ทั้งศาลา หอสูง ลานยกระดับ และเรือนที่อยู่อาศัยต่างๆ ภายในจวนอวี้อ๋องล้วนวิจิตรตระการตา เฉียวเยว่กินจนอิ่มตื้อขยับไม่ได้อยู่บนเก้าอี้ ลูบพุงน้อยๆ มองไปรอบด้านอย่างพิจารณา นางอยากออกไปเดินชมด้านนอก แต่เพราะกินมากเกินไป ท้องป่องจนเดินไม่ไหว นอกจากนี้อากาศก็หนาว นางไม่ไหวจริงๆ
นางถูกเลี้ยงจนกลายเป็คุณหนูเปราะบางไปแล้วหรือ?
อวี้อ๋องกับฉีจือโจวยังสนทนากันอยู่ เฉียวเยว่เริ่มตาปรือง่วงนอน พูดตามตรง นางอยากแอบฟังมาก แต่ว่ากินเยอะเกินไป ประกอบกับทั้งสองคนทักษะเลิศล้ำ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ฟังไม่ได้ยิน
อวี้อ๋องหันกลับมาโดยมิได้ตั้งใจ เห็นเฉียวเยว่เอามือน้อยๆ วางบนหน้าท้อง เท้าทั้งสองกางออก ศีรษะเล็กจ้อยสัปหงกอยู่เป็ระยะ ดูท่าจะหลับไปแล้ว
ฉีจือโจวย่อมสังเกตจุดนี้ได้ เขาลุกขึ้น "เด็กคงจะอ่อนเพลียแล้ว กระหม่อมไม่รบกวนอวี้อ๋องแล้วดีกว่า ขอทูลลาไปก่อน"
มาเพื่อกินขนานแท้ กินอิ่มแล้วก็อยากนอน คุณสมบัติเช่นนี้ให้ความรู้สึกสุดจะพรรณนาได้จริงๆ
เฉียวเยว่ถูกฉีจือโจวอุ้มขึ้นมา นางหามุมสบายแล้วหลับต่อ ทว่าเมื่อเดินมาถึงประตู ก็นึกได้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน นางขยี้ตาแล้วมองไป อวี้อ๋องมิได้มาส่งที่ประตู เพียงแต่ยืนอมยิ้มให้พวกเขาอยู่หน้าระเบียงห้องรับแขก
หนุ่มน้อยรูปโฉมงามสง่า ลมเบาๆ โชยมาระลอกหนึ่ง อาภรณ์ตัวยาวสะบัดพลิ้วน้อยๆ เส้นผมพลิ้วไสวไปตามสายลม ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ใช่มนุษย์จริงๆ
เฉียวเยว่พึมพำออกมาขณะที่ยังสะลึมสะลือ "ชายหนุ่มงามล่มแคว้นดุจภาพเขียน..."
เหตุใดชัยภูมิของเมืองหลวงแห่งนี้ถึงได้ดีเพียงนี้ ไม่มีชายหนุ่มคนไหนไม่สะดุดตาสักคน
แต่หนูน้อยเยาว์วัยกลับมิได้คิดเป็อย่างอื่น นางยื่นมือน้อยๆ โบกไปมา ะโว่า "แล้วพบกันใหม่เ้าค่ะ ท่านพี่อวี้อ๋อง"
จากนั้นก็หันกลับไป หามุมที่สบายแล้วหลับต่อ
หลับครานี้ไปตื่นอีกทีก็เช้าวันรุ่งขึ้น
เฉียวเยว่จำไม่ได้ว่าตนเองกลับมาถึงั้แ่ตอนไหน และหลับไปได้อย่างไร อาภรณ์ตัวน้อยที่สวมอยู่ค่อนข้างหลวม เผยให้เห็นหัวไหล่น้อยๆ ที่มีเนื้อแน่น อวิ๋นเอ๋อร์กลัวว่านางจะหนาว จึงเอาเสื้อมาคลุมให้
เฉียวเยว่บ่นพึมพำ "เื่เมื่อวานข้าจำอะไรไม่ได้เลย"
ไท่ไท่สามเข้าประตูมา เห็นนางนั่งขยี้ตาอยู่ ก็เอ่ยขึ้นว่า "มือของเ้าสะอาดหรือ ขยี้ตาส่งเดชเช่นนี้ไม่ได้"
หลังจากนั้นก็ซักผ้ามาเช็ดมือน้อยๆ ให้นาง "เมื่อวานไปเที่ยวสนุกหรือไม่ เหตุใดให้ท่านลุงซื้อของมากมายเพียงนั้นเล่า
นี่มิใช่การตำหนิ เพียงแค่ถาม
เฉียวเยว่เกาศีรษะ นางก็ไม่รู้ "ใครจะไปรู้ได้เล่า ท่านลุงเอาแต่ซื้อ ซื้อ ซื้อ เขาจะไม่อยู่แล้วหรือ?"
ไท่ไท่สามกลอกตาใส่นาง "อย่าพูดเหลวไหล"
"พูดถึงก็นึกได้ ท่านน้าสกุลหวังของเ้าจะไม่กลับบ้านปีใหม่นี้" ไท่ไท่สามถอนหายใจ
เฉียวเยว่กำลังสัปหงก พอได้ยินคำกล่าวนี้ก็ยังงุนงง ริมฝีปากน้อยอ้าค้าง มองมารดาอย่างโง่งม
สักพักใหญ่ นางถึงมีปฏิกิริยาตอบกลับมา "ปีใหม่นางไม่กลับบ้านของตนเองหรือ?"
คนผู้นี้ไม่กลัวต้องเผชิญหน้ากับท่านอาหรือไร?
"เห็นบอกว่าป้าสะใภ้รองของเ้ามีอาการแพ้ท้องค่อนข้างหนัก ค่อนข้างจะน่าเป็ห่วง จึงตัดสินใจว่าปีนี้ไม่กลับแล้ว"
เอ่ยถึงเื่นี้ ไท่ไท่สามก็ไม่เข้าใจจริงๆ "ปีใหม่แท้ๆ ไม่กลับบ้านไปอยู่กับบิดามารดา มาทู่ซี้อยู่ที่นี่นับว่าเป็อันใด" ไท่ไท่สามถอนหายใจ
เฉียวเยว่ก็ถอนหายใจราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย "ท่านน้าหวังช่างหัวรั้นเสียจริง ข้าอุตส่าห์จงใจพูดไปกว่าท่านอาจะกลับมา คิดจะให้นางรีบกลับไป"
ไท่ไท่สาม "..."
แต่จู่ๆ เฉียวเยว่ก็พูดขึ้นมาอีก "แต่นางรั้งอยู่ต่อก็ใช่ว่าจะเป็เื่ร้ายเสมอไป ท่านแม่ลองคิดดูนะเ้าคะ หากท่านอายังคิดแค้นเื่ของท่านลุงอยู่ นางก็ช่วยแบ่งเบาไฟโทสะไปได้เยอะเลย "
พอพูดจบ ก้นน้อยๆ ของตนเองก็ถูกไท่ไท่สามฟาดหนึ่งเพียะ
"เ้าเด็กคนนี้ พูดแต่เื่ไร้แก่นสารทั้งวัน หากคำพูดนี้แพร่งพรายออกไปจะทำอย่างไร? เด็กก็อยู่ส่วนเด็ก อย่ายุ่งให้มากนัก เข้าใจหรือไม่?" ไท่ไท่สามเอ่ย
เฉียวเยว่ถูกตีก้นก็ทำหน้ายุ่ง ถึงจะไม่เจ็บ แต่ถูกตีก้นแรงขนาดนี้นางก็กระอักกระอ่วนอยู่เหมือนกัน
"เพราะตามใจเ้ามากจนเคยตัว นับวันเ้าก็ยิ่งไม่ได้ความ"
ไท่ไท่สามเห็นนางหงอยลงไป ก็รู้สึกปวดใจ "เอาล่ะ เด็กดี อย่าเศร้าไปเลย แม่เตรียมขนมไข่อร่อยๆ ไว้ให้เ้าแล้ว"
เฉียวเยว่ยิ้มออกทันใด "ข้ามิได้เศร้า ฮิฮิฮิ!"
"ไม่เจ็บสักหน่อย จะเศร้าทำไม" นางหัวเราะอย่างร่าเริง
ไท่ไท่สาม "..."
เฉียวเยว่ยกขาขึ้นมาขัดสมาธิถามว่า "ท่านอาใกล้จะมาถึงแล้วหรือเ้าคะ"
"วันมะรืนก็คงจะถึงแล้วล่ะ ทำไม? เ้าอย่าเล่นลูกไม้อีกเชียวนะ"
เฉียวเยว่ยิ้มตาหยี ตบอกรับประกัน "ไม่อยู่แล้วเ้าค่ะ"
ไท่ไท่สามไม่กล้าเชื่อนางจริงๆ
"เ้าอยู่เฉยๆ ดีกว่า ไม่ว่าอย่างไรล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเ้า" นางยังคงต้องพูด
เฉียวเยว่ตอบรับอื้ม
จนกระทั่งถึงตอนกินข้าวนางถึงเริ่มเข้าใจสาเหตุที่ท่านลุงพานางออกไปโอ้อวดทั่วบ้านทั่วเมือง ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการกลับมาของท่านอาหญิงของนาง
เขา้าแสดงจุดยืนให้เห็นว่าในสายตาของฉีจือโจว น้องสาวกับหลานๆ ทั้งชายหญิงของตนล้วนเป็คนสำคัญ ใครก็อย่าได้มากดขี่ข่มเหง
แต่เฉียวเยว่กลับสงวนวาจา ยกชามข้าวใบน้อยขึ้นมากิน หลังจากนั้นก็พูดว่า "ท่านแม่เ้าคะ เมื่อวานข้ากินขนมที่จวนหรงอ๋องอร่อยมาก ข้ายังให้ท่านพี่อวี้อ๋องห่อส่วนที่เหลือเอากลับมาด้วย เมื่อวานเหนื่อยมาก จึงมิได้บอกท่าน"
"ท่านลุงของเ้าบอกพวกเราแล้ว เ้าชอบ เดี๋ยวแม่จะไปเอามาให้" ไท่ไท่สามกล่าว
เฉียวเยว่ส่ายหน้า "นี่เป็ของที่ให้ท่านแม่ แล้วก็มีส่วนของพี่สาวกับน้องชายด้วย ข้ากินแล้ว ซ้ำยังกินเยอะมากอีกด้วย"
นางนั่งเท้าคางอยู่หน้าโต๊ะเล็ก ขาทั้งสองแกว่งไปมา "ท่านพี่อวี้อ๋องอยู่คนเดียวในบ้านใหญ่ขนาดนั้น ต้องเหงามากแน่ๆ"
ไท่ไท่สามแทบสำลัก เอ่ยว่า "เ้าอย่าทำอะไรส่งเดชเชียวนะ"
"ข้าไม่โง่เสียหน่อย" เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ
ไท่ไท่สาม "..."
เห็นเฉียวเยว่เริ่มกินข้าวต่อ ไท่ไท่สามค่อยโล่งอกไปที
ซูซานหลางเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเบิกบานใจ
"ท่านพ่อ เก็บเงินได้หรือ?" เฉียวเยว่ถาม
ซูซานหลางสะดุดกึก "ไร้รสนิยม เ้านี่มันไร้รสนิยมจริงๆ"
ดวงตากลมโตของเฉียวเยว่กะพริบปริบๆ ไม่รู้ว่าตนเองไร้รสนิยมตรงไหน บิดาของนางช่างเป็บุรุษที่มีความเป็องค์หญิงน้อยในตัวจริงๆ
"ซานหลาง มีเื่อันใดหรือ?" ไท่ไท่สามก็อยากรู้
"ฝ่าาจัดการลงโทษผู้ที่ควรถูกลงโทษแล้ว มิควรดีใจหรอกรึ" ไท่ไท่สามยกยิ้มน้อยๆ
พอเอ่ยมาเช่นนี้ เฉียวเยว่ก็เข้าใจทันที ยกมือขึ้นปรบมือ "คนชั่วที่ปองร้ายพี่สาวถูกจัดการแล้วหรือ? ข้าจะไปบอกพี่สาว"
ไถลลงจากเก้าอี้คิดจะวิ่งออกไปข้างนอก แต่ซูซานหลางกลับคว้าตัวนางขึ้นมา "พี่สาวเ้ารู้แล้ว นางกำลังท่องตำรา เ้าอย่าไปรบกวน"
"เช่นนั้นข้าไปบอกฉีอัน" เฉียวเยว่ถีบขา
ซูซานหลางกุมหน้าผาก "เขาก็รู้แล้ว เมื่อเช้าตอนที่เขาอยู่เรือนของท่านย่า พ่อไปแจ้งข่าวพอดี เขาก็เลยได้ฟังไปด้วย"
เฉียวเยว่เอามือเท้าคางทำหน้าเศร้า "คนร้ายได้รับการลงโทษ กลับไม่มีใครบอกข้า"
ซูซานหลางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก "เ้านี่ก็ช่างอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเื่จริงๆ"
"ข้าจะไปบอกพวกพี่ิเยว่" เฉียวเยว่เอ่ยอย่างจริงจัง
ซูซานหลางถอนใจอีกครั้ง เฉียวเยว่ของพวกเขาเหมือนใครกันหนอ... วางตัวพื้นๆ ไม่รักษากิริยาเสียบ้างเลย แต่ความเรียบง่ายของนางก็น่ารักยิ่ง
“ไม่ต้องพูดมาก"
เฉียวเยว่ไม่ยอม "ข้าจะพูดให้ได้ ข้าจะต้องให้ทุกคนรู้ ใครที่รังแกพวกเรา ท่านลุงจะทำให้พวกเขาได้เห็นดีกัน"
ซูซานหลางอึ้งไปชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าสาเหตุที่เฉียวเยว่อยากประกาศให้รู้กันทั่วก็เพราะสิ่งนี้
"เื่นี้เ้าไม่ต้องกังวล มีการประกาศให้ทุกคนทราบทั่วกันแล้ว เ้าไม่จำเป็ต้องไปพูดซ้ำ" เขาค่อยๆ กล่าว
เฉียวเยว่แค่นเสียงฮึดฮัด "ไม่ได้ ข้าใช่คนที่มีเื่อะไรก็เก็บเงียบเสียที่ไหน จำเป็ต้องโอ้อวด"
วาจาฉาดฉานประหนึ่งว่านี่คือสิ่งที่สมควรต้องทำ
ซูซานหลางจนปัญญาจะเอ่ย "่นี้เ้าเชื่อฟังหน่อย อีกห้าวันต้องเข้าวังพร้อมกับข้า"
"เอ๋?"
ั้แ่เข้าวังตอนยังเป็ทารกครานั้น นางก็ไม่เคยเข้าวังอีกเลย
"เพราะเหตุใดเล่า?" นางถาม
"เพราะเหตุใดอันใดกันเล่า อีกห้าวันเป็วันคล้ายวันประสูติของไทเฮา มีพระเสาวนีย์ให้พาเ้าไปเที่ยวในวัง"
ก็เพราะฉีจือโจวพานางไปจวนอวี้อ๋องมิใช่หรือ ใครๆ ต่างรู้ว่าไทเฮาทรงเป็ผู้เลี้ยงดูอวี้อ๋องเมื่อครั้งยังเยาว์ เพื่อปกป้องหลานชายคนนี้พระนางถึงปิดประตูตำหนักอย่างแ่า ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกอีก เห็นได้ชัดว่าใส่พระทัยอวี้อ๋องอย่างมาก
อวี้อ๋องสิบห้าชันษาแล้ว ใกล้ถึงวัยที่ควรหมั้นหมาย ขนาดรัชทายาทพระชันษาน้อยกว่าเขาสี่ปียังเกิดเื่ไม่ดีไม่งาม อวี้อ๋องยิ่งต้องระมัดระวัง
ดังนั้นงานฉลองคล้ายวันประสูติครานี้ครอบครัวของพวกเขาจึงพากระต่ายอ้วนตัวน้อยเช่นนางเข้าไป
เฉียวเยว่ถูมือน้อยๆ พลางพูดตะกุกตะกักถามว่า "ยังมีคนอื่นด้วยหรือไม่?"
ซูซานหลางยิ้ม "ย่อม... ไม่มี"
"พี่หญิงอิ้งเยว่กับฉีอันก็ไม่ไปหรือ?" เฉียวเยว่ถามอีก
ซูซานหลางส่ายหน้า "ไม่ไป เ้ากับข้าและมารดาของเ้าเข้าวังด้วยกันเพียงสามคน"
"ท่านพ่อ ท่านไม่รู้สึกว่าแปลกบ้างหรือ ข้าน่ารักเพียงนี้ พวกเขาคงไม่จับข้าไปทำอันใดใช่หรือไม่" เฉียวเยว่ท้วงขึ้นอย่างมีเหตุผล
ซูซานหลางเคยชินกับอุปนิสัยเช่นนี้ของนางแล้ว จึงเอ่ยว่า "ข้าคิดว่าไม่น่าจะมี เ้าทำตัวเป็เด็กดีเชื่อฟัง ก็จะไม่มีใครทำอันใดกับเ้าได้ ไทเฮาทรงดีมาก"
"แต่ท่านพ่อค่อนข้างจะไร้เดียงสา ข้าไม่รู้ว่าควรเชื่อท่านดีหรือไม่"
ซูซานหลาง "ข้าจะตีเ้า..."
"ข้าต้องไปคารวะท่านย่าแล้วล่ะ" เฉียวเยว่รีบตอบทันควัน
…
กระต่ายอ้วนน้อยจอมสอดรู้สอดเห็นไม่ใช่คนที่จะปิดบังเื่อันใดอยู่ แม้ท่านย่าจะทราบเื่ที่คนร้ายได้รับโทษแล้ว รวมถึงเื่ที่นางต้องเข้าวัง แต่เฉียวเยว่ก็ยังคงไปพูดให้ฮูหยินผู้เฒ่าฟังโดยเฉพาะอีกรอบ
นางถอนหายใจ "ข้าคงจะสวยเกินไป ถึงมีแต่คนสนใจใช่หรือไม่?"
"พรืด!"
"เ้าอย่าคุยโตนักเลย" หรงเยว่กล่าว
เด็กๆ ในบ้านล้วนอยู่กันครบ เฉียวเยว่ไม่สนใจคนเ่าั้ ตอบอย่างมั่นใจ "ข้าคุยโตเสียที่ไหน แม้แต่ท่านพี่อวี้อ๋องยังชอบข้า เห็นได้ว่าข้าผู้นี้เป็คนมีเสน่ห์"
ฮูหยินผู้เฒ่าบีบพุงน้อยๆ ของนาง "ออกไปข้างนอก ห้ามเอ่ยวาจาเหลวไหลเยี่ยงนี้ เข้าใจหรือไม่?"
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างแรง "เ้าค่ะ"
แต่ไม่ช้าก็พูดอีกว่า "โอ๊ะ เหตุใดข้าถึงเคลิ้มตามท่านไปได้ ข้ามิได้พูดเหลวไหล ข้าน่ารักที่สุด น่ารักที่สุดของที่สุด"
แล้วก็ลุกขึ้นทำท่าเท้าสะเอวแบบเดียวกับเซเลอร์มูน
"ข้าเก่งที่สุด!"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้