถวแป้งขาวให้เธอกินได้”
ทั้งที่เด็กหนุ่มมีอายุเพียงแค่สิบกว่าปีทั้งร่างกายยังผ่ายผอม ทว่าคำพูดกลับมีพลังหนักแน่น
ป๋ายเข่อเหยียนถอนหายใจ เธอลุกขึ้นยืน กวาดตามองไปรอบๆ บ้านผุพังหลังนี้ หากเกิดพายุฝนโหมกระหน่ำอาจต้านไม่ได้แม้แต่คืนเดียวด้วยซ้ำ ทั้งสามีของเธอก็ยังคอยรู้สึกผิดต่อน้องสาวซึ่งจากไปก่อนวัยอันควรมาตลอด เธอจึงไม่อาจปล่อยให้ฮั่วเสี่ยวเหวินอยู่ที่นี่ได้
เธอหันไปมองเด็กหญิงที่อยู่บนเตียงอิฐ
“ป้าสะใภ้ไม่อยากบังคับเธอ แต่หลานเป็เด็กดี ย่อมรู้ความใช่ไหมจ๊ะ?”
เสียงของเธอมีความหลอกล่อเจือปน
จางเจียิที่ยืนด้านข้างขมวดคิ้วแน่น แผลเป็บนหน้ายิ่งดูน่ากลัวมากกว่าเดิม
ฮั่วเสี่ยวเหวินบิดตัว
“หนูไม่อยากเป็เด็กดี หนูไม่อยากรู้ความ ไม่ว่าคุณจะพูดอย่างไร หนูก็จะไม่แยกไปจากพี่เจียิ หนูจะอยู่กับเขาค่ะ”
ป๋ายเข่อเหยียนกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย ไหนว่าเด็กอายุสิบขวบหลอกง่าย? เด็กคนนี้โตก่อนวัยอันควรหรือ?
เธอครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นภาพของแสงสีในเมืองพลันแวบเข้ามาในหัว
ป๋ายเข่อเหยียนย่อตัวลงอีกครั้ง เกลี้ยกล่อมเด็กหญิงด้วยความอดทน
“จริงหรือ? นั่นเพราะเธอยังไม่เคยเข้าเมืองต่างหาก ในเมืองสนุกมากนะจ๊ะ มีของอร่อยเต็มไปหมด ทั้งยังมีเพื่อนเยอะแยะ เมื่อถึงเวลาแล้วคุณลุงจะส่งหลานไปโรงเรียน และมีเพื่อนเล่นเป็เด็กวัยเดียวกันด้วยนะ”
อย่างไรก็เป็เพียงเด็กสิบขวบ เมื่อมีของกินของเล่นมาล่อ เธอคงไม่มีทางต้านทานไหวเป็แน่
ป๋ายเข่อเหยียนคิดแบบนี้ในใจ แต่เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเผชิญกับคนที่ทะลุมิติมา ฮั่วเสี่ยวเหวินจากยุค 90 ล้วนแต่เคยกินและเคยเล่นของเล่นมาหมดแล้วทุกอย่าง
ฮั่วเสี่ยวเหวินส่ายหน้า “หนูไม่เอาค่ะ หนูจะอยู่กับพี่เจียิ ไม่เอาของเล่นของอร่อยอะไรทั้งนั้น”
ป๋ายเข่อเหยียนชี้เสื้อผ้าบนร่างของตัวเอง
“เธอไม่ชอบของเล่นของอร่อย แต่จะไม่ชอบเสื้อผ้าสวยๆ ด้วยงั้นหรือ? ดูเสื้อผ้าที่ป้าสะใภ้ใส่สิ เดี๋ยวป้าสะใภ้จะพาเข้าไปในเมือง ให้หลานเลือกซื้อเสื้อผ้าตามใจชอบเลย”
แต่ทว่า ป๋ายเข่อเหยียนก็ต้องใ เพราะฮั่วเสี่ยวเหวินไม่ได้เมินแค่ของเล่นและของอร่อย แต่ยังเมินเสื้อผ้าสวยๆ ด้วย
ทำเอาป๋ายเข่อเหยียนไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว
“หากอยู่ที่นี่ หลานกล้ารับประกันหรือว่าคุณพ่อกับคุณย่าจะไม่มาหา? หากพวกเขามา หลานน่าจะรู้ดีว่าพวกเขาจะทำกับหลานอย่างไร?”
นี่คือไพ่ไม้ตายสุดท้ายของป๋ายเข่อเหยียน ในเมื่อฮั่วเสี่ยวเหวินสามารถต้านทานสิ่งล่อลวงได้หมดทุกอย่าง เช่นนั้นก็ใช้สิ่งที่ฮั่วเสี่ยวเหวินกลัวบีบบังคับให้ต้องตามเธอกลับเข้าไปในเมือง
เป็ไปตามคาด ฮั่วเสี่ยวเหวินที่วินาทีก่อนยังหนักแน่นพลันนิ่งเงียบไปทันที
“หากพวกเขากล้ามา ผมก็จะสู้ตายกับพวกเขาเอง”
จางเจียิกัดฟันแน่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้