ในทุกๆ วันหอสมุดล้วนเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวที่มาหาอ่านหนังสืออ่าน ยามกู้เจิงมาถึงที่หอสมุดในตอนสาย ผู้คนก็ยิ่งแน่นขนัด
สิ่งที่ทําให้กู้เจิงประหลาดใจก็คือมีคนเขียนความเห็นทิ้งไว้ไม่น้อย สิ่งที่พูดถึงมากที่สุดก็คือที่นั่งน้อยเกินไป หนังสือน้อยเกินไป อะไรทำนองนั้น กู้เจิงอ่านมาจนถึงข้อความสุดท้ายก็หัวเราะออกมา มีคนไม่น้อยที่พูดถึงเื่ ‘บันทึกสวนบุปผา’ ที่กว่างจื้อเขียน นับว่าเสียงตอบรับไม่เลวเลย
“คุณหนูมองการณ์ไกลนะขอรับ” ลุงหม่าเอ่ยว่า “ที่เขียนในส่วนตรงนี้ก็แค่ไม่กี่คน แต่ในกล่องใบใหญ่ที่เราวางไว้ข้างนอกเมื่อวาน เต็มไปด้วยความรู้สึกของทุกคนที่มีต่อหนังสือเื่นี้เลยขอรับ”
“ดีมาก ให้กว่างจื้อเขียนเื่นี้ต่อไป เมื่อเขียนได้สักครึ่งเื่แล้วก็พิมพ์เล่มออกมา” กู้เจิงบอกลุงหม่า
“ได้เลยขอรับ” ลุงหม่ารับคำ “จริงสิ พวกคนหนุ่มสาวต่างบอกว่านักพรตซางมาน้อยครั้งเกินไป พวกเขา้าพูดคุยกับนักพรตซางให้มากขึ้น อยากจะให้นักพรตซางมาบ่อยๆ ได้ไหมขอรับ?”
“นักพรตซางเองก็คงต้องใช้เวลาในการตระเตรียมบทเรียน หากมีใครมาถามอีกก็บอกพวกเขาไปเช่นนี้แล้วกัน”
“ขอรับ”
พอเดินมาถึงชั้นสอง กู้เจิงก็พบชุนหงที่กำลังคิดบัญชีอยู่ในห้องบัญชี เมื่อกู้เจิงเห็นสมุดทะเบียนที่กองอยู่อีกฝั่งหนึ่งก็กระตุกยิ้มมุมปาก
“คุณหนู พวกเราเปิดหอสมุดอีกหลังเถอะเ้าค่ะ ทุกคนล้วนบ่นกันว่ามีที่นั่งน้อยเกินไป” ชุนหงยุ่งจนไม่มีเวลาลงไปทักทายกู้เจิง
ชุนหงในตอนนี้เปลี่ยนไปจนนางจำไม่ได้แล้ว ก่อนอื่นนางต้องจัดหาเสื้อผ้าใหม่ให้ชุนหงก่อน อย่างไรเสียนางก็เป็เถ้าแก่น้อยแล้ว
“เื่ขยายหอสมุดให้ลุงหม่าคิดจัดการแล้วกัน” กู้เจิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นอกจากสามประตูใหญ่ทางนั้น ลุงหม่าก็ไปดูว่ามีสถานที่ที่เหมาะสมอีกหรือไม่ ก่อนเดือนห้า ข้าจะเปิดสาขาทั้งสี่แห่งในทิศตะวันตก ตะวันออก ทิศเหนือ และใจกลางเมืองหลวง”
ชุนหงและลุงหม่าต่างเบิ่งตามองกู้เจิงอย่างตกตะลึง
“คุณหนู” ชุนหงหยุดงานในมือ “จะเร็วเกินไปหรือเปล่าเ้าคะ?” นางแค่แนะนำว่าให้เปิดอีกหลังหนึ่งเท่านั้นเอง
ลุงหม่าตงก็กังวลเช่นกัน “ใช่ขอรับ แม้ว่าที่นี่จะดูเต็มไปด้วยผู้คน แต่พวกเราเพิ่งเปิดเพียงไม่กี่วัน ควรจะดูให้แน่ชัดไปอีกสักระยะนะขอรับ"
“ไปทำตามที่ฮูหยินน้อยเสิ่นบอก ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเปิ่นไท่จื่อจะรับผิดชอบเอง” เสียงขององค์รัชทายาทดังขัดลุงหม่าขึ้น
กู้เจิงหมุนตัวไปก็เห็นองค์รัชทายาทกับเสิ่นเยี่ยนกำลังตรงเข้ามาทางพวกนาง
ทุกคนต่างรีบทำความเคารพ
“ไม่ต้องมากพิธี” ใบหน้าอ่อนโยนขององค์รัชทายาทเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่ให้การสนับสนุน เหตุใดวันนี้จึงเสด็จมาอีกเล่าเพคะ?” กู้เจิงรีบให้ชุนหงรินชา
“ครั้งก่อนเปิ่นไท่จื่อก็บอกไปแล้วว่าบรรยากาศที่นี่น่ารื่นรมย์ จึงได้มาที่นี่อีก คิดไม่ถึงว่าจะมีคนเยอะกว่าคราวก่อน” รอยยิ้มบนใบหน้าขององค์รัชทายาทฉายชัดขึ้น
“ตอนองค์รัชทายาทอยู่ข้างล่างได้เห็นสมุดความคิดเห็นที่แขวนอยู่บนผนังแล้ว” เสิ่นเยี่ยนกล่าวกับกู้เจิง
“นี่เป็เหตุผลว่าเหตุใดฝ่าาจึงยินยอมให้หม่อมฉันเปิดสาขาอีกงั้นหรือเพคะ?” กู้เจิงดีใจมาก เดิมทีเื่นี้ต้องรายงานต่อองค์รัชทายาท ไม่คิดว่าวันนี้องค์รัชทายาทจะมา ทั้งยังเห็นด้วยกับการกระทำของนาง ช่างดีเหลือเกิน
“ั้แ่วันแรกที่เปิดหอสมุดแห่งนี้ องค์รัชทายาทได้ปรึกษาหารือกับข้าถึงความคิดที่จะเปิดสาขาอยู่แล้ว” เสิ่นเยี่ยนเอ่ยเสียงเรียบ
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ก็เด็กหนุ่มกับเด็กรับใช้คนหนึ่งได้เดินเข้ามา เด็กหนุ่มดูมีอายุในวัยแรกรุ่น หน้าตางดงามและคุ้นตามาก
กู้เจิงกะพริบตาปริบๆ “คุณหนูเซี่ยหรือ?” เป็บุตรสาวของแม่ทัพใหญ่เซี่ย เซี่ยิ่หรู นางจงใจแต่งตัวเป็บุรุษหรือนี่
เซี่ยิ่หรูตรงเข้าไปทำความเคารพองค์รัชทายาท “ิ่หรูคารวะองค์รัชทายาทเพคะ”
“ลุกขึ้นเถอะ”
“ที่แท้ที่นี่ก็คือหอสมุดที่พี่กู้เปิดนี่เองสินะ? ผู้คนมากมายจริงๆ” เซี่ยิ่หรูหันมองซ้ายมองขวาแววตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
การที่คุณหนูเซี่ยมาหอสมุด กู้เจิงย่อมประหลาดใจ เพราะนางกับคุณหนูเซี่ยไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น หรือถ้าคุณหนูเซี่ย้ามาอ่านหนังสือที่หอสมุดจริงๆ ทำไมนางไม่ชวนเหยาเอ๋อร์มาเป็เพื่อนด้วยทั้งที่สนิทกันปานนั้น
“ลุงหม่า รีบรินชาเร็วเข้า ชุนหง ไปเอาผลไม้มา” กู้เจิงสั่งการ
คุณหนูเซี่ยเดินเข้าไปในห้องหนังสือที่กู้เจิงจัดขึ้นเพื่อสตรีโดยเฉพาะ นางเห็นของเล็กๆ ที่วางอยู่บนชั้นวางหนังสือ และเครื่องประดับน่ารักๆ ที่แขวนอยู่ ก็มองดูอย่างผละไปไหนไม่ได้
กู้เจิง องค์รัชทายาท และเสิ่นเยี่ยนก็เดินตามนางไปเช่นกัน
“คุณหนูเซี่ยเป็บัณฑิตหญิงคนแรกในห้องหนังสือเล็กๆ แห่งนี้เลยเ้าค่ะ” กู้เจิงพูดยิ้มๆ
“บัณฑิตหญิง?” องค์รัชทายาทยิ้มและมองไปยังคุณหนูเซี่ย เขาทวนสะกดสามคำนี้อย่างสนใจ
ใบหน้าของเซี่ยิ่หรูแดงระเรื่อ หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ นางก็หยิบพัดกระดาษออกมาจากแขนเสื้อและกางมันออกมา “เหมือนไหม?”
“เหมือนมาก” องค์รัชทายาทหัวเราะขันกับท่าทางสะบัดพัดของคุณหนูเซี่ย
คุณหนูเซี่ยหน้าแดงขึ้นกว่าเดิม ขณะนั้นลุงหม่าก็เข้ามารินน้ำชา ส่วนชุนหงก็นำผลไม้เข้ามา ทุกคนจึงต่างนั่งลงคุยกัน
กู้เจิงนั่งคุยอยู่พักหนึ่งก่อนจะจากไป นางเดินมาที่ห้องบัญชีเพื่อดูการลงทะเบียนค่าสมัคร ที่ชุนหงทำไว้อย่างละเอียด
“คุณหนูใหญ่ คำพวกนี้คืออะไร ข้าไม่เข้าใจขอรับ” ลุงหม่าชี้ไปที่ตัวอักษรที่มีเครื่องหมาย้า
“พวกนี้เรียกว่าพินอิน ชื่อของทุกคนล้วนประกอบด้วยพินอิน ต่อไปการหาชื่อตามตัวอักษรตัวแรกของพินอินจะทำให้ง่ายขึ้นมาก” สิ่งนี้นางได้สอนชุนหงไปแล้ว
“ลุงหม่า ข้างล่างมีผู้คุ้มกันที่ส่งมาคุ้มครองคุณหนูเซี่ยไหม?” กู้เจิงพลิกเปิดสมุดพลางถาม
“ไม่มีขอรับ ข้างล่างมีเพียงองครักษ์ขององค์รัชทายาทเท่านั้น”
คุณหนูเซี่ยออกมานอกบ้านแต่มีเพียงสาวใช้คนสนิทติดสอยห้อยตาม หรือว่านางจะแอบออกมา เื่แบบนี้เมื่อก่อนคุณหนูใหญ่หนิงก็เคยทำมาก่อน กู้เจิงแอบเป็ห่วง แต่บางทีนี่อาจจะเป็ความสุขของคุณหนูเซี่ย ถึงอย่างไรก็ไม่น่าจะเกิดเื่อะไรขึ้นในตอนกลางวันแสกๆ แบบนี้
เสิ่นเยี่ยนออกมาตามหากู้เจิง เห็นนางนั่งอยู่ในศาลาเล็กๆ ในสวน กำลังอ่านหนังสือดื่มชาอย่างสบายอารมณ์
“ทำไมท่านถึงออกมาล่ะเ้าคะ?” กู้เจิงเห็นสามีจึงรีบถามอย่างแปลกใจ
“ข้างนอกไม่หนาวหรือ?” แม้จะกล่าวว่า่ฤดูใบไม้ผลิอากาศกำลังสบาย แต่ออกมาตากลมข้างนอกแบบนี้ก็น่าจะหนาวอยู่ เสิ่นเยี่ยนหยิบหนังสือที่นางกำลังอ่านมาแล้วเลิกคิ้วขึ้น “เป็หนังสือภาษาพูดอีกแล้วหรือ?”
“คนคนนี้เขียนได้ไม่ค่อยดี ไม่สนุกเลยสักนิด” กู้เจิงใช้สองมือเท้าคางมองเสิ่นเยี่ยน “ข้าต้องบอกนักเขียนของฝั่งข้าว่า อย่าเขียนเช่นนี้เด็ดขาด”
“แม้ว่าคนคนนี้จะเขียนได้ธรรมดาพื้นๆ แต่การใช้คำและประโยคล้วนทำได้ค่อนข้างดี” เสิ่นเยี่ยนพลิกอ่านไปหลายหน้า
“ใช่เ้าค่ะ แต่เขาเขียนหนังสือให้ชาวบ้านอ่าน ควรจะต้องใช้คำง่ายๆ ไม่ใช่ใช้คำยากให้คนอ่านต้องคิดแล้วคิดอีก...” เสียงของกู้เจิงชะงักไป สายตาเหลือบขึ้นมองห้องบนชั้นสองอย่างไม่ตั้งใจ นางเห็นคุณหนูเซี่ยกำลังคุยกับองค์รัชทายาท คนหนึ่งอ่อนโยนดุจหยก คนหนึ่งร่างเล็กงดงาม อีกคนมองอย่างอบอุ่น อีกคนกำลังเขินอาย “พวกเขา...”
“คุณหนูเซี่ยเป็คนที่องค์รัชทายาททรงโปรดปราน” เสิ่นเยี่ยนพูดเสียงเรียบ
กู้เจิงอ้าปากน้อยๆ มองสามีด้วยความประหลาดใจ เซี่ยิ่หรูเป็บุตรสาวของแม่ทัพใหญ่เซี่ย หากองค์รัชทายาทสามารถแต่งงานกับนางได้ ย่อมเป็นิมิตรหมายที่ดี
“แต่องค์รัชทายาทมี” กู้เจิงลดเสียงลง “มีพระชายาแล้ว” เซี่ยิ่หรูมีฐานะเป็บุตรสาวสายตรงของจวนกงเจวี๋ย จะยอมเป็อนุได้อย่างไร?
“นี่เป็เื่ขององค์รัชทายาท” เสิ่นเยี่ยนตอบเรียบๆ
“ที่องค์รัชทายาทมาที่หอสมุดในวันนี้ พวกเขามาพบกันหรือเ้าคะ?” จู่ๆ กู้เจิงก็คิดขึ้นได้
“นี่เป็ครั้งแรก แต่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย”
“ท่านรู้ั้แ่เมื่อไหร่เ้าคะ?”
“เมื่อกี้”
กู้เจิง “...”