หลังจากที่พนักงานโรงแรมพูดจบ ความเงียบงันก็คืบคลานเข้ามา มันเงียบราวกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย
สีหน้าของฉินโจ้วเริ่มบึ้งตึงไม่คิดว่าหวงฝู๋เฉิงนั้นจะกล้ามาก ไม่แยกแยะว่าอะไรถูกหรือผิด ถึงกับกล้าให้ร้ายกันซึ่งๆหน้า หลังจากที่โจวกังพูดจบก็ก้มหน้าลง ดูเหมือนจะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีก
''ฮึ...''หญิงงามส่งเสียงออกมาก่อนจะยิ้มเยาะด้วยความรู้สึกพึงพอใจใบหน้าเชิดขึ้นอย่างหยิ่งผยอง ก่อนจะพูดขึ้นว่า "หนุ่มบาร์โฮสต์ตอนนี้มีทั้งพยานและหลักฐาน ฉันว่านายอย่ามัวแต่เล่นลิ้นอยู่เลย ทางที่ดีขอโทษฉันเสียดีๆและจ่ายค่าทำขวัญฉันมา 100,000 หยวน ก็ถือว่าจบกันไปไม่อย่างนั้นได้เห็นดีกันแน่"
เดิมทีสีผิวของฉินโจ้วนั้นค่อนข้างคล้ำ ไม่รู้ว่าทำไมถึงเริ่มจะสว่างขึ้นไม่นานมานี้ผิวดูขาวขึ้นเป็อย่างมาก เมื่อเทียบกับเสื้อที่เขาสวมแล้วก็ยังเห็นว่าขาวแต่ก็ยังห่างจากหนุ่มบาร์โฮสต์อยู่อีกมากโข แม้ว่าจะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยได้เบอร์ติดต่อได้อย่างไรแต่หนุ่มบาร์โฮสต์ ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเป็ได้
ซึ่งในเวลานี้นั้นเขาไม่ได้สนใจกับชื่อเรียกที่น่าเกลียดเช่นนี้เขาไม่แม้แต่จะมองไปยังหญิงสาว แต่กลับจับจ้องไปที่หวงฝู๋เฉิงด้วยสายตาเ็าสีหน้ากลับเป็ปกติ แต่น้ำเสียงยังคงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
ฉินโจ้วอยากจะเห็นด้านมืดของหวงฝู๋เฉิงอยากดูว่าเขาจะทำได้ถึงขั้นไหน
ในใจของหวงฝู๋เฉิงนั้นพลันปรากฏความชั่วร้ายขึ้นก่อนจะจ้องมองฉินโจ้วอยู่ครู่หนึ่งอย่างไม่เป็ปกติ ก่อนจะกระแอมเสียงเบาๆ และพูดขึ้นว่า “ตามความเห็นผมว่า...” ในขณะที่กำลังจะพูดก็ถูกหญิงงามแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งว่า “ยังต้องถามอีกหรือก็เป็ไปตามที่ฉันพูดไว้ คิดจะหาใครมาช่วยอย่างนั้นหรือ เปล่าประโยชน์"
โง่เง่า...หวงฝู๋เฉิงถึงกับก่นด่าอยู่ในใจ ก่อนจะรู้สึกเสียใจที่ไม่น่ามาช่วยเธอเลย ไม่คิดว่าผู้หญิงที่มีหน้าอกโตจะไม่มีสมองถึงเพียงนี้ ต้องรู้จักการให้อภัยคน ไม่เคยได้ยินหรือกระต่ายเวลาเข้าตาจนยังรู้จักกัดคนได้ ถ้าทำให้ฉินโจ้วรู้สึกกังวลไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่จะต้องขายหน้า ทันใดนั้นก็มีประโยคหนึ่งแวบขึ้นมาในความคิดของหวงฝู๋เฉิงสีหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้น ก่อนจะพูดขึ้นอย่างสุภาพว่า “ตามความเห็นผมว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายควรรับผิดชอบร่วมกัน น้องชายก็แค่กล่าวขอโทษเพียงแค่ขอโทษ ผู้ชายอย่างเราใจกว้างกับเื่เล็กน้อยเสมอๆ อยู่แล้วจริงไหมส่วนค่าเสียหาย 100,000 หยวนนี้ ทางโรงแรมของเราจะเป็คนจ่ายให้เองเพื่อเห็นแก่เพื่อนใหม่ และหลังจากนี้ทุกคนจะได้ทักทายกันได้น้องชายคิดเห็นเป็อย่างไร?"
สีหน้าของฉินโจ้วนิ่งเฉยไม่ได้แสดงอาการแต่อย่างใดนอกจากประกายแห่งความโกรธแวบเข้ามาในดวงตา ฝีปากของหวงฝู๋เฉิงนี่เป็จริงดังที่มีคนกล่าวเอาไว้จริงๆ ทำให้ฉินโจ้วดูเป็คนดีก่อนจะหักหลังเขาเ้าเล่ห์ชั่วช้าอย่างที่สุด ไม่รู้ว่าบนโลกนี้ยังมีสิ่งดีหลงเหลืออยู่บ้างไหม เวลานี้ในใจของหวงฝู๋เฉิงเต็มไปด้วยความดำมืดและดูเหมือนว่าเขานั้นไม่มีความเมตตาหลงเหลืออยู่เลย
"ผู้จัดการหวงวิธีการของคุณทำให้ผมรู้สึกผิดหวังเป็อย่างยิ่งที่พนักงานโรงแรมพูดนั้นต่อให้มันเป็เื่จริง ผมคงต้องขอปฏิเสธถ้าคุณทั้งสองคนคิดว่าให้เื่นี้จบลงแค่ตรงนี้ ผมก็จะทำเป็ว่าเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นเผื่อว่าถ้าคุณยังไม่รู้สึกตัว ว่าคุณได้ลืมอะไรไปบางอย่างที่ห้องโถงแห่งนี้มีกล้องวงจรปิดอยู่ เมื่อหน้าต่างกระดาษถูกฉีกขาดก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจนะ"
หวงฝู๋เฉิงและโจวกังต่างก็มีปฏิกิริยาทันทีรีบเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่ากล้องวงจรปิดอยู่เหนือหัวของพวกเขาพอดี ทั้งสองต่างก็หน้าถอดสีโจวกังถึงกับตื่นตระหนก หวงฝู๋เฉิงเองก็รู้สึกขายหน้าส่วนคุณอู๋นั้นความรู้สึกค่อนข้างช้า หันมองไปรอบตัวก่อนจะพบกับตำแหน่งของกล้องวงจรปิดสีหน้าของเธอถึงกับสลดลงทันที 100,000 หยวนดูเหมือนคงจะบินหายไปเสียแล้วจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ต่อหน้าต่อตา ไม่สำคัญว่าเธอจะมีลิ้นแพรวพราวขนาดไหนคงไม่สามารถกลับดำเป็ขาวได้แล้ว ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่เธอคิดว่ามีโจวกังเป็พยานเพียงคนเดียว ปกติแล้วคงไม่มีใครสนใจว่าโจวกังจะพูดอะไรถึงแม้จะไปถึงสถานีตำรวจเธอก็ไม่รู้สึกวิตกกังวลแต่กล้องวงจรปิดที่ปรากฏขึ้นมาเปลี่ยนทุกอย่างไปจนหมดสิ้น
"ตอนนี้คุณยัง้าให้ผมขอโทษอยู่อีกไหม คุณผู้จัดการหวง" ฉินโจ้วมองเขาด้วยท่าทีเยาะเย้ย และดูถูกเป็อย่างมาก ก็แค่อายุมากกว่า...ส่วนสาวงามนั้นเขาไม่สนใจแม้แต่น้อย ผู้หญิงแบบนี้ แค่พูดขึ้นมาราคาก็ตกลงเสียแล้ว
"ผ...ผม... นี่มันก็... ดูเหมือน... ว่า...” สีหน้าของหวงฝู๋เฉิงแดงก่ำพูดจาตะกุกตะกัก เขาก็เคยผ่านมรสุมคลื่นลมมานับไม่ถ้วน แต่ทว่าก็ยังประมาทไปชั่วขณะถึงกับทำเรือล่มในร่องน้ำ ถ้าเื่นี้แพร่กระจายออกไปคงมีผลเสียกับชื่อเสียงที่สั่งสมมา ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจเป็อย่างมาก
“ถ้าผมบอกให้คุณขอโทษล่ะ” มีเสียงเฉื่อยชาเสียงหนึ่งดังลอยมาจากด้านนอกหลังจากที่เสียงดังขึ้น มีชายหนุ่มสองคนเดินเข้ามาในห้องโถงคนที่เดินนำหน้าใส่เสื้อเชิ๊ตลายตารางหมากรุกสีเขียว ใส่กางเกงขาสั้นสีแดงสวมรองเท้าแตะ ควงเสื้อราวกับเด็กหนุ่ม หน้าตาหล่อเหลาแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายใบหน้าของเขาดูซีดเผือด ราวกับเพิ่งตื่นนอน ส่วนคนที่อยู่ด้านหลังการแต่งตัวดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงอยู่ในชุดสูทสีขาว มีรอยยิ้มที่สดใส ท่าทางเหมือนเ้าชายทรงเสน่ห์
เมื่อเห็นชายหนุ่มทั้งสองคนเดินเข้ามาสีหน้าของหวงฝู๋เฉิง โจวกัง และคุณอู๋ก็เปลี่ยนไปในทันที หวงฝู๋เฉิงและโจวกังนั้นรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นส่วนคุณอู๋ถึงกับประหลาดใจ ที่แตกต่างกันก็คือ ทั้งหวงฝู๋เฉิงกับโจวกังมองไปที่ชายหนุ่มสวมสูทสีขาวแต่ขณะที่คุณอู๋มองไปที่ชายหนุ่มที่แต่งตัวในชุดลำลอง
คุณอู๋ยิ้มออกมาก่อนจะวิ่งไปหยุดอยู่ข้างๆชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าสีสดใส ก่อนจะใช้หน้าอกอันอวบอิ่มเบียดไปที่แขนของเขาอย่างไม่เกรงใจจนหน้าอกเบียดแบนไปทั้งสองข้าง ริมฝีปากสีแดงที่ห่อเหี่ยวของเธอพูดขึ้นว่า"พี่ิ คุณมาก็ดีแล้ว ถ้ามาช้ากว่านี้คงจะไม่เห็นฉันแล้ว ฉันถูกกลั่นแกล้งคุณดูแขนฉันสิ เนี่ย... ตรงนี้... แล้วก็ตรงนี้อีกเขียวช้ำไปหมด ฉันเคยเจอแบบนี้ที่ไหนกันคุณต้องจัดการให้ฉันนะ หวงฝู๋เฉิงที่ยืนอยู่นั่นก็ไม่ได้ช่วยฉันเลยสักนิดปล่อยให้ฉันถูกคนอื่นรังแก โดยไม่คิดช่วยอะไรเลย ใช้อะไรไม่ได้แม้แต่น้อยปกติเอาแต่คุยโม้โอ้อวดว่าตัวเองฉลาด พอถึงเวลาคับขันขึ้นมาก็ทำโซ่ตก (ทำผิดพลาด)เหมือนกับหอกเงินที่หล่อมาจากเทียนไข (ดูดี แต่ไร้ประโยชน์)
หวงฝู๋เฉิงมีสีหน้าเจื่อนๆขณะที่อยู่ต่อหน้าชายหนุ่มสูทสีขาว ซึ่งก็คือผู้จัดการใหญ่ เขาได้แต่แสดงความนอบน้อมอย่างเชื่อฟังส่วนโจวกังนั้นด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิเขายังไม่สามารถที่จะพูดคุยกับผู้จัดการใหญ่ได้
"โอเคผมเข้าใจแล้ว" ชายหนุ่มที่ชื่อิเห็นว่าเธอเริ่มไร้สาระมากขึ้นเรื่อยๆก่อนจะพูดแทรกขึ้นมา เมื่อมองเห็นรอยเขียวช้ำหลายแห่งบนแขนที่ขาวเนียนของอู๋ฟางก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ ก่อนจะมองไปทางฉินโจ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งว่า ฉันไม่สนหรอกนะว่านายเป็ใครหรือมาจากไหน ฉันไม่สนใจว่านายจะมีใครหนุนหลังอยู่ รีบคุกเข่าขอโทษฟางฟางเดี๋ยวนี้ไม่อย่างนั้นแล้วก็รับผิดชอบผลที่จะตามมาก็แล้วกัน
"พี่ิคุณช่างเป็คนดีมาก ฉันรักคุณมากที่สุดเลย" เมื่อเห็นพี่ินั้นปกป้องตัวเธออู๋ฟางเซว่ก็บรรจงจูบไปที่แก้มของพี่ิ อย่างมีความสุขและเต็มไปด้วยความรัก
เสียงของพี่ิดังมากแต่ไม่มีใครคิดว่ามันเป็สิ่งที่ไม่เหมาะสมแต่อย่างใดเนื่องจากตำแหน่งของพี่ินั้นสูงมาก ในเมืองก้านโจวคนที่เขาไม่กล้ายุ่งด้วยนับได้ไม่เกินห้าคน ซึ่งนั่นไม่รวมฉินโจ้วดังนั้นเขาจึงไม่แม้แต่จะถามชื่อของเขาด้วยซ้ำ
"นี่เป็ลูกชายคนที่สองของกลุ่มหงเย่''ิเฉ่า'' หวงฝู๋เฉิงกลัวว่าฉินโจ้วจะไม่รู้จักจึงรีบแนะนำ
ฉินโจ้วยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไปประตูลิฟต์ก็เปิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะมีหญิงสาวสดใสในชุดสีขาวกระโปรงสีเขียวนั่นก็คือ ''หลี่เฟย'' แมงมุมสาวนักธนูในกลุ่มแมลงตัวเล็ก ซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้รับโทรศัพท์จากหงยี่และเป็คนแรกที่มาถึงหลังจากที่รออยู่ในห้องพิเศษส่วนตัวสักพักใหญ่ ก็พบว่าฉินโจ้วยังมาไม่ถึงจึงกังวลว่าฉินโจ้วอาจจะหาห้องไม่เจอ เธอจึงรีบวิ่งลงมา
เมื่อออกมาจากลิฟต์หลี่เฟยก็มองเห็นฉินโจ้วในทันที และอดหัวเราะไม่ได้ "พี่ฉินทำไมคุณถึงไม่ขึ้นไปข้างบนล่ะในเมื่อมาถึงแล้ว เอ๋... ''หม่าเว่ยิ''และ ''เจิ้งไค่'' ก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือว่าแต่ทำไมถึงได้มาพร้อมกันล่ะ คุณรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า? เอ่อ... ไม่สิ... เกิดอะไรขึ้นหรือ?" หลี่เฟยเธอเป็คนฉลาดจึงสังเกตได้ในทันทีว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้น
''หม่าเว่ยิ'' นั้นเป็ชื่อของพี่ิและ ''เจิ้งไค่'' เป็ชื่อของผู้จัดการใหญ่ในขณะที่หวงฝู๋เฉิงและคนอื่นๆ นั้นพวกเขาล้วนรู้จักหลี่เฟย แต่หลี่เฟยไม่รู้จักพวกเขา
"หลี่เฟยเธอเองก็อยู่ที่นี่ด้วยอย่างนั้นหรือ"หม่าเว่ยิไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับหลี่เฟยที่นี่ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“สวัสดีครับคุณหลี่” เจิ้งไค่นั้นไม่กล้าเพิกเฉยก่อนที่จะรีบทักทายอย่างรวดเร็ว
หลี่เฟยเป็คนที่มีความคิดฉลาดเฉียบแหลมเมื่อเห็นว่าไม่สามารถรับมือกับคนทั้งสองกลุ่มได้ ก็กังวลว่าฉินโจ้วจะเสียเปรียบจึงรีบเดินอย่างรวดเร็วมาอยู่ข้างกายเขา ก่อนจะกระซิบถามฉินโจ้วมองดูทุกคนแสดงทีท่าเกรงใจหลี่เฟย จึงรู้ว่าเื่นี้ควรจะจบลงได้แล้ว เขาจึงไม่อ้อมค้อมก่อนจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
เจิ้งไค่เห็นสีหน้าของหลี่เฟยเปลี่ยนไปทันใดนั้นก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา จึงไม่เปิดโอกาสให้หลี่เฟยได้พูด ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “คุณหลี่” เื่นี้คงมีการเข้าใจผิดกันดูเหมือนว่าคนผู้นี้น่าจะเป็เพื่อนของคุณ ิเฉ่าคงจำคนผิดไป ตอนนี้เราควรจะไปที่โต๊ะทุกคนจะได้ไปดื่มกัน เื่นี้ก็เป็อันชัดเจน จะได้จบกันไป เพื่อนคุณคิดว่าอย่างไร?
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเื่นี้อย่างชัดเจนนักแม้จะเป็คนโง่ก็ยังรู้เลยว่าเธอคนนั้นเป็เด็กของิเฉ่า หญิงงามนาม ‘อู๋ฟางเซว่’ ที่ทำให้มีปัญหา และสถานะของหลี่เฟยนั้นแตกต่างจากฉินโจ้วถ้าหลี่เฟยเกิดะเิอารมณ์ขึ้นมา ิเฉ่าก็จะถูกทำให้อับอายขายหน้าิเฉ่าเป็เพื่อนของเขา ถ้าิเฉ่าเสียหน้า เขาเองก็ไม่มีหน้าจะไปพบใครได้อีกดังนั้นเขาจึงพุ่งเป้าด้วยการสานสัมพันธ์กับฉินโจ้ว โดยหวังว่าเขาคนนี้จะรับรู้ถึงสถานะของิเฉ่าและไม่สืบสาวราวเื่
ดูเหมือนเขาจะคิดคำนวณเอาไว้เป็อย่างดีแต่ทว่าสิ่งต่างๆ คงจะไม่เป็ไปตามที่เขาคิดเสียแล้ว