“บรู๊วว” เสียงหมาป่าหอนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เด็กหนุ่มหลังเนินดินเมื่อได้ยินเสียงนั้นก็ตัวสั่นเทิ้ม พานทำให้ทารกในอ้อมอกตัวสั่นไปด้วย ทว่าเด็กน้อยกลับไม่รับรู้ถึงความหวาดกลัวของพี่ชายแม้แต่น้อย กระทั่งคิดว่าพี่ชายกำลังหยอกตนเล่น ก็ส่งเสียง “เอิ้กอ้าก” อย่างชอบใจ เด็กหนุ่มมองทารกน้อยในอ้อมอก ใบหน้าน้อยๆ ใต้แสงจากกองไฟ ดูอย่างไรก็ไม่สดใสเท่ายามอยู่ใต้แสงตะวัน เมื่อเห็นพี่ชายมองมา ใบหน้าน้อยๆ ก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข รอยยิ้มนี้ช่วยบรรเทาความกลัวในใจให้เด็กหนุ่มไม่น้อย
“ปอตัวฮาหลู่ จิ้นจือซีเยี่ยน...”
อาลู่จำได้ว่าเมื่อครั้งยังเด็ก ท่านพ่อมักจะกล่าวสองประโยคนี้ออกมาขณะอุ้มเขาอยู่ แม้เขาจะไม่รู้ความหมายของมัน แต่ก็จำได้ขึ้นใจ และทุกครั้งที่ได้ยินมันก็รู้สึกว่าจิตใจตนนั้นสงบอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
อาลู่บังคับตัวเองให้ท่องสองประโยคนี้ เขาค่อยๆ ตะกุกตะกัก ท่องมันออกมาช้าๆ
ลมพลันพัดแรงขึ้น ไฟจากกองหญ้าไหวระริกตามลมจนแทบจะมอดดับ แม้อาลู่จะเพิ่มหญ้าและกิ่งไม้ลงไปไม่น้อย แต่ก็มิอาจต้านทานแรงลม จนในที่สุดแสงไฟก็อ่อนลง
“ปอตัวฮาหลู่ จิ้นจือซีเยี่ยน...” เด็กหนุ่มเริ่มท่องคาถาประจำใจออกมาอีกครั้ง
เด็กน้อยในอ้อมอกก็ทำเสียงอ้อแอ้ราวกับจะร่วมท่องไปด้วยเช่นกัน “อา อา อา...” อาลู่เห็นดังนั้นก็หัวเราะลั่น เพราะน้องสาวของตนพูดเป็คำก็ยังไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
เสียงหัวเราะของเขาทำให้กองไฟที่เดิมทีแสงก็อ่อนลงแทบจะมอด ขณะเดียวกันเขาก็เห็นสายตาล้ำลึกคู่หนึ่งอยู่ไม่ไกล
เขาเห็นดังนั้นพลันหยุดหัวเราะในทันที แล้วรีบท่องประโยคนั้นต่อ “ปอตัวฮาหลู่ จิ้นจือซีเยี่ยน...”
นอกรัศมีของกองไฟ สายตาหลายคู่กำลังจับจ้องเด็กทั้งสอง อาลู่กระชับทารกน้อยในอ้อมอกให้แน่นขึ้น ใช้พลังทั้งหมดที่มีท่องประโยคเดิมไม่หยุดหย่อน
เขาเชื่อว่าดวงจิตของท่านพ่อบน์จะต้องช่วยคุ้มครองเขา
ทว่าเด็กหนุ่มหารู้ไม่ว่าคาถาที่ตนกำลังท่องนั้น แท้จริงหาได้มีประโยชน์อันใด หากแต่เป็เพราะเด็กน้อยในอ้อมอกต่างหากที่ทำให้เหล่าหมาป่าไม่กล้าเข้ามาใกล้
ในสายตาของเหล่าหมาป่านั้น พวกมันเห็นเด็กหนุ่มกำลังอุ้มลูกไฟอยู่ลูกหนึ่ง ลูกไฟที่ลุกโชนเจิดจ้าเสียจนทั้งทุ่งหญ้าพลันเปลี่ยนเป็สว่างไสว
อาลู่ไม่รู้ว่าตนท่องคาถาไปนานเท่าใด รู้เพียงว่าตนนั้นเหนื่อยเหลือเกิน หลังจากท่องคาถาอยู่สักพักก็ผล็อยหลับไปเสียแล้ว เ้าตัวน้อยนุ่มนิ่มในอ้อมอกเขาก็เช่นกัน นางเพียงซุกไซ้ไปมา ไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้น แล้วจึงผล็อยหลับไปตามกัน
ส่วนหมาป่าที่กำลังล้อมเข้ามานั้น หากจะพูดว่ามันกำลังต้อนเหยื่อเพื่อจับกินนั้น ไม่สู้พูดว่าพวกมันกำลังคอยคุ้มกันให้กับพวกเขาเสียมากกว่า พวกมันล้อมวงกันเข้ามาอย่างมีระเบียบ สายตาทุกคู่คอยจับจ้องมนุษย์สองคนข้างกองไฟนั้น
จวบจนแสงอรุณระบายแต้มขอบฟ้า ดวงตะวันลอยเด่น ฝูงหมาจึงค่อยๆ อันตรธานไป เหลือเพียงรอยย่ำบนผืนหญ้าที่กำลังไหวคืนตัวกลับมาช้าๆ
อาลู่และทารกน้อยในอ้อมกอดหลับฝันดีตลอดคืน มิรู้สึกถึงความหนาวแม้แต่น้อย อีกทั้งเขายังรู้สึกว่าในคืนนี้ตนหลับสนิทเป็พิเศษ
เด็กหนุ่มถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเพราะมีมือเล็กๆ คู่หนึ่งกำลังแตะเปลือกตาเขา เมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็เห็นดวงตาพราวไปด้วยหยาดน้ำตาคู่หนึ่ง
ท้องฟ้าสว่างแล้ว พระอาทิตย์ขึ้นแล้วเช่นกัน
กองไฟที่ก่อไว้ก็มอดเสียแล้ว
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าแผ่นหลังของตนปวดแปลบ ตามมาด้วยความรู้สึกดีใจว่าตนยังไม่ตาย ทั้งเขาและน้องสาวล้วนปลอดภัยดี ทว่าก็มิใช่เสียทีเดียว น้องสาวดูอาการไม่ค่อยดีเท่าใดนัก
มือของเขายุ่งเป็พัลวันรีบอุ้มทารกน้อยขึ้นมา เขามิรู้ว่าน้องสาวของตนเป็อะไร ได้แต่วางนางไว้บนผ้าอ้อม ทันใดก็ได้ยินเสียง “ปู๊ด” ดังขึ้นมา แม่หนูน้อยผายลมเสียแล้ว แล้วจึงมีเสียง “ปู๊ด”ดังตามมาอีกรอบ นางคงอยากถ่ายหนักเป็แน่
อาลู่เมื่อเห็นดังนั้นก็นึกขึ้นได้ จึงอุ้มนางขึ้นแล้วอ้อมไปยังหลังเนินดิน เขาอุ้มนางด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย เห็นใบหน้าดำๆ แดงขึ้นเล็กน้อยเมื่อนางเริ่มเบ่งสิ่งที่ทำให้นางไม่สบายท้องออกมา
อาลู่หาหญ้าอ่อนนุ่มๆ มาเช็ดก้นให้นางไม่ได้ จึงวางเด็กน้อยไว้ก่อน จากนั้นก็ไปหาหลุมเล็กๆ ไว้ฝังของเสียที่ถ่ายไว้ แล้วจึงใช้ดินกลบให้เรียบร้อย
เ้าตัวเล็กรู้สึกไม่สบายตัวนัก
อาลู่เห็นท่าทางนางพลิกไปพลิกมาด้วยความไม่สบายตัว ก็รู้ว่านางน่าจะรักสะอาด เคราะห์ดีที่เขาเลี้ยงสัตว์ให้ตระกูลต้าปาซือมานาน จึงรู้ว่าแหล่งน้ำสะอาดอยู่ที่ใด
เขาอุ้มเ้าตัวน้อยเดินไปตามทิศที่หญ้างอก เพียงไม่นานก็พบกับลำธารเล็กๆ สายหนึ่ง ริมลำธารแห่งนี้ที่หญ้าล้วนเป็สีเขียวขจี ผิดกับหญ้าบริเวณอื่นที่เป็สีทองจากความแห้งเหี่ยว
เด็กหนุ่มนำผ้าจุ่มลงในลำธาร น้ำในลำธารเย็นะเื ทว่าเขากลับชินเสียแล้ว หลังบิดผ้าหมาดๆ ก็หันมาจัดการพลิกตัวทารกน้อยขึ้นมาอุ้ม แล้วเช็ดก้นของนางจนสะอาด
เมื่อเช็ดสะอาดแล้วก็วางนางลง เด็กหนุ่มเห็นเ้าตัวน้อยยังคงนอนหงายมองเขาอย่างว่าง่าย จึงนำผ้าเก่าผืนเดิมมาล้างให้สะอาด แล้วเช็ดหน้าเ้าตัวน้อยต่ออย่างตั้งใจ แต่เขากลับรู้สึกว่าเ้าตัวน้อยกำลังดิ้นรนขัดขืน ทว่าแรงของทารกนั้นกลับมีน้อยเกินไป จึงทำได้เพียงถลึงตามองพี่ชายตน
อาลู่รู้สึกว่าน้องสาวคนนี้นั้นช่างน่าขันเสียจริง นางทำท่าทางราวกับว่ารังเกียจผ้าที่เพิ่งเช็ดก้นของตนไป
กระนั้นเขาจึงหยุดเช็ดแล้วนำนมแพะที่เหลืออีกครึ่งกระบอกมาป้อนทารกน้อยตรงหน้า เขาเพียงป้อนไปหนึ่งคำ นางดื่มอึกๆ จนหมดด้วยความพอใจ ซ้ำยังทำปากจ๊อบแจ๊บด้วยท่าทางราวกับว่าเบิกบานใจเสียเต็มประดา จากนั้นจึงยื่นแขนน้อยๆ ออกมาผลักกระบอกใส่นมมาทางเด็กหนุ่ม
อาลู่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนัก จึงป้อนนางไปอีกหนึ่งคำ ทว่านางกลับเม้มปากแน่น
เขาเลยลองป้อนตัวเองดูหนึ่งคำ ใบหน้าน้อยเห็นดังนั้นก็ระบายยิ้มเต็มหน้าในทันที
ใจอาลู่พลันท่วมท้นด้วยความตื้นตัน เพราะเมื่อวานเขาแบ่งเนื้องูให้กับนาง นางคงจะจำได้เป็แน่
จากนั้นเขาจึงลงมือป้อนนมให้นางต่อ แต่คราวนี้นั้นเขาให้นางดื่มก่อนหนึ่งคำ แล้วตนจึงดื่มต่ออีกหนึ่งคำ แต่ก็ให้นางนั้นดื่มเป็ส่วนใหญ่ ส่วนเขาเพียงทำท่าจิบน้อยๆ พอเป็พิธี
ทันใดเขาก็ััได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา เขาอุ้มทารกน้อยกลิ้งหลบทันที จึงได้เห็นว่าที่เขาเคยนั่งเมื่อครู่ บัดนี้กลับมีลูกศรดอกหนึ่งปักอยู่ เด็กหนุ่มทั้งหวาดกลัวทั้งมีโทสะ ทันใดก็มีกลุ่มคนเคลื่อนกายดุจบินได้กำลังมุ่งหน้ามาทางเขาพร้อมเสียงม้าร้องดังสนั่น