ทางทิศบูรพาห่างจากเมืองจิ่วซานไปราวหกสิบลี้เป็เขตป่าหินที่ครอบคลุมพื้นที่หลายลี้
ภายในป่าหินแห่งนี้จะมีหินงอกที่มีความสูงหลายสิบเมตรโผล่ขึ้นมาจากพื้น และในเวลานี้กลุ่มคนจำนวนมากก็กำลังมารวมกัน ณ ที่แห่งนี้ หากคาดคะเนจากสายตาคงจะมีคนไม่ต่ำกว่าหลายพันคน
แน่นอนว่าคนเหล่านี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ นักผจญภัย และทหารรับจ้างที่ชื่นชอบการเสี่ยงอันตราย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มศิษย์จากตระกูลใหญ่ๆ รวมอยู่ด้วย
บริเวณใจกลางป่าหินนั้นถูกโอบล้อมไว้ด้วยเสาหินจำนวนสิบแปดต้น ซึ่งเสาหินแต่ละต้นจะมีลวดลายแกะสลักอยู่บนนั้น อีกทั้งบริเวณนี้ยังถูกปกคลุมไว้ด้วยชั้นหมอกสีดำขมุกขมัวตลอดทั้งปี
นอกจากนี้บริเวณใจกลางแห่งนี้ยังมีทางเดินขนาดใหญ่ที่ทอดตัวเฉียงลงไปเชื่อมต่อกับพื้นดินเบื้องล่างจนเห็นเป็เพียงความมืดที่ไม่อาจบอกได้ว่ามันมีระยะลึกแค่ไหน
เวลานี้ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากกำลังมารวมตัวกันอยู่นอกบริเวณแนวกั้น
พื้นที่แห่งนี้คือทางเข้าสู่วังโบราณจิ่วซาน และในทุกๆ สิบปีของวันที่ห้าเดือนห้าจะเป็วันเปิดวังโบราณจิ่วซาน โดยจะเปิดเป็ระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น
เนื่องจากใน่เวลานี้ของเดือนนี้พลังหยางในพื้นที่ของูเาทั้งเก้าลูกจะเข้มข้นมากเป็พิเศษ และเสถียรภาพของค่ายกลภายในวังโบราณจิ่วซานนั้นจำเป็ต้องดูดซับพลังหยิน ดังนั้นในเดือนนี้จึงเป็่เวลาที่ค่ายกลภายในวังโบราณจิ่วซานจะหายไป
ข่งย่วน ซือถูคงและกลุ่มบัณฑิตจากสำนักศึกษาเทียนอวิ่นกำลังรวมตัวกันด้านหน้าแผงกั้นเพื่อรอเวลาให้แผงกั้นนี้เปิด
ยามนี้ข่งเซวียนเอ๋อร์ซึ่งอยู่ด้านข้างข่งย่วนได้สติแล้ว ดวงตาของหญิงสาวยังคงบวมแดง เห็นได้ชัดว่านางเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา
“มู่เฟิง เ้าคนโง่ เ้าต้องมีชีวิตรอดต่อไปนะ เื่ที่เ้ารังแกเปิ่นเสียวเจี่ย ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเ้าเลย”
ข่งเซวียนเอ๋อร์กวาดตามองหาเด็กหนุ่มท่ามกลางกลุ่มคนจำนวนมากที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมารอบตัวนาง แต่นางก็ไม่พบเห็นแม้แต่เงาของเขาเลย
หญิงสาวก็ชำเลืองมองไปทางซือถูคงอีกครั้ง ในอดีตเขาเคยเป็บุคคลที่นางเคารพนับถือ แต่ในตอนนี้เขาได้กลายเป็คนที่นางรู้สึกรังเกียจไปแล้ว
ท่ามกลางกลุ่มคนจำนวนมาก ศิษย์ตระกูลหยินกำลังกวาดตามองไปรอบๆ ราวกับกำลังมองหาใครบางคน
อีกฝั่งหนึ่ง มีเด็กหนุ่มในชุดคลุมสีดำผู้มีั์ตาสีโลหิต เส้นผมสีแดง และใบหน้าหยาบกระด้างเล็กน้อยกำลังยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนจำนวนมาก พร้อมกับแบกดาบเล่มใหญ่ไว้บนหลัง บนท่อนแขนของเขายังมีงูสีขาวตัวหนึ่งรัดพันเอาไว้อยู่ เขากำลังชำเลืองมองไปทางศิษย์ตระกูลอินที่กำลังหาคน ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
คนผู้นี้ก็คือมู่เฟิง เนื่องจากความสามารถในการควบคุมกายเนื้อของเขาอยู่ในระดับละเอียดอ่อนแล้ว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงใบหน้าจึงไม่ใช่เื่ยากสำหรับเขา นอกจากนี้เขายังใช้ประโยชน์จากพลังของสายเืเปลี่ยนสีผมให้กลายเป็สีแดง ทำให้รูปลักษณ์ของเขาในตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมราวกับเป็คนละคน
ต่อให้ว่านเอ๋อร์มายืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ นางก็ไม่สามารถจดจำเขาได้
ในที่สุดดวงอาทิตย์ก็ตั้งฉากเหนือศีรษะ นี่เป็เวลาที่มีพลังหยางเข้มข้นมากที่สุด เพียงไม่นานพลังหยินอันมืดมนที่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณก็ค่อยๆ เลือนลางหายไป ความรู้สึกเย็นะเืก็ระเหยหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ก่อนที่ความอบอุ่นจะเข้ามาแทน
พลังสายเืชูร่าในตัวมู่เฟิงพลันมารวมตัวกันที่ดวงตาทั้งสองข้างของเขา ทำให้ดวงตาสีโลหิตของเด็กหนุ่มเปล่งแสงเข้มขึ้นทันใด จากนั้นเขาก็สามารถมองเห็นจุดแสงหลากสีที่ปรากฏอยู่โดยรอบได้อย่างชัดเจน
ความจริงแล้วจุดแสงหลากสีเหล่านี้ก็คือพลังฟ้าดินธาตุต่างๆ ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ แต่มู่เฟิงนั้นไม่เหมือนกันเพราะเขามีั์ตาโลหิต ซึ่งั์ตาโลหิตชูร่านี้จะมีอยู่ในสายเืของราชวงศ์ชูร่าเท่านั้น และมันสามารถทำให้มองเห็นพลังฟ้าดินหรือสิ่งที่คนทั่วไปไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ ดังนั้นความสามารถในการมองของเขาจึงดีกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
นอกจากนี้ั์ตาโลหิตชูร่ายังมีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติอีกหลายอย่าง แต่เนื่องจากพลังสายเืชูร่าในร่างของมู่เฟิงยังถูกปลุกขึ้นมาไม่มากนัก เขาจึงยังไม่สามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติของชูร่าออกมาได้ทั้งหมด
นอกจากจุดแสงหลากสีของพลังฟ้าดินแล้ว เด็กหนุ่มยังสามารถมองเห็นจุดแสงสีดำของพลังหยินซึ่งกำลังลอยอบอวลอยู่บริเวณรอบๆ ได้อีกด้วย
และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าพลังหยินที่แต่เดิมไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านั้นกำลังค่อยๆ เลือนหายไป ทำให้ค่ายกลของวังโบราณจิ่วซานเริ่มอ่อนแอลง
“วังโบราณจิ่วซานกำลังจะเปิดแล้ว”
มู่เฟิงบ่นพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็รีบดึงพลังสายเืกลับคืนมาทันที สีโลหิตในดวงตาของเขาพลันจางลง และการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนนัก
หลังจากนั้นเวลาผ่านไปไม่นานแสงของม่านพลังก็เริ่มหรี่ลงจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นท่ามกลางฝูงชนทันใด
“วังโบราณจิ่วซานเปิดออกแล้ว!”
บรรยากาศเงียบสงบของฝูงชนพลันเปลี่ยนเป็คึกคัก กระทั่งกลุ่มของเว่ยอี้อวิ๋นยังตาลุกวาวขึ้นมา
ภารกิจการสำรวจวังโบราณจิ่วซานไม่ใช่จุดประสงค์หลักของพวกเขา เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาคือการการตามหาสมุนไพรชนิดหนึ่งซึ่งเป็ตัวยาที่หาได้ยากตามตำนาน
สมุนไพรควบหยวนตาน!
สมุนไพรควบหยวนตานนั้นสามารถช่วยให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นเก้าควบแน่นหยวนตานและพัฒนาพลังหยวนตานให้สูงขึ้นได้ นับว่าเป็สมุนไพรล้ำค่าที่หาได้ยาก
ครั้งหนึ่งเคยมีผู้ฝึกยุทธ์เข้ามาสำรวจภายในวังโบราณจิ่วซานและค้นพบสมุนไพรชนิดนี้เข้า จากนั้นเื่นี้ก็กลายเป็ที่เล่าลือกันขึ้นมา ดังนั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นเก้าจึงให้ความสำคัญกับการค้นหาสมุนไพรชนิดนี้เป็หลัก ส่วนเื่ภารกิจนั้นเป็เพียงเื่รองเท่านั้น
ทางด้านนักผจญภัยคนอื่นๆ ต่างก็มีเป้าหมายของตนเองเช่นกัน และไม่ว่าจะเป็สมุนไพริญญาหรืออาวุธิญญาก็ล้วนเป็สิ่งล้ำค่าทั้งนั้น
ถึงอย่างไรสถานที่แห่งนี้ก็ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งเหนือระดับหยวนตาน ฉะนั้นทรัพย์สมบัติที่อีกฝ่ายรวบรวมเอาไว้ตอนที่ยังมีชีวิตย่อมต้องเป็สมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน
ภายใต้แสงอาทิตย์เมื่อม่านพลังค่อยๆ เลือนหายไป ทางลงไปสู่วังโบราณก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคน
“เร็วเข้า...!”
ไม่รู้ว่าเสียงนี้ผู้ใดเป็คนเอ่ยออกมา แต่เมื่อสิ้นเสียงกลุ่มคนจำนวนหลายพันคนก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที พวกเขาทั้งหมดรุดไปยังทางเข้าขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ในตำแหน่งใจกลางของเสาหินอย่างรวดเร็ว
ทางเข้าแห่งนี้ดูราวกับปากอสูรั์ ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนหลายพันคนรีบวิ่งเข้าไปที่ทางเข้านั้นอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็ภาพเคลื่อนไหวของกลุ่มก้อนมนุษย์
ด้านมู่เฟิงก็รีบมุ่งหน้าไปยังทางเข้าใต้ดินนั้นเช่นกัน ทางเดินไปยังชั้นใต้ดินนั้นกว้างใหญ่มากจนสามารถบรรจุผู้คนจำนวนหลายพันคนได้ เด็กหนุ่มตามกลุ่มคนเดินเข้าไปในส่วนลึกอย่างรวดเร็ว
ทางเดินในชั้นใต้ดินแห่งนี้มีลักษณะเป็วงโค้งจนกลายเป็เกลียวขด และม้วนลงไปสู่ชั้นใต้ดินที่มีความลึกหลายร้อยเมตร โชคดีที่บนเพดานของทางเดินนี้เต็มไปด้วยแร่หินที่มีแสงวิบวับ ทำให้สามารถมองเห็นได้บ้าง
หลังจากทุกคนเดินไปตามทางจนถึงระยะทางหนึ่งร้อยเมตร เบื้องหน้าก็ปรากฏโถงใต้ดินขนาดใหญ่
บริเวณสุดทางเดินมีบ่อทะเลสาบที่ผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดินอยู่ ทะเลสาบแห่งนี้มีความกว้างราวหนึ่งร้อยเมตร ส่วนอีกด้านหนึ่งของทะเลสาบก็มีทางเดินหลายสิบทางให้เข้าไปสำรวจ
“นี่คือชั้นหนึ่งของที่นี่อย่างนั้นหรือ? ตามข่าวลือบอกเอาไว้ว่าจากชั้นหนึ่งไปยังชั้นสองจะมีสมุนไพรล้ำค่ามากมายปรากฏให้เห็น”
คนผู้หนึ่งอุทานขึ้น
เหนือผิวน้ำมีเสาหินราวหนึ่งเมตรงอกขึ้นมา ดูเหมือนว่ามันจะถูกออกแบบมาเป็พิเศษเพื่อให้ผู้คนสามารถใช้เหยียบเพื่อก้าวเดินไปมาได้
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์เพียงมองดูบ่อน้ำที่มีความกว้างหนึ่งร้อยเมตรนี้เท่านั้น ไม่มีใครกล้าเข้าไปเลยสักคน
“ในเมื่อมาถึงแล้วยังมีสิ่งใดให้ต้องกลัวอีก เหลาจื่อจะประเดิมเป็คนแรกเอง”
ทันใดนั้นชายท่าทางหยาบกระด้างผู้หนึ่งก็ะโเสียงดังออกมา เขาถือมีดพร้าเล่มใหญ่ไว้ในมือ ก่อนจะกระโจนไปยังเสาหินเหนือน้ำทะเลสาบซึ่งอยู่ห่างออกไปราวสิบเมตร
หลังจากกระโจนเหยียบลงบนเสาหินเสาแรกแล้ว เขาก็ะโไปยังเสาหินเสาถัดไปต่อในทันที และเมื่อเขาะโต่อไปอีกเพียงไม่กี่ครั้ง เขาก็สามารถผ่านไปได้มากกว่าสามสิบเมตรซึ่งเกือบจะครึ่งทางแล้ว
เมื่อเห็ภาพนี้ก็มีหลายคนเริ่มทำตามเขาบ้างแล้ว บางคนมีทักษะร่างกายที่ยอดเยี่ยมจึงวิ่งบนผิวน้ำก่อนจะะโขึ้นไปบนเสาหิน
ตูม...!
แต่ทันใดนั้นก็ปรากฏเงาร่างร่างหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากผิวน้ำ และเมื่อมันอ้าปาก คมเขี้ยวที่มีอยู่เต็มปากของมันก็งับลงบนร่างของผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่กำลังะโอยู่เหนือผิวน้ำทันที
“อ๊าก…!”
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นกรีดร้องโหยหวนออกมาทันที เขาถูกสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ั์ตัวนั้นกัดและลากลงไปใต้น้ำอย่างรวดเร็ว
ตูม! ตูม! ตูม...!
ฉับพลันนั้นเงาดำที่มีขนาดหลายเมตรจำนวนหนึ่งก็กระโจนขึ้นมาจากใต้น้ำและพุ่งเข้าไปกัดผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่เหนือผิวน้ำทันที เสียงร้องโหยหวนดังระงมไปทั่ว มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนหลายคนถูกกัดและลากลงไปใต้น้ำ เพียงไม่นานผิวน้ำก็ถูกย้อมไปด้วยเืจนกลายเป็สีแดงฉาน
“อ๊าก...ช่วยข้าด้วย!”
“ไม่นะ!”
เวลานี้ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่จากจำนวนนับร้อยคนที่อยู่เหนือผิวน้ำได้ถูกลากลงไปใต้น้ำแล้ว เสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชของพวกเขายังคงดังอย่างต่อเนื่อง ร่างของพวกเขาถูกสัตว์ประหลาดใต้น้ำฉีกกระชากจนกลายเป็ชิ้นเนื้อ ในขณะที่เืสีแดงสดก็ค่อยๆ ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ
เมื่อเห็นภาพอันน่าสยดสยองนี้กลุ่มคนที่เตรียมจะตามพวกเขาไปก็พลันหยุดชะงักทันที ไม่มีใครกล้าขยับเลยแม้แต่คนเดียว
ั์ตาโลหิตของมู่เฟิงเรืองแสงเข้มข้น เขาสามารถมองเห็นสัตว์ประหลาดใต้น้ำเ่าั้ได้อย่างชัดเจน