เหนียนยวี่เลิกคิ้ว สบสายตาฟางเหอ ยิ้มให้อย่างใสซื่อ “เ้าไม่ใช่บอกว่าพร้อมดวลแล้วหรือ?”
“ไม่...” ฟางเหอนึกถึงเื่ท้าดวลที่เหนียนยวี่เอ่ย ลางสังหรณ์ของนางบอกว่า เหนียนยวี่ที่ยังไม่ตายผู้นี้ยังน่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก
“ไม่หรือ?” เหนียนยวี่ขมวดคิ้วราวกับไม่พอใจ ดวงตาฉายอารมณ์ปั่นป่วนราวลมพายุ น้ำเสียงดังขึ้นทันที “เื่นี้เ้าไม่มีสิทธิ์เลือก!”
เอ่ยจบ เหนียนยวี่ลุกยืนขึ้น ก้มมองใบหน้าฟางเหอที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว...กลัวหรือ?
รู้สึกกลัวเสียแล้วยามนี้ เช่นนั้นรออีกหน่อยจะเป็อย่างไรกันนะ
นึกถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ผ่านไปครู่หนึ่ง เหนียนยวี่จึงเอ่ยปากขึ้นว่า "ฟางเหอ คืนนี้เ้าก็พักอยู่ที่นี่ หากผ่านคืนนี้ไปได้ เื่ที่ข้ารับปากเ้าเมื่อครู่นี้ เอ่ยแล้วไม่คืนคำแน่ เพียงแต่..."
ครั้นเหนียนยวี่เอ่ยถึงตรงนี้ กลับหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง
การหยุดชะงักเช่นนี้ ยิ่งส่งผลต่อจิตใจของฟางเหอเป็อย่างมาก
“เพียงแต่อะไรหรือ?” ฟางเหอกลืนน้ำลาย แม้จะโง่งมแค่ไหนก็รู้ว่าการค้างคืนอยู่ที่นี่คืนหนึ่งนั้นไม่ใช่เื่ง่ายเลย ทว่าสุดท้ายแล้วเหนียนยวี่้าจะทำอะไรกันแน่
เหนียนยวี่เหลือบมองคราบเืบนพื้น ั์ตาราวกับทอประกายความตื่นเต้น ไม่สนใจจะอธิบายให้ฟางเหอฟัง
“อากาศยามกลางคืนใน่ฤดูร้อนนั้นร้อนมาก ทว่าในวัดร้างแห่งนี้กลับเย็นสบาย เ้าคิดว่า งูในป่าจะเข้ามาหลบในอากาศเย็นสบายเช่นนี้หรือไม่?” เหนียนยวี่เอ่ยชี้ชัด ครั้นเอ่ยจบ ฟางเหอสั่นสะท้านไปทั้งตัวตามคาด ความหวาดกลัวบนใบหน้ารุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
“ไม่...”
งู...ในป่าตอนฤดูร้อน งูจะยิ่งดุร้าย ถ้าพวกมันเข้ามาจริง เช่นนั้น...
ฟางเหออยากจะวิ่งหนี แต่ขา...
ฟางเหอเข้าใจแล้วว่าคุณหนูรองไม่ได้คิดจะปล่อยนางไปั้แ่แรก นางคิดจะหนี ทว่าเอ็นร้อยหวายของนางขาดไปแล้ว ทำให้นางหนีไปไหนไม่ได้ มีแต่จะต้องถูกฆ่าเท่านั้น!
“ได้ยินว่างูชอบกลิ่นคาวเื เืของเ้าไหลนองไปทั่วพื้นเสียแล้ว...หึ อย่างไรเสียไม่รู้ว่ามันเป็เื่จริงหรือเื่โกหกกันแน่” เหนียนยวี่จ้องมองและเก็บทุกความหวาดกลัวของฟางเหอในสายตา
ค่ำคืนนี้ เกรงว่านางคงต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวไปทั้งคืน
เพียงแต่เ้านายของนางคนนั้น...
ครั้นนึกถึงเหนียนอีหลาน พี่สาวแสนดีที่ “เอาใจใส่นางอย่างใกล้ชิด” ผู้นั้น ดวงตาของเหนียนยวี่พลันแข็งกร้าวขึ้น
ไม่กี่วันมานี้ พี่สาวแสนดีของนางผู้นี้คงเปลืองความคิดไปกับนางอย่างยิ่ง นางจะกล้าเสวยสุขคนเดียวได้อย่างไร?
ปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับที่เขาทำกับตนเอง นี่เป็สิ่งที่ควรทำมิใช่หรือ
เหนียนยวี่ปรายตามองฟางเหอที่ดูราวกับสูญเสียจิตใจไปแล้ว มุมปากพลันผุดรอยยิ้มสายหนึ่ง
ยามนี้คือ่เวลาอันเหมาะสมที่จะทำตัวเป็น้องสาว ขอบคุณท่านพี่ผู้แสนดีที่คอยดูแลนาง นางย่อมต้องมอบของกำนัลตอบแทนให้!
เหนียนยวี่ก้าวเดินออกจากวัดร้าง เสียงร้องขอการให้อภัยและเสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัว ทั้งยังเสียงร่ำไห้ของฟางเหอจากเื้ั ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ
ในราตรีอันมืดมิด ความแปลกประหลาดชัดเจนเหลือจะพรรณนา
ในเวลาเดียวกัน ณ จวนเหนียน
เงาร่างหนึ่งเดินข้ามกำแพงและเข้าไปในลานเซียนหลานอย่างคุ้นเคย
ในห้อง เหนียนอีหลานนอนหลับอย่างสบายใจ สองคืนนี้ถือเป็สองคืนที่สงบที่สุดใน่เวลาที่ผ่านมา
แม้แต่ความฝันก็ยังเต็มไปด้วยความหวานชื่น
ในความฝัน นางได้กลายเป็มู่หวังเฟย[1]สมใจปรารถนา และมู่อ๋องยังเกลียดเหนียนยวี่เข้ากระดูกดำ ลืมสิ้นว่าเหนียนยวี่คือผู้ใด ในสายตาและหัวใจของเขามีเพียงแค่นาง ‘เหนียนอีหลาน’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น เขาพูดว่าให้รอเขาได้สืบต่อราชบัลลังก์ นางจะได้ขึ้นเป็ฮองเฮา...
ฮองเฮา...ตำแหน่งที่มีเกียรติสูงสุดในแคว้นเป่ยฉี...
ในความฝัน ทุกอย่างล้วนสวยงาม เหนียนอีหลานแทบจะยิ้มออกมาในขณะที่หลับใหล
ทันใดนั้น เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ประตูห้องเปิดออก
เสียงนี้รบกวนฝันหวานของเหนียนอีหลาน นางใตื่น ขมวดคิ้วแน่น ในใจอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ ะโเสียงดังออกมาอย่างรุนแรงว่า "ฟางเหอ..."
สาวใช้นางนี้ สองวันนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด แม้แต่ประตูก็ยังปิดไม่ดีเลยหรือ
ในใจเหนียนอีหลานรู้สึกโกรธเกรี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง ร่างของชายคนหนึ่งในความมืดเดินเข้ามาใกล้ พร้อมคว้าข้อมือนาง ทำให้เหนียนอีหลานได้สติขึ้นมา
“โอ๊ย...เ้า เ้าเป็ใคร?” เหนียนอีหลานะโด้วยความใ สีหน้าเริ่มลนลานไม่น้อย
“เหนียนยวี่เล่า? เ้าทำอะไรกับเหนียนยวี่?” ชายผู้มาเยือนจับข้อมือเหนียนอีหลาน นั่งลงตรงขอบเตียง เอ่ยถามออกมาอย่างตรงประเด็น
ครั้นได้ยินเสียงนี้ การเตรียมพร้อมที่จะตอบโต้อย่างกะทันหันพลันหยุดชะงักลง
“เอ้อเปี่ยวเกอ ที่แท้ก็เป็ท่าน ดึกดื่นค่ำคืนเยี่ยงนี้ ท่านมาทำอะไรที่นี่?” ดูเหมือนเหนียนอีหลานจะไม่ได้ยินคำถามของหนานกงฉี่ แม้จะลดการป้องกันลง ทว่าความไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะขณะที่กำลังฝันนั้นยังคงทำให้สีหน้าท่าทางของเหนียนอีหลานดูขัดแย้ง
“เหนียนยวี่! เ้าทำอะไรกับเหนียนยวี่?” หนานกงฉี่เอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
ในที่สุดเหนียนอีหลานก็ได้ยินคำพูดของเขา
เหนียนยวี่หรือ?
ดึกขนาดนี้แล้ว ยังพบเอ้อเปี่ยวเกอเข้ามาในจวนเหนียน ทั้งยังพุ่งเข้ามาในห้องของนาง ทำให้นางใตื่น แค่เพื่อเหนียนยวี่งั้นหรือ?
ดูหน้าตาท่าทีอันเคร่งเครียดยามนี้ของเขาสิ....
เหอะ จริงตามที่คาด เอ้อเปี่ยวเกอตกหลุมนางจิ้งจอกเหนียนยวี่นั่นเข้าแล้ว!
ครั้นนึกถึงเหนียนยวี่ ดวงตาเหนียนอีหลานหรี่ลง “ยวี่เอ๋อร์หรือ? เอ้อเปี่ยวเกอท่านกำลังพูดถึงอะไร? เหตุใดข้าถึงไม่เข้าใจ ข้าทำอะไรเหนียนยวี่หรือ ข้าจะไปทำอะไรนางได้อย่างไร”
“ต่อหน้าข้า เก็บการเสแสร้งเป็คนดีของเ้ากลับไป” หนานกงฉี่เอ่ยอย่างเ็า จับข้อมือนางแน่นขึ้น “วันนั้น เ้าพูดว่าใครตาย ผู้ใดกันที่ตาย”
รู้สึกได้ถึงความเ็ปบนข้อมือ เหนียนอีหลานไม่เคยคิดเลยว่า เอ้อเปี่ยวเกอของนางจะทำกับตนเช่นนี้ เพียงเพราะเหนียนยวี่ผู้นั้น รู้อย่างนี้แล้วในใจนางยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์
เหนียนอีหลานเลิกเสแสร้งเป็คนเรียบร้อยอ่อนโยน และตวาดใส่หนานกงฉี่อย่างรุนแรง “เอ้อเปี่ยวเกอ ท่านกังวลหรือว่านางจะเป็อะไร? ตกหลุมรักนางเข้าแล้วหรือไร อย่าลืมเล่าว่าเ้าเป็ลูกหลานตระกูลหนานกง เื่แต่งงานของเ้าน่ะ เ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตัวเอง เหนียนยวี่ลูกอนุนางนั้นไม่มีวันได้แต่งเข้าตระกูลหนานกง”
หนานกงฉี่ชะงักไปเล็กน้อย
คำพูดของเหนียนอีหลาน ราวกับว่าทำให้เขาได้สติขึ้นมา
เขากังวลว่าเหนียนยวี่จะเป็อะไรขนาดนี้เชียวหรือ
หนานกงฉี่ขมวดคิ้ว ครั้นได้ยินเื่ที่จื่อเยียนนำมารายงานเมื่อครู่นี้ ผสมผสานกับการคาดเดาของเขา แม้แต่เขาเองยังไม่รู้เลยว่าเหตุใดตนเองถึงได้วิ่งออกมาอย่างไม่สนใจสิ่งใด
เหนียนอีหลานเกลียดเหนียนยวี่ที่นางได้เป็คนที่มู่อ๋องโปรดปราน ในงานเลี้ยงฉีเฉี่ยว ท่าทางที่แสดงออกของเหนียนยวี่ ยิ่งทำให้เหนียนอีหลานอยากจะกำจัดเหนียนยวี่ เขาไม่แปลกใจเลย
แต่...เหนียนยวี่...
“ข้าไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนั้นกับนาง” หนานกงฉี่เปิดปากพูด เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วสีหน้าในตอนนี้ดูผ่อนคลายลงมาก
เหนียนอีหลานสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขา พลางสะบัดข้อมือออกจากฝ่ามือหนาทันที
ไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนั้นหรือ?
“แต่ท่านเป็ห่วงนาง!” เหนียนอีหลานไม่คิดเช่นนั้น เอ้อเปี่ยวเกอของตนผู้นี้ นางรู้ดีว่าเขาน่ะหรือจะเคยเป็ห่วงใครเช่นนี้มาก่อน
ทว่าเขากับเหนียนยวี่...
เมื่อนึกถึงคืองานเลี้ยงฉีเฉี่ยววันนั้น ภาพวาดที่หนานกงฉี่วาดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่านั่นคือเหนียนยวี่...เช่นนี้มันหมายถึงอะไร?
พวกเขาเคยพบกันก่อนหน้านี้งั้นหรือ?
ยามที่เจอกัน เอ้อเปี่ยวเกอไม่รู้ว่าสตรีนางนั้นคือเหนียนยวี่!
“เป็ห่วง?” สีหน้าหนานกงฉี่หม่นคล้ำลงเล็กน้อย เงาร่างสตรีที่แสนกล้าหาญบนหลังม้าผุดขึ้นในหัว
เขาสนใจเหนียนยวี่ขึ้นมาแล้วจริงๆ
แต่ทั้งหมดเป็เพราะฝีมือในการฝึกม้าของนาง!
เขายังไม่ได้เห็นฝีมือที่แท้จริงในการฝึกม้าของนาง หากนางตายขึ้นมาจริงๆ คงจะน่าเสียดายไม่น้อย
แต่...
“เ้าทำอะไรกับนาง?” หนานกงฉี่ถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เหนียนอีหลานรู้สึกถึงความคิดของเขาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ท่ามกลางความมืด มุมปากของนางคลี่ยิ้มเล็กน้อย “ไม่ใช่ข้าที่ทำนาง แต่...”
[1]หวังเฟย คือ ตำแหน่งพระชายา