“อะไรนะ?” หลิวฉีซื่อส่งเสียงแหลมและดัง ชี้นิ้วด่าเขา “หลิวต้าฟู่ เ้าผายลมอะไรของเ้า หากไม่ใช่เ้าสู่ขอข้า เ้าจะมีชีวิตที่ดีเยี่ยงวันนี้หรือ? ถุย เ้ายังคิดจะมีบ้านที่ร่ำรวยได้หรือ ดูสิว่าสภาพในอดีตของเ้าเป็เช่นไร มีเพียงกระท่อมสุขามีรู ก้นโอ่งสะท้อนเห็นคน เสื้อผ้าสวมด้านนอกสามปี พลิกด้านในอีกสามปี เย็บปะแล้วใส่อีกสามปี ข้าจะบอกเ้าให้ว่า หลิวต้าฟู่ เ้าได้ข้ามาเป็เมีย นับว่าเป็บุญที่สั่งสมมาสามชาติ เ้าอย่ามาทำตัวไม่รู้จักพอ”
คงเพราะอีกฝ่ายกำลังเมาได้ที่ หรือเพราะว่าคนตระกูลซุนบุกมารังแกกันถึงบ้าน ทำให้หัวใจของนางจุกจนกระวนกระวาย ขณะนี้จึงไม่ไว้หน้าผู้ใดทั้งนั้น
เมื่อได้ยินหลิวฉีซื่อชี้หน้าด่า หลิวต้าฟู่ก็โกรธ “มารดาเ้าเถอะ หากไม่ใช่เพราะเ้าทำลายครอบครัวเรา บ้านเราจะวุ่นวายถึงเพียงนี้หรือ? ตอนนั้นท่านพ่อท่านแม่ข้าก็ถูกเ้าทำให้ตรอมใจ มิเช่นนั้นจะจากไปเร็วเพียงนั้นหรือ?”
ดูเหมือนว่าเขาหาเหตุผลที่มีจุดยืนได้แล้ว หลิวต้าฟู่ยิ่งพูดก็ยิ่งไหลลื่น “เ้ารู้ทั้งรู้ว่าตระกูลหลิวนั้นย้ายมาจากต่างพื้นที่ หลังจากท่านแม่ข้าเสียไป ท่านพ่อข้ามาพักกับเรา เ้าก็วันๆ เอาแต่กระแทกจานชามทำลายหม้อ รังเกียจเขาที่กินอย่างเดียวไม่ทำงาน ข้าหลิวต้าฟู่ช่างโชคร้ายเหลือเกิน ที่ได้นางผู้หญิงใจร้ายเช่นเ้ามาเป็เมีย”
หลิวฉีซื่อได้ยินดังนั้นก็มีละอายใจบ้าง แต่กลับไม่แสดงออกมาทางสีหน้า แล้วเริ่มเบี่ยงเบนหัวข้อไปไกล “อะไรกัน หลิวต้าฟู่ เ้าไม่อยากมีชีวิตดีๆ แล้วใช่หรือไม่ ใช่สิ กินของข้า ใช้ของข้า แล้วยังให้ข้าคลอดลูก ถุย เ้าเป็ใครถึงคิดจะมาชี้นิ้วสั่งบังคับข้า เก่งนัก เ้าก็ปลดข้าสิ ดูสิว่าบรรดาลูกชายจะอยู่กับเ้า หรืออยู่กับข้า”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่นางได้เรียนรู้มาจากบ้านคนใหญ่คนโตนั้นเพียงพอต่อการนำมาใช้ตลอดชีวิต
ดูจากคำพูดของนางที่พูดจนบีบหลิวต้าฟู่ไว้ในฝ่ามือ ทำให้เขาแตะต้องไม่ได้แม้แต่น้อย
“ปลดก็ปลดไปสิ ใครเสียดายกัน!”
เมื่อถูกบีบจนถึงขั้นนี้ หลิวต้าฟู่ก็ไม่รู้ว่าเอ็นเส้นไหนทำงานผิดปกติ ถึงกับยอมเด็ดเดี่ยวจริงจัง
หลิวฉีซื่อมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็นและพูดอย่างเ็าว่า “ท่านแม่ข้าพูดถูก พวกผู้ชายก็คือสุนัขที่ไร้หัวใจ เวลาที่ถูกใจมัน มันก็จะดีตอบเป็หมื่นเท่า แต่พอเวลาที่มันไม่ถูกใจ ความดีของเราก็ถูกเอาไปให้สุนัขกิน”
จากนั้นก็ได้ยินนางเอ่ย “ถุย ใครปลดกันใครแน่? บ้านหลังนี้เป็ของข้า ที่ดินเป็ของข้า ที่นาผืนดีก็เป็ของข้า ตาเฒ่าอย่างเ้าช่างหน้าไม่อาย ตกลงใครเป็คนสั่งให้ใครไสหัวไปกันแน่?”
“ข้าไสหัวออกไปก็ได้!” หลิวต้าฟู่ที่เมามายผลักหลิวซานกุ้ยออก แต่เนื่องจากร่างกายที่มึนเมายังค่อนข้างอ่อนแรง จึงผลักเขาไม่ไปแม้แต่นิด
หลิวซานกุ้ยเห็นทั้งสองทะเลาะกัน จึงจำต้องแข็งใจเกลี้ยกล่อม “ท่านแม่อย่าได้โมโหไป ท่านพ่อดื่มมากไปหน่อยยังไม่สร่าง รอวันรุ่งขึ้นสร่างแล้วจำต้องขอขมาท่านแม่เป็แน่”
หลิวฉีซื่อเองก็ไม่ได้ทำใจเด็ดขาดจริงๆ ที่จะขับไล่หลิวต้าฟู่ออกจากบ้าน
หลังจากฟังคําพูดของหลิวซานกุ้ย นางจึงปั้นหน้าบึ้งตึงไปนั่งลงข้างเตียง และไม่มองหลิวต้าฟู่แม้แต่นิดเดียว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเื่ตักน้ำให้เขาดื่ม
หลิวซานกุ้ยพยุงเขานั่งลงบนเตียง แล้วป้อนน้ำดื่มให้เขา จากนั้นจึงเอ่ยปาก “ท่านพ่อ ดึกมาแล้ว ท่านรีบพักผ่อนเถิด วันรุ่งขึ้นข้าจะไปตำบลเพื่อเรียกพี่รองกลับมา”
ตอนนี้เขาไปหาอาจารย์กัวเพื่อเล่าเรียนทุกวัน เนื่องจากความจำของเขาค่อนข้างดี ตอนนี้คัมภีร์พันอักษรเขาได้ท่องจำอย่างชำนาญแล้ว หากไม่ใช่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เกรงว่าตอนนี้กระทั่งคัมภีร์หลุนอวี่ก็คงเรียนจบแล้ว การที่เขาพูดเช่นนั้นก็เพราะเป็ทางที่เขาต้องผ่านอยู่แล้ว
หลิวต้าฟู่ตอบรับ ถัดจากนั้นก็กลิ้งเข้าไปด้านในเตียง
“ฮึ ไม่ดื่มให้ตายๆ ไปเลยล่ะ!” หลิวฉีซื่อยังคงเต็มไปด้วยความโมโห เมื่อเห็นหลิวต้าฟู่ไม่สนใจอะไร และผล็อยหลับไปเช่นนั้น
นางเอื้อมมือออกไปผลักเขาอย่างแรง แล้วด่าอีก “ลุกมาเดี๋ยวนี้ เ้ายังเป็ผู้ชายอยู่หรือไม่? ในบ้านมีเื่ใหญ่เช่นนี้ เ้ากลับนอนหลับอุตุอยู่อีก”
หลิวต้าฟู่ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ แต่ปากก็พึมพำอะไรไม่รู้ออกมา
“อะไรกัน ลูกชายกับลูกสะใภ้ไม่ใช่ของเ้าหรือ? คนตระกูลซุนบุกมารังแกกันถึงบ้านเรา เ้า หลิวต้าฟู่ กลับไม่ได้เื่ ไม่กล้าโผล่กระทั่งศีรษะออกมา หดหัวอย่างกับเต่าขี้ขลาด!”
หลิวต้าฟู่ถูกรบกวนจนไม่สงบ ลุกขึ้นนั่งแล้วตะคอกใส่นาง “ไม่ใช่ว่าเ้าเป็หัวหน้าครอบครัวหรอกหรือ? มาถามจากข้าหาวิมารอะไรเล่า! คนตระกูลซุนเ้าเกรงกลัวด้วยหรือ? หากเ้ากลัวก็ไปหาพี่ชายเ้าสิ พี่ชายเ้าเก่งกาจมีอำนาจไม่ใช่หรือ? คำพูดเดียวของจวนตระกูลหวงจะไม่สามารถกำราบตระกูลซุนได้เชียวหรือ?”
“เ้า เ้า หลิวต้าฟู่ ข้าแต่งงานกับเ้ามาหลายปี มีครั้งไหนที่ไม่ได้ทำเพื่อครอบครัว หรือทำเพื่อลูกชายลูกสาวเรา ในอดีต ข้านำสินเ้าสาวเ่าั้มาด้วย เ้ากลับดี ได้หน้าได้ตา ข้าจะบอกเ้านะ หากไม่ใช่เพราะมีพี่ชายข้าอยู่ ชีวิตของเ้าไม่มีทางสุขสบายเช่นนี้ วันๆ เอาแต่ดูแลไร่นาและสวนอย่างเดียว”
หลิวต้าฟู่นิ่งเงียบไป ว่ากันว่าทุกครอบครัวย่อมมีความลำบาก หลายปีมานี้เวลาผ่านพ้นไป เื่ราวในบ้านล้วนมีพี่ชายของภรรยาเขาจัดการให้ หากมีผู้ใดที่ไม่ดูตาม้าตาเรือมายุ่มย่ามกับกิจการครอบครัวเขา คนผู้นั้นก็จะถูกทำให้หายสาบสูญไปอย่างเงียบเชียบ
ใช่แล้ว หายสาบสูญไป เมื่อเขารู้เื่นี้เป็ครั้งแรก หลังของเขาถึงกับเหงื่อซึม ตอนนั้นหลิวฉีซื่อบอกว่าอย่างไรนะ!?
โอ้ เขาจําได้ว่านางพูดว่า ก็แค่ชีวิตต่ำต้อยชีวิตเดียว ใช้เงินไม่กี่ตำลึงปิดปากและขับไล่คนในครอบครัวคนตายไปก็จบเื่
“เ้าเองก็รู้ว่า ข้าไม่ได้มีความสามารถนั้น ก่อนหน้านั้นซุนต้าเตาเอามีดจะฟันเ้า ก็ได้ข้ากับซานกุ้ยใช้จอบไล่เขากลับไปไม่ใช่หรือ ข้าก็มีความสามารถเท่านี้ หากมากกว่านั้นข้าเองก็รับมือไม่ไหว ข้าพูดความจริง หรือไม่ เ้าก็ไปหาพี่ชายเ้าเพื่อบอกเล่าเื่นี้?”
หลิวฉีซื่อได้ยินดังนั้นจึงไม่ส่งเสียง ผ่านไปชั่วครู่ นางก็เอ่ยถามหลิวต้าฟู่ “แล้วเื่สะใภ้รอง?”
คราวนี้หลิวต้าฟู่ไม่ได้ผลักไส เขาสั่งหลิวซานกุ้ยให้รินน้ำชาเย็นให้เขาดื่มอีก รอจนเริ่มสร่างแล้วจึงเอ่ย “เอาเถิด ในเมื่อนางกลับบ้านแม่ไปแล้ว ก็ปล่อยให้นางอารมณ์เย็นก่อน”
หลิวฉีซื่อไม่้าตามใจหลิวซุนซื่อ อีกทั้งซุนต้าเตาในวันนี้มากร่างใส่นาง นางยิ่งรู้สึกว่าได้รับความอดสูอย่างใหญ่หลวง ความเกลียดชังที่มีต่อหลิวซุนซื่อจึงมากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งแตกต่างจากความชิงชังที่มีต่อจางกุ้ยฮัว จางกุ้ยฮัวเพียงแค่ไม่ได้รับความชื่นชอบจากนาง ดังนั้นนางจึงชอบเข้าไปหาเื่
แต่หลิวซุนซื่อนั้นต่างกัน พี่ชายของนางนั้นร้ายกาจยิ่งนัก เอะอะก็คว้ามีดเชือดหมูแล้วจะฟาดฟันอย่างเดียว แม้พี่ชายของหลิวฉีซื่อจะสามารถจัดการได้ แต่ระยะทางที่ไกลคงไม่มีทางมาช่วยดับไฟที่อยู่ใกล้ตัวได้ทันที เกิดซุนต้าเตาบ้าคลั่งขึ้นมาแล้วฟันตนเองจนาเ็จะทำเช่นไร
เมื่อนางเริ่มสงบลงก็นึกได้อีกหนึ่งเื่ จึงเอื้อมมือไปตบหน้าขาตนเองอย่างแรงแล้วด่า “นางซุนซื่อตัวดี หัวใจคงถูกสุนัขกินไปแล้วแน่ๆ ตาเฒ่า ก่อนหน้านี้เ้าไม่ได้เห็น ซุนต้าเตาเ้าหมูตัวผู้นั่น คว้ามีดมาทำท่าจะฟันเสียให้ได้ แต่ซุนซื่อกลับใจเหี้ยมอย่างแท้จริง นางกลับยืนดูอยู่ตรงนั้น ไม่มีทีท่าจะห้ามปรามซุนต้าเตาแม้แต่น้อย”
หลิวต้าฟู่พยักหน้าเหมือนรู้ หากไม่เช่นนั้นต่อมา แก้มด้านซ้ายของซุนซื่อจะแดงอย่างนั้นได้อย่างไร ก็เพราะได้รับความโมโหจากภรรยาของตนไปเต็มที่ จะให้นางไม่ระบายความอัดอั้นนี้ก็คงยาก
“เอาน่า เ้าก็ได้ลงโทษซุนซื่อแล้วไม่ใช่หรือ? เื่นี้ปล่อยให้มันจบเช่นนี้เถอะ”
หลิวฉีซื่อกลับไม่ยอมโดยง่ายดาย “ไม่ได้ ข้าไม่อาจปล่อยให้นางคิดว่ามีพี่ชายที่ร้ายกาจคอยหนุนหลังแล้วเราจะกลัวนาง มิเช่นนั้น ต่อไปข้าคงต้องปล่อยให้นางทำตัวเบ่งอำนาจและสุขสบายอยู่เหนือหัวเราหรือ เ้าคิดดูนะ นางสามารถทำเื่โเี้ได้เพียงนี้ หากเราไม่สั่งสอนนางเสียหน่อย ต่อไปเราแก่ตัวมาจะไม่ถูกนางรังแกจนลมจับตายหรือ?”
หลิวต้าฟู่ไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นนั้น ตอนนี้เขาเพียงแค่้าเอาศีรษะฟุบกับหมอน แล้วนอนหลับอย่างสบายสักที
“แล้วเ้าว่าควรทำอย่างไร?”
หลิวฉีซื่อเห็นเขาถาม สีหน้าจึงเริ่มดีขึ้นมาหน่อย แล้วหันศีรษะมองไปทางหลิวซานกุ้ยที่ยืนอยู่ในที่มืด จากนั้นเพิ่งนึกได้ว่าในห้องยังมีบุคคลที่สามอยู่ แต่บุคคลนี้นางก็ไม่ได้ถือว่าไร้ประโยชน์
นางคิดอย่างรอบคอบในใจ วันนี้หลิวซุนซื่อเป็ผู้ออกปากเองว่า้ากลับบ้านมารดา คงต้องหมายใจจะให้ลูกชายคนรองของนางไปรับเป็แน่
ตลอดชีวิตของหลิวฉีซื่อเชี่ยวชาญในการสร้างปัญหา นางคิดว่า ซุนซื่อคือบุตรสาวตระกูลซุน หาใช่บุตรสาวแท้ๆ ของตน เื่อะไรต้องให้บุตรชายตนเองไปรับ คิดได้สวยงามเหลือเกิน
ดังนั้นนางจึงพูดกับหลิวซานกุ้ยด้วยรอยยิ้มที่น่ารื่นรมย์ “ซานกุ้ย เ้าเองก็เห็นว่านางซุนซื่อนั้นร้ายแค่ไหน พี่ชายของนางยิ่งเป็คนไร้เหตุผล วันนี้พาซุนซื่อกลับไป คงต้องมีแผนให้บ้านเราก้มหัวให้ก่อนเป็แน่ ความอัดอั้นนี้บ้านเราจะทนกล้ำกลืนได้อย่างไรกัน”
หลิวซานกุ้ยไม่รู้ว่าหลิวฉีซื่อ้าทําอะไร แต่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย อย่างมากก็ช่วยเป็ผู้ส่งสาร
“ท่านแม่ มีเื่อันใดได้โปรดบอกมา เื่ของพี่รองกับพี่สะใภ้รอง ข้าเองคงช่วยอะไรไม่ได้ อีกอย่าง ภรรยาของข้าก็ไม่ใช่คนพูดจาเก่งกาจ จะให้ไปโน้มน้าวพี่สะใภ้รอง เดาว่าคงทำเื่เสียมากกว่า”
หลิวฉีซื่อรู้ว่าจางกุ้ยฮัวซื่อตรงมาแต่ไหนแต่ไร หากให้นางไปโน้มน้าวหลิวซุนซื่อ คงไม่ใช่คู่มือนางแน่ “ถุย ไปโน้มน้าวหรือ? ฮึ ปล่อยให้นางซุนซื่อรออยู่ที่บ้านมารดาไปเถิด ให้นางฝันกลางวันไป ขอบประตูครอบครัวตระกูลหลิวไม่ได้เหยียบเข้ามาได้ง่ายดาย”
หลังจากด่าเสร็จ นางก็รู้สึกว่าสบายใจขึ้น จากนั้นจึงเอ่ย “นางซุนซื่อเรียกร้องจะกลับบ้านมารดาเอง คงคิดว่าข้าไม่รู้ว่า นางรู้สึกว่าตนเองสามารถคว้าพี่รองของเ้าไว้ในกำมือได้ เ้ารีบไปเรียกพี่รองเ้ากลับมาภายในคืนนี้”
“อะไรนะ? ให้ไปเรียกพี่รองตอนนี้?” หลิวซานกุ้ยไม่ค่อยยินยอมนัก ท้องฟ้ามืดสนิทไม่พอ ถนนยามค่ำคืนก็ไม่ได้เดินทางง่ายนัก
“ท่านแม่ วันรุ่งขึ้นเราค่อยไปพร้อมกันก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?”
หลิวฉีซื่อโบกมือแล้วเอ่ย “ไม่ได้ๆ ต้องไปคืนนี้ เมื่อครู่ที่บอกกับเ้า ข้าเองก็คิดในใจว่า พี่รองของเ้าหูเบามาแต่ไหนแต่ไร มิเช่นนั้น จะถูกนางซุนซื่อจูงจมูกเสียอยู่หมัดได้อย่างไร?”
หลิวซานกุ้ยคิดในใจ โชคดีที่ตนเองฟังคำพูดของบุตรสาว มิเช่นนั้นครอบครัวของเขาคงต้องทนทุกข์ยากต่อไป
แน่นอนว่าต่อให้เขายืมความกล้ามาจากคนสิบคน ก็ไม่กล้าพูดออกมาต่อหน้าหลิวฉีซื่อ
แต่ในใจเขาก็เห็นพ้องว่า หลิวเหรินกุ้ยควรฟังคำพูดของภรรยาให้มาก แต่ไม่ใช่เชื่อฟังคำพูดของมารดา
“ท่านแม่ ได้ขอรับ เช่นนั้นข้าจะไปดู”
เขากลัวว่าขืนปล่อยให้หลิวฉีซื่อพูดต่อไป ไม่รู้ว่าจะมีแผนการออกมามากมายเช่นไรอีก
“ไม่ได้ ข้าจะไปพร้อมกับเ้า เหรินกุ้ยเชื่อฟังคำพูดของข้า เ้าพูดไม่เก่งมาแต่ไหนแต่ไร เกรงว่าพูดออกมาคงโน้มน้าวใจเขาไม่ได้ ไม่ได้ๆ เ้ารอข้าก่อน ข้าจะเก็บของแล้วไปในตำบลกับเ้า”
หลิวฉีซื่อยิ่งคิดยิ่งไม่ไว้ใจ นางไม่อาจปล่อยให้ซุนซื่อนางหมูหน้าเหม็นเกี่ยวตัวบุตรชายของตนไปได้
เมื่อคิดได้ดังนี้ นางก็ยิ่งนั่งไม่ติด จากนั้นก็รีบเก็บข้าวของอย่างร้อนใจ
เมื่อส่องกระจกแล้วเตรียมหวีผม ก็นึกได้ว่าตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว นางไม่้าเดินไปตำบล จึงล้วงเงินออกมาจากในอกหนึ่งอีแปะ คิดๆ แล้วก็ล้วงออกมาอีกหนึ่งอีแปะ ทั้งหมดสองอีแปะแล้วยื่นให้หลิวซานกุ้ย สั่งเขาว่า “ไปเร็ว เรียกรถเข็นวัวของเหล่าหวัง”
-----
