ร่างบางที่นั่งอยู่ในตำแหน่งข้างคนขับบนรถ BMW i8 Roadster สีขาวสะอาดตารถยนต์คันหรูที่ราคาแตะสิบสองล้านปลายๆ ไม่รวมค่าแต่งเพิ่มเติมยกแขนขึ้นมาเท้ากับขอบประตูเอาไว้ก่อนจะอมยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อสามารถกวนอารมณ์ของอัลฟ่าร่างหนาที่กำลังนั่งทำหน้ายุ่งอยู่บนตำแหน่งของคนขับได้
“เร็วดิ เดี๋ยวคันหลังก็บีบแตรไล่มึงหรอก” เสียงใสเอ่ยเร่งเมื่อเห็นว่าอีกคนยังเอาแต่ทำหน้าไม่พอใจใส่เขาไม่ยอมออกรถเสียที
“กวนตีนนักนะ” ปลื้มกัดฟันพูด ก่อนจะเหยียบคันเร่งเพื่อออกรถด้วยความเร็วที่ทำเอาคนข้างๆต้องเอนตัวติดไปกับเบาะที่นั่งอยู่
“รีบไปตายหรอไอ้เหี้ย” แทนโวยวายออกมา
“บอกมาอย่าเล่นลิ้น” เมื่อเอาคืนจนทำให้อีกคนโวยวายออกมาได้ ปลายเท้าหนาก็ค่อยๆผ่อนแรงที่เหยียบคันเร่งลงจนความเร็วกลับมาอยู่ในระดับที่เขาใช้ขับปกติ
“อยากรู้ขนาดนั้นเลยดิ” อัลฟ่าร่างบางเอ่ยถามขึ้นด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง
“เออ” ปลื้มตอบออกมาอย่างใส่อารมณ์
“เื่คืนนั้น....”
“...” อัลฟ่าหนุ่มหลุดยิ้มออกมาอีกรอบเมื่อเห็นว่ามือหนาที่กำลังจับพวงมาลัยรถยนต์อยู่เริ่มออกแรงกำมากขึ้นจนเส้นเืปูดนูนขึ้นมาตามหลังมือ
“ก็ไม่มีอะไรหรอก เรนแค่เดินมาทักกูเฉยๆตามประสาคนรู้จักกัน” แทนตอบพลางหันไปมองยังท้องถนนเบื้องหน้า ถึงจะแอบอยากให้มีแต่ความจริงแล้วมันก็ไม่มีอะไรอยู่ดี ก็แค่คนเคยรู้จักสองคนที่ถูกโลกกลมๆใบนี้หมุนให้มาเจอกันอีกเหมือนกับเขาแล้วก็... ร่างบางหยุดสิ่งที่คิดไว้เพียงเท่านั้นพร้อมกับปลายของหางตาที่หยุดลงบนใบหน้าของอัลฟ่าร่างหนาที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่
คืนนั้นเขากับคนตัวเล็กบังเอิญเจอกันในห้องน้ำก่อนแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันมากอยู่ดีๆก็มีคนอีกคนสองคนโผล่เข้ามาในห้องน้ำ เขาได้ยินเรนพูดชื่อของผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังคนที่ตัวเล็กกว่าเขาอีกคน เมื่อรู้สึกว่าทำตัวไม่ถูกเพราะเหมือนว่าตัวเองจะเป็คนนอกแทนเลยเดินไปล้างมือเงียบๆก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วกลับไปนั่งดื่มต่อกับกลุ่มเพื่อนที่โต๊ะ พอนั่งไปได้ไม่นานคนตัวเล็กที่บังเอิญเจอกันในห้องน้ำก็ถือแก้วเดินมาทักแต่ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันหน้าเขาก็หันเพราะถูกหมัดของใครบางคนกระแทกเข้าให้อย่างจังเสียก่อน
“แล้วเื่ในห้องน้ำล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม พร้อมกับขยับมือที่จับอยู่บนพวงมาลัยรถด้วยความประหม่า ปลื้มเองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคาดหวังกับคำตอบแบบไหน
“ห้องน้ำไหนวะ” แทนขมวดคิ้วงง
“ก็ห้องน้ำในร้านเหล้าไง ที่มึงกับเรน...” ปลื้มเว้น่ท้ายประโยคเอาไว้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด
“กูกับเรนทำไม มึงช่วยพูดให้มันจบประโยคได้มั้ยกูไม่เข้าใจว่ามึง้าจะสื่ออะไร”
“ที่มึงกับเรนมีอะไรกันในห้องน้ำไง”
“กูกับเรนเนี่ยนะ!” ร่างบางโวยวายออกมาด้วยความใปนความไม่พอใจ
“...”
“ให้ตายเถอะ” แทนเผยสีหน้าหมดอะไรตายยากออกมา “มันมีอะไรมั้ยในนี้อะ” เสียงใสตั้งคำถามพร้อมกับแขนขาวที่เอื้อมไปทางฝั่งของคนขับ ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนหน้าผากกว้างๆนั่นสองครั้งก่อนจะผละถอยออกมา
“คิดได้ไงวะ”
“ก็กูได้ยินคนเขาพูดกันว่ามีคนเอากันในห้องน้ำ แล้วมึงกับเรนก็ออกมาจากห้องน้ำห้องเดียวกัน” ปลื้มเถียง
“ออกมาพร้อมกันเหี้ยอะไร กูกำลังจะออกแล้วเรนก็กำลังจะเข้าต่อ แต่กูไม่รู้จะหลบไปทางไหนเลยยืนงงกันอยู่แล้วมึงก็เข้ามาพอดี”
“...” นี่เขา...เข้าใจผิดไปเองอย่างนั้นหรอ
“กูกับเรนไม่ได้ทำอะไรกันทั้งนั้น มึงเลิกคิดไปได้เลย” แทนบอกไว้แค่นั้นก่อนจะหันออกไปมองด้านนอกของกระจกแล้วปล่อยให้ความเงียบกับเสียงเพลงครอบคลุมไปทั่วทั้งรถ
“กู...”
“...”
“กูขอโทษ ที่เข้าใจมึงผิด” ร่างสูงเอ่ยออกมาเสียงเบา
“...”
“แล้วก็ขอโทษที่ต่อยมึงด้วย”
“ช่างแม่งเถอะ”
บนใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มออกมาจางๆอยู่ดีๆเขาก็รู้สึกเหมือนได้ยกหินก้อนใหญ่ออกจากอกอย่างไรอย่างนั้น เพียงแต่เ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังรู้สึกโล่งอกที่เรนไม่ได้เป็อะไรกับแทน หรือโล่งใจที่แทนไม่ได้มีอะไรกับเรนกันแน่
“อย่าพึ่งลง กูขอจอดรถดีๆก่อน” ร่างบางที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถเมื่อล้อของรถยนต์คันหรูจอดลงบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งชะงักมือลง แทนหันหน้าไปมองอีกคนที่กำลังเอี่ยวตัวไปมองทางด้านหลัง แขนหนาด้านซ้ายถูกยกขึ้นมาจับไว้ที่เบาะด้านข้างที่มีอัลฟ่าอีกคนกำลังนั่งมองการกระทำของเขาอยู่ และใช้เพียงมือขวาเพียงข้างเดียวในการบังคับพวงมาลัยรถยนต์เพื่อให้รถเข้าไปจอดในพื้นที่ที่จำกัดได้ ก่อนจะหันตัวกลับมานั่งในท่าปกติเมื่อสามารถจอดรถได้เรียบร้อยแล้ว
“ขอบใจ” เมื่อรถยนต์คันหรูจอดนิ่งอยู่กับที่แล้วมือเรียวก็ยื่นไปปลดสายเบลออก ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป
“ไม่เป็ไร” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้มือเรียวที่กำลังจะไขกุญแจเพื่อเปิดประตูรั้วหน้าบ้านหยุดชะงักลง
ปรรณกรจำเป็ต้องลดมือลงแล้วค่อยๆหันหลังกลับไปมองอัลฟ่าหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา ใบหน้าสวยฉายความงงออกมาอย่างปิดเอาไว้ไม่มิด
“...” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าทำหน้าแบบนั้น คิ้วคมเข้มก็เลิกขึ้นหนึ่งข้างแทนการถามว่ามีอะไรหรือเปล่า ก่อนจะไล่สายตามองไปยังกุญแจที่ร่างบางถือเอาไว้ในมือเหมือน้าจะถามว่าแล้วมึงไม่เปิดประตูเข้าไปในบ้านหรอ
“มึงลงมาทำไม”
“ก็จะเข้าไปในบ้านไง” ปลื้มตอบพร้อมกับชี้นิ้วเข้าไปในตัวบ้านสองชั้นสีขาวที่อยู่ตรงหน้า
“แล้วมึงจะเข้าไปในบ้านกูทำไม”
“ก็ทำแผลให้มึงไง งงอะไร”
“ทำแผลให้กู?” ร่างบางเลิกคิ้วถามซ้ำพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ใช่ มึงก็ต้องทำแผลให้กูด้วย ที่หน้ากูต้องแหกแบบนี้เพราะช่วยมึงนะค้าบ” ปลื้มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่กวนเบื้องล่างคนฟังอยู่ไม่น้อย ทำเอาแทนรู้คันเท้ายิบยับจนอยากจะยกมันขึ้นมาฟาดปากคนพูดสักที
“กูไม่ได้ขอให้มึงมาช่วยซะหน่อย” เอ่ยจบแทนก็หมุนตัวกลับไปเปิดประตูรั้วอีกครั้ง รั้วสีขาวสีเดียวกับตัวบ้านถูกมือบางเลื่อนไปด้านข้างก่อนขาเรียวจะก้าวเข้าไปด้านในยังไม่ทันที่จะได้หันตัวมาปิดมันแบบที่ใจ้าร่างของเขาก็ถูกคนที่มีแรงมากกว่าผลักให้ไปด้านหน้ามากขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาในเขตบ้านของเขา
“อ๋อ คือกูเสือกเองสินะ” ปลื้มพูดออกมาด้วยใบหน้าแสร้งรู้สึกผิด คิ้วคมลู่ลงเหมือนคนที่กำลังเสียใจดวงตาคมก็ฉายแววเศร้าหมอง พร้อมกับขายาวกลับเดินผ่านเ้าของบ้านเข้าไปด้านใน
“ก็รู้ตัวนี่”
“ปากดีแบบนี้น่าจะปล่อยให้โดนกระทืบให้ตายห่าไปเลย” ปลื้มหยุดปลายเท้าลงบริเวณหน้าประตูบ้านที่ถูกปิดเอาไว้ เขาเอี้ยวตัวกลับไปมองเ้าของบ้านที่ยังยืนอยู่ที่เดิม “จะยืนตากละอองฝนอีกนานมั้ย”
“ให้ตายเถอะ”
แทนกลอกตาขึ้นมองบนก่อนจะรีบปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้าไปเปิดประตูบ้านออกเพื่อให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้าไปด้านใน
บ้านตัวเองก็ไม่ใช่ยังจะมีหน้ามาเร่งกูอีกนะมึง
“มึงนั่งรอตรงนั้นก่อนแล้วกัน” มือเรียวชี้ไปยังโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขก ส่วนตัวเองก็เดินไปยังตู้ที่เอาไว้เก็บพวกยาสามัญประจำบ้านและอุปกรณ์ทำแผล เมื่อได้ของที่้าเขาจึงเดินกลับมาหาปลื้มที่กำลังนั่งรออยู่
“มึงมีพี่น้องด้วยหรอ” กรอบรูปของเด็กผู้ชายสองคนที่มีใบหน้าคล้ายกันแต่อยู่คนละใน่วัยถูกวางเรียงเอาไว้เรียกความสนใจจากร่างสูงให้หันไปมอง
ถ้าเจอกันเร็วกว่านี้เขาคงต้องคิดว่าอีกคนนั้นเป็โอเมก้าแน่ๆ ก็เล่นตัวขาวหน้าเล็กปากแดงซะขนาดนั้นใครจะไปเชื่อว่าโตมาจะเป็อัลฟ่าหนุ่มร่างโปร่งส่วนสูงเกือบจะเท่ากับเขาแบบนี้
“น้องมึงแม่งน่ารักว่ะ” ปลื้มเอ่ยชม “ตอนเด็กมึงก็น่ารักเหมือนกันนะ โตมาไม่น่าเหี้ยเลย” แต่ก็ยังไม่วายที่จะแวะมาแซะร่างบางที่เป็เ้าของบ้านอยู่ดี
“อยากปากแตกเพิ่มด้วยมั้ย” คิ้วเรียวสวยรับกับใบหน้าเรียวได้รู้ยกขึ้นหนึ่งข้างหลังเอ่ยถามอีกคนออกไป
“ดุจังวะ”
“ทำแผลดิ”
“มึงจะไม่ทำให้กูหน่อยหรือไง”
“มือมึงก็มีเื่ไรกูต้องทำให้” ร่างบางเอ่ยบอกพร้อมกับชี้มือไปยังฝ่ามือทั้งสองข้างที่ร่างสูงเอาวางไว้บนหน้าขาของตัวเอง
“ไร้น้ำใจฉิบหาย” อัลฟ่าหนุ่มบ่นงึมงำตัวเองในขณะที่มือหนาก็เอื้อมไปหยิบกล่องที่มีอุปกรณ์ทำแผลเอามาไว้ใกล้ตัว ปลื้มหยิบขวดแอลกอฮอล์กับสำลีออกมาวางไว้เตรียมจะเทน้ำสีฟ้าลงบนสำลีแต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาก่อน
“ใช้น้ำเกลือล้างก่อน ใช้แอลกอฮอล์เลยเดี๋ยวก็ได้แสบตายห่า” ขวดน้ำเกลือขวดใหญ่ถูกดันมาไว้ด้านหน้าของร่างสูงด้วยฝีมือของร่างบางที่กำลังหยิบสำลีออกจากถุงบ้างเช่นกัน
“...” ทีปรกรจึงวางขวดแอลกอฮอล์ในมือลงแล้วหยิบขวดน้ำเกลือขึ้นมาแทน เขาเทมันใส่สำลีให้พอชุ่มก่อนจะแตะลงไปที่บริเวณหางคิ้วของตัวเองตรงที่น่าจะมีแผลอยู่แต่ก็แปะไปถูกๆผิดเพราะมองไม่เห็นว่าแผลอยู่ตรงไหน ท่าทางที่ดูเก้ๆกังๆของร่างสูงทำให้ร่างบางที่รอบมองอยู่รู้สึกขัดใจขึ้นมา
“เฮ้ย” เสียงทุ้มร้องออกมาด้วยความใเมื่ออยู่ดีๆมือของเขาก็ถูกมือเรียวกุมเอาไว้แล้วกดน้ำหนักลงไปที่แผลแต่เหมือนว่าแรงที่อีกคนส่งมาบวกกับแรงของเขามันทำให้สำลีที่ชุ่มไปด้วยน้ำเกลือกดทาบลงมาที่แผลมากไปความแสบจึงแล่นจากคิ้วไปทั่วทั้งใบหน้าจนเขาต้องรีบสะบัดทั้งมือของตัวเองแล้วก็อีกคนออก “ถ้าไม่ช่วยก็อย่าซ้ำเติมได้ป่ะ” ใบหน้าหล่อที่ฉายแววหงุดหงิดนิดๆหันไปมองหน้าของร่างบางที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“ไม่ได้ซ้ำเติมแต่ท่าทางมึงแม่งน่าขัดใจชิบหาย”
“ก็กูกะไม่ถูกว่าแผลมันอยู่ตรงไหน”
“มานี่กูทำเอง” สำลีในมือหนาถูกแย่งไปด้วยฝีมือของแทน ก่อนที่ปลื้มจะรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่ค่อยๆแตะลงบนหางคิ้วของตัวเอง “โง่ไปยืนให้มันต่อยทำไมก็ไม่รู้”
“ไม่ทำแบบนี้ก็อ้างไม่ได้ดิว่าป้องกันตัวอะ” มันก็ต้องยอมเจ็บนิดหน่อยกันบ้างเพราะกฎหมายน่ะคุ้มครองคนที่ถูกกระทำก่อนอยู่แล้ว
“แล้วซัดพวกมันไปซะขนาดนั้นไม่กลัวโดนหาว่าทำเกินกว่าเหตุหรือไง”
“ก็คนมันต้องเอาตัวรอด ใครจะได้ทันยั้งแรงได้ล่ะครับคุณตำรวจ”
“มึงซ้อมให้ปากคำรอั้แ่ตอนนี้เลยหรือไง”
สำลีก้อนแรกที่เปื้อนไปด้วยรอยเืสีแดงถูกวางลงบนโต๊ะ มือบางหยิบเอาก้อนใหม่มาถือไว้แทนขยับตัวเข้าไปใกล้กับอีกคนมากขึ้นเพื่อที่เขาจะได้มองเห็นแผลชัดๆโดยไม่ทันสังเกตว่าขาของตนเองนั้นกำลังเทินอยู่บนหน้าขาแกร่งของอีกคน
“ให้กูก้มให้มั้ย” น้ำลายเหนียวหนืดถูกกลืนลงไปในลำคอ เมื่อปลายจมูกโด่งคมอยู่ห่างจากกระดูกไหปลาร้าของอีกคนไม่มากนัก แถมน้ำหนักที่ขาเรียวทิ้งลงมาบนต้นขาของเขามันก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
กลิ่นฝนอีกแล้วนี่กลิ่นฝนด้านนอกมันลอยเข้ามาถึงข้างในบ้านเลยหรอวะ
“ไม่ต้องอะ กูยืดตัวได้” คนที่กำลังตั้งใจทำแผลอยู่เอ่ยบอก
เมื่อเช็ดเืและคราบเืออกจนหมดแทนก็ค่อยๆใช้ปลายนิ้วเขี่ยขนคิ้วเข้มให้ออกไปเพื่อดูร่องรอยของาแว่ามันลึกมากหรือไม่เพราะถ้าหากมากลำพังแค่เอายาใส่ไม่น่าจะหายคงต้องไล่อีกคนให้ไปโรงพยาบาลและเย็บแผลให้เรียบร้อยเพื่อที่ใบหน้าหล่อๆนี่จะได้ไม่มีแผลเป็ประดับเอาไว้ที่คิ้ว
“...”
“โชคดีไม่ลึกไม่ต้องถึงกับเย็บอะไร น่าจะเพราะ่นี้มันเป็ิัติดกับกระดูกอะเลยแตกง่าย” เสียงใสเอ่ยอย่างเจื้อยแจ้ว ก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบเบตาดีนเทใส่สำลีก้อนใหม่แล้วแตะลงบนาแอย่างเบามือ ริมฝีปากสีแดงอิ่มผิดจากวิสัยของคนที่ชอบสูบบุหรี่ค่อยๆห่อตัวเข้าหากัน แก้มนิ่มกักลมเอาไว้ด้านในก่อนจะค่อยๆเป่าลมลงไปบนแผลที่หางคิ้วของอีกคน
ฟู่ววว
“มึงทำเหี้ยไรเนี่ย แผลกูเป็บาดทะยักแล้วมั้งไอ้สัด” ปลื้มโวยวายออกมาเสียงดังเมื่อรับรู้ได้ถึงลมเย็นๆที่ปะทะเข้ากับคิ้วของเขา
“แม่กูเคยบอกไว้ว่าทำแบบนี้แล้วจะหายเจ็บ” แทนตอบพร้อมกับผละใบหน้าออกมาห่างจากใบหน้าของร่างสูง
“แม่กูไม่เห็นจะเคยทำแบบนี้”
“จะไปรู้แม่มึงหรอ”
“อีกนานมั้ย”
“อะไร...อ๋อทำแผลอะหรอเสร็จแล้ว”
“มึงจะนั่งทับขากูอีกนานมั้ย”
สิ้นประโยคที่ร่างสูงเอ่ยดวงตากลมก็รีบหลุบตามองไปด้านล่างก่อนจะพบว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนั่งเกยตักของอีกคนอยู่ แทนจึงรีบผละตัวเองออกไปนั่งที่เดิมทันที
“โทษที” แทนเอ่ยออกมาพร้อมกับเอื้อมมือไปวางสำลีที่เปื้อนเบตาดีนลงบนโต๊ะ “ทำแผลเสร็จแล้วมึงก็กลับไปดิ” ก่อนจะเอ่ยปากไล่ร่างสูงให้กลับไปได้แล้ว
“หันมานี่” แต่เหมือนว่าปลื้มน่าจะมีปัญหาที่หูถึงได้ทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด แถมยังเอามือมาจับคางเขาแล้วบังคับให้หันหน้าไปหามันอีก
“จะทำอะไร”
“ทำแผลให้มึงไง”
“ไม่ต้อง กูทำเองได้”
“อยู่เฉยๆ มึงรู้หรือไงว่าแผลมันอยู่ตรงไหนบ้าง”
“บ้านกูมีกระจก”
“เสียเวลาเดินไปเอา อยู่เฉยๆ”
ใบหน้าสวยถูกมือหนาประกบเอาไว้ทั้งสองข้างเพื่อล็อกเอาไว้ไม่ให้หันหนีไปไหน เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ได้ขัดขืนอะไรแล้วปลื้มจึงหันไปหยิบสำลีชุบน้ำเกลือมาเช็ดแผลให้กับอีกคนแทน ดวงตาคมจับจ้องไปยังรอยแผลที่บริเวณโหนกแก้มขาวอย่างพินิจพิจารณาก่อนจะแตะสำลีลงไปด้วยน้ำหนักมือที่เ้าตัวคิดว่าเบาที่สุด
ั้แ่เกิดมาก็พึ่งจะเคยทำแผลให้คนอื่นแบบนี้ประหม่าสัด
พอจัดการกับแผลที่โหนกแก้มเสร็จก็เลื่อนลงมาซับเืที่มุมปากอิ่มต่อ ใบหน้าหล่อที่ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆทำให้ร่างบางรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมา ไหนจะลมหายใจอุ่นร้อนของอีกคนที่รดรินไปตามผิวเนื้อของเขาอีกให้ ตายเถอะ แถมสมองไม่รักดีมันก็ยังไปนึกถึงภาพเมื่อคืนที่เราจูบกันขึ้นมาอีก
เพื่อดึงสติของตัวเองให้กลับมาก่อนที่จะคิดไปไกล ร่างบางจึงพยายามหาจุดโฟกัสอย่างอื่นเพื่อให้ตัวเองเลิกคิดถึงเื่เมื่อคืนสักที แต่ภาพตรงหน้าก็ยังเป็ใบหน้าของปลื้มอยู่ดี
ดวงตากลมจึงจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อๆนั้นอย่างลืมตัวไล่ั้แ่หน้าผากกว้างที่มีผมหน้าม้าตกลงมาปรกปิดเอาไว้คลอเคลียอยู่กับคิ้วเข้มเป็ทรงรับกับโครงหน้าเลื่อนไปยังขนตายาวที่เรียงตัวเป็ระเบียบอยู่บนเปลือกตาหนา
ไหนจะจมูกโด่งๆนั่นอีก โกงความหล่อสัดๆ
“แสบหน่อยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจะแตะสำลีที่ชุ่มไปด้วยเบตาดีนลงบนแผลบริเวณมุมปากของอีกคน
“ซี๊ด”
จังหวะที่ร่างบางร้องออกมาทำให้ร่างสูงรีบหยุดมือของตัวเองค้างเอาไว้ในอากาศทันที เปลือกตาคมกะพริบหนึ่งครั้งก่อนจะตวัดสายตาขึ้นเพื่อมองหน้าของอีกคนแต่ระยะที่ใกล้กันจนััได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายนั้นทำให้ระดับสายตาที่ปลื้มเบนขึ้นบังเอิญสบเข้ากับั์ตาของร่างบางเข้าพอดี
เพียง่เวลาเสี้ยววิที่สองสายตามากันกลับทำให้ไม่มีใครสามารถถอนสายตาออกไปก่อนได้
เริ่มจากโดนท่วงท่าในการเป่าแซคโซโฟนดึงสายตาเอาไว้
ต่อมาก็เป็รอยยิ้มกว้างที่ทำให้เขาละสายตาออกไปไหนไม่ได้
แล้วก็มาถูกสายตาตรึงเอาไว้ด้วยสายตาที่เหมือนจะทำให้ลุ่มหลงอยู่ในนั้นไร้ซึ่งทางถอนตัว
ตึก ตึก ตึก
เสียงบีบคลายตัวของอวัยวะที่อยู่ภายในอกแกร่งถูกเ้าของมันได้ยินอย่างชัดเจนในทุกจังหวะ ปลื้มหลุบสายตาลงไปมองริมฝีปากอิ่มที่อยู่ห่างออกไปไม่มาก แทนเองก็มองตามสายตาของร่างสูงลงไปเช่นกัน
ฟู่วววว
ลมอุ่นๆถูกเป่าลงบนาแบริเวณมุมปากของอัลฟ่าร่างบางด้วยฝีมือของร่างสูง ก่อนที่ใบหน้าหล่อจะค่อยๆผละห่างออกมาจากใบหน้าของอีกคน
“จะได้หายเจ็บไวๆ”
“อะ..อืม”
แทนยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรงเหมือนคนทำตัวไม่ถูก ิับริเวณที่ถูกเป่ายังคงรู้สึกอุ่นร้อนอยู่นิดหน่อยจนร่างบางเผลอยกมือขึ้นมาแตะมันอย่างลืมตัว
“ยังเจ็บอยู่หรอวะ” เมื่อเห็นแบบนั้นปลื้มก็อดจะถามขึ้นมาไม่ได้
“ไม่ได้เจ็บแค่แสบนิดหน่อย” แทนตอบพร้อมกับลดมือลง “มึงจะกลับได้หรือยัง”
“หมดประโยชน์แล้วก็ไล่เลยนะ น้ำสักแก้วแม่งก็ไม่มีให้แขกกิน”
“เพราะแขกคนนั้นเป็มึงไง”
“ใจร้ายสัด”
“การที่กูยอมให้คนที่ต่อยหน้ากูมานั่งอยู่ในบ้านแบบนี้กูว่ากูก็ใจดีมากแล้วนะ”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาแบบนั้นปลื้มก็มีสีหน้าที่สลดลงมานิดหน่อย
“กูก็พึ่งช่วยมึงไว้นี่ไงถือว่าเจ๊ากันไม่ได้หรอวะ”
“เออ”
“ขอบคุณครับ” อัลฟ่าร่างสูงเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม “แต่กูมีเื่หนึ่งที่อยากขอมึง”
“เื่เรนหรือไง มึงไม่ต้องห่วงหรอกกูรู้ว่ากูควรอยู่ตรงไหน”
“ไม่ใช่เื่นั้น”
ถ้าเป็เื่ของเรนคนที่ควรจะพูดว่ารู้ตัวดีว่าควรอยู่ตรงไหนดูน่าจะเป็ปลื้มมากกว่า
“แล้วเื่ไหน”
“เื่ที่...ไอ้สัดเอ้ย”
“...”
“เื่ที่กูเมาแล้วร้องไห้ต่อหน้ามึงอะ อย่าเอาไปเล่าให้ใครฟังได้มั้ยวะ” ปลื้มเอ่ยออกมาด้วยท่าทางที่เหมือนกับหมาตัวใหญ่ที่โดนดุจนหูลู่หางตก แต่จะไม่เหมือนก็ตรงหน้าของอีกฝ่ายที่เหมือนแมวส้มตัวอ้วนมากกว่านี่แหละ
“ฮ่าฮาฮา” แทนอดที่จะขำออกมาไม่ได้เมื่อได้ยินเื่ที่อีกฝ่ายพูดถึงและท่าทางที่อีกคนใช้ในการขอร้องเขา
“กูจริงจังนะมึง ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดแม่งเสียชื่อกูหมด”
“พอมึงพูดแบบนี้แล้วทำให้กูรู้สึกผิดมาก”
“รู้สึกผิดอะไร” คิ้วคมขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ
“รู้สึกผิดที่ไม่อัดคลิปไว้”
“สัด”
“เสียดายว่ะ”
“มึงแม่งเหี้ยจริงๆ”
“โอ๋ๆ” แทนยกมือขึ้นมาลูบผมของคนที่นั่งหน้าบูดอยู่ด้านข้างด้วยความเอ็นดู ปลื้มยกมือขึ้นมากอดอกเอาไว้ก่อนที่จะสะบัดหัวหลบจากฝ่ามือของอีกคน “เออ กูไม่บอกใครหรอก เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วไม่ได้ดูน่ารักเลยไอ้สัดอย่าหาทำ”
“มึงพูดแล้วนะ”
“เออ กูพูดแล้ว”
“ดีล งั้นกูกลับละ” ร่างสูงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าที่กลับมาเป็ปกติไม่เหลือคราบของเด็กขี้งอนก่อนหน้านี้ให้เห็น ก่อนจะเดินนำออกไปยังด้านนอกโดยมีร่างของเ้าของบ้านเดินตามหลังไปไม่ห่างมากนัก
“ขอบคุณที่มาช่วยกูไว้แล้วก็เื่แผลด้วย วันหลังจะช่วยใครก็ไม่ต้องลงทุนจนเจ็บตัวอีกนะ” เสียงใสเอ่ยบอกเมื่อร่างสูงของอัลฟ่าหนุ่มเดินพ้นออกไปจากรั้วบ้านของเขา
“ขอบคุณเหมือนกัน” สำหรับทุกเื่ที่มึงทำให้กู
ปลื้มเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่กล้าที่จะพูดเื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อคืนกับแทนแต่ในเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทีที่้าจะพูดถึงมันเขาเองก็ควรจะทำแบบนั้นเช่นกัน
“ส่วนเสื้อเดี๋ยวกูค่อยเอาไปคืนนะ” ร่างบางบอกพร้อมกับใช้มือจับลงบนเสื้อนักศึกษาที่ตัวเองใส่อยู่ “ขอไปซักรอยตีนออกก่อน”
“โอเค เออแทน...”
“ฮืม...นี่มึงรู้ชื่อกูด้วยหรอ” แทนค่อนข้างแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะั้แ่เจอกันเขายังไม่เคยบอกชื่อให้อีกฝ่ายรู้เลย
“มึงคิดว่ากูจะไม่สืบชื่อของคนที่กูเดินไปต่อยเขากลางร้านเหล้าหน่อยหรอ” โกหกไปคำโตเลยไอ้ปลื้มเอ้ย “ถึงเมื่อคืนเราจะเริ่มต้นกันได้ไม่ดีเท่าไร”
“เหี้ยเลยแหละ”
“ก็จริง”
“...”
“มึงว่าตอนนี้เราสองคนถือว่าเป็เพื่อนกันแล้วหรือยังวะ” ปลื้มถามขึ้นพร้อมคิ้วหนาข้างหนึ่งที่เลิกขึ้นอย่าง้าคำตอบ
“เป็แล้วมั้ง”
“ไง”
“เหี้ย!” ร่างบางในชุดนักศึกษาที่กำลังจะล็อกประตูรั้วบ้านของตัวเองสะดุ้งตัวอย่างแรงเมื่อหันตัวไปตามเสียงทักทายที่ดังขึ้นแล้วพบเข้ากับอัลฟ่าร่างสูงที่พึ่งเจอไปเมื่อวาน “มึงมาทำเหี้ยไรแต่เช้าเนี่ย”
“ไปแจ้งความกัน” ใบหน้าหล่อเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
“ที่มึงถ่อมาหากูแต่เช้านี่เพื่อจะพากูไปแจ้งความ?”
“เออดิ กูไม่ยอมเจ็บตัวฟรีหรอกนะ” พูดจบก็ผายมือไปยังรถของตัวเองที่จอดนิ่งอยู่บริเวณรั้วบ้านของแทนใกล้เคียงกับตำแหน่งที่เคยจอด “เชิญครับ”
“...” แทนส่ายหัวไปมาเหมือนเอือมระอาแต่ขาเรียวก็ยอมพาร่างของตัวเองก้าวไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่
“แวะหาอะไรกินก่อนนะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกกับคนด้านข้างเมื่อเข้าทั้งคู่ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“กูไม่หิว”
“แต่กูหิว”
“เพื่อ?”
เพื่ออะไร มึง้าอะไรจากกูวะ
“ไม่นานหรอก กูไปส่งมึงทันเรียนเช้าแน่นอน”
“มึงรู้ได้ไงว่ากูมีเรียนเช้า”
“ออกจากบ้านเวลานี้มึงคงไม่มีทางเรียนบ่ายหรอก”
บทสนทนาถูกตัดจบลงเพียงเท่านั้นเมื่อร่างสูงหันไปให้ความสนใจกับการขับรถมากกว่าจะมานั่งต่อปากต่อคำกับคนข้างกาย ส่วนแทนก็หันไปสนใจวิวทิวทัศน์ด้านนอกตัวรถมากกว่าจะต่อล้อต่อเถียงกับอีกคน ในรถเริ่มถูกความเงียบเข้ามาครอบงำแต่บรรยากาศกลับไม่ได้ดูน่าอึดอัดเหมือนเมื่อวานแล้ว
ภายในห้องพักขนาดใหญ่ของคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองมีร่างสูงของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์กำลังง่วนกับการอ่านหนังสืออยู่ ใบหน้าหล่อเหลาที่ใครต่อใครต่างก็ชื่นชมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือในมือ ดวงตาคู่คมภายใต้กรอบแว่นที่มักจะใส่เวลาที่อ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตาเยอะๆมองไปยังทิศทางของประตูเข้าห้องที่ถูกใครบางคนเปิดออก มีไม่กี่คนที่จะรู้รหัสเข้าห้องของเขาถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทก็คงจะเป็ไอ้พี่ชายตัวแสบหรือไม่ก็คุณแม่สุดที่รัก...
“เรน” เสียงทุ้มเอ่ยชื่อของคนตัวเล็กที่พึ่งเดินเข้ามาในห้อง
ลืมไปว่ามีคนคนนี้อีกคนที่รู้
“เรามาเอาของที่ลืมไว้”
“อะไรหรอ” คิดว่าจะกลับมาหากันเสียอีก
“เสื้อน่ะ ตัวที่เคยใส่ไปเที่ยวเขาใหญ่ด้วยกัน”
“...” พอได้ยินอะไรแบบนี้แล้วภาพแม่งก็ลอยเข้ามาในหัวเลยว่ะ
“เราขอเข้าไปเอาได้มั้ย” คนตัวเล็กถามขึ้นพร้อมกับชี้ไปยังทิศทางของประตูห้องนอนที่ถูกแง้มเอาไว้นิดหน่อยเพราะปลื้มพึ่งจะเอาเสื้อผ้าที่ได้จากการส่งซักเข้าไปไว้แล้วตอนที่ออกมาอ่านหนังสือต่อก็ดันปิดมันไม่สนิทเสียอย่างนั้น
“เดี๋ยวปลื้มไปหยิบให้ก็ได้ เรนเอาไว้ตรงไหนอะ”
“ไม่แน่ใจอะ ว่าอยู่ในตู้หรือในลิ้นชัก”
“โอเค งั้นเดี๋ยวปลื้มไปดูให้” ร่างสูงเอ่ยบอกไว้เท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ร่างสูงรื้อหาเสื้อตัวนั้นตามที่อีกคนบอกแต่ไม่ว่าจะเป็ในตู้หรือลิ้นชักเขาก็หามันไม่เจออยู่ดี
“ไม่มีนะเรน” คนตัวเล็กหันไปตามเสียงที่ได้ยินก่อนจะเห็นใบหน้าหล่อของเ้าของห้องที่โผล่ออกมาจากประตูห้องนอน
“งั้นเราขอเข้าไปหาเองแล้วกัน”
“เอ่อ...โอเค” ปลื้มเหมือนจะมีท่าทีลังเลนิดหน่อยแต่สุดท้ายเขาก็ยอมเบี่ยงตัวหลบให้คนตัวเล็กเดินเข้ามาด้านใน
ขาเรียวขาวก้าวเดินไปยังทิศทางที่มีตู้เสื้อผ้าอยู่อย่างคุ้นชิน ก่อนจะเริ่มไล่สายตามองหาเสื้อตัวที่ตัวเอง้า แต่มือเรียวที่กำลังรูดไปตามไม้แขวนเสื้อดันหยุดอยู่ที่เสื้อยืดสีดำตัวหนึ่งที่แขวนอยู่ในตู้ ก่อนจะเลื่อนผ่านไป
“เราไปขอโทษแทนแทนปลื้มมาแล้วนะ” อยู่ดีๆคนตัวเล็กก็พูดขึ้นมา
“ขอโทษแทน?”
“เื่ที่ปลื้มไปต่อยหน้าแทนไง” คนตัวเล็กบอกพร้อมกับหันมาเผชิญหน้ากับคนที่ได้ชื่อว่าเป็แฟนเก่า “ปลื้มไม่ควรทำแบบนั้นเลยนะ เราไม่รู้หรอกว่าปลื้มไม่พอใจแทนเื่อะไรแต่การทำร้ายร่างกายคนอื่นแบบนั้นมันไม่สมกับเป็ปลื้มเลย”
“...”
“ปลื้มที่เรารู้จักไม่ใช่คนที่ใช้กำลังตัดสินปัญหา”
“พอดีมันมีเื่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
“หรอ ได้ยินแบบนี้เราก็ค่อยสบายใจหน่อย”
“...”
“เพราะเราไม่ชอบที่เห็นแทนต้องเจ็บตัวแบบนั้นเลย” ดวงตากลมโตของคนพูดสั่นไหวขึ้นมาจนคนที่ฟังอยู่รู้สึกได้ถึงความเป็ห่วงที่คนตัวเล็กมีให้อีกคน
“ทำไมล่ะ”
“ไม่มีใครอยากเห็นคนที่ตัวเองชอบเจ็บตัวหรอก”
“...”
“ปลื้มไม่คิดแบบนั้นหรอ” พอได้ยินคนตรงหน้าพูดแบบนั้นอยู่ดีๆในหัวมันก็ฉุดคิดขึ้นมาได้ว่า
ไม่มีใครเดินไปต่อยหน้าคนที่ปลื้มแบบกูด้วยเหมือนกัน