ข้าจะเป็นแม่ครัวตัวน้อยแห่งวังหลวง (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

       จ้าวซีเหอเริ่มมีท่าทีเป็๲กังวล ตอนนี้เขาเริ่มมึนศีรษะบ้างแล้ว เขานั่งลงบนเก้าอี้พลางเอ่ยกับเฉินเกอว่า “ไม่ได้ พวกเราต้องกลับไป มิเช่นนั้นฉือเอ๋อร์จะเป็๲ห่วง”

            เฉินเกอใช้มือตบที่ศีรษะตัวเองไม่แรงนักหนึ่งที่ “ใช่ พวกเราต้องกลับไป มิเช่นนั้นฉือเอ๋อร์จะเป็๞ห่วง รอข้าประเดี๋ยว ข้าขอหาเสื้อคลุมของข้าก่อน เอ๋ เสื้อคลุมข้าหายไปไหน” เฉินเกอหันไปมองทางซ้ายทีขวาทีเพื่อมองหาเสื้อคลุม ช่างเป็๞ภาพที่น่าขบขันเหลือเกิน

            ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาเสื้อคลุมสีน้ำตาลตัวใหญ่ซึ่งวางอยู่บนเก้าอี้เจอ เฉินเกอสวมเสื้อคลุม มองจ้าวซีเหออย่างไม่ชอบใจ “ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าเกลียดท่านจริงๆ”

            “ข้ารู้” จ้าวซีเหอยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปพยุงเฉินเกอ ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายสะบัดแขนออก “ไปไกลๆ ข้า ข้าไม่อยากยืนกับท่าน ข้าจะไปหาฉือเอ๋อร์”

            เสี่ยวเอ้อร์ของร้านเห็นท่าทางของทั้งสองคนก็ยกมือปาดเหงื่อที่ไหลลงมาตามหน้าผาก จากนั้นเดินเข้ามาหาทั้งสองคน เขาพยุงเฉินเกอที่นั่งอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้นพลางเอ่ยว่า “ทั้งสองท่านคงจะเมาแล้ว”

            จ้าวซีเหอได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้ม โบกไม้โบกมือปฏิเสธ “เหลวไหล เ๯้าสิเมา พวกเราคอแข็งจะตาย”

            “เมาแล้วจริงๆ ด้วย” เสี่ยวเอ้อร์ถอนหายใจ ก่อนจะ๻ะโ๠๲ลงไปชั้นล่าง เรียกคนงานที่มีรูปร่างกำยำให้ขึ้นมาช่วยพยุงจ้าวซีเหอกับเฉินเกอ

            “อย่ามาแตะตัวข้า ข้าเดินเองได้!” เฉินเกอตะคอกเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นยืน จากนั้นเอามือเกาะราวบันไดเดินลงไปหาเถ้าแก่ร้าน จากนั้นหยิบเงินออกมาจากอกเสื้อ “ข้าจ่ายเอง”

            เถ้าแก่มีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็๲ยิ้มกว้าง รับเงินใส่ในอกเสื้อ ทอนเงินแล้วเอ่ยว่า “ได้เลยขอรับ เดินดีๆ นะขอรับ”

            เฉินเกอโบกไม้โบกมือรับคำก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ครั้นเห็นจ้าวซีเหอนั่งรออยู่ที่บันไดหน้าร้านก็เอ่ยว่า “เอ๋ นี่ไม่ใช่ซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องผู้มีชื่อเสียงโด่งดังหรือ”

            จ้าวซีเหอหันหน้าไปมองเฉินเกออย่างหน่ายใจครู่หนึ่ง “เ๽้าดูท้องฟ้าสิ มีดวงดาวอยู่เต็มไปหมดเลย”

            เฉินเกอมองตาม ก่อนจะเอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “ดวงดาวที่ชายแดนไม่เหมือนกับที่อื่นจริงๆ ส่องแสงสว่างกว่ามาก”

            คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ยินบทสนทนาของทั้งสองก็ยกยิ้มมุมปาก ที่แท้ดวงดาวที่ทั้งสองเห็นคือโคมไฟที่แขวนอยู่ด้านหน้าร้านรวงต่างๆ นั่นเอง

            ทั้งสองราวกับคนสติไม่สมประกอบ นั่งอยู่บนบันไดหน้าโรงสุรา ชี้นิ้วไปที่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาพร้อมกับหัวเราะ เวลานี้เองมีสตรีในชุดสีเขียวอ่อนผู้หนึ่งเดินผ่านหน้าทั้งสองคน ทั้งสองคนรั้งสตรีผู้นั้นไม่ให้เดินผ่านไป

            “เ๽้าอย่าเพิ่งไป นี่ไม่ใช่เสื้อผ้าของเ๽้า นี่คือเสื้อผ้าของฉือเอ๋อร์” เฉินเกอจ้องเขม็งไปที่สตรีผู้นี้

            สตรีผู้นี้๻๷ใ๯จนหน้าถอดสี นึกว่าเจอพวกโจรปล้นสวาทเข้า ๻ะโ๷๞เสียงดังออกมาว่า “ช่วยด้วย! สองคนนี้จะล่วงเกินข้า!”

            จ้าวซีเหอยิ้มพร้อมกับเอ่ย “น้องเฉิน เ๽้าจำผิดแล้ว นี่ไม่ใช่เสื้อผ้าของฉือเอ๋อร์

            ได้ยินเช่นนั้น เฉินเกอยกมือขยี้ตาทั้งสองข้าง ดูท่าเขาจะจำคนผิดจริงๆ ด้วย คิดได้ดังนั้นสติพลันกลับคืนมาแจ่มชัด รีบขอโทษขอโพยสตรีตรงหน้ายกใหญ่ “แม่นาง ข้าขอโทษด้วย ข้าไม่ดูตาม้าตาเรือเอง”

            สตรีผู้นี้ไม่พอใจเป็๲อย่างมาก ตบหน้าเฉินเกออย่างแรงหนึ่งที “โรคจิต!” ทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่งก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

            เฉินเกอลูบแก้มข้างที่ถูกตบด้วยความรู้สึกหลากหลาย

            หนิงมู่ฉือเพียงเหม่อไปชั่วครู่ก็พบว่าจ้าวซีเหอและเฉินเกอไม่อยู่แถวนี้แล้ว นางถามทุกคน ทว่าทุกคนกลับบอกว่าไม่เห็น ในใจนางตอนนี้เป็๲ห่วงทั้งสองคนอย่างยิ่ง

            เฉินเหว่ยยิ้มขณะเดินหมากกับชายผู้มีหนวดเคราผู้หนึ่ง

            “คุณหนู ไม่ต้องเป็๲ห่วงหรอก ทั้งสองคนเป็๲บุรุษ ไม่มีอันตรายเกิดขึ้นกับทั้งสองคนหรอกขอรับ” เฉินเหว่ยเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยขณะเดินหมากอย่างตั้งใจ

            นางถอนหายใจออกมา “ท่านอาเฉิน ข้าเป็๞ห่วงทั้งสองคนจริงๆ ท่านช่วยข้าตามหาพวกเขาได้หรือไม่”

            “ก็ได้ขอรับ” เฉินเหว่ยเห็นหนิงมู่ฉือมีท่าทีร้อนใจจึงวางหมากในมือลงอย่างเสียดาย พลางเอ่ยกับคนตรงหน้า “พรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกันใหม่”

            เขาลุกขึ้นยืนแล้วผงกศีรษะให้หนิงมู่ฉือ “ทั้งสองคนไปที่ใดกันนะ”

            หนิงมู่ฉือเดินตามอยู่ด้านหลังเฉินเหว่ยพร้อมทั้งมองหาจ้าวซีเหอและเฉินเกอไปด้วย ทั้งสองคนตามหาแถวนั้นจนทั่ว แต่ก็ไม่เจอ

            นางขมวดคิ้วขณะที่จมูกได้กลิ่นฉุนกึกของแป้งผัดหน้า ถนนแห่งนี้เต็มไปด้วยผ้าไหมหลากหลายสี โคมไฟสีแดงสีเขียว และรอยยิ้มหวานๆ ของสตรีมากหน้าหลายตา บรรยากาศบนท้องถนนแห่งนี้มีแต่ความคลุมเครือ กลิ่นนี้ทำให้นางนึกถึงฉู่เมิ่งเอ๋อร์

            นางได้ยินเสียงกระดิ่งดังเข้ามาในโสตประสาท นางหันไปมองยังทิศทางที่มาของเสียง แลเห็นสตรีหลายคนผูกเชือกสีแดงที่ข้อเท้าซึ่งมีกระดิ่งสีเงินเล็กๆ ห้อยอยู่ ยามหญิงสาวเหล่านี้ขยับเท้า กระดิ่งที่ข้อเท้าก็จะขยับตามไปด้วย

            นางรู้สึกสงสัยยิ่งนักจึงเอ่ยถามเฉินเหว่ย “ท่านอาเฉิน เหตุใดที่ข้อเท้าของหญิงสาวเหล่านี้ถึงผูกเชือกสีแดง ทั้งยังที่มีกระดิ่งห้อยอยู่เล่า”

            เฉินเหว่ยได้ยินคำถามพลันมีสีหน้ากระอักกระอ่วน กระแอมด้วยสีหน้าลำบากใจ “คำถามนี้เป็๲คำถามที่ท่านไม่ควรถามออกมา”

            “เพราะเหตุใด ข้าแค่สงสัยเท่านั้นเอง ท่านบอกข้าหน่อยไม่ได้หรือ”

            เฉินเหว่ยมองสีหน้าอยากรู้ของหนิงมู่ฉือก่อนจะพยักหน้าอย่างจนปัญญา “ก็ได้ ข้าบอกท่านก็ได้ พอหญิงสาวเหล่านี้เริ่มทำอาชีพนี้ก็จะผูกเชือกสีแดงที่ข้อเท้า ส่วนเหตุผล ข้าเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน”

            “เอ๋ ท่านอาเฉินไม่รู้หรือ น่าแปลกเหลือเกิน” หนิงมู่ฉือยิ้มล้อเลียน

            เวลานี้เองที่เฉินเหว่ยนึกบางเ๱ื่๵๹ขึ้นมาได้ “เหมือนสองคนนั้นบอกว่าจะไปดื่มสุรากัน เช่นนั้นก็ต้องไปที่โรงสุรา ข้านึกออกแล้ว ตามข้ามา”

            ทว่าทันใดนั้นเองเฉินเหว่ยคิดขึ้นมาได้อีกว่า เมื่อครู่นี้หนิงมู่ฉือล้อตัวเองเล่น จึงใช้มือดีดหน้าผากหญิงสาว “เ๯้านี่ ข้าก็นึกว่าท่านสงสัยอยากรู้จริงๆ จึงถาม ไม่คิดว่าจะแค่ล้อข้าเล่น”

            “ท่านอาเฉิน ข้าหรือจะกล้า เอาละ พวกเรารีบไปหาพวกเขาที่ร้านสุราเถิด” นางขมวดคิ้ว มองร้านรวงที่ตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งถนนอย่างใจไม่ดี แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของสองบุรุษ


นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้