เฉียวเยว่นั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ เท้าแตะไม่ถึงพื้นแกว่งไปมาไม่หยุด ระหว่างนั้นก็คอยชำเลืองมองบิดาของนาง
ซูซานหลางหน้าดำเป็ถ่านนั่งอยู่ด้านข้าง พร้อมจะเข้ามาตีนางทุกขณะจิตจริงๆ
แต่คนที่ยืนอยู่ข้างเฉียวเยว่หาใช่ใครอื่น ก็คืออวี้อ๋อง เฉียวเยว่จับชายเสื้อของเขาไม่ปล่อยมือ "ท่านพี่จ้าน ข้าชอบท่านที่สุด"
ปริมาณน้ำตาลห้าบวก
พูดตามตรง หากตอนนี้นางไม่กอดต้นขาหรงจ้านให้แน่น เกลี้ยกล่อมให้เขาช่วยส่งนางกลับบ้าน นางต้องถูกบิดาตีตายเป็แน่ เหตุใดบิดาถึงไม่เข้าใจหัวอกของนางเลย นางแค่ใช้ความตลกขบขันของเด็กผู้หญิงสร้างความพึงพอใจให้อวี้อ๋องเท่านั้นเอง เขาไม่เหมือนคนปรกติ หากไม่แกล้งโง่แอ๊บแบ๊วขายความน่ารักให้เขาเห็น คนผู้นี้ก็สามารถฉีกหน้ากากเข้ามากัดคนได้เลย
เฉียวเยว่รู้สึกว่าบิดาไม่เข้าใจตนเอง แล้วยังปฏิบัติกับตนเองเช่นนี้ เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกเสียใจมาก
"ท่านพี่จ้าน ท่านส่งข้ากลับบ้านได้หรือไม่?"
"เ้าไม่กล้ากลับบ้านกับบิดาหรือ?" อวี้อ๋องถามอย่างเอ้อระเหย
ดูสิ คนผู้นี้เหตุใดถึงไร้มโนธรรมนัก รู้อยู่เต็มอกยังจะพูดออกมาให้ได้ ไม่มีไมตรีสักนิด
เฉียวเยว่คิดแล้ว ก็ถอนหายใจราวกับผู้ใหญ่ "บิดาข้ายังหนุ่มเกินไป หุนหันพลันแล่น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการตีเด็กที่จวนของผู้อื่นจะไม่เป็ผลดีต่อตนเอง"
อวี้อ๋องยกยิ้ม "เช่นนั้นรึ? ข้ากลับรู้สึกว่าดียิ่ง เ้ารู้หรือไม่ ข้าอยู่คนเดียวอึดอัดมาก"
เฉียวเยว่ "..."
เ้าหนุ่มโรคจิตนิสัยเสีย คุยเป็หรือเปล่า นี่ใช่โรงงิ้วให้เ้าดูละครงั้นรึ
แต่ยามนี้นางต้องอดทน
"ท่านพี่จ้าน ข้าหิวแล้ว"
มารดาเถอะ ตอนนี้เลยเที่ยงมาแล้ว ข้าวก็ไม่ให้กิน ขนมก็ไม่มี เข้าสังคมกับผู้อื่นไม่เป็จริงๆ
อวี้อ๋องยิ้มน้อยๆ "ข้าสั่งไปแล้ว อีกหนึ่งเค่อ [1] ตั้งสำรับ แม่หนูน้อยทนอีกสักครู่ได้หรือไม่?"
เฉียวเยว่จำต้องตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ
แต่อวี้อ๋องก็พูดคำไหนเป็คำนั้นจริงๆ บอกว่าหนึ่งเค่อ ก็คือหนึ่งเค่อ เฉียวเยว่ดีใจมาก "ได้เวลากินข้าวแล้ว"
นางออกแรงะโลงมาจากเก้าอี้ น่าเบื่อคนหนุ่มขายาวพวกนี้จริงๆ เก้าอี้ก็ยังต้องออกแบบให้สูงขนาดนี้ ไม่นึกถึงความรู้สึกของคนขาสั้นบ้างเลยหรือ?
เดิมทีอวี้อ๋องตั้งใจจะอุ้มนางลง แต่ใครจะนึกว่านางกลับะโลงมาเอง พอเขาโน้มตัวลง เด็กน้อยก็ชนเขาจากด้านหน้า
ทั้งคู่ต่างล้มลงกับพื้น
เฉียวเยว่ทับอยู่บนตัวอวี้อ๋อง เสียงกร๊อบชัดเจนมาก
ซูซานหลางนึกในใจว่าจบกัน รีบวิ่งเข้าไปทันที "ท่านอ๋องทรงเป็อย่างไรบ้าง?"
ยามนี้แม้จะห่วงบุตรสาวเพียงไหนก็ต้องดูผู้อื่นก่อน
"อ๋า... ์"
เฉียวเยว่เืกบปาก ก้นนั่งทับอยู่บนหน้าอกของอวี้อ๋อง ดวงตาฉายแววสับสน เกิดอะไรขึ้น?
แต่พออ้าปาก ก็เข้าใจ
ฟันหน้าซี่น้อยของนางหลุดออกจากเหงือกไปแล้ว
ซูซานหลางรีบอุ้มบุตรสาวขึ้นมา "ให้พ่อดูหน่อย"
ซื่อผิงรีบเข้ามาประคองอวี้อ๋อง "ท่านอ๋อง แขนของท่าน..."
ซูซานหลาง "รีบไปตามท่านหมอ แขนของอวี้อ๋องน่าจะเคลื่อนอีกแล้ว"
เขาประคองอวี้อ๋องขึ้นมา หลังจากนั้นก็เอี้ยวศีรษะไป เห็นเด็กหญิงตัวน้อยในสภาพมอมแมมผมเผ้าและเสื้อผ้ายุ่งเหยิงยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้น
อวี้อ๋องรู้สึกว่าบริเวณลำคอมีของสิ่งหนึ่ง เมื่อล้วงออกมาก็พบว่าเป็ฟันซี่เล็กๆ นี่ก็คือฟันหน้าของเด็กหญิงตัวน้อย
เขายกน้ำชาขึ้นมา แล้วกวักมือเรียก "เ้าแตงน้อยมานี่ กลั้วปากเสีย ในปากจะได้ไม่มีกลิ่นคาวเื"
ซูซานหลางยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ด้านข้าง ยังไม่เยือกเย็นเท่ากับเขาเลย
เฉียวเยว่เข้าไปรับมาดื่มหนึ่งคำแล้วก็... กลืนลงไป
อวี้อ๋อง "..."
ซูซานหลาง "ให้เ้าบ้วนออกมา ไม่ใช่ให้ดื่มเข้าไป เ้านี่โง่หรือเปล่า บอกมาซิ ไม่ซุกซนสักวันกลับไปจะนอนไม่หลับใช่หรือไม่ เ้าดูว่าตนเองก่อปัญหาอันใดอีกแล้ว เห็นหรือไม่..."
ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ก็สังเกตเห็นแววตาน่าสงสารของบุตรสาว เพียงพริบตาเดียวความโกรธทั้งหลายก็อันตรธานไปหมด เหลือแต่ความปวดใจ
ไยต้องเอาโทสะไปลงกับบุตร?
หากไม่เพราะตนเองบันดาลโทสะ เฉียวเยว่ไหนเลยจะเกิดเื่เช่นนี้?
"อมไว้อีกคำ กลั้วปากแล้วค่อยบ้วนออกมา ทำอีกสักสองสามรอบ เดี๋ยวท่านหมอก็มาแล้ว ไม่เป็ไร นี่เป็ฟันน้ำนมของเ้า ยังมีฟันชุดใหม่งอกขึ้นมาได้"
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง นางถือถ้วยชาเดินไปหน้าประตู กลั้วปาก แล้วก็บ้วนออก ทำเช่นนี้สามครั้ง ค่อยรู้สึกว่าในปากสดชื่นขึ้นมาบ้าง
ขณะนี้ท่านหมอมาถึงแล้ว หลังจากเข้าไปตรวจดูก็รู้ว่ากระดูกเคลื่อนผิดตำแหน่ง "ท่านอ๋องเชิญที่ห้องชั้นใน กระหม่อมจะช่วยจัดตำแหน่งกระดูก แล้วค่อยใส่ยา ดูท่าจะต้องพักอีกหลายวัน ่นี้ต้องทรงระวังให้มาก อย่าาเ็ซ้ำอีก"
ท่านหมอกับอวี้อ๋องเข้าไปในห้องชั้นใน เฉียวเยว่ไม่แม้แต่จะคิด เดินตามไปด้วย
อวี้อ๋องหยุดฝีเท้า เห็นนางน้อยเดินตามหลังต้อยๆ ก็ทอยิ้ม แม้ว่าจะาเ็ซ้ำตำแหน่งเดิม แต่ก็ไม่มีความขุ่นเคืองใจสักกระผีก
"เ้าแตงน้อยจะตามข้าเข้าไปด้วยหรือ?"
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างจริงจังมาก "ไม่เห็นกับตา ข้าไม่วางใจ "
แม้ว่าจะเป็เพียงเด็กน้อยไม่รู้ความ แต่ถึงอย่างไรชายหญิงก็มีความแตกต่าง ท่านหมอกระอักกระอ่วนเล็กน้อย หันไปมองซูซานหลาง
"พวกท่านรีบไปเถอะ เฉียวเยว่ไม่ต้องตามไป พวกเรารอยู่ตรงนี้เฉยๆ ไม่ต้องเป็ห่วง ท่านลุงหมออยู่ ไม่ให้ท่านพี่จ้านของเ้าาเ็แน่นอน เ้ารออยู่เฉยๆ ดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่พยักหน้า
ทันใดนั้นอวี้อ๋องก็กล่าวว่า "ฟันหน้าของนางหัก ไปดูให้นางก่อน"
ท่านหมอ "เอ๋?"
อวี้อ๋องเลิกคิ้ว "ไป"
ท่านหมอรีบเดินเข้ามาทันที "ไหนอ้าปากให้ลุงดูหน่อย"
เฉียวเยว่ไม่กลัวท่านหมอเหมือนเด็กทั่วๆ ไป นางอ้าปากอย่างเชื่อฟัง ท่านหมอตรวจสักครู่ก็เอ่ยว่า "ไม่มีปัญหา เด็กถึงวัยที่ผลัดเปลี่ยนฟัน นางเพียงฟันหลุดเร็วกว่าเล็กน้อย แต่ไม่มีผลกระทบอันใด เ้าแค่อย่าใช้ลิ้นเลียตำแหน่งนี้ เข้าใจหรือไม่"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ข้าทราบแล้วเ้าค่ะ ท่านลุงไปดูท่านพี่จ้านเถิด"
เฉียวเยว่ประสานมือน้อยๆ เข้าหากัน นั่งทำปากยื่นนั่งบนตักของซูซานหลางอย่างเหม่อลอย ั์ตาฉายแวววิตกกังวล
ซูซานหลางยามนี้ก็ไม่สะดวกจะพูดอะไร
จู่ๆ เฉียวเยว่ก็เอ่ยปากขึ้นมาก่อน ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก "ท่านพ่อ ข้าคือดาวพิฆาตของท่านพี่จ้านใช่หรือไม่ เขาพบกับข้าทีไรเป็ต้องเจ็บตัวทุกที ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว"
ซูซานหลางหน้าถอดสี เอ็ดเสียงเบา "ถ้อยคำเช่นนี้พูดมากไม่ได้ ได้ยินหรือไม่"
เฉียวเยว่พลันนึกขึ้นได้เื่แบบนี้เป็สิ่งต้องห้ามของที่นี่ "ข้าคงจะอ้วนเกินไป"
นึกแล้วก็พูดอีกว่า "หากไม่เพราะข้าอ้วนเกินไป ท่านพี่จ้านก็คงไม่เกิดเื่"
สองครั้งล้วนเป็เช่นนี้ แม้ว่านางจะหน้าหนาแค่ไหนก็อายเป็เหมือนกัน
นางเงยหน้าขึ้น พูดอย่างจริงจัง "ข้ารู้สึกผิดต่อท่านพี่จ้าน"
แม้ขณะพูดจะมีลมรั่วออกมา แต่ไม่ทำให้นางพูดช้าลง
หรงจ้านออกมาจากห้องได้ยินหนูน้อยพูดประโยคนี้พอดี เขายิ้มน้อยๆ "รู้สึกผิดก็ต้องชดเชยให้ข้าสิ"
"ท่านพี่จ้านอยากให้ชดเชยอย่างไร" เฉียวเยว่ถามทันควัน "อ๋อ ข้ารู้แล้ว"
เฉียวเยว่ทำสีหน้าจริงจัง "ข้าจะลดความอ้วนเป็การชดเชย ต่อไปจะได้ไม่ทับท่านพี่จ้านกระดูกหักอีก"
หรงจ้าน "เหอะๆ เ้ายังคิดจะมีครั้งต่อไปอีกหรือ"
เฉียวเยว่ "ไม่ ไม่ ไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว ท่านพี่จ้านเ้าคะ ข้าลดความอ้วนดีหรือไม่?"
หรงจ้านมองนางอย่างพินิจ แล้วบีบแก้มน้อยๆ ของนาง "หนูน้อยจ้ำม่ำลดความอ้วนก็ไม่น่ามองแล้วสิ เ้าเนื้อแบบนี้น่ารักกว่า น่าหยิกดี"
เฉียวเยว่ร่าเริงทันควัน แม้ว่าคนผู้นี้จะดูอารมณ์แปรปรวน แต่ไม่นึกว่าจะเป็คนฉลาด
แน่นอนว่าประโยคสุดท้ายเป็เื่ไร้สาระ
ดวงหน้าน้อยเต็มไปด้วยรอยยิ้มราวกับดอกไม้บาน "ท่านพี่จ้านเป็คนดีจริงๆ"
"ชักหิวแล้วสิ พวกเรากินข้าวกันดีหรือไม่ ป่านนี้เย็นหมดแล้ว ไปดูกันเถอะ" หรงจ้านกล่าว
"ดีเ้าค่ะ" เฉียวเยว่ตอบทันที
หรงจ้านมองฟันหน้าที่หายไปของนางก็รู้สึกเหมือนเห็นกระต่ายฟันหลอ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกขบขัน
เฉียวเยว่พลันนึกบางอย่างขึ้นได้ "ฟันของข้าเล่า? ข้าจะเอามันกลับไปทิ้ง ข้าได้ยินว่าถ้าฟันบนหลุดให้โยนลงพื้น ถ้าฟันล่างหลุดให้โยนขึ้นไปบนหลังคา"
นางคือสารานุกรมชาวบ้านเคลื่อนที่ตัวน้อย
หรงจ้านยิ้ม พลางแบมือ ฟันน้ำนมซี่เล็กแลดูน่าเกลียดอยู่กลางฝ่ามือของเขา
เฉียวเยว่ยื่นมือมาหยิบ แต่หรงจ้านกลับกำมือ เฉียวเยว่มองเขาอย่างงุนงง
"อาหารน่าจะเย็นหมดแล้ว ข้าจะให้คนไปอุ่นสักครู่ พวกเราไปขุดหลุมหาที่ฝังมันในสวนดีหรือไม่?" หรงจ้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฉียวเยว่ "แต่ว่าโยนทิ้งลงพื้นเฉยๆ ก็ได้ ไยต้องทำอะไรเยอะแยะ?"
ว่างหรือ?
"พวกเราเอาฟันไปฝังใต้ต้นไม้ ปีหน้ามาเ้ามาดู มันก็จะงอกเป็ฟันน้อยๆ อีกมากมาย"
นี่ไม่ใช่การล่อลวงเด็กหรอกหรือ!
เฉียวเยว่คิดว่า ต่อให้เป็เด็กน้อยห้าขวบจริง ก็ไม่น่าจะเชื่อคำพูดโง่ๆ เช่นนี้
นางมองหรงจ้านอย่างสับสน หรงจ้านเลิกคิ้วมุมปากมีรอยยิ้มประดับ ให้ตายเถอะ เห็นแล้วอ่อนระทวย!
"ได้ พวกเราไปปลูกฟันกันเถอะ ปีหน้าสวนบ้านท่านจะมีได้มีฟันงอกเป็พวงเลย" นางพูดอย่างภาคภูมิใจ
หรงจ้าน "..."
ซูซานหลางมองหนุ่มน้อยจูงเด็กหญิงตัวอ้วนกลมไปขุดดิน เขาคิดจะไปห้ามปราม แต่มานึกๆ ดูวันนี้เกิดเื่ขึ้นไม่น้อย ดังนั้นอดทนอีกหน่อยแล้วช่างมันไปดีกว่า
"ฮุ่ยเล่ฮุ่ย ขุด ขุ๊ด ขุด ฮุ่ยเล่ฮุ่ย ขุด ขุ๊ด ขุด..."
พูดว่าขุดดิน แต่แท้จริงแล้วคนขุดคือเฉียวเยว่ หรงจ้านเป็โรครักความสะอาด เขายืนด้านหลังเฉียวเยว่... คอยสั่งการ
ช่างเป็บุรุษที่เหลือเกินเลยจริงๆ
ซูซานหลางหวงแหนบุตรสาวอย่างยิ่ง แต่เวลานี้เขาจะพูดอะไรได้ ในเมื่อบุตรสาวของตนไปทับผู้อื่นจนแขนหัก
"ท่านพี่จ้าน ท่านร้องเพลงให้กำลังใจข้าหน่อยสิ" เฉียวเยว่ยิ้มร่าเริง
หรงจ้าน "ข้าร้องไม่เป็ ให้ข้าเล่านิทานให้เ้าฟังแทนดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่ปฏิเสธทันควัน "ข้าไม่เอา นิทานไม่ทันเล่าจบก็ต้องกินข้าวแล้ว เสียเวลา"
แน่นอนว่าการกินข้าวเยอะก็มีประโยชน์ ไม่ช้าหนูน้อยผู้มีกำลังเยอะอย่างอัศจรรย์ก็ขุดดินเสร็จเรียบร้อยท่ามกลางอากาศหนาวเย็น
นางปัดเศษดินตามตัว แล้วยื่นมือออกไปอีกครั้ง "มา ส่งเมล็ดฟันให้ข้าเถอะ"
หรงจ้านวางฟันลงไปในหลุม ยิ้มกล่าวว่า "พวกเราปลูกด้วยกัน ตอนนี้เอาดินกลบได้แล้ว"
เฉียวเยว่ "นี่มันแอบอู้นี่นา"
นางเริ่มร้องเพลงต่อ "ความปรารถนาแสนงดงามของฉัน ก็คือเติบโตไปจะได้ปลูกดวงตะวัน..."
เดิมทีนี่ก็เป็เพลงเด็กที่น่าขบขัน แต่เพลงเด็กที่ร้องโดยเด็กฟันหลอกลับให้อารมณ์ที่แตกต่าง
ยามนี้ซูซานหลางไม่มีความรู้สึกใดๆ เขากลายเป็มนุษย์ล่องหนไปแล้ว
เฉียวเยว่หันกลับมา "ข้าร้องเพลงไพเราะหรือไม่?"
หรงจ้านหัวเราะเบาๆ "ไพเราะยิ่ง เพียงแต่มีลมรั่วออกมาเยอะไปหน่อย"
เฉียวเยว่ปัดมือ "นั่นมันช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ข้าไม่มีฟันกันล่ะ แต่ไม่เป็ไร ข้าสามารถปลูกฟันใหม่ที่สุดยอดไร้เทียมทานได้"
นางกางแขนทั้งสอง "ย้าฮู ข้าคือภูตฟัน..."
...
[1] เค่อ เป็หน่วยบอกเวลา เท่ากับสิบห้านาที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้