“โม่โม่ พวกเราไปกันเถอะ”
ซ่งมู่ไป๋เก็บเงินทอนใส่กระเป๋า ก่อนจะถือหนังสือเดินออกจากร้าน
เซี่ยโม่เดินตามหลังชายหนุ่มออกไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอเข้าใจเื่หนึ่ง ท่าทางนักเลงเมื่อครู่คือเกราะที่พี่ซ่งใช้ปกป้องตัวเอง และต้องทำแบบนี้เท่านั้นถึงจะอยู่รอดได้ในยุคนี้
ซ่งมู่ไป๋แอบดูหนังสือที่เด็กสาวซื้อมาพลางนึกสงสัย เด็กสาวซื้อหนังสือพวกนี้มาทำไม?
กระทั่งพวกเขาขึ้นมานั่งบนรถแล้ว สีหน้าซ่งมู่ไป๋ถึงกลับมาเป็มิตรดังเดิม ก่อนจะเอ่ยถามเื่ที่ตัวเองสงสัยออกไป “โม่โม่ เธอซื้อหนังสือเรียนมาทำไมเยอะแยะ”
ในเมื่อพี่ซ่งเห็นหนังสือหมดแล้ว เซี่ยโม่จึงบอกแผนที่วางเอาไว้ไม่คิดปิดบัง
“พี่ซ่ง พี่ว่าสังคมเราตอนนี้เป็ยังไงคะ”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ จ้องมองเธอนิ่งอยู่ครู่ถึงค่อยเอ่ยคำ “ว่าต่อสิ”
เธอจึงพูดต่อ “ฉันคิดว่าถ้าอยากให้สังคมของเราพัฒนา เราก็ต้องให้ความสำคัญกับความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ฉันเลยคิดว่าไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยอีกอย่างแน่นอนค่ะ”
ซ่งมู่ไป๋นิ่งไปด้วยความตกตะลึง เขาเป็พวกข่าวสารว่องไวคนหนึ่ง ข้างบนเองก็กำลังศึกษาวิจัยหาข้อมูลเื่นี้อย่างละเอียดอยู่เหมือนกัน ว่าแต่เด็กสาวทราบได้อย่างไร
เด็กสาวไม่ธรรมดาเลย สายตากว้างไกล มองเื่นี้ออกทั้งที่ไม่มีใครมองออกแท้ๆ
“ที่ฉันพูดไม่ถูกเหรอคะ ทำไมพี่ถึงเงียบไม่พูดอะไรเลย” เซี่ยโม่เห็นชายหนุ่มเอาแต่จ้องมองเธอนิ่งไม่พูดไม่จาจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย
ชายหนุ่มมองแววตาสุกสกาวราวกับดวงดาวของเด็กสาว พร้อมกับกล่าวสนับสนุน “เธอพูดถูก”
“ถ้ากลับมามีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย พี่จะสอบไหมคะ” เธอลองถามหยั่งเชิง
ชายหนุ่มพยักหน้า “สอบสิ เธอสอบเข้าที่ไหนฉันก็จะสอบเข้าที่นั่น จะได้ดูแลปกป้องเธอไม่ให้ใครมารังแก”
เซี่ยโม่ยิ้ม แววตาเป็ประกาย
ขาทองคำยินยอมเป็บอดีการ์ดให้เธอ นี่เป็เื่ที่ดียิ่ง เหมือนจู่ๆ ท้องฟ้าก็มีขนมเปี๊ยะตกลงมา[1]เลย
“พี่ซ่ง ถ้าอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ก็ต้องอ่านหนังสือชุดนี้ค่ะ”
ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ”
“หนังสือชุดนี้มีเขียนสรุปเนื้อหาความรู้วิชาต่างๆ เอาไว้ ถ้าจำได้ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่เื่ยากอีกต่อไป”
“เธอรู้ได้ยังไง”
“ตอนที่เฝ้าน้องชายที่โรงพยาบาล ฉันเจอหนังสือบางวิชาในชุดนี้ที่ร้านของเก่าในตัวตำบลเข้า ก็เลยเอามาเปิดอ่านดูค่ะ”
ความจริงแล้วเป็เพราะเธอกลับชาติมาเกิดใหม่ต่างหาก เธอเลยรู้ว่าหากจำเนื้อหาในหนังสือชุดนี้ได้ก็จะมีโอกาสสอบติดมหาวิทยาลัยร้อยเปอร์เซ็นต์
“โม่โม่ แต่ตอนนี้เธอยังเพิ่งอยู่ชั้นมัธยมต้น พูดถึงเื่สอบเข้ามหาวิทยาลัยตอนนี้มันไม่เร็วเกินไปเหรอ” ซ่งมู่ไป๋ถามด้วยความสงสัย
“ฉันเลยอยากสอบข้ามชั้นยังไงล่ะคะ จะได้รีบเรียนให้จบชั้นมัธยมปลายไวๆ ถ้ามีการจัดสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยอีก ฉันจะได้สมัครได้”
ที่ผ่านมาซ่งมู่ไป๋เข้าใจมาตลอดเลยว่า เหตุผลที่อีกฝ่ายอยากสอบข้ามชั้นเพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวจะมีวิสัยทัศน์ยาวไกลถึงเพียงนี้
“โม่โม่ เื่นี้พูดกับฉันคนเดียวก็พอ อย่าไปพูดกับคนอื่นเด็ดขาด เธอจะได้ไม่เดือดร้อน” เขากำชับด้วยความเป็ห่วง
เด็กสาวพยักหน้า “ฉันทราบแล้วค่ะ”
“พี่ซ่ง ฉันเข้าไปซื้อของในไปรษณีย์ครู่เดียว ไม่นานหรอกค่ะ” เซี่ยโม่เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าที่ทำการไปรษณีย์อยู่ข้างหน้าไม่ไกล
ซ่งมู่ไป๋นึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นในร้านหนังสือก่อนหน้านี้ ความที่กลัวว่าเด็กสาวจะถูกรังแกอีก เขาจึงเอ่ยว่า “เดี๋ยวฉันไปด้วย”
จากนั้นเปิดประตูลงจากรถ แล้ววิ่งตามเด็กสาวเข้าไปในที่ทำการไปรษณีย์
เซี่ยโม่เดินไปที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะเอ่ยถามกับพนักงาน “ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่ามีแสตมป์สวยๆ บ้างไหมคะ ฉันอยากซื้อค่ะ”
เนื่องจากเป็พนักงานของที่ทำการไปรษณีย์ในอำเภอจึงไม่มีท่าทีดูถูกคนมาใช้บริการ พนักงานหยิบแสตมป์ออกมาให้เธอเลือก
เซี่ยโม่มองแสตมป์ที่พนักงานหยิบออกมา ไม่มีอันไหนที่ในอนาคตจะขายได้ราคาสูงเลย
“มีแบบอื่นอีกไหมคะ”
พนักงานส่ายศีรษะ เห็นเช่นนั้นเธอก็มีสีหน้าผิดหวัง
“เธอคิดจะสะสมแสตมป์เหรอ” ซ่งมู่ไป๋เอ่ยถาม
แววตาเธอพลันเป็ประกาย พี่ซ่งมาจากเมืองหลวงต้องซื้อแสตมป์ที่เธอ้าได้แน่นอน
“เธออยากได้อันไหนล่ะ เดี๋ยวฉันฝากให้คนช่วยซื้อมาให้”
พี่ซ่งทำงานในสถานีรถไฟ ย่อมมีคนรู้จักเยอะ เส้นสายก็แยะตามไปด้วย ในเมื่อที่นี่ไม่มีอันที่ถูกใจ เธอเลยเดินออกจากที่ทำการไปรษณีย์
ระหว่างเดินเธอนึกถึงแสตมป์ที่มีชื่อว่า มาตุภูมิสีแดง ซึ่งในอนาคตจะกลายเป็แสตมป์ที่หายากอย่างมาก ราคาก็เลยสูงลิบลิ่ว
หลังจากขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว เซี่ยโม่ค่อยหันไปเอ่ยกับชายหนุ่ม “พี่ซ่ง พี่ช่วยฝากคนซื้อแสตมป์มาตุภูมิสีแดงให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ มีเท่าไรฉันอยากได้ทั้งหมด”
“ได้สิ”
ไม่กี่นาทีต่อมา ซ่งมู่ไป๋ขับรถมาจอดใกล้ๆ หน้าร้านยาิเหรินถัง
ทั้งคู่เห็นแต่ไกลว่าคุณปู่จ้าวกำลังนั่งอยู่ที่บันไดหน้าร้านด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ด้านข้างคือห่อยาสมุนไพรที่ถูกห่อเอาไว้อย่างดี
เซี่ยโม่ะโลงจากรถ วิ่งเข้าไปหาคุณปู่จ้าวด้วยสีหน้าแปลกใจ “อาจารย์ ทำไมถึงมานั่งรอที่หน้าร้านล่ะคะ”
เหล่าจ้าวมองทั้งสองคนที่เดินเข้ามาหาอย่างดีใจ “ในที่สุดพวกเธอก็มาสักที”
ในสมองของเธอเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม “อาจารย์ เกิดอะไรขึ้นคะ”
“อย่าไปพูดถึงมันเลย…”
“ขายไม่ได้เหรอคะ หรือว่าทำหาย?” เซี่ยโม่เอ่ยถามอย่างร้อนรน เพราะเกรงว่าจะมีเื่อะไรเกิดขึ้น
ชายชราตอบด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “จะหายได้ยังไง แล้วก็ขายได้แล้ว เพียงแต่เพื่อนฉันอยากรีบเอาไปขายที่เมืองหลวงของมณฑลก็เลยทิ้งฉันไว้ที่นี่ ตอนนี้ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว พนักงานของร้านให้…”
เธอเข้าใจเื่ราวทั้งหมดในทันที หลังจากเพื่อนของอาจารย์รับซื้อสมุนไพรไปแล้ว คงจะรีบนำสมุนไพรไปขายในเมืองหลวงของมณฑลเลยทันที ทิ้งอาจารย์นั่งแกร่วไว้ที่ร้านคนเดียว
สีหน้าเซี่ยโม่คล้ายหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก เพื่อนของอาจารย์นี่พึ่งพาไม่ได้เลย
“อาจารย์ มีอะไรไปพูดกันบนรถเถอะค่ะ” เธอชักชวน
ชายชรามองไปรอบๆ พบว่าระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกัน มีลูกค้าที่เดินเข้าออกร้านยาจำนวนไม่น้อยหยุดมองพวกเขาราวกับกำลังรอชมเื่สนุก
เขารีบเดินตามทั้งสองคนไปที่รถ
พอขึ้นมาบนรถ เซี่ยโม่หยิบซาลาเปาไส้เนื้อออกมาแล้วยื่นส่งให้อาจารย์ ทั้งยังหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กจากกระเป๋าผ้าลวดลายสวยงามส่งให้ด้วย
“อาจารย์ เช็ดมือก่อนค่ะ…” พูดยังไม่ทันจบดี อาจารย์ก็เอาซาลาเปาเข้าปากไปแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าหิวมาก
อีกฝ่ายยื่นมือมารับผ้าขนหนูไป จากนั้นก็เอาซาลาเปาเข้าปากต่อ
เซี่ยโม่มองกล่องอาหาร แม้อาหารจะเย็นแล้วแต่ก็ยังกินได้ พลันแสร้งล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าผ้า แล้วหยิบช้อนจากโกดังสินค้ามาส่งให้อาจารย์
“อาจารย์ ฉันนึกว่าอาจารย์ได้เจอคนรู้จัก เขาก็น่าจะต้อนรับอาจารย์อย่างดี… แล้วทำไมอาจารย์ถึงไม่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารของรัฐล่ะคะ”
ขายชราเคี้ยวซาลาเปาไส้เนื้อไปด้วยพูดตอบไปด้วย “เื่มันง่ายแบบนั้นเสียที่ไหน พกเงินที่ตัวเยอะขนาดนี้ฉันจะกล้าไปไหนกัน ให้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารของรัฐ เกิดถูกขโมยเงินขึ้นมาจะทำยังไง”
เธอคิดตามก็เห็นว่าอีกฝ่ายพูดถูกต้อง
พอชายชราเห็นอาหารในกล่องข้าว แววตาเป็ประกายวิบวับ เขาตักเข้าปากพลางเอ่ยตัดพ้อลูกศิษย์ตัวน้อย “เธอนี่ใจร้ายชะมัด ตัวเองไปกินข้าวอร่อยๆ แต่กลับทิ้งฉันเอาไว้ที่ร้านยา”
ั้แ่รู้จักกับคุณปู่จ้าว เซี่ยโม่ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเป็แบบนี้มาก่อน คงเป็เพราะสนิทกันมากขึ้น อีกฝ่ายเลยแสดงตัวตนที่แท้จริงให้เห็น
“อาจารย์ ฉันขอโทษค่ะ…”
หลังจากได้กินหมูน้ำแดง น้ำเสียงของชายชราถึงค่อยอ่อนลง “โม่โม่ วันหลังเวลาจะไปกินของอร่อยอย่าลืมพาฉันไปด้วยล่ะ ครั้งนี้ฉันให้อภัยเธอ”
เธอค้นพบว่า อาจารย์ของเธอนี่เป็นักกินโดยแท้
พอได้ของกินก็หายโกรธ แม้สีหน้าจะยังมีความไม่พอใจตกค้างนิดหน่อยก็ตาม
-----------------------------------
[1] จู่ๆ ท้องฟ้าก็มีขนมเปี๊ยะตกลงมา หมายถึง มีโชคลาภ สิ่งดีๆ หรือเื่ดีๆ เข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้