Chapter2 แม่ทัพพิทักษ์ประจิม
“ผู้ใดปลูกดอกโบตั๋นได้งดงามถึงเพียงนี้”
“เรือนหลังนี้ ท่านแม่ทัพให้คนเตรียมไว้เพื่อฮูหยินเ้าคะ”
“หมายถึงข้าหรือ?” นางชี้นิ้วที่หน้าตัวเอง
“อันที่จริง ข้าก็ไม่ค่อยรู้เื่ในจวนนัก แต่เ้าทึ่มหวงอี้ชอบเล่าให้ข้าฟังบ่อยๆ ท่านแม่ทัพให้คนมาทำความสะอาดอยู่เสมอ บอกว่าสักวันท่านจะมา พวกเรายังคิดอยู่ว่าเมื่อไหร่ฮูหยินท่านแม่ทัพจะมา แล้ววันนี้ท่านก็มาจริงๆ”
“เขา...รอข้า...”
เหตุใดหัวใจนางเต้นรัวเช่นนี้
หรูซื่อยกมือขึ้นกดที่หน้าอกตัวเอง หัวใจเต้นรัวเหลือเกิน ดีใจ? นางกำลังดีใจอย่างนั้นหรือ? หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ ภายในอกเกิดระลอกคลื่นอารมณ์แปลกประหลาด รู้สึกดีเหลือเกินที่มีคนรอคอยนางถึงเพียงนี้ ยิ่งกวาดตามองเห็นสวนดอกไม้งดงาม ยิ่งทำให้เชื่อว่าเขาใส่ใจและรอคอยนางจริงๆ
แล้วเหตุใดนางไม่รีบมาหาเขา เป็สามีภรรยาต้องอยู่ด้วยกันนี่
“เ้าเป็อะไรไป เจ็บหัวใจรึ”
น้ำเสียงร้อนรนทำให้หญิงสาวรีบหมุนตัวกลับมา นางปะทะกับแผงอกของเขา เพราะไม่คิดว่าคนที่พูดจะยืนอยู่ใกล้มาก ความสูงที่ต่าง
กันมาก นางต้องแหงนหน้ามองเขาเลยทีเดียว
“เหตุใดออกมาข้างนอกเช่นนี้” น้ำเสียงไม่ได้ตำหนิ ทว่าเจือความห่วงใยด้วยซ้ำ
“ข้าไม่ได้เป็อะไร” นางพูดตะกุกตะกัก ยังไม่คุ้นชินกับการอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษ แม้ว่าเขาจะเป็สามีของนางก็ตาม แก้มเนียนจึงแดงระเรื่อ แต่ทำให้บุรุษเบื้องหน้ายกมือขึ้นประคองใบหน้าของนางไว้
“แก้มเ้าแดง มีไข้หรือเปล่า”
หรูซื่อส่ายหน้าไปมา แต่การใกล้ชิดเช่นนี้ทำให้ใบหน้ายิ่งหน้าแดงจัด ซุนหลวนคุนยังไม่เข้าใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล รีบช้อนร่างนางอุ้มขึ้นทันที
“ท่านแม่ทัพ!ท่านจะทำอะไร!” หรูซื่อร้อนรนดิ้นขลุกขลัก นางเพิ่งรู้ตัวว่ามีทหารยามอยู่ไม่ไกล พวกเขาต่างก้มหน้าหลบสายตากันหมด แต่กระนั้น นางก็ยังเขินอายอยู่ดี
“เ้าหน้าแดงถึงเพียงนี้ยังจะไม่เป็อะไรอีกรึ” เขาดุนาง
“ท่านแม่ทัพเ้าคะ” นางหวงฝูเอ่ยพยายามกลั้นหัวเราะ “ฮูหยินมิได้เป็อะไรเ้าค่ะ ที่หน้าแดงเพราะท่านแม่ทัพต่างหาก”
“เพราะข้า” เขาทำหน้างง แต่เมื่อก้มมองคนในอ้อมอกก็เห็นว่านางเอาแต่ซุกหน้ากับอกของเขา ใบหูน้อยๆ แดงระเรื่อราวถูกย้อมสี
“พวกท่านสามีภรรยาค่อยๆ คุยกันนะเ้าคะ”
นางหวงฝูยิ้มให้แล้วหมุนตัวเดินออกไป นางโบกมือไล่ไม่ให้ทหารอยู่ใกล้ ปล่อยให้ท่านแม่ทัพกับฮูหยินอยู่กันตามลำพัง
“เ้าไม่ได้เป็อะไรแน่นะ”
เขาถามย้ำ นางตอบด้วยการพยักหน้า แต่เมื่อได้อุ้มนางแล้ว เขาก็ไม่คิดจะปล่อย นางตัวเบาราวกับนกน้อยตัวเล็กน่าทะนุถนอม เห็นทีว่าต้องบำรุงนางให้มากยิ่งขึ้น
“ข้าไม่ได้เป็อะไรจริงๆ แค่อยากเดินเล่น อุดอู้อยู่ในห้องมาหลายวันแล้ว”
“ยังปวดหัวอีกหรือไม่ กินยาที่ท่านหมอให้ไว้หรือเปล่า กินข้าวเช้าหรือยัง”
หรูซื่อเงยหน้าขึ้นมองเขา ชายผู้นี้มีใบหน้าคมสัน ผิวสีทองแดง ร่างกายสูงใหญ่กำยำ ดวงตาลึกล้ำจนยากจะคาดเดาความคิดได้ แต่ท่าทางห่วงใยนี้ทำให้หัวใจของนางอิ่มเอม
“หากไม่ฝืนคิดเื่ที่หลงลืมไปแล้วก็ไม่ปวดหัวอีก” นางพูดไปตามตรง “ข้ากินข้าวกินยาแล้วด้วย”
“จำไม่ได้ก็ช่างเถิด” เขาถอนใจเบาๆ “ขอแค่เ้าปลอดภัยดีก็พอ”
“ข้าทราบแล้ว” นางพยักหน้าน้อยๆ
‘สามีของนางช่างดีเหลือเกิน ชีวิตแต่งงานของนางต้องดีมากอย่างแน่นอน’
ซุนหลวนคุนได้แต่ข่มความรู้สึกของตัวเองลงไป ์ให้โอกาสเขา ให้นางลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ยิ่งนางจำเื่ของเขาไม่ได้เลยนั้นก็เป็เื่ที่ดีที่สุดแล้ว
นับจากนี้ เขาจะทำให้นางรักเขาอย่างหมดหัวใจ
อีกครั้ง.
ภายในจวนแม่ทัพพิทักษ์ประจิมรับรู้เพียงว่า ฮูหยินของท่านแม่ทัพเดินทางมาเพื่อดูแลสามีที่ไม่ได้กลับบ้านถึงสองปีเศษ การดูแลชายแดนฝั่งตะวันตกติดพันยาวนานทำให้สามีภรรยาห่างเหิน ว่ากันว่า ท่านแม่ทัพห้ามมิให้ฮูหยินเดินทางมาที่นี่ เพราะแร้นแค้นกันดาร แต่เมื่อทุกคนได้เห็นโฉมหน้างดงามของนางแล้ว จึงไม่แปลกใจที่ท่านแม่ทัพทะนุถนอมนางยิ่งนัก
ทว่านอกจากหมอทหารแล้ว ไม่มีใครรู้ว่า สมองของฮูหยินท่านแม่ทัพได้รับการกระทบกระเทือนจนความจำเสื่อม นางจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ชื่อของตนเอง และทุกครั้งที่นางพยายามเค้นสมองคิดว่าตนเองเป็ใครและเหตุใดจึงได้รับอุบัติเหตุหนักหนาถึงเพียงนี้ นางจะทรมานจากการปวดศีรษะจนแทบอยากกัดลิ้นตายไปเสีย นั้นทำให้นางตัดสินใจไม่หวนคิดถึงเื่เ่าั้ และสามีของนางก็เห็นพ้องต้องกัน นางจึงไม่พูดเื่ที่ตนความจำเสื่อมกับใคร
“ชื่อของข้าคือหรูซื่อ เป็บุตรสาวของท่านราชครูอู๋เจ๋อ ได้รับสมรสพระทานกับแม่ทัพซุนหลวนคุนตอนอายุสิบสอง...เอ๊ะ! ข้าแต่งงานกับท่านั้แ่อายุสิบสองหรือเ้าคะ”
ซุนหลวนคุนพยักหน้ารับ แสร้งยกถ้วยชาขึ้นจิบกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างในใจ
“ตอนนั้นท่านแต่งกับข้า ท่านอายุเท่าใดกัน” นางเอียงคอถามอย่างสงสัย สามีนางช่างแสนดีและใจเย็นนัก ค่อยๆ สอนให้นางเรียนรู้เื่ของตนเองไปที่ละเื่สองเื่
“ตอนนั้นข้าอายุสิบเก้า”
“แล้วตอนนี้?”
“ยี่สิบสาม”
“เช่นนั้นตอนนี้ข้าอายุ...” นางยกนิ้วขึ้นนับ “สิบหกใช่ไหมเ้าคะ”
“อืม ปีนี้เ้าอายุสิบหกแล้ว”
“ข้ากับท่านก็แต่งงานกันมาห้าปีแล้วสินะ” นางถามเองตอบ แต่เห็นเขาพยักหน้ารับก็ลอบมองสีหน้าของเขา “ห้าปีมานี่ ข้ากับท่านใช้ชีวิตอย่างไรเ้าคะ”
“ข้า...” เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น “ตอนนั้นเ้าอายุแค่สิบสอง ข้าต้องออกรบ จึงให้เ้าอยู่กับมารดาข้าที่เมืองหลวง เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่นัก แต่งงานห้าปียังไร้ทายาท มารดาข้าร้อนใจจึงให้เ้ามาอยู่ข้างกายข้าที่นี่”
“แต่งงานห้าปียังไร้ทายาท ข้านี่บกพร่องเสียจริง” สีหน้านางเป็กังวลยิ่ง
“อย่าคิดมากไป ไม่ใช่ความผิดของเ้า” เขาอึกอัก
“เอ๋? หรือท่านพี่ไม่สบายเ้าคะ” นางยื่นมือไปแตะท่อนแขนของเขา
“ไม่ใช่อย่างที่เ้าคิด” เขาเบือนหน้าไปทางอื่น แต่ตัดสินใจว่าจะไม่บอกนางว่าเขากับนางยังไม่ได้ร่วมหอกันอย่างแท้จริง
เขาแต่งกับนางที่อายุเพียงสิบสอง คืนเข้าหอนางก็หลับน้ำลายไหลก่อนเขาจะเข้ามาเปิดผ้าคลุมหน้าเสียอีก นางยังเด็กมากสำหรับเขา แม้ผู้อื่นจะแต่งงานั้แ่อายุยังน้อย แต่เขาอยากให้ทุกอย่างค่อยเป็ค่อยไป เขารอนางได้ และคิดว่าจะรอต่อไป แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดมารดาจึงส่งนางมาเช่นนี้
“ที่นี่ทุรกันดารมาก หากมีสิ่งใดที่เ้า้าก็บอกป้าหวงฝูได้ คนในจวนก็เหมือนคนของเ้า ้าใช้งานใดก็สั่งการได้ทันที”
“ข้าอยู่ที่นี่ไม่ลำบากอะไร” นางระบายยิ้มหวานเกลือนใบหน้า ดวงตาพราวระยับดุจดวงดารา เล่นเอาคนจ้องมองถึงกับตาพร่าไปชั่วขณะ “ท่านแม่ทัพใจดีกับข้ามาก”
“ท่านพี่”
“....” หญิงสาวนิ่งไป
“เรียกข้าว่าท่านพี่”
“ท่าน...ท่านพี่” แก้มเนียนฝาดสีเืขึ้นมาทันที นางรู้สึกไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย หรือว่า เพราะว่าไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน นางจึงเขินอายอย่างนี้
ได้เห็นท่าทีเขินอายของนางแล้ว หัวใจพลันคันยุบยิบ เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้แล้วกระซิบ
“หากไม่มีผู้อื่น เ้าจะเรียกข้าว่าหลวนคุนก็ได้”
ลมหายใจอุ่นร้อนคลอเคลียใบหูทำให้หญิงสาวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นจึงพยักหน้ารับแทนคำตอบ
“หลวนคุน ลองเรียกดูสิ”
“หลวนคุน” นางทำตามเขาสั่ง ช้อนตาขึ้นมองเห็นสีหน้าพอใจของเขาแล้วก็ใจเต้นรัวขึ้นมา
ดีจริง เขาคงพอใจสินะ สามีของนางช่างดีเหลือเกิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้