หลินลั่วหรานสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะน้ำของท่านเทพป๋ายคำพูดที่บอกว่าต้องออกจากหุบเขาในวันนี้ ทำเอาเธอใคิดว่าเกิดเื่ใหญ่ขึ้นและตื่นขึ้นมาในชั่วพริบตา
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของท่านเทพป๋าย หลินลั่วหรานก็รู้ว่าเธอไม่ได้โกหกเธอเองก็ไม่ได้ปากมาก จึงไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่กลับรีบกินอะไรลงไปก่อนจะเริ่มเรียนเวทคุมดาบอีกครั้ง
ท่านเทพป๋ายไม่ได้หวงอะไรเอาไว้เลย ทั้งยังทุ่มเทให้กับการสอนเป็อย่างมากพูดง่ายๆ ก็คือ เธออยากจะไปบังคับดาบบินขึ้นไปแทนหลินลั่วหรานเสียด้วยซ้ำในที่สุดหลินลั่วหรานก็สามารถบังคับให้ดาบลอยขึ้นมาได้อย่างทุลักทุเลแม้ว่าระหว่างทางจะล้มลงไปไม่ต่ำกว่าสิบครั้งทั่วทั้งตัวจึงไม่มีตรงไหนที่ไม่เ็ป
เมื่อรู้สึกว่าดวงอาทิตย์กำลังตกลงไปทางทิศตะวันตกท่านเทพป๋ายก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับการพัฒนาของหลินลั่วหรานได้แต่เร่งให้เธอไปขุดหินก้อนนั้นออกมา
การขุดก้อนหินออกมานั้นไม่ได้กินแรงเท่าไรในตอนแรกหลินลั่วหรานยังรู้สึกว่าหากจะทำให้หินก้อนนี้ออกไปด้วยโดยที่ไม่ให้เื่ของพื้นที่ลึกลับหลุดรอดออกไปนั้นเป็ไปได้ยากแต่ว่าท่านเทพป๋ายกลับบอกให้เธอตัดด้านนอกของหินออกการใช้ดาบเจาเสวี่ยทำเื่แบบนี้นั้นดูราวกับการหั่นผักใช้เวลาเพียงเล็กน้อยก็สามารถตัดลงไปได้ถึงด้านในได้ ด้านในนั้นมีหินผลึกแร่สีดำทรงถั่วอยู่หนึ่งชิ้นที่แท้ก็เป็สิ่งนี้นี่เองที่เป็หินิญญาของท่านเทพป๋ายและก็เป็ที่ที่เธอใช้หลบซ่อนตัวอีกด้วย
เมื่อเห็นว่าหินิญญาไม่ได้รับความเสียหายใดๆท่านเทพป๋ายก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ตัวข้าตรวจดูมาหลายปีวันนี้เป็วันที่ลมร้ายในหุบเขาแห่งนี้จะเบาบางที่สุดในรอบปีเ้าเอาหินิญญานั่นติดตัวไว้ ด้วยเรือนร่างของคนอย่างเ้าตัวของข้าก็จะสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย”
หลินลั่วหรานพยักหน้าแสดงถึงความเข้าใจ การที่จะรับสมบัติอะไรจากใครมาก็ย่อมต้องช่วยเลี่ยงภัยอันตรายให้เขาด้วย ทฤษฎีที่ท่านเทพป๋ายให้เธอมานั้นมีมูลค่ามากพอที่จะทำให้หลินลั่วหรานยอมสู้เพื่อมันสักครั้งได้แล้ว
ศาสตร์แห่งการคุมดาบนั้นต้องใช้มือทั้งสองในการควบคุมซึ่งไม่เหมือนกับการใช้เวทเธอจัดการนำเอาหินิญญาของท่านเทพป๋ายใส่ลงไปในถุงจักรวาล ก่อนที่จะขยับมือร่ายศาสตร์ขึ้นมาจากนั้นดาบเจาเสวี่ยก็เป็เหมือนกับดาบของเหวินกวนจิ่งที่ลอยขึ้นตามลมแต่ว่าสิ่งที่ต่างออกไปก็คือ ดาบเจาเสวี่ยมีความยาวบางและคล่องแคล่วกว่าและด้านในก็ยังให้ความรู้สึกหยิ่งยโสบางอย่างออกมาอีกด้วย!
แน่นอนว่าในใจของหลินลั่วหรานดีใจขึ้นมา ดาบเจาเสวี่ยนั้นเป็รถสปอร์ตที่คล่องแคล่วโชคดีที่มันไม่เหมือนกับรถเมล์ของเหวินกวนจิ่ง...
เธอหันกลับมามองเหล่ากวางที่ใช้สายตากลมโตเปียกชื้นมองจ้องมาที่เธอหลินลั่วหรานเก็บสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากลาจากกลับมาก่อนจะบังคับให้ดาบลอยขึ้นสูงไปยังท้องฟ้า...
แม้ว่าสภาพแวดล้อมของหุบเขานี้จะเหมาะแก่การอยู่อาศัยแต่ว่าตัวเธอก็ไม่อาจจะละทิ้งคนที่รออยู่ภายนอกได้คงมีแต่จะต้องบอกลาเ้ากวางทั้งหลายแล้วล่ะนะ!
....
ดวงอาทิตย์เริ่มหันเหไปทางทิศตะวันตกแล้วแต่ว่าสำหรับคนที่อยู่บนส่วนที่ยื่นออกมาจากหน้าผาโดยไร้ที่กำบังอย่างหลีซีเอ๋อร์นั้นไม่ว่ามันจะขึ้นทางตะวันออก หรือตกทางตะวันตก แสงอาทิตย์ที่แสบร้อนก็สามารถสาดส่องลงมายังตัวของเธอได้อย่างโดยตรงเธอติดอยู่บนนี้มากว่าสามวันแล้ว
เื่อาหารนั้นไม่ใช่ปัญหา ในถุงจักรวาลนั้น ทุกคนต่างตุนอาหารเอาไว้เพียงพอสำหรับหนึ่งเดือนแล้วดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลีซีเอ๋อร์จึงไม่ใช่เื่นี้ แต่เป็...
น้ำ ทำอย่างไรถึงจะหาน้ำสะอาดมาได้?
เถาวัลย์ป่าถูกหลีซีเอ๋อร์ทำให้กลายเป็ชามใบเล็ก สามวันที่ผ่านมาเธอได้แต่ใช้สิ่งนี้ในการเก็บหมอกน้ำในหุบเขาแห่งนี้เพื่อใช้ในการดื่มกินแต่ความรู้สึกที่เหนียวไปทั่วทั้งตัว ยังคงทำให้ทุกครั้งที่เด็กขี้แยคนนี้นึกถึงต่างก็มีความรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา
สิ่งที่ตรงกันข้ามกับลักษณะนิสัยขี้แยของหลีซีเอ๋อร์ก็คือความสามารถของเธอที่ชวนให้ผู้คนอิจฉา เธอมีพื้นฐานพลังธาตุทองบริสุทธิ์หากถ้าอยู่ในยุคพันปีก่อนที่เวทยังคงเจิดจรัสนั่นเป็คนที่ทุกคนต่างก็ต้องพยายามอย่างมากเพื่อที่จะได้มาเป็ศิษย์แล้ว
เพราะว่าได้รับการดูแลปกป้องมาอย่างดีแม้แต่พวกเหวินกวนจิ่งเองก็ยังไม่รู้ เด็กสาวที่เอาแต่งอแงแบบนี้ แม้ว่าจะมีอายุเพียงยี่สิบต้นๆแต่ว่าในยุคที่พลังปั่นป่วนลดน้อยลงนี้เธอเองก็มีระดับการฝึกศาสตร์อยู่ในระดับฝึกลมปราณกลางๆ แล้วคนที่มีพร์ธาตุทองบริสุทธิ์แบบนี้ทำให้แม้แต่จะอิจฉาก็ยังต้องเหนื่อย!
ค่ำคืนแห่งเบอร์มิวดาที่แสนอันตราย ที่อาจารย์ของหลีซีเอ๋อร์ยอมให้เธอมานั้นอย่างแรกก็เพื่อให้เธอได้รับโอกาสในการเป็ระดับพื้นฐานอย่างที่สองก็หวังว่าเธอจะได้เติบโตขึ้นเมื่อพบกับความยากลำบากนักปราชญ์ที่แม้แต่ไก่ตัวหนึ่งยังไม่กล้าฆ่าพูดออกไปแล้วช่างเป็เื่ที่น่าอายขายขี้หน้าเสียจริง
แต่ว่าไม่ว่าพร์จะดีแค่ไหนหลีซีเอ๋อร์ก็ยังคงเป็เพียงนักปราชญ์ระดับฝึกลมปราณ่กลางเท่านั้นอาจารย์ไม่เคยสอนศาสตร์ดาบให้กับเธอ เธอเองก็ไม่สามารถควบคุมดาบได้นอกจากดาบบินแล้ว ของที่บินได้ก็มีราคาแพงมาก หลีซีเอ๋อร์ไม่มีอาวุธเวทแบบนั้นเส้นเอ็นใสนั่นเป็พวกของดีประจำตระกูลที่มีความสามารถโดดเด่นในการลอบโจมตีหรือสกัดกั้นอีกทั้งยังถูกเธอตกแต่งด้วยกระดิ่งเอาไว้คอยเตือนภัยเพียงแค่นั้นก็สามารถรู้ได้แล้ว ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้โง่เขลาถึงเพียงไหน
หลีซีเอ๋อร์ที่โง่เขลาสามวันที่ผ่านมามักจะร้องไห้คิดถึงหลินลั่วหรานอยู่ตลอด อีกทั้งยังมีปัญหาเื่น้ำดื่มอีกและแน่นอนว่าเธอไร้ทางที่จะออกไปจากหุบเหวแห่งนี้
และเธอก็ยังมีปัญหาที่ใหญ่ขึ้นไปอีกอย่างหนึ่งอยู่
หลีซีเอ๋อร์มองขึ้นไปยังท้องฟ้าในระหว่างที่กำลังคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับเธอก็ได้ยินเสียงดังลากยาวขึ้นมา หัวใจของเธอเต้นดังโครมคราม
เ้านั่นมันมาอีกแล้ว!
สายเอ็นใสพันเกี่ยวอยู่ที่ข้อมือของเธอ ประกอบกับกระดิ่งเล็กๆดูเหมือนกับสร้อยข้อมือแปลกตา เธอหลบเข้าไปใกล้หน้าผา เงยหน้าขึ้นมองอินทรีที่มีขนและกรงเล็บเป็สีทองตัวใหญ่บินวนระหว่างหุบเขาเป็นักล่าที่เฝ้ารอมากว่าสองวันแล้ว และมันก็โจมตีเข้ามาด้วยความรวดเร็ว
สองวันที่ผ่านมาหลีซีเอ๋อร์ก็ลำบากมาไม่น้อยแน่นอนว่าเธอรู้ว่าอินทรีทองตัวนี้เก่งกาจมากแค่ไหน เธอเก็บแรงเอาไว้ั้แ่แรกภายใต้การโจมตีของอินทรีทองตรงหน้า “เวทมีดทอง” ก็ถูกร่ายเสร็จเรียบร้อยอินทรีทองอยู่สูงขึ้นไปจากหัวของเธอกว่ายี่สิบฟุต มือขวาของเธอสะบัดออกและแสงสีทองก็พุ่งตรงออกไป ด้วยความแม่นยำอย่างน้อยก็สามารถซัดเข้าที่กรงเล็บของอินทรีั์นั่นได้
เดิมทีธาตุทองก็เป็ธาตุที่มีความสามารถในการโจมตีมากที่สุดอยู่แล้วด้วยความ “คม” ที่โด่งดังแต่ว่าหลังจากที่เวทมีดทองของหลีซีเอ๋อร์บาดเข้าที่กรงเล็บของอินทรีั์มันก็ส่งเสียงร้องขึ้น ก่อนจะบินขึ้นไปบนฟ้าสูงกรงเล็บใหญ่ั์หลงเหลือเพียงรอยจางๆ สองรอยเท่านั้นดูเหมือนว่าเนื้อใกล้กับบริเวณกรงเล็บของมันจะได้รับาเ็ ทำให้เืสดค่อยๆไหลหยดลงมา
เมื่อเห็นว่าอินทรีทองได้รับาเ็ เธอก็ค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเมื่อไร้การช่วยเหลือจากศาสตร์ การโจมตีที่รุนแรงแบบนี้ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังธรรมชาติหลีซีเอ๋อร์สามารถใช้มันได้ติดต่อกันถึงห้าครั้งการจากถูกรบกวนมาตลอดสองวันที่ผ่านมาหลีซีเอ๋อร์ก็รู้ว่าเ้านกั์นี่ไม่มีทางยอมถอยเพียงแค่นี้การโจมตีเวทมีดทองครั้งแรกนั้นทำให้เธอมีความมั่นใจในการโจมตีเ้าอินทรีทองมากขึ้น!
อินทรีทองบินอยู่ระหว่างหุบเขาอยู่สักพักรอยแผลบริเวณกรงเล็บสร้างความเ็ปแก่มันมากแต่ว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่บริเวณหน้าผานั่นก็ทำให้มันน้ำลายสอ อินทรีทองดิ้นรนอยู่สักพักก่อนที่จะเริ่มการโจมตีครั้งที่สอง
หลีซีเอ๋อร์เตรียมมตัวโจมตีครั้งที่สองเอาไว้นานแล้วเมื่อเห็นอินทรีทองบินเข้ามา เวทมีดทองก็ถูกปล่อยออกไปอีกครั้งครั้งนี้มันปักลงที่ปีกของอินทรีทอง...ไม่ใช่ที่เดียวกันกับที่กรงเล็บแสงสีทองปักอยู่ในขนของมัน แต่กลับเหมือนมีน้ำมันหล่อลื่นที่ทำให้มันไหลหลุดออกมาลำแสงสีทองถูกลบออกไปได้แล้ว!
หลีซีเอ๋อร์ใ ท่าทางของเธอเริ่มที่จะสับสนเมื่ออินทรีทองโจมตีเข้ามาอีกครั้ง เวทมีดทองของเธอก็สูญเสียความแม่นยำไปเสียแล้วเวททั้งสองครั้งต่างพากันร่วงลงไปในอากาศ...ด้วยเหตุนี้อินทรีั์ก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วหลีซีเอ๋อร์เป็เพียงเสือกระดาษเท่านั้นมันแผดเสียงดังขึ้น ก่อนจะบินขึ้นไปยังท้องฟ้าสูง
หลีซีเอ๋อร์เม้มปากแน่น คิดว่าอินทรีทองจะหยุดการกระทำในวันนี้ลงใครจะรู้ว่าเมื่อลมแรงที่พัดโชยมา หลีซีเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองแววตาของเธอสะท้อนเงาร่างของอินทรีทองขึ้นมา กรงเล็บสีทองขยายกว้างขึ้นไม่หยุดการโจมตีครั้งนี้ทั้งรวดเร็วและรุนแรง หลีซีเอ๋อร์ถูกท่าทางของอินทรีทองทำเอาใจนลืมไปแล้วว่าตัวเองยังสามารถปล่อยพลังได้อีกครั้งและก็ไม่รู้ว่าเส้นเอ็นเวทบนมือสามารถใช้ในการป้องกันตัวได้...นอกจากจะใกลัวแล้วสุดท้ายเธอก็ได้ตาหลับตาลงแล้วร้องไห้...
คงจะต้องตายแบบนี้แล้วใช่ไหม? หลีซีเอ๋อร์คิดขึ้นมาด้วยความกลัวภาพของอาจารย์และครอบครัวลอยเข้ามาในหัว และยังมีเหล่าสมาชิกในหน่วยพิเศษทุกๆ คนเธอคิดถึง “รุ่นพี่เหวิน” ขึ้นมาสักพักหนึ่งก่อนจะคิดถึงคนที่ตกลงไปในผาลึก คนที่เพียงเพื่อที่จะช่วยเธออย่าง “รุ่นพี่หลิน” ถ้ารุ่นพี่อยู่ที่นี่คงจะสามารถรับมือกับเ้านกตัวเล็กๆ นี่ได้ง่ายๆ สินะ?
ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งใจสลาย ร้องไห้งอแงออกมาราวกับเด็กน้อยเธอร้องไห้เสียจนเหนื่อยแต่ก็ยังไม่เห็นว่าภาพการโดนอินทรีั์กินเข้าไปอย่างในความคิดจะเกินขึ้นเสียที
เธอนิ่งไปสักพัก หรือว่าจะะโลงไปเป็เพื่อนกับรุ่นพี่หลินดีนะอย่างไรก็น่าจะดีกว่าถูกเ้านกนี่กิน หลีซีเอ๋อร์ลืมตาขึ้นตั้งใจว่าจะะโลงจากหน้าผาไปแต่กลับเห็นคนที่ตัวเองคิดว่าตายไปแล้วอย่างรุ่นพี่หลินกำลังยืนอยู่บนดาบบินประกายแสงสีฟ้า ชุดยาวของเธอโบกสะบัดท่ามกลางลมแรงเธอกำลังใช้เชือกน้ำเส้นหนึ่งพยายามพันรัดอินทรีทองเอาไว้อย่างยากลำบาก
“รุ่นพี่หลิน!” หลีซีเอ๋อร์ทรุดตัวลงก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
หลินลั่วหรานพยายามส่งพลังไปยังเชือกน้ำในเพิ่มพลังการรัดกุมให้มากขึ้นเมื่อเห็นว่าหลีซีเอ๋อร์ได้สติกลับมาแล้ว ก็พยักหน้าให้กับเธอ
“เร็วเข้า พวกเรามาช่วยกันจับมันเอาไว้!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้