“ชงชาร้อนมาให้ข้า แล้วก็บอกครัวให้ทำอาหารให้ท่านแม่ข้าด้วย” ซูจื่อเยี่ยพูดขณะที่เดินอยู่
งานเลี้ยงในพระราชวัง เขาไม่ได้กินอิ่ม อาหารเย็นยังไม่พอ ยังต้องกังวลว่าจะมีคนปองร้ายวางยาในอาหารหรือไม่
ไม่มีครั้งไหนที่กลับมาแล้วไม่หิวและกระหายน้ำ
“กระหม่อมได้สั่งคนเตรียมไว้แล้ว อีกเดี๋ยวจะนำสำรับมาพ่ะย่ะค่ะ”
ซูจื่อเยี่ยวางใจในการทำงานของจิ้นจงเสมอมา
ต่อจากนั้น จิ้นเซี่ยวก็มารายงานข่าว
ซูจื่อเยี่ยเพียงแค่มีนิสัยเ็าไปหน่อย แต่ปฏิบัติตัวต่อคนติดตามค่อนข้างดี “ปีใหม่นี้ พวกเ้าแต่ละคนคงเห็นว่าใกล้หมดวันส่งท้ายปีเก่า แล้วมารอเอาซองแดงซองแรกสินะ”
“สมกับเป็นายของกระหม่อมจริงๆ เื่เล็กน้อยแค่นี้ก็เดาได้” จิ้นเซี่ยวเดินเข้ามาแล้วตอบอย่างเร่งรีบ
ซูจื่อเยี่ยเลิกคิ้วขึ้นและถามว่า “มีเื่ด่วนหรือ?”
“ทางเหนือไม่ได้สงบสุขมากนัก ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องก็ได้รับาเ็จากธนู” จิ้นเซี่ยวพูดไปขณะที่หยิบแผ่นกระดาษเล็กๆ ออกมาจากอ้อมอก
ปากของซูจื่อเยี่ยยกยิ้มอย่างเ็าแล้วตอบ “แบบนี้ก็เท่ากับว่า พ่อข้าที่มีชีวิตยืนยาวยังไม่ตายตอนนี้สินะ?”
จิ้นเซี่ยวตอบว่า “คาดว่าเบื้องบนคงจะให้ท่านอ๋องกลับมาพักฟื้นที่บ้าน”
ซูจื่อเยี่ยพยักหน้าแล้วอ่านแผ่นกระดาษอย่างละเอียด จากนั้นเอามือไพล่หลังเดินวนไปมาในห้อง ผ่านไปชั่วครู่จึงเอ่ย “ทางนั้นน่าจะได้รับข่าวคราวภายในกี่วัน”
เขาพูดถึงตรงนี้แล้วเว้น่ เหมือนว่ามีเื่บางอย่างที่ยังไม่ได้ข้อสรุป
“นายน้อย ท่านหมายถึง...” จิ้นเซี่ยวถามหยั่งเชิง
ซูจื่อเยี่ยในวันนี้ต่างจากวันวาน ในมือเขามีทรัพยากรของตนเอง พระชายาควบคุมเขาไม่ได้อีกต่อไป
มารดาของซูจื่อเยี่ยหลงรักผิงอ๋องอย่างสุดซึ้ง
“ช่างเถิด” เขาถอนหายใจ เป็บุตรชายที่ซื่อสัตย์ก็แล้วกัน!
“จิ้นจง เ้าไปจัดการเื่นี้”
จิ้นจงรับคําสั่ง นี่เป็การบอกให้เขาไปถึงก่อนคนของพระชายาราวหนึ่งถึงสองชั่วยาม
ครั้งที่หนึ่ง เพื่อสร้างความประทับใจและปลอบโยน
ครั้งที่สอง เพราะจะได้เกิดความเคียดแค้นในใจ
ตามคาด ความคิดของผู้เป็นายนั้นรอบคอบและรัดกุม!
“ไปเอาเหล้าองุ่นที่แม่สาวน้อยส่งมาที”
บรรยากาศข้างนอกนั้นคึกคักในวันส่งท้ายปีเก่าของจีน มีเพียงสถานที่นี้ของเขาที่วังเวง เขาคิดถึงแม่สาวน้อยที่ชิงโจว นางต้องไม่พลาดเทศกาลเช่นนี้แน่ คิดแล้วก็ทำให้มุมปากของเขายกยิ้มเล็กน้อย
จิ้นเซี่ยวไปเอาเหล้ามาให้ แต่เมื่อกลับมาสีหน้าก็ไม่ค่อยดีนักยามที่รินเหล้าให้ซูจื่อเยี่ย เขาอยากพูดแต่แล้วก็เงียบ
“มีอะไร” ซูจื่อเยี่ยเอ่ยถามอย่างใจเย็น
จิ้นเซี่ยวลังเลมาก วันนี้เป็วันส่งท้ายปีเก่า อันที่จริงไม่สมควรพูดเื่ไม่ดี แต่ว่า...
“กระหม่อมเพิ่งได้รับข่าวว่าท่านหญิงฮุ่ยหยายังไม่ตายใจ”
ซูจื่อเยี่ยเยาะเย้ย “นางต้องช่วยพี่ชายนางเป็ธรรมดา”
นางและซูจื่อหงเป็พี่น้องต่างแม่!
“แต่...” คิ้วของจิ้นเซี่ยวผูกเป็ปม
ซูจื่อเยี่ยวางแก้วเหล้าในมือและสั่งว่า “ทำอะไรให้รัดกุมหน่อย”
เขาเว้น่และกล่าวต่อ “ข้าไม่อยากได้ยินชื่อแม่สาวน้อยจากปากของคนอื่น”
สถานที่ที่ผ่อนคลายสบายใจเช่นนั้น เขาชื่นชมนักและไม่อยากให้ถูกทำลาย
จิ้นเซี่ยวได้ยินก็ขอตัวไปทำภารกิจ ซูจื่อเยี่ยเอ่ยอีกว่า “แล้วก็ ซูฮุ่ยหยายุ่งวุ่นวายเกินขอบเขต หาเื่ให้นางทำหน่อย”
ซูฮุ่ยหยาเพียงแค่ดีดนิ้วก็สามารถเหยียบหลิวเต้าเซียงได้ ซูจื่อเยี่ยไม่อยากทำร้ายนาง
จิ้นจงเตือนว่า “นายน้อย ท่านหญิงฮุ่ยหยาเองก็อายุไม่น้อยแล้ว”
ซูจื่อเยี่ยได้ยินดังนั้น ดวงตาก็เป็ประกาย
แต่เขาเลือกที่จะทดในใจไว้ก่อน
แม้ซูจื่อเยี่ยจะอิจฉาหลิวเต้าเซียงที่มีบิดามารดาที่รักใคร่เอ็นดู แต่ทางด้านของหลิวเต้าเซียง วันปีใหม่ทั้งทีกลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้นางแหงนหน้าขึ้นฟ้าและพูดไม่ออก
เสียงประทัดทั้งค่ำคืน เศษกระดาษสีแดงก็ยิ่งดูโดดเด่นยามที่ปลิวว่อนไปทั่วพื้นหิมะ ทุกบ้านติดแถบอักษรมงคลกระดาษสีแดงหมึกดำไว้ทั่ว บ้านที่ร่ำรวยหน่อยก็จะซื้อโคมแดงสองอันมาแขวนรับเทศกาล ราคาไม่ได้แพงนัก เพียงแค่ไม่กี่อีแปะ และสามารถจุดเทียนด้านในได้ กลางวันมองไปก็ได้บรรยากาศครึกครื้น
“เอ๋ พวกเ้าดูสิ ใครมา?”
เด็กกลุ่มหนึ่งกำลังมาสวัสดีปีใหม่ที่บ้านหลี่เจิ้ง ในกลุ่มนั้นคนที่เป็แกนนำก็คือซานหนิวที่เคยช่วยหลิวเต้าเซียงเกี่ยวหญ้าหมู ตอนนี้เขารู้อักษรราวยี่สิบถึงสามสิบตัวแล้ว เมื่อเห็นคนมาจากที่ไกลๆ ก็ยิ้มจนเห็นฟันที่แหว่งหายไปแล้วเอ่ย “พี่เต้าเซียง”
แม้จะมีลมพ่นออกมาบ้าง แต่ก็ยังฟังออกว่าเขาเรียกใคร
ซานหนิวและหลิวเต้าเซียงคุ้นเคยกันดี เขารีบวิ่งไปหา “พี่เต้าเซียง พวกเ้ากำลังจะไปที่บ้านเดิมตระกูลหลิวหรือ?”
หลิวเต้าเซียงชะงักฝีเท้าแล้วสังเกตท่าทีของซานหนิว จากนั้นเอ่ยถามด้วยใบหน้ากึ่งยิ้ม “ซานหนิว รีบพูดมาเถิด วันนี้พี่เอาลูกอมงาออกมาด้วย ยายข้าทำเองกับมือเลยนะ”
ซานหนิวกลืนน้ำลาย ลูกอมงาของท่านย่าจางอร่อยยิ่งนัก ทุกครั้งมักจะใส่งาเยอะแยะ
“พี่เต้าเซียง เมื่อครู่เราเดินผ่านบ้านท่านปู่ของพี่ ได้ยินอาสี่กับลุงรองของพี่กำลังทะเลาะกัน”
ดวงตาคู่สวยของหลิวเต้าเซียงหรี่ลงเล็กน้อย แววตาเผยประกายครู่หนึ่ง จากนั้นยิ้มแล้วเอ่ยถาม “ได้ยินหรือไม่ว่าพวกเขาทะเลาะเื่อะไรกัน?”
“ข้าไม่ได้ยินอย่างชัดเจน เราเพิ่งไปถึงหน้าบ้านใหม่ของท่านปู่พี่ หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ก็ปิดประตูดังปังใส่พวกข้า”
เื่นี้ซานหนิวไม่ชอบใจนัก ทำราวกับว่าพวกเขาเป็เด็กขอทานอย่างไรอย่างนั้น
ในวันปีใหม่ทุกคนมักจะไปกล่าวคำอวยพรปีใหม่ตามบ้านเรือน เดิมทีควรจะเป็เื่น่ายินดี อีกทั้งั้แ่โบราณในหมู่บ้านก็มีธรรมเนียมประเพณีนี้ ไม่ได้เพิ่งมีเสียหน่อย
“เอ่อ!” หลิวเต้าเซียงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วมองดูน้ำแข็งที่เกาะบนกิ่งไม้ พลันคิดในใจ ทิวทัศน์หิมะนี้ดูสะอาดบริสุทธิ์แต่ก็วุ่นวาย
“น้องรอง หรือไม่ เรากลับไปก่อนดีกว่า?” หลิวชิวเซียงมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเื่ไม่ดี
หลิวชุนเซียงอายุยังไม่ถึงสองขวบ ซึ่งกำลังเป็วัยที่ชอบเล่น เมื่อได้ยินก็โอบคอของหลิวชิวเซียงแล้วทำปากเชิดขึ้นสูง “ไม่ ไม่ ไม่เล่น!”
หลิวเต้าเซียงมีความสุขและหยอกล้อนาง “ท่านพี่ ได้ยินหรือไม่ น้องสามบอกว่าไม่เล่น!”
“ไม่ ชั่ว!” หลิวชุนเซียงกังวลมากจนใบหน้าเล็กๆ เปลี่ยนเป็สีแดง
“น้องชิวเซียง น้องเต้าเซียง น้องชุนเซียง เหตุใดมาหน้าบ้านแล้วยังไม่เข้ามา?” หวงเสียวหู่ะโออกมาทางประตู “มากันครบเลยหรือ?”
ซานหนิวเป็ผู้นำและพยักหน้าเต็มแรง ทุกปีใหม่พวกเขาชอบมาที่บ้านของหลี่เจิ้งที่สุด เพราะมักจะได้กำเมล็ดทานตะวันและถั่วลิสงกลับไปมากมาย ทว่าปีนี้สิ่งที่ได้รับไม่ใช่เพียงแค่นี้
เมื่อนึกถึง ซานหนิวก็เหลือบมองหลิวเต้าเซียงอย่างเงียบๆ คนๆ นี้เป็เ้านายที่ใจกว้างเหมือนกัน
หวงเสียวหู่ะโให้ท่านย่าหวงเอาของกินมาทางนี้ คงเพราะขายหมูได้เงินใน่ตรุษจีนมาไม่น้อย ท่านย่าหวงจึงเตรียมของกินให้เด็กน้อยไว้มากกว่าปีที่ผ่านๆ มาหลายเท่า
“ชิวเซียง พาน้องสาวเ้ามาสิ ท่านพ่อท่านแม่ แล้วก็ท่านปู่ย่าเตรียมซองแดงไว้ให้พวกเ้าด้วย!”
วันแรกของปีใหม่จะยังไม่ตระเวนบ้านญาติ หลิวเต้าเซียงจึงโบกมือปัด แล้วเอ่ย “พี่หูจื่อ วันนี้เป็วันแรก เราต้องไปสวัสดีปีใหม่กับคนอื่นก่อน”
หวงเสียวหู่ยิ้มแล้วแอบมองไปที่หลิวชิวเซียง เมื่อเห็นว่านางไม่ได้กล่าวโทษแต่อย่างใด จึงเอ่ยอีก “พวกเ้ารอตรงนี้ก่อน ข้าจะไปเอาของเล่นมา เดิมทีเอาไว้ให้น้องสามเล่น”
พูดจบก็หายเข้าไป
น้องสาม?
หลิวเต้าเซียงแอบขยิบตาให้หลิวชิวเซียง เป็สัญญาณรู้กันว่าเขาคือบุรุษขี่ม้าขาวสินะ?
หลิวชิวเซียงรู้สึกเพียงว่าแก้มของตนร้อนผ่าว จากนั้นอุ้มหลิวชุนเซียงพร้อมกับกระทืบเท้าแล้วหันหน้าหนี
เมื่อหลิวเต้าเซียงหอบของเล่นมากมายกลับมาจากบ้านของหวงเสียวหู่ ก็เจอกับหลิวจื้อไฉพอดี
ดวงตาของเขาที่แดงก่ำ คิ้วขมวดเป็ปม ราวกับกระทิงที่กำลังโกรธและสะกดกลั้นอารมณ์อยู่
หลิวเต้าเซียงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ เห็นทีละครฉากใหญ่กำลังจะเริ่มแล้ว
“ท่านพี่จื้อไฉ!”
“อืม!” เมื่อหลิวจื้อไฉเห็นหลิวเต้าเซียงก็ข่มความโกรธไว้ เพียงแต่ใบหน้าที่ดุร้ายนั้นชัดเจนกว่าเดิม
“อาสามอยู่บ้านหรือไม่?” เขาเอ่ยถาม
หลิวเต้าเซียงพยักหน้าแล้วถามว่า “เหตุใดพี่ถึงมีแผลที่หน้าผาก รีบเข้าบ้านเร็ว ข้าจะให้ท่านยายเอายาทาแผลให้”
“ไม่ต้อง เต้าเซียง ข้าขอตามตัวอาสามก่อน”
ฮึ ยามปกติไม่สนใจไยดี พอมีเื่จะมาปรากฏตัวทำไม!
หลิวเต้าเซียงไม่ชอบบุตรของหลิวเหรินกุ้ยเท่าใดนัก แต่ถึงอย่างไรก็เป็ลูกพี่ลูกน้องของนาง
นางตามหลิวจื้อไฉไปที่ห้องโถง ขณะนั้นหลิวซานกุ้ยกําลังยุ่งอยู่กับพิธีสรงสาม [1] วันพรุ่งนี้
พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลิวจื้อไฉ จึงเอ่ยกับเขาด้วยสีหน้าชื่นมื่น “รีบมาเร็ว เ้ามาร่วมครึกครื้นด้วยหรือ ยายของเต้าเอ๋อร์ทำลูกอมงาไว้ เ้ามาชิมเร็วเข้า”
หลิวซานกุ้ยหมกมุ่นอยู่กับความสุขของการเป็พ่อ จึงไม่เห็นความเศร้าหมองบนใบหน้าของหลิวจื้อไฉ เขากำลังหยิบของที่จะใช้ในวันพิธีสรงสามพรุ่งนี้ใส่ลงในกะละมัง
หลิวจื้อไฉหยิบลูกอมเม็ดหนึ่งใส่ไว้ในปาก ทั้งที่มันควรจะหวาน แต่พออยู่ในปากเขาแล้วกลับมีรสขมนัก
“มีเื่อะไรหรือ?” หลิวซานกุ้ยวางของเสร็จถึงเห็นท่าทีผิดปกติของหลิวจื้อไฉ
หลิวจื้อไฉอยู่ในตำบลกับหลิวเหรินกุ้ยเป็เวลาหลายปีจึงอ่านอารมณ์คนเก่ง ขณะที่มองหลิวซานกุ้ยนั้นเขาทำท่าจะพูดแต่ไม่พูด
หลิวเต้าเซียงเบะปากอย่างดูแคลน อยากพูดอะไรก็พูด เสแสร้งอะไรกัน
หลิวซานกุ้ยสงสัยจึงถามว่า “ที่บ้านนั้นเกิดอะไรขึ้น...”
เขายังคงนึกถึงเื่วันที่ยี่สิบแปดเดือนสิบสองที่เอาเงินตอบแทนสองตำลึงไปให้ตามที่ระบุในสัญญาแยกครอบครัว แต่มารดาของเขาชักสีหน้าอย่างน่าเกลียด แล้วยังบอกว่าคิดเอาเศษเงินมาไล่ขอทาน
ครั้งนี้คงไม่ได้ส่งหลานชายมาขอเงินหรอกนะ?
จู่ๆ หัวใจของหลิวซานกุ้ยก็มีไฟปะทุออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ
หลิวจื้อไฉเห็นว่าสีหน้าเขาผิดปกติ จึงรีบเอ่ย “ท่านปู่ส่งข้ามาเรียกท่านอาสามกลับไปที่บ้าน”
แต่เขาไม่ได้บอกว่าให้กลับไปด้วยเหตุใด
หลิวเต้าเซียงปรายตามองและกล่าวว่า “พี่จื้อไฉ อากาศด้านนอกค่อนข้างหนาว รีบดื่มชาร้อนก่อน”
นางยื่นชาร้อนๆ ที่ต้มในครัวให้เขา รอเขาดื่มไปหลายอึกแล้วจึงถาม “พี่จื้อไฉ ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินคนในหมู่บ้านบอกว่า ท่านพ่อพี่กับอาสี่ทะเลาะกันหรือ?”
ฮึ หลิวจื้อไฉคนนี้ไม่มีเจตนาดีอยู่แล้ว จึงไม่บอกเื่นี้กับบิดาของนางว่าที่บ้านเก่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่นาง้าแหย่ให้เขาคายออกมา
มือของหลิวจื้อไฉที่ถือน้ำชาชะงักเล็กน้อย จากนั้นเค้นรอยยิ้มออกมาอย่างยากเย็น!
ลูกพี่ลูกน้องนางนี้เป็คนที่น่ารังเกียจ เื่อะไรที่ไม่ควรเอ่ยถึงก็ดันเอ่ย
เื่น่าเกลียดในครอบครัวไม่ควรพูดออกไปข้างนอก เขายังอยากให้มีเพียงคนในบ้านเก่าเท่านั้นที่รู้ จะได้ไม่เกิดเป็ที่หัวเราะเยาะในภายหลัง
หลิวซานกุ้ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “มีเื่นี้ด้วยหรือ?”
นี่เป็วันขึ้นปีใหม่
ไม่สามารถพูดคําที่อัปมงคล มิฉะนั้น เหตุใดจึงมีเด็กน้อยมากมายมาอวยพรและพูดคำมงคลตามบ้านเรือน
คนโบราณถือในเื่นี้มากที่สุด
สีหน้าของหลิวจื้อไฉนั้นย่ำแย่ และรำคาญใจที่หลิวเต้าเซียงพูดมากเกินไป
หลิวเต้าเซียงไม่ได้แยแสเขา หากว่าไม่ให้บิดาของนางได้เตรียมใจหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะถูกท่านย่าวางกับดักอีกตามเคย
-----
เชิงอรรถ
[1] พิธีสรงสาม หรือ ‘สี่ซาน’ (洗三) เป็หนึ่งในพิธีกรรมเก่าแก่ที่สำคัญมากของคนจีนในสมัยโบราณ มีปรากฏั้แ่ยุคราชวงศ์ซ่ง โดยทั่วไปจะทำพิธีดังกล่าวในวันที่สามหลังจากเด็กทารกคลอดออกมา ในวันดังกล่าว คนในครอบครัวจะต้องอาบน้ำให้เด็ก และเชิญญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมพิธี
ซึ่งชื่อพิธีสรงสามนี้ มีที่มาจากจุดประสงค์สามประการ หนึ่งคือล้างบาปมลทินและความโชคร้ายทั้งปวงที่ติดตัวมาแต่ชาติก่อน สองคือเพื่อความเป็สิริมงคล และสามคือเพราะจัดขึ้นในวันที่สามหลังเกิดมานั่นเอง
เถียนเผิน (添盆) หรือเติมอ่าง คนในบ้านจะนำข้าวของต่างๆ เช่น เงินทอง ผลไม้มงคลต่างๆ อย่างถั่วลิสง พุทราจีน ลิ้นจี่ เกาลัด กลีบดอกไม้เติมลงไปในอ่างอาบน้ำตามลำดับความาุโ ระหว่างนั้นแม่เฒ่าจี๋เสียงเหลาเหล่าจะกล่าวคำมงคลไปด้วย เพื่ออวยพรให้ชีวิตของเด็กสมบูรณ์พูนสุข
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้