ถนัดอำพรางศพงั้นเหรอ เซียวอวิ๋นเทียนชะงักไปครู่หนึ่งนี่ก็ผ่านไปได้ไม่นาน ทั้งยังไม่ได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งอีกจบลงแล้วอย่างนั้นเหรอ
เซี่ยอวี่ขุยเดินไปในคลินิกก็พบว่าทั้งสี่คนนอนเรียงรายกองอยู่บนพื้นดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง บางทีพวกเขาอาจจะเป็เหมือนกับเซี่ยอวี่ขุยก็ได้ที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มาตายอยู่ภายใต้กำมือของเด็กหนุ่มแบบนี้จะตายตาหลับทั้งที่ยังไม่รู้ว่าตายไปอย่างไรได้อย่างไรกัน
“เหล่าเซียว เข้าใจเื่ราวแล้วหรือยัง” เซียวอวิ๋นเทียนตรวจศพทั้งสี่คนไปรอบหนึ่งจากนั้นหวังเทียนลั่วก็ถามขึ้นเบา ๆ
“บนร่างกายไม่มีร่องรอยการต่อสู้เมื่อกี้ฉันตรวจดูซย่าโหวซานเหอเซียนเทียนระยะหลังนั่นแล้ว อวัยวะภายในไม่เป็ไรไม่รู้ว่ากัวไฮว่ทำอะไรกับพวกเขา ดูไม่ออก” เซียวเฟยหยางพูดเบาๆ
“ไม่ดูแล้ว เหล่าเซียว รถมาแล้วล่ะ ลากพวกเขาไปเถอะ ไล่ซวย” เซี่ยอวี่ขุยพูดเบา ๆจากนั้นพวกเขาก็ยัดศพทั้งสี่เข้าไปในรถตู้ที่จอดอยู่หน้าประตูแล้วก็มุ่งหน้าไปยังคูเมืองอู่เฉิง กัวไฮว่ยิ้มเล็ก ๆ ตรงมุมปากเป็ยอดฝีมืออำพรางศพจริงเสียด้วย
“เหล่ากัว แกมีหลานดีนะ” ผ่านไปประมาณสิบกว่านาทีบรรดาคุณปู่ต่างก็ลงมาจากชั้นสองเมื่อเห็นว่ากัวไฮว่กำลังดื่มเหล้าอยู่กับบรรดาเ้าสำนักหวังหย่งจิ้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา เ้าตัวอันตรายในตอนนั้นหายไปแล้วล่ะกัวไฮว่ในตอนนี้ ทำเอาหวังหย่งจิ้นเปลี่ยนความคิดของเขาไปโดยสิ้นเชิง
“ที่พวกคุณไม่ไปเพราะจะทานข้าวที่นี่ใช่ไหมครับ ฮ่า ๆวันนี้มีความสุขจังเลย งั้นผมไม่เก็บเงิน เหล้าก็เลี้ยงให้พอแต่ต่อไปคลินิกไม่เกิดเื่อะไรผมก็จะไม่เกรงใจทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี้แล้วนะครับฮ่า ๆ” กัวไฮว่พูดพลางหัวเราะร่า บางทีก็อาจจะมีแค่อวี้เอ๋อร์ก็ได้ที่เข้าใจกัวไฮว่จริงๆ ทำตามใจปรารถนา ก็คือหนทางที่ถูกต้อง
คำพูดของกัวไฮว่ ทำเอาทุกคนหัวเราะเบิกบานนายท่านทั้งหลายต่างก็ผงกศีรษะกัน กัวหลิวอี้มองหลานของตนในใจก็รู้สึกเป็สุขเป็ไง เมื่อก่อนพอพูดถึงหลานฉันก็ปวดหัวกันไม่ใช่เหรอตอนนี้หลานฉันเลี้ยงข้าวพวกแก พวกแกก็ดีใจกันถึงขนาดนี้ ฮ่าๆ
คนที่อยู่ทานอาหารที่คลินิกไม่มีไม่น้อยหัวหน้าหนึ่งคนและรองกรรมการอีกห้าคนจากสมาคมแพทย์แผนโบราณก็ไม่ได้กลับไปเหตุผลง่าย ๆ ก็คือ ต่อไปคลินิกปู้ไป๋ก็จะเป็ของคลินิกไม่แล้ว กินข้าวแค่มื้อเดียวจะเป็อะไรไปเมื่อกินจนเสร็จ เหล่าชายแก่ต่างก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาเหลือเหล้าอีกไม่เยอะเลยพูดกันมากขึ้น
“เหล่าหลิน ฉันไม่เป็รองหัวหน้าสมาคมแพทย์แผนโบราณแล้วฉันอยากมาทำงานที่คลินิกไม่ อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเื่กินดื่มทำงานถวายชีวิตอยู่ที่สมาคมแพทย์แผนโบราณก็ไม่ใช่เพื่อเลี้ยงปากท้องหรือไงแต่ยังกินไม่ดีเท่าที่นี่เลย ฉันไม่ทำแล้ว” ฉินหลงพูดด้วยเสียงดัง
“อืม เหล่าฉินพูดถูกแล้ว พวกเราไม่ทำแล้ว มาทำงานที่คลินิกไม่ดีกว่า” จางเทียนเจิงกับซุนเซิงเองก็พูดขึ้นด้วยความมึนเมาหลินฉางเทียนไม่ได้ดื่มไปเยอะ เขามองรองหัวหน้าสมาคมทั้งสี่คนไม่นานก็หักหลังกันไปแล้วสามคน จากนั้นก็สลบไสลไปส่วนอู๋ซู่ซานก็โวยวายว่าจะไม่ทำตั้งนานแล้ว ทว่าเมื่อกลับไปคิดดูดี ๆใครจะยอมมาเป็หัวหน้าสมาคมแพทย์แผนโบราณนี่อีกล่ะฉันเองก็ไม่อยากทำตั้งนานแล้วเหมือนกัน
“หวังเทียนลั่ว เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งปีพวกกลุ่มผู้มีความสามารถพิเศษจะจัดการแข่งขันต่อสู้อะไรนั่นอีกพวกแกน่าจะได้บัตรเชิญกันแล้วนะ ไว้ถึงตอนนั้นฉันคิดแล้วล่ะพวกเรามาเชิญกัวไฮว่ด้วยกันเถอะ ให้เขาได้ไปอัดพวกผู้มีพลังวิเศษให้ตายไปเลย”
“ฉันได้รับบัตรเชิญแล้ว จะให้ฉันไปดูแข่งมอเตอร์ไซค์ดูบอลหรือไงก็แค่ไอ้พวกพึ่งพาพระเ้าไม่ใช่หรือไงพวกเราฝึกฝนกันเองก็เซียนเทียนระยะหลังกันแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าสู้กันขึ้นมาจริง ๆพวกมันก็ทำอะไรไม่ได้หรอก วัน ๆ เอาแต่โม้เื่พระเ้า” หวังเทียนลั่วพูดเสียงดัง
“พี่ไฮว่ ยอดฝีมือตระกูลซย่าโหวสี่คนนั่นพี่...” หนานกงหลิงโม่พูดพลางทำท่าเฉือนคอ
“เปล่านี่ เมื่อกี้พวกเราคุยกันสนุกเลย พวกเขานั่งรถออกไปกันแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ
“ขี้โม้ ฉันเคยแลกหมัดกับไอ้คนที่แกล้งป่วยมาแล้วอีกนิดเดียวก็จะเสียเปรียบแล้วยังดีที่มีลูกเหล็กที่พี่อวี้เอ๋อร์ให้มาเมื่อคราวก่อน” เสี่ยวหลิงโม่พูดเบา ๆ “ลมหายใจของไอ้นั่นหายไปแล้วพี่ต้องเป็คนทำแน่ ๆ”
“งั้นเสี่ยวหลิวโม่ควรจะพูดออกไปไหม” กัวไฮว่ถามขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
“ไม่ได้น่ะสิ โตไปฉันยังต้องแต่งงานกับพี่นะ ดูพี่พูดเข้า เราคนกันเองแท้ ๆ” หนานกงหลิงโม่พูดเสียเกินจริง “ลูกเหล็กที่พี่อวี้เอ๋อร์ให้มาหมดแล้วล่ะพี่มีของดีอะไรอีกไหม ให้ฉันหน่อยสิ เอาไว้ป้องกันตัวไง”
กัวไฮว่มองหนานกงหลิงโม่ที่มีสีหน้าคาดหวังกัวไฮว่แสนจะจนปัญญากับเด็กที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้แต่เมื่อนึกได้ว่าในน้ำเต้าเหล่าจวินมีของอย่างหนึ่งที่เหมาะสมกับเด็กคนนี้ก็เอาออกมา
“ไม่มีของป้องกันตัวหรอกนะ แต่ฉันมีของไว้หลบหนีอันนึงนะ ไม่รู้ว่าเธออยากได้หรือเปล่า” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ
“เอา แน่นอนว่าเอา ของอะไรเหรอ” หนานกงหลิงโม่ถามขึ้นด้วยความร้อนใจ
“ก็คือของชิ้นนี้แหละ” ในขณะที่กัวไฮว่พูดอยู่นั้นในมือก็มีแผ่นหยกเพิ่มเข้ามาอยู่ในมือ “ยายหนูจากที่เธอรู้เกี่ยวกับพลังวิเศษ ฉันว่าเธอจะศึกษาของชิ้นนี้ได้อย่างไว แผ่นหดดินเธอไปศึกษามันเองเถอะ ถ้าในเจ็ดวันยังใช้ไม่เป็ฉันจะมาเอาคืน” กัวไฮว่ยิ้มพลางส่งแผ่นหดดินไปให้หนานกงหลิงโม่แผ่นหดดินนี่เ้าของน้ำเต้าเหล่าจวินคนก่อนน่าจะให้ลูกหลานของตนเป็คนทำขึ้นไม่้าอะไรมาก แค่เซียนเทียนระยะหลังก็ใช้ได้แล้วให้เสี่ยวหลิงโม่ก็น่าจะพอดิบพอดี
“แผ่นหดดิน ทำไมคุ้นจังเลยอย่าบอกนะว่าเป็แผ่นหดดินที่กล่าวถึงในไซอิ๋วเหรอ เป็ไปไม่ได้” หนานกงหลิงโม่หยิบแผ่นหดดินขึ้นมาพร้อมกับพูดกับตนเอง จากนั้นไอความเย็นก็สะพัดออกมาจากแผ่นหยกทำให้เธอรู้สึกสบายจนไม่อาจมีอะไรมาเทียบ “ไม่ว่าจะศึกษาเข้าใจหรือไม่ของสิ่งนี้ก็เป็ของตนแล้วล่ะ ให้ของฉันแล้วยังจะเอากลับไปอีก ฮึ หมอนี่ขี้งกชะมัด”
กัวไฮว่มองหนานกงหลิงโม่ด้วยสีหน้าอึมครึมยายเด็กคนนี้นี่อัจฉริยะแท้ๆ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากที่คลินิกไม่เปิดกิจการส่งผลอยู่นานไม่เพียงแค่ในเมืองอู่เฉิงเท่านั้น คนจำนวนไม่น้อยจากเมืองหลวง เมืองซีจิงและเมืองอื่น ๆ ต่างก็รีบมากัน บัตรจองคิวคลินิกไม่ถูกทำขึ้นมากว่าสิบล้านชิ้นเรียกได้ว่ารักษาไม่ไหวกันเลยทีเดียว นักศึกษาทั้งสิบแปดคนต่างก็ไม่ได้จากไปพวกเขาทำงานอยู่ที่คลินิกไม่ก็ยิ่งทำให้นักศึกษาคณะแพทย์แผนโบราณและปัจจุบันต่างก็อิจฉาพวกเขาเริ่มรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของการแพทย์แผนโบราณและต่อมาก็เริ่มศึกษาการแพทย์แผนโบราณกันอย่างจริงจัง
“ผอ. คะ นี่คือรายรับของเดือนนี้ คุณดูหน่อยสิ” หลิวเหวินเด็กผู้หญิงที่ถูกช่วยในวันเปิดคลินิกคนนั้นตอนแรกต้องถูกส่งตัวไปเลิกยาที่สถานบำบัดยาเสพติดทว่าถูกนำตัวไปสถานบำบัดได้เพียงยี่สิบสี่ชั่วโมงก็พบว่าไม่มีสารเสพติดแม้แต่น้อยเลยถูกสถานบำบัดปล่อยตัวออกมาเด็กสาวไม่มีที่จะไป สุดท้ายก็หาทางมาถึงคลินิกไม่จากในความทรงจำทุกคนต่างก็ไม่คาดคิดว่ากัวไฮว่จะให้เธออยู่ที่นี่ทั้งยังให้เธอดูแลฝ่ายการเงินของคลินิกไม่ ทว่าใช้เวลาไปแค่เจ็ดวันความสามารถของเด็กผู้หญิงคนนี้ก็ทำเอาทุกคนในคลินิกไม่หุบปากลง
“ไม่เลวเลย เริ่มได้กำไรแล้ว เดือนหน้าเงินเดือนของเธอเดือนละห้าพันนะเธอหักจากรายรับของคลินิกไม่เองได้เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “อย่าปฏิเสธล่ะ พวกเขารักษาคนไข้ได้เงินกันทั้งนั้นฉันจะให้เธอทำงานฟรีไม่ได้หรอก”
“ชีวิตนี้ของฉันยกให้ผอ. แล้วล่ะค่ะ ฉันจะเอาเงินจากคลินิกไม่อีกไม่ได้แต่มีบางอย่างที่ฉันต้องบอกกับคุณ” หลิวเหวินพูดยิ้ม ๆ “ฉันได้ยินที่เย่าซือกับเหลิ่งซวงพูดกันเมื่อหลายวันก่อนว่าเหลิ่งซวงไม่อยากเป็ศิษย์ของคุณ แต่อยากเป็เมียของคุณ ฮ่า ๆ ยังมีอีกนะ่นี้พี่หลิ่วเยียนโทรศัพท์มาวันละสามรอบถ้าคุณยังไม่โทรกลับอีกล่ะก็วันต่อไปคุณต้องช่วยรักษาอาการหลั่งภายในให้เธอแน่ ผอ.คุณเป็ผู้ชายที่มีวาสนากับผู้หญิงมากที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ ถ้ามีเวลาฉันก็อยากทานอาหารค่ำใต้แสงเทียนกับคุณบ้าง” พูดเสร็จหลิวเหวินก็ยิ้มวิ่งออกไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้