นับั้แ่เฉียวเยว่เริ่มโตขึ้น จื้อรุ่ยก็พบนางไม่บ่อยนัก แต่ดูเหมือนว่าทุกคราที่พบกันนางดูเหมือนจะโตขึ้นเล็กน้อยอยู่เสมอ นึกมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าขัน
มิใช่ว่าเฉียวเยว่เป็อย่างไร แต่นึกขันตัวเอง
สายตาของเขาคงมีปัญหาเป็แน่แท้ อยู่ดีๆ ไฉนจึงรู้สึกว่าเฉียวเยว่เปลี่ยนไปเร็วขนาดนั้นได้
"เอาล่ะ กลับเถอะ วันนี้ข้าต้องกลับไปทำแบบฝึกหัดอีก"
เฉียวเยว่รู้สึกเหนื่อยใจ จะว่าไปไม่ว่าจะสมัยโบราณหรือปัจจุบัน ดูเหมือนว่าทุกคนต่างก็ต้องเหน็ดเหนื่อย ทุกวันมีแต่เรียน เรียน เรียน ไม่รู้จะเรียนอะไรนักหนา
ทว่าแต่ละคนต่างมีเส้นทางเป็ของตนเอง นางจะไม่พูดมากจนมีผลกระทบต่อผู้อื่น นางโบกผ้าเช็ดหน้าในมือ ก่อนจะขึ้นรถม้าไป
วันนี้ฉีอันจะกลับเย็นหน่อย เฉียวเยว่จึงกลับจวนเพียงลำพัง
แต่ไม่นึกว่าพอกลับมาถึงจวน ก็พบหวังหรูเมิ่งเพิ่งกลับมาเหมือนกัน ไม่รู้ว่านางไปที่ไหนมาถึงดูทุลักทุเลเยี่ยงนั้น
แม้ทั้งสองจะถึงจวนแทบจะพร้อมกัน แต่เฉียวเยว่นึกถึงคำเตือนของมารดา คนบางคนควรอยู่ให้ห่างหน่อยจะดีกว่า มิเช่นนั้นอาจนำปัญหาใหญ่มาให้
เฉียวเยว่ลงจากรถม้า พยักหน้าทักทายกับหวังหรูเมิ่ง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะคอยนาง เฉียวเยว่กำลังจะเดินตรงไปข้างหน้า แต่เหมือนว่าจะนึกบางอย่างขึ้นได้กะทันหัน นางยิ้มแล้วเอ่ยว่า "ดูความจำของข้าสิ ข้าต้องไปเอาตำราสองเล่มที่ร้านค้า เห็นอากาศเย็นจึงรีบร้อนกลับมา ลืมไปเสียสนิท"
เฉียวเยว่พึมพำกับตัวเอง หลังจากนั้นหันกลับไปขึ้นรถม้า "ไปร้านขายตำรา"
พอเห็นเฉียวเยว่ไปแล้ว หวังหรูเมิ่งก็กำผ้าเช็ดหน้าแน่นขึ้น โอกาสดีมากแท้ๆ แต่น่าเสียดาย ไม่สำเร็จ
นึกมาถึงตรงนี้ นางก็นึกหงุดหงิดในใจ แต่ยังคงสงบสติอารมณ์แล้วเดินผ่านเข้าประตูไป
สาวใช้คนสนิทของหวังหรูเมิ่งกระซิบถามข้างหูนางเสียงเบา "ท่านว่า..."
แต่ไม่ได้กล่าวถ้อยคำที่เหลือออกมา
"จะว่าอันใดอีกเล่า กลับ! พวกเราจะตามไปชนนางได้อีกหรือ? เช่นนี้คนคงรู้กันทั่วแล้ว"
พูดถึงเื่นี้ หวังหรูเมิ่งก็กัดฟันด้วยความเจ็บใจ บุตรของนางคงอยู่ได้ไม่นานแล้ว แต่ตอนนี้ทุกคนต่างระมัดระวังตัว ราวกับกลัวว่าติดโรคอันใดมาจากนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไท่ไท่สาม ของขวัญที่ส่งมาก็เอามาสร้างเป็เื่ราวไม่ได้ ช่างเป็คนที่มีความคิดลึกล้ำเสียจริง
ยิ่งรู้สึกว่าไท่ไท่สามเป็คนมีแผนการล้ำลึกเท่าไร หวังหรูเมิ่งก็ยิ่งแค้นเคือง นางเฉียบแหลมเช่นนี้ไหนเลยจะมองไม่ออกว่าตนเองชมชอบเสนาบดีฉีเพียงใด เพราะคิดว่านางละโมบในทรัพย์สินเงินทองกระนั้นหรือ ถึงไม่ยอมช่วยเหลือแม้แต่น้อย ซ้ำยังปิดกั้นนางทุกช่องทาง
หวังหรูเมิ่งยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห จนรู้สึกหน่วงที่ท้องน้อย
นางขบริมฝีปาก เอ่ยเสียงเบา "ชุ่ยเถา ข้าไม่ค่อยสบาย"
น้ำเสียงแ่เบามาก แต่กลับมีเสียงลมหายใจลอดไรฟันออกมา
ชุ่ยเถาได้ยินแล้วก็รีบกล่าวทันที "คุณหนู ท่านต้องอดทนนะเ้าคะ จะให้เกิดเื่ตอนนี้ไม่ได้ หากตอนนี้ท่านรักษาเด็กไว้ไม่ได้ นอกจากพวกเราจะไม่ได้ผลประโยชน์อันใดเลย ยังต้องถูกตำหนิอีกด้วย"
อาจไม่เพียงแค่ตำหนิด้วยซ้ำ
อยู่ดีๆ ก็ออกจากจวน ควรรู้ว่าไท่ไท่ใหญ่ได้ห้ามปรามแล้ว บอกว่าอย่าให้กระทบกระเทือนถึงเด็กในครรภ์
ั้แ่เหตุการณ์คราก่อน ไท่ไท่ใหญ่ก็กลัวว่าจะถูกใส่ความ จึงระมัดระวังทุกย่างก้าว สิ่งใดที่ควรพูดล้วนไม่อมพะนำ มักวางตัวเหมาะสมอยู่เสมอ
"หลังจากกลับไปแล้ว เ้าไปเชิญไท่ไท่สามมาให้ข้า" หวังหรูเมิ่งกล่าว
ชุ่ยเถา "แต่ว่า..."
หวังหรูเมิ่งแค่นเสียงหัวเราะ "ก็บอกว่าข้าเพิ่งพบคุณหนูเจ็ดข้างนอก คุณหนูเจ็ดฝากคำพูดมาถึงนาง แต่สภาพร่างกายของข้านางก็รู้ คนมีครรภ์อ่อนเปลี้ยเพลียแรง ไม่สะดวกไปจริงๆ ดังนั้นจึงรบกวนให้นางมา"
ชุ่ยเถาพยักหน้ารับคำ แต่ยังคงแสดงความคิดเห็น "พวกเราพูดเช่นนี้ ไท่ไท่สามจะยอมมาหรือเ้าคะ คุณหนู ข้ามักรู้สึกว่านางมีความคิดล้ำลึก หาใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ เดิมทีนึกว่าคนอ่อนโยนเช่นนางคงไม่ยากรับมือ แต่ตอนนี้ดูท่าจะมิเป็เช่นนั้น"
แต่หวังหรูเมิ่งยังคงดื้อดึง ตอนนี้นางโกรธแค้นทุกคนในจวนสกุลซู โดยเฉพาะอย่างยิ่งไท่ไท่สามที่ไม่ยอมแนะนำตนเองให้ฉีจือโจว นางยิ่งแค้นเคืองกว่าใคร
เมื่อคนผู้นี้คือต้นตอของความโชคร้ายทั้งหมด ตนเองก็จะไม่ปล่อยนางไปอย่างเด็ดขาด
อีกอย่างฉีอิ่งซินมีสิทธิ์อะไรที่จะโชคดีอยู่คนเดียว นางสามารถทิ้งิ่หวายมาแต่งกับซูซานหลาง ได้รับพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้ มีทั้งบุตรชายบุตรสาวครบสมบูรณ์ ไยตนเองสามารถเสพสุขได้ แต่กลับไม่ยอมเชื่อมวาสนาให้ผู้อื่นแม้แต่น้อย
นางก็เป็ฮูหยินที่ดีได้เหมือนกัน
"หึหึ ไม่มารึ เช่นนั้นก็บอกว่าข้าเห็นคุณหนูเจ็ดไปกับบุรุษคนหนึ่ง ข้าไม่เชื่อว่านางในฐานะมารดาจะไม่ห่วงบุตรสาว"
สายตาของหวังหรูเมิ่งแข็งกร้าว "ช่างเป็คนต่ำช้ากันทั้งครอบครัวจริงๆ"
ชุ่ยเถามองไปโดยรอบ จนแน่ใจว่าไม่มีผู้อื่นถึงเอ่ยว่า "คุณหนูอย่าพูดอะไรอีกเลย ป้องกันกำแพงมีหูเ้าค่ะ"
หวังหรูเมิ่งหัวเราะเยาะ "กำแพงมีหูแล้วอย่างไร นางฉีอิ่งซินอาศัยอำนาจบิดากับพี่ชายอยากแต่งกับใครก็แต่ง นึกว่าตนเองจะมีชีวิตอย่างมีความสุขได้หรือ เมื่อเป็เช่นนี้ก็อย่าโทษว่าผู้อื่นเืเย็นไร้ความปรานี"
ใบหน้ายิ้มของนางเยียบเย็นลงทุกขณะ มือลูบท้องของตนเอง "เด็กน้อยเอ๋ย หากเ้าเป็บุตรของข้าหวังหรูเมิ่ง ก็ช่วยข้า สนับสนุนข้าด้วย"
เรือนสาม
ไท่ไท่สามมองสาวใช้ชุ่ยเถาที่อยู่ตรงหน้า แล้วถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง "เฉียวเยว่ไปกับบุรุษผู้หนึ่ง หลังจากนั้นก็ฝากคำพูดอี๋เหนียงของพวกเ้ามาถึงข้า?"
ชุ่ยเถาพยักหน้าตอบรับ "ใช่เ้าค่ะ"
ไท่ไท่สามย่อมไม่เชื่อ เฉียวเยว่ของนางเป็เด็กอย่างไรนางย่อมรู้อยู่แก่ใจ ไหนเลยจะสิ้นคิดไร้เหตุผลเยี่ยงนั้น
อีกอย่างตนเองกำชับกับนางแล้ว นางไม่มีทางเข้าใกล้หวังหรูเมิ่ง ยิ่งไม่มีทางฝากคำพูดอันใดไว้ที่อีกฝ่าย แต่หวังหรูเมิ่งน่าจะรู้ว่าตนเองจะไม่เชื่อแน่นอน ถึงใช้วิธีการเยี่ยงนี้ แต่จะมี... แต่จะมีเื่อันใดเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า? นึกมาถึงตรงนี้ นางก็สับสนอยู่บ้าง
แม้ภายในใจจะไม่เชื่อ แต่ก็อดห่วงเฉียวเยว่ไม่ได้จริงๆ นางนิ่งคิดสักพัก แล้วยิ้มกล่าวว่า "เอาล่ะ เ้ากลับไปเถอะ ข้ารู้แล้ว จะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนค่อยไป"
ชุ่ยเถากลัวว่าไท่ไท่สามจะเพียงรับปากอย่างขอไปที จึงพูดอีกครั้ง "ไท่ไท่สาม อี๋เหนียงของเราตั้งครรภ์อยู่ ่นี้จึงมักง่วงเหงาหาวนอน พักผ่อนเร็ว รบกวนท่านเร่งรีบสักนิด"
ไท่ไท่สามยิ้มน้อยๆ "ข้ารู้แล้ว"
พอเห็นชุ่ยเถาออกไปแล้ว หลันหมัวมัวก็เอ่ยปาก "ไม่ว่าอย่างไร บ่าวก็รู้สึกว่าพวกนางต้องมีความคิดไม่ดีแอบแฝงเป็แน่"
นี่คือความจริง
"เ้านึกว่าข้าเชื่อนางหรือ?" ไท่ไท่สามย้อนถาม
หลันหมัวมัวคาดเดาได้ว่าฮูหยินของตนต้องไม่เชื่อ
"เช่นนั้นท่าน..."
"อีกครู่หนึ่งค่อยหาเหตุผลปฏิเสธไป ให้ฉีกหน้ากันตรงๆ คงไม่ดีนัก"
ไท่ไท่สามมักจัดการเื่ราวอย่างละมุนละม่อมเสมอ ไม่แตกหักกับผู้ใด อย่างไรเสียก็ต้องเจอหน้ากันอีกนาน นางย่อมไม่ปล่อยให้กลายเป็เื่ใหญ่จนทุกคนเข้าหน้ากันไม่ติด
ชุ่ยเถาไม่รู้การตัดสินใจของไท่ไท่สาม นางออกมาจากเรือนสามอย่างโล่งใจ แต่พอเห็นคุณหนูเจ็ดกลับมา ก็เริ่มใจไม่ดี รีบเข้าไปขวาง "บ่าวคารวะคุณหนูเจ็ด"
ตอนแรกเฉียวเยว่เพียงอยากหลบเลี่ยงจากพวกนาง ไหนเลยจะไปซื้อของจริงๆ แต่นางก็ทำเหมือนไม่ได้พูดปด ถามกลับไปอย่างเรียบง่าย "เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"
นางมองไปเรือนสาม คะเนว่าคนผู้นี้ต้องมาทำอะไรบางอย่าง
"บ่าวมารอคุณหนูเจ็ดเ้าค่ะ" ชุ่ยเถาหัวใจเต้นแรง แต่ใบหน้ายังอาบรอยยิ้ม ค่อยๆ เอ่ยอีกว่า "ไท่ไท่สามไปเป็แขกที่เรือนอี๋เหนียงเราตามคำเชิญ นางให้ข้ามารอแจ้งคุณหนูเจ็ดให้ไปที่นั่นเ้าค่ะ"
เฉียวเยว่เลิกคิ้ว "มารดาอยู่ที่เรือนของหวังอี๋เหนียง? เ้าช่างล้อเล่นเก่งเสียจริง"
เฉียวเยว่ไหนเลยจะเชื่อ
ดูท่ามารดาของนางจะพูดถูก หวังหรูเมิ่งคิดจะเล่นลูกไม้บางอย่างจริงๆ
เฉียวเยว่ส่ายหน้า "ข้าไม่ไป ให้พวกผู้ใหญ่คุยกันดีแล้ว ข้าเป็เด็กจะไปร่วมวงทำไม ข้ายังต้องทบทวนตำรา"
เฉียวเยว่หมุนตัวไป โดยไม่แยแสสิ่งใด
ชุ่ยเถาเห็นท่าไม่ดี หากปล่อยคุณหนูเจ็ดกลับไปตอนนี้ ทุกอย่างก็ต้องถูกเปิดโปง ร่างกายของอี๋เหนียงย่ำแย่ลงทุกวัน รอไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ก็ฉุดรั้งเฉียวเยว่ไว้โดยไม่แม้แต่จะคิด
"คุณหนูเจ็ด จริงๆ นะเ้าคะ ท่านตามบ่าวไปดีกว่า"
เฉียวเยว่ก้มมองมือของนางที่รั้งตนเองอยู่ ก็แสดงความเ็าออกมาทันที "ปล่อยมือ"
ชุ่ยเถาไหนเลยจะยอม "คุณหนูเจ็ดไปกับข้า"
ต่อให้ไท่ไท่สามไม่ไป นางก็จะลากคุณหนูเจ็ดไปให้ได้ ถึงเวลาก็สามารถโยนความผิดให้คุณหนูเจ็ดได้ คุณหนูของนางรอไม่ได้อีกแล้วจริงๆ
"คุณหนูเจ็ดไปกับข้า" นางพูดซ้ำอีกครั้ง ก่อนลากเฉียวเยว่ไป
ปรกติเฉียวเยว่จะมีสาวใช้ติดตาม แต่วันนี้เพิ่งกลับมาจากสำนักศึกษาจึงมีเพียงนางคนเดียว
พอถูกลากไปเช่นนี้ เฉียวเยว่ก็ร้องะโขอความช่วยเหลือทันที "ช่วยด้วย ช่วยด้วย"
แม้ว่านางจะออกกำลังบ่อยครั้ง แต่เด็กอายุสิบสองปีจะสู้แรงสาวใช้อายุยี่สิบกว่าได้อย่างไร นางขัดขืนดิ้นรนไปพลางะโเสียงดังไปพลาง ในจวนแห่งนี้หาใช่สถานที่ที่ใครจะมาทำอะไรส่งเดชได้ ชุ่ยเถาอึ้งไปชั่วขณะ เดิมทีนางก็หาใช่คนที่มีความคิดล้ำลึกมากนัก ตอนนี้ถึงนึกได้ว่าต้องอุดปากเฉียวเยว่ เฉียวเยว่เหวี่ยงตะกร้าในมือออกไป
"คุณหนูเจ็ด อย่าร้อง บ่าวมิได้มีความคิดเป็อื่น ท่านเข้าใจผิดแล้ว"
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ก็ยังลากเฉียวเยว่ไปทางเรือนใหญ่
"ช่วยด้วย!"
"เ้าทำอะไรน่ะ"
ผู้คุ้มกันเรือนได้ยินเสียงร้องะโก็ทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว เห็นสาวใช้ของหวังอี๋เหนียงกำลังฉุดกระชากคุณหนูเจ็ดพอดี
เฉียวเยว่กัดริมฝีปาก "รีบจับนางไว้ นางฟั่นเฟือนไปแล้ว"
ไม่ช้าเื่ก็ไปถึงหูของฮูหยินผู้เฒ่า ทันทีที่เข้ามาในห้อง เฉียวเยว่ก็โผเข้าอ้อมแขนของฮูหยินผู้เฒ่าทันที แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น เมื่อครู่นางยังออกคำสั่งให้จับคนอย่างฮึกเหิม แต่ตอนนี้กลับกลายเป็แม่หนูน้อยผู้น่าสงสารที่ได้รับความไม่เป็ธรรมไปเสียแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าตบหลังปลอบโยนนาง "อย่าร้อง ์ เด็กดีอย่าร้อง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
ชุ่ยเถายังคงแก้ตัว "คุณหนูเจ็ดเข้าใจบ่าวผิดเ้าค่ะ บ่าวไม่ได้... บ่าวไม่ได้..."
พฤติกรรมโกหกถึงสองเื่ไม่ช้าก็ต้องถูกเปิดโปง ยิ่งไปกว่านั้นที่นางฉุดกระชากคุณหนูเจ็ดเมื่อครู่ก็ถูกคนพบเห็น ชุ่ยเถาจึงไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไร
แต่เฉียวเยว่กลับเอ่ยขึ้นว่า "ข้าเลิกเรียนกลับมา นางไปดักรอระหว่างทางบอกว่ามารดาข้าอยู่กับหวังอี๋เหนียง ให้ข้าไปด้วยกัน ตอนนั้นข้าบอกว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเื่ของผู้ใหญ่ จะกลับไปทบทวนตำรา แต่นางก็จับข้าไว้ไม่ปล่อย จะลากไปเรือนใหญ่ให้ได้ ท่านย่า ข้ากลัวมากเลย... ฮึก ฮึก ฮึก"
แม้จะร้องสะอึกสะอื้น แต่เฉียวเยว่ก็ยังเล่าทุกอย่างชัดเจน
ไท่ไท่สามเข้ามาอย่างรีบร้อน "เฉียวเยว่ เ้าเป็อะไรหรือไม่?"
ชั่วขณะนั้นความจริงพลันกระจ่างแจ้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้