รอยเท้าบนดอยนั้นค่อนข้างยุ่งเหยิงจึงทำให้แบ่งไม่ออกว่าเป็รอยเก่าหรือใหม่ แต่ที่เข้าใกล้ขอบหน้าผาที่สุดคู่นั้นเป็ขนาดรอยเท้าของเฉิงจวิ้นไม่ผิดแน่
หร่านซวี่จือจ้องมองลายของรอยเท้าเฉิงจวิ้นอย่างตั้งใจและก็สามารถเทียบกันได้พอดี พิสูจน์ว่าเฉิงจวิ้นเคยมาเหยียบที่แห่งนี้จริง
แต่ว่า มีคำถามอยู่สองคำถาม
หนึ่ง หากเฉิงจวิ้นนั้นหล่นลงไปเสียชีวิตจากที่ตรงนี้จริง ถ้าอย่างนั้นคงจะเป็หลังจากที่เฉิงจวิ้นแอบดูหร่านซวี่จือ และระหว่างทางกลับก็เกิดพลัดตกลงไป ไม่มีเหตุที่ต้องกลับขึ้นไปบนหน้าผาอีกครั้ง
สอง รองเท้าที่เฉิงจวิ้นใส่นั้นเป็หนึ่งในสองแบบที่มีขายเฉพาะในหมู่บ้าน แบบที่หนึ่งคือแบบเรียบซึ่งเป็แบบที่ใส่ในบ้านหรือเข้าเมือง ส่วนอีกแบบก็คือแบบที่อยู่บนเท้าของเฉิงจวิ้นซึ่งเป็แบบที่ชาวบ้านส่วนใหญ่สวมทำงาน หากว่ารอยเท้านี้เป็ของคนอื่น ก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้
ดังนั้นเมื่อคืนนอกจากเฉิงจวิ้นแล้ว อาจจะมีคนอื่นที่เคยมายังที่แห่งนี้
หร่านซวี่จือพินิจอยู่ชั่วครู่จึงเดินตามรอยเท้าเ่าั้ไปด้านหน้า เนื่องจากเขาคอยจ้องแต่ที่พื้นทำให้ไม่ทันได้สังเกตด้านหน้าจึงชนกับใครคนหนึ่งเข้า
หร่านซวี่จือตัวผอมบางและน้ำหนักเบา เมื่อชนโดนจึงเซถอยหลังไปหลายก้าว เกือบจะล้มลงพื้น
“เสี่ยวหลิง” คนที่มาคือเสี่ยวจาง เขาดูมีท่าทีกระวนกระวาย ก่อนจะรีบขอโทษขอโพยหร่านซวี่จือ “ขอโทษๆ เมื่อครู่ไม่ได้มองทาง ชนโดนตรงไหนหรือเปล่า? ”
หร่านซวี่จือส่ายหน้า
เสี่ยวจางขอโทษแล้วจะเดินไปด้านหน้าต่อ ซึ่งทิศทางด้านหน้าคือทิศที่หร่านซวี่จือเพิ่งไปดูรอยเท้ามา
หร่านซวี่จือหันศีรษะไปมอง เขาเห็นเสี่ยวจางกำลังโน้มตัวลงช้าๆ กำลังคิดอะไรในใจ จู่ๆ ก็เห็นเขาดึงมือออกจากกระเป๋าและมีกระดาษพลาสติกออกมาจากกระเป๋าเขาด้วย
เมื่อของสิ่งนั้นหล่นลงพื้น ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สะท้อนแสงแดด
หร่านซวี่จือเรียกเขาแต่เสี่ยวจางเหมือนไม่ได้ยิน ไม่นานนักเขาก็หายตัวไป
อะไรกันน่ะ?
หร่านซวี่จือเดินไปแล้วเก็บขึ้นมาดู เขาถึงกับเบิกตาโต
บนรูปมีคนสองคน คนหนึ่งคือเฉิงจวิ้น ในรูปเขาหัวเราะซื่อๆ กอดคนคนหนึ่งและคนคนนั้นคือ——เซียวหง
ภาพพื้นหลังนั้นแปลกตา เหมือนไม่ใช่ชนบทแต่ถ่ายที่ในเมือง ดูแล้วพวกเขายังหนุ่มกันมาก สวมชุดรัดรูปแล้วยิ้มให้กับหน้ากล้องอย่างมีความสุข ดูแล้วเหมือนคู่รัก
ภาพถ่ายนั้นค่อนข้างเก่า เห็นได้ชัดว่าเป็เื่ในอดีตนานมาแล้วระหว่างเฉิงจวิ้นกับเซียวหง
ทำไมเสี่ยวจางถึงมีรูปนี้อยู่?
เซียวหงเป็หม้ายไม่ใช่หรือ? เฉิงจวิ้นนั้นสมองมีปัญหาจึงไม่เคยออกจากหมู่บ้านไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมสองคนนี้ถึงเกี่ยวข้องกันได้?
หร่านซวี่จือเก็บภาพถ่ายเข้ากระเป๋าของตน เขาตัดสินใจว่าหากมีเวลาจะไปสอบถามเื่นี้กับเสี่ยวจาง
หร่านซวี่จือลงจากเขาก็ไม่เห็นตัวหวังเฉิง เห็นเพียงหวังหลง เขากำลังพูดคุยอะไรบางอย่างอย่างออกรสกับเพื่อนที่วัยใกล้เคียงกับเขา
หวังหลงหันสายตามาก็เห็นหร่านซวี่จือจึงรีบโบกมือด้วยความดีใจ
หร่านซวี่จือเดินเข้าไป ได้ยินเด็กหนุ่มอีกสองคนกล่าวทักทายหร่านซวี่จืออย่างมีมารยาท
“นี่คือพี่ไป๋หลิง เป็เพื่อนสนิทของพี่ชายฉัน” หวังหลงตั้งใจเน้นชื่อของหร่านซวี่จือเป็พิเศษ “และก็คือไป๋หลิง น้องชายของพี่ไป๋หลิงฮัว ่ปิดเทอมเขาติวหนังสือให้ฉันแบบไม่คิดเงิน เลยล่ะ! ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เด็กสองคนดวงตาก็เป็ประกาย มองหวังหลงด้วยใบหน้าที่ชื่นชมพร้อมกับอิจฉา
ชายสองคนน่าจะเป็เพื่อนนักเรียนมัธยมของหวังหลง เหมือนจะเป็หัวหน้าชั้นของเขา และปิดเทอมครั้งนี้ได้รับคำสั่งจากครูให้จับตาดูหวังหลงเป็พิเศษ เมื่อเห็นการบ้านของหวังหลงทำเสร็จหมดแล้ว การบ้านที่ยากหลายข้อก็ถูกหมดทำให้เขาใเป็อย่างมาก
ต่อมาถึงรู้ว่าได้รับการติวจากนักศึกษาชื่อดัง ไป๋หลิง ทำให้หัวหน้าชั้นกับรองหัวหน้าถึงกับอิจฉา ครั้งนี้ตั้งใจมาถามหวังหลงว่าจะขอให้หร่านซวี่จือช่วยติวให้พวกเขาด้วยได้หรือไม่
หวังหลงไม่ตอบรับแน่นอน เพราะคิดว่าคงลำบากพี่เสี่ยวหลิงแย่
หลังจากส่งนักเรียนหนุ่มสองคนกลับไปด้วยสายตาแล้ว หร่านซวี่จือก็ถามหวังหลง “หวังหลง พี่นายไปไหนน่ะ? ”
หวังหลงใช้นิ้วก้อยแคะหู “ผมได้ยินมาว่าถูกผู้ใหญ่บ้านหลี่ลากตัวไปแล้ว พี่เสี่ยวหลิง พี่มีธุระอะไรหรือเปล่า? ให้ผมพาพี่ไปหาพี่ชายไหม”
หร่านซวี่จือส่ายหน้า
ขณะนั้นมีเสียงของหลี่เยวี่ยิ่ดังขึ้นจากด้านหลังหร่านซวี่จือ “พี่เสี่ยวหลิง พี่อยู่นี่เอง! ”
หร่านซวี่จือหันศีรษะมา เดิมทีนึกว่าหวังเฉิงกับหลี่เยวี่ยิ่ไปด้วยกัน นี่ถึงเพิ่งเห็นว่าหลี่เหวินหย่วนกับหวังเฉิงไม่อยู่แล้ว
“สวัสดี” หร่านซวี่จือพยักหน้าอย่างมีมารยาท
“เดินเล่นกับฉันหน่อยได้ไหม? ” ผมของหลี่เยวี่ยิ่เก็บผูกไว้ด้านหลัง เผยให้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนและเ็ปเล็กน้อย
อุณหภูมิ่เดือนเก้าค่อนข้างต่ำทำให้ลมที่โชยอยู่ข้างลำธารค่อนข้างเย็น และใบไม้ก็พลิ้วไหวตามแรงลมทำให้เกิดบรรยากาศที่เยือกเย็น หร่านซวี่จือสวมเพียงเสื้อตัวเดียว เขาจึงรู้สึกหนาวเลยต้องใช้มือลูบแขนอีกข้างเอาไว้
“พี่เสี่ยวหลิงมีคนรักไหม? ” หลี่เยวี่ยิ่ถาม
หร่านซวี่จือส่ายหน้า
หลี่เยวี่ยิ่มองไปที่พื้น พลันถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้น พี่มองออกไหมว่าพี่หวังมีคนรักหรือเปล่า? ”
หร่านซวี่จือช้อนตาขึ้นแล้วมองไปทางหลี่เยวี่ยิ่
เธอพูดเองแล้วก็ตอบเอง “ฉันรู้จักกับพี่หวังมาหลายปี ครั้งแรกที่เห็นเขา ยังเป็ตอนที่ฉันเรียนในหมู่บ้าน”
“หมู่บ้านเรามีอันธพาลหลายคน บางทีก็ชอบจงใจดักคนที่คันนา” หลี่เยวี่ยิ่เอ่ย “วันนั้นฉันเข้าเวร ออกจากโรงเรียนดึก ตอนที่กลับมาก็เจอพวกอันธพาลเข้า ในตอนที่อันตรายที่สุด พี่หวังก็มาช่วยฉันเอาไว้”
แววตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและชื่นชม “พี่เคยเห็นท่าทางของพี่หวังแบบนั้นไหม”
หร่านซวี่จือเอ่ยพึมพำในใจ ฉันไม่ต้องเห็นก็ได้เพราะถึงอย่างไรทุกอย่างของเขาก็เป็ของฉันอยู่ดี
หลี่เยวี่ยิ่เอ่ย “แม้ว่าตอนนี้จะไม่รู้ว่าคนรักของพี่หวังคือใคร แต่ฉันรู้ว่าฉันเป็คนที่เหมาะสมกับพี่หวังมากที่สุด ฉันจะรอเขา”
“ทำไมต้องบอกเื่นี้กับฉัน? ” หร่านซวี่จืออดไม่ได้ที่จะถาม
“คงเพราะ ฉันคิดว่าเราคือคนประเภทเดียวกันมั้ง” หลี่เยวี่ยิ่หัวเราะ
“จะว่าไป…” หลี่เยวี่ยิ่จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น “พี่รู้จักพ่อของพี่หวังไหม? ”
เื่นี้หร่านซวี่จือไม่เคยได้ยินหวังเฉิงพูดถึง ในบ้านของหวังเฉิงมีสามคน หวังหลง น้าเซวียแล้วก็หวังเฉิง และหร่านซวี่จือเองก็ไม่เคยเห็นของอะไรเกี่ยวกับพ่อของหวังเฉิง กระทั่งรูปถ่ายก็ไม่เคย และก็ไม่เคยได้ยินพวกเขาพูดถึงด้วย
“พ่อของพี่หวังเสียไปสิบกว่าปีที่แล้ว” หลี่เยวี่ยิ่เอ่ย “ปีนั้นพ่อเฒ่าหวังทำการค้าขายและถูกคนฟ้อง เพราะตรวจเจอยาเสพติดที่ซ่อนในโรงงาน พ่อเฒ่าหวังถูกจับขังคุก สร้างความอับอายให้กับเมียและลูก ไม่กี่วันก็เสียชีวิต”
“บ้านพี่หวังก็คงรู้สึกขายหน้าเพราะเื่นี้จึงปิดปากไม่เอ่ยถึงเื่นี้อีก” หลี่เยวี่ยิ่ถอนหายใจ
พ่อของหวังเฉิงทำเื่แบบนี้ด้วยหรือ? หร่านซวี่จือไม่กล้าเชื่อ หวังเฉิงทั้งบ้านนั้นดูมีเมตตาซื่อสัตย์ ทำไมถึงมีพ่อแบบนั้นได้?
“ที่จริง ฉันก็รู้สึกว่าคุณหวังไม่น่าจะทำเื่ที่สร้างความเสียหายแบบนี้ได้ แต่ผลลัพธ์มันเป็แบบนี้ไปแล้ว” หลี่เยวี่ยิ่มองออกว่าหร่านซวี่จือคิดอะไร “คงได้แต่พูดว่าทุกอย่างมันไม่แน่ไม่นอน”
“พรุ่งนี้คือวันครบรอบวันตายของคุณหวัง วันนี้พี่หวังจะอารมณ์โศกเศร้าเป็พิเศษ ฉันเคยบังเอิญเห็นตอนที่ยังเป็เด็ก และหลายปีก่อนฉันมักจะไปปลอบโยนเขา” หลี่เยวี่ยิ่เอ่ยกับหร่านซวี่จือ “พวกพี่สนิทกัน ฉันคิดว่า หากพี่สามารถปลอบโยนพี่หวังแทนฉันได้ คงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า”