เป็ดังคาด ใบหน้าของเหนียนหงซานซีดเผือดลงทันทีนางเบิกตากว้างมองกู้เจิงด้วยความหวาดกลัว “พวกเ้ามันเห็นชีวิตคนเป็เหมือนต้นหญ้า*”
(*หรือที่คนไทยชอบพูดว่า เห็นชีวิตคนเป็ผักปลา)
คำว่า ‘เห็นชีวิตคนเป็เหมือนต้นหญ้า’ ช่างใช้ได้เหมาะจริงๆ กู้เจิงลอบผ่อนลมหายใจที่จริงนางเองก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน หากตอนนี้นางเป็กู้เจิงคนเดิมเกรงว่ากู้เจิงคนนั้นคงจะพูดว่าบ่าวรับใช้ที่ตายไปได้ขายตัวเข้าจวนแล้วจะเป็หรือตายล้วนขึ้นอยู่กับคนของจวนสกุลกู้
แต่นางไม่ใช่คนเช่นนั้น ยังไงนั่นก็ถือเป็ชีวิตของคนคนหนึ่งเพียงแต่นางเองก็ไม่ได้จิตใจงามขนาดยอมให้ใครมาพูดถึงเื่ของนาง ไม่อย่างนั้นซู่เหนียงกับนางคงได้ถูกนินทาลับหลังไปทั้งชีวิตดังนั้นถึงจะน่าเห็นใจไปบ้างแต่ก็ช่างมันเถอะ
“เ้าดึงข้าทำไม?” อยู่ๆ กู้เจิงก็มาดึงเหนียนหงซานนางใกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรตัวเอง เป็ตายอย่างไรนางก็ไม่ยอมเดินตามแรงดึงนั้น “เ้าจะทำอะไร ข้าจะะโเรียกคนแล้วนะ”
“เมื่อครู่เ้าบอกว่า หากข้าไม่แต่งกับเสิ่นเยี่ยนแม่ของเ้าก็จะเอ่ยถึงเื่แต่งงานขึ้นมากับแม่สามีของข้าไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นเ้าก็ไปถามเสียตอนนี้เลยดีกว่าอย่ามัวแต่เอาความแค้นมาระบายใส่ข้าเลย”
พอได้ยินสิ่งที่กู้เจิงพูด เหนียนหงซานก็หน้าแดงก่ำขึ้นทันที “ข้าเป็หญิงที่ยังไม่ออกเรือน เื่แบบนี้จะพูดออกไปได้อย่างไร?”
“เ้าไม่กล้าถามเื่เช่นนี้แต่เ้ากลับไม่ละอายใจที่จะกล่าวหาข้าอย่างนั้นสินะ” กู้เจิงปล่อยมือเหนียนหงซาน แล้วมองนางอย่างโมโห
เหนียนหงซานมองกู้เจิงอย่างเจ็บแค้นเช่นกัน “แต่ถ้าไม่มีเ้า เื่ทั้งหมดก็คงไม่เป็แบบนี้”
“เ้าแน่ใจหรือว่าหากไม่มีข้า เ้าจะได้แต่งงานเข้าตระกูลเสิ่น? เ้าแน่ใจหรือว่าเสิ่นเยี่ยนจะยอมแต่งกับเ้า? ข้าต้องไปถามแม่สามีของข้า”
เหนียนหงซานอ้าปากค้าง นางทั้งโมโหและอาย “เ้าจะไปถามท่านป้าเื่อะไร?”
“ก็ไปถามเกี่ยวกับเื่นี้ให้ชัดเจนน่ะสิจะได้รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป”
“เ้า?” เหนียนหงซานกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจผู้คนรอบข้างเริ่มเข้ามามุงจ้องกลุ่มพวกนางมากขึ้นเรื่อยๆนางจึงดึงกู้เจิงไปตรงมุมที่ลับตาคนพร้อมเอ่ยอย่างร้อนรนว่า “ไม่ต้องไปถาม ข้าไม่ได้ชอบเสิ่นเยี่ยนแล้ว”
กู้เจิง “...”
เหนียนหงซานพลันสะอึกสะอื้นขึ้น “ข้ากำลังจะไปจากเยว่เฉิง ยังจะมีอะไรให้ถามอีก ข้าก็แค่เกลียดเ้าและเผอิญเห็นเ้าเข้า ก็เลยอยากจะระบายความโกรธออกมาบ้างเ้าห้ามบอกเื่นี้กับท่านแม่ข้านะ และไม่ต้องไปถามอะไรท่านป้าด้วย”
กู้เจิงกับชุนหงมองหน้ากันการตัดสินใจของท่านน้าเฝิงคือส่งบุตรสาวออกจากเมืองเยว่เฉิงหรือ?
นางไม่คิดจะพูดอะไรต่อเพราะเพิ่มเื่สักเื่ก็ไม่สู้ลดเื่ลงอีกสักเื่* กู้เจิงมองเด็กสาวที่ตื่นกลัวตรงหน้า “ข้าจะทำเป็ว่าเื่ในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
(*ยิ่งเื่น้อยปัญหาก็ยิ่งน้อยตาม)
“จริงหรือ?”
กู้เจิงพยักหน้า ลดคนมาก่อกวนวุ่นวายได้หนึ่งคนชีวิตก็ผ่านไปได้ราบรื่นอีกหนึ่งวัน นางกับเสิ่นเยี่ยนไม่ได้เล่าเื่ท่านน้าเฝิงให้แม่สามีฟัง
“คุณหนู ท่านใจดีเกินไปแล้วเ้าค่ะ” หลังจากที่เหนียนหงซานจากไปแล้วชุนหงก็รู้สึกขัดใจกับสิ่งที่เกิดกับคุณหนูของนาง “ท่าทางเช่นนั้นของนาง คือการมาระบายความโกรธกับคุณหนูนะเ้าคะ”
กู้เจิงยิ้ม “ก็ยังดีที่ผลออกมาไม่แย่เท่าไหร่”
“นั่นเป็เพราะคุณหนูใจดีเกินไปเ้าค่ะหากไม่ใช่เพราะนายหญิงยับยั้งเื่เหล่านี้ไว้ได้เหนียนหงซานคงได้แพร่งพรายเื่นั้นออกไปจริงๆ แล้วคุณหนูจะทำอย่างไรเ้าคะ?”
“จวนกู้ย่อมไม่ยอมรับคุณหนูใหญ่แห่งจวนป๋อเจวี๋ยที่ต่อให้เป็บุตรสาวของอนุภรรยา แต่ก็แต่งเข้าตระกูลเสิ่นไปแล้วส่วนตระกูลเสิ่นก็ย่อมไม่ยอมรับเช่นกัน พ่อแม่สามีเป็คนดีคงไม่อาจทนเห็นข้าถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ ถ้าทั้งสองตระกูลไม่ยอมรับเ้าว่าผู้คนจะเชื่อใคร?”
ชุนหงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “บ่าวเข้าใจแล้วเ้าค่ะ”
ที่จริงแล้วนางไม่ได้ใจกว้างหรอก เพียงแต่เหนียนหงซานอายุแค่นั้นมีหญิงสาวคนไหนบ้างที่ไม่เคยมีความรัก? การทำเื่ขาดสติไร้เหตุผลก็ต้องมีกันบ้าง
กู้เจิงส่งยิ้มตาหยีให้ชุนหง “เรากลับบ้านกันเถอะ” แต่เมื่อนางหมุนตัวกลับ ก็หันมาพบกับสายตาเ็าคู่หนึ่งเขาคนนั้นมีรูปร่างสูงโปร่ง และมีผู้ติดตามสองคนอยู่ด้านหลัง คนหนึ่งกางร่มให้เขาดูแล้วไม่เหมือนผู้ติดตามทั่วไป ทว่ากลับโค้งตัวเล็กน้อย ดูอ่อนน้อมถ่อมตนด้วยเหตุนี้นายบ่าวคู่นี้จึงโดดเด่นสะดุดตาท่ามกลางฝูงชนเป็พิเศษ
รอยยิ้มของกู้เจิงแข็งค้าง นางนึกไม่ถึงว่าจะได้เจอตวนอ๋องคนมีฐานะเช่นเขาน้อยนักที่จะปรากฏตัวที่นี่ นางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาทำอะไรแต่การแสร้งทำเป็มองไม่เห็นเกรงว่าจะไม่ใช่เื่ดีนางจึงได้แต่เดินเข้าไปคารวะทักทาย “คารวะตวนอ๋องเพคะ”
จ้าวหยวนเช่อทำเพียงเหลือบตามองนาง ก่อนจะเดินผ่านนางไป
กู้เจิง “...” นางชินแล้วล่ะกับการที่เขามักทำเหมือนนางไม่มีตัวตนตอนที่ยืดตัวขึ้นยืนกำลังจะจากไป ผู้ติดตามของเขาก็วิ่งมาหานางแล้วกล่าว “ฮูหยินน้อยเสิ่น ท่านอ๋องมีเื่จะคุยกับท่านขอรับ”
กู้เจิงรีบหันกลับไปมองตวนอ๋องนางเห็นเขาเดินเข้าโรงน้ำชาซูจี้ด้วยท่วงท่าอันสง่างาม
หรือว่า้าให้นางเข้าไปคุยในโรงน้ำชา? กู้เจิงกลัวตวนอ๋อง
ชุนหงดึงแขนเสื้อของคุณหนูพลางเอ่ยถามเสียงเบา “คุณหนู พวกเราควรตามไปหรือไม่เ้าคะ?”
คำถามนี้ นางไหนเลยจะกล้าไม่ไปเล่า กู้เจิงปวดหัวจริงๆแต่ถ้าจะไม่ไปก็ต้องมีเหตุผลดีๆ
“ฮูหยินน้อย เชิญขอรับ” ผู้ติดตามของตวนอ๋องผายมือเชื้อเชิญนาง
กู้เจิงยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ท่านอ๋องใกล้จะแต่งงานในเร็ววันนี้แล้ว และข้าก็เป็หญิงมีสามีแล้วการพบกันในโรงน้ำชาเช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสม และหากมีคนมาเห็นเข้าก็ไม่รู้ว่าจะถูกเล่าบิดเบือนไปว่าอย่างไร”
“ฮูหยินน้อย ในเมื่อท่านอ๋องทรงมีรับสั่งให้ท่านไปพบ แสดงว่าท่านอ๋องย่อมไม่สนใจเื่เหล่านี้ขอรับ”
“ท่านอ๋องไม่สน แต่ข้าสน” กู้เจิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ตวนอ๋องผู้นี้ช่างน่าขันจริงๆให้ผู้ติดตามมาเรียกนางเข้าไปคุยกับเขาโรงน้ำชาสองต่อสอง จะให้คิดอย่างไรกัน “ชุนหง เราไปกันเถอะ”
“เ้าค่ะ” ชุนหงเองก็กลัวตวนอ๋องการไม่พบเจอกันได้ย่อมดีกว่า
ผู้ติดตามของตวนอ๋องทำท่าจะเข้ามาขวางไว้แต่เขาเห็นคนรอบข้างเริ่มมามุงดู เลยไม่กล้าทำอะไรมากหลังเห็นกู้เจิงรีบเดินจากไปแล้วเขาก็รีบเดินเข้าไปในโรงน้ำชาเพื่อรายงานแก่ตวนอ๋อง
ภายในร้านหนังสือ ลุงหม่าเมื่อเห็นคุณหนูใหญ่กับชุนหงกลับมาแล้วจึงรีบลุกเดินมาหา “คุณหนูใหญ่เดินเที่ยวเสร็จแล้วจะกลับเลยไหมขอรับ?”
กู้เจิงกับชุนหงยังกังวลกับเื่ที่พบเจอเมื่อครู่แต่เมื่อเอาตัวรอดจากการไปพบตวนอ๋องได้ พวกนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ใช่ ข้าจะกลับบ้านแล้ว ลุงหม่าอย่าลืมเื่หนังสือเก่าที่คุยกันไว้ล่ะ” ก่อนขึ้นรถม้า กู้เจิงได้หันไปกำชับลุงหม่าอีกที
“คำพูดของคุณหนูใหญ่ ข้าน้อยจดจำได้ขึ้นใจแล้วขอรับ” นางคือเ้านายคนใหม่ เขาควรต้องทำตามคำสั่งของนาง
ตระกูลเสิ่นไม่ได้จ้างคนขับรถม้าโดยปกติแล้วคนที่ขับรถจะเป็พ่อสามีหรือไม่ก็เสิ่นเยี่ยน แต่เมื่อพวกเขาไม่อยู่หน้าที่นี้จึงตกเป็ของชุนหง นางเรียนกับพ่อเฒ่าเสิ่นอยู่หลายวันกว่าจะขับรถม้าเป็
“คุณหนู ข้างนอกหนาว ท่านนั่งข้างในเถอะเ้าค่ะ” ชุนหงเห็นคุณหนูมานั่งด้านหน้ารถเป็เพื่อนนาง นางจึงเอ่ยขึ้น
“อยู่กับเ้าไม่หนาวหรอก” กู้เจิงหัวเราะพลางเขยิบเข้าชิดชุนหง ทั้งสองหันมองหน้ากันยิ้มๆ
รถม้าเคลื่อนตัวไปได้อย่างช้าๆ เพราะมีทั้งฝนและหิมะตกลงมาเมื่อยิ่งใกล้ถึงประตูทางทิศใต้ ผู้คนก็เริ่มบางตาลง
“คุณหนู เมื่อครู่ที่ตวนอ๋องบอกว่ามีอะไรจะคุยกับท่าน ท่านว่าเป็เื่อะไรหรือเ้าคะ?” ชุนหงยังคิดถึงเื่ของตวนอ๋องอยู่
“ข้าก็ไม่รู้” กู้เจิงนึกไม่ออกว่าตวนอ๋องจะมีเื่อะไรต้องคุยกับตนหากมีจริงๆ ก็ต้องไม่ใช่เื่ดีแน่
“พวกเราไม่ไป จะไม่เป็ไรใช่ไหมเ้าคะ?”
“ไม่เป็ไรหรอก” กู้เจิงตอบอย่างมั่นใจเสิ่นเยี่ยนเป็ที่โปรดปรานของตวนอ๋องนางเป็คุณหนูใหญ่แห่งจวนกู้พี่สาวของกู้อิ๋ง เื่เล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ตวนอ๋องคงไม่ได้โกรธจริงจัง กู้เจิงแหงนหน้ามองท้องฟ้า “ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านพี่จะเป็อย่างไรบ้าง?”
“คุณหนูวางใจเถอะเ้าค่ะ ท่านบุตรเขยต้องทำได้แน่นอน”
“่บ่ายๆ ก็คงได้ข่าวแล้ว” กู้เจิงตื่นเต้นเล็กน้อย
ในตรอกด้านข้าง มีรถม้าหรูหราคันหนึ่งจู่ๆ ก็พุ่งทะยานออกมาทำให้รถม้าของพวกกู้เจิงต้องหยุดลงกะทันหันการหยุดกะทันหันนี้ทำให้ร่างของกู้เจิงพุ่งไปข้างหน้าอย่างแรง
ร่างของกู้เจิงเสียการทรงตัวไปทางด้านหน้าของรถม้านางล้มลงบนพื้นเสียงดัง ‘พลั่ก’ สองมือแตะถึงพื้นก่อน ตามด้วยหัวเข่า บนพื้นดินมีน้ำท่วมขังหัวเข่าของนางจึงเปียกในทันที สองมือจุ่มอยู่ในแอ่งน้ำโคลน
“คุณหนู?” ชุนหงจับบังเหียนไว้เลยไม่เป็อะไรมากแต่คุณหนูของนางกระเด็นร่วงลงจากรถม้าไป นางใจนหน้าซีดเผือด รีบลงไปประคองคุณหนูขึ้นมา “คุณหนู ไม่เป็ไรใช่ไหมเ้าคะ?”
“ท่านอ๋อง ฮูหยินน้อยล้มลงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ติดตามของตวนอ๋องรีบเข้ามารายงาน
ตวนอ๋องจ้าวหยวนเช่อยกม่านขึ้นดวงตาสีดำเ็ามองไปยังกู้เจิงที่ถูกสาวใช้กำลังช่วยพยุงขึ้นยืนท่ามกลางสายฝนขณะเดียวกัน กู้เจิงก็เงยหน้าจ้องรถม้าที่จู่ๆ ก็พุ่งออกมาอย่างขุ่นเคืองใบหน้าของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
จ้าวหยวนเช่อ “...”
ความเจ็บแผ่ซ่านมาจากฝ่ามืออีกทั้งนางไม่ใช่คนที่จะทนต่อความเ็ปได้ ชั่วขณะที่อารมณ์พลุ่งพล่านไปด้วยโทสะนั้นน้ำตาก็พลันไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย
กู้เจิงคิดจะหันไปด่าว่าขับรถม้าประสาอะไรตาบอดหรือไงแต่ไม่คิดว่าเ้าของรถม้าจะเป็ตวนอ๋อง คำด่าที่เตรียมไว้จึงต้องกลืนลงท้องนางได้แต่ฮึดฮัดอย่างโมโหและค่อยๆ ลุกยืนขึ้นอย่างทุลักทุเลตวนอ๋องผู้นี้ไม่ใช่ว่ากำลังดื่มชาอยู่ที่โรงน้ำชาหรอกหรือ? ทำไมจู่ๆ เขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?