แม้ว่าหลินลั่วหรานจะถามออกมาด้วยความสบายๆ แต่เผยหยวนกลับรู้สึกว่าในชีวิตนี้เขาไม่เคยได้รับความรู้สึกที่สูงส่งขนาดนี้มาก่อน
เพียงแค่เขาส่ายหน้า ท่านเทพก็จะไม่สนใจไยดีอะไรพวกเขา และการ ‘หัวเราะเยาะ’ ที่ตัวเองได้รับมาตลอดสองเดือนก็จะมลายหายไปในตอนนี้เพียงแค่เขาส่ายหน้าเบาๆเท่านั้น...เขารู้สึกได้ว่าในใจส่วนลึกของเขากำลังร้องเรียกให้เขาส่ายหน้าแม้ว่ามันจะดูผ่านไปแสนยาวนาน แต่ความจริงเขาก็เพิ่งจะหยุดคิดไปเพียงสามวินาทีเท่านั้นเอง
“พวกเขาเป็เพื่อนร่วมชั้นของผมเองครับ บางคนก็...ไม่ได้สนิทด้วย”
แม้ว่าพวกคนที่ถูกควรจัดเข้าอยู่ในกลุ่มพวก ‘ไม่สนิท’ จะแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาแต่หลินลั่วหรานกลับเกือบจะหัวเราะออกมาให้กับคำตอบที่น่าสนใจนี้
ถ้าหากว่าเผยหยวนตอบกลับมาว่า ‘ไม่ใช่’ การที่เคยเจอกันมาเพียงแค่ครั้งเดียว ก็เป็เพียงเื่ธรรมดาๆ เท่านั้นหลินลั่วหรานคงไม่สนใจที่จะต้องไปฉีกหน้าใครเพื่อเขาแต่ว่าเธอนั้นก็ยังคงมีโชคชะตาที่ทำให้ได้พบกับเด็กคนนี้อีกท่ามกลางผู้คนมากมาย ส่วนมากมันก็อยู่ที่ตรงนี้แหละ
เผยหยวนไม่ได้ตอบออกมาว่า ‘ไม่ใช่’ และก็ไม่ได้ทำตัวเป็คนดีโดยการตอบว่า ‘ใช่’ ตัวเลือกที่เขาเลือกออกมาในตอนที่ถูกเย้ายวนทำให้เห็นว่าหลินลั่วหรานรู้สึกว่า คนคนนี้ไม่แย่เลยทีเดียว สุดท้ายแล้วเธอก็มักจะชอบเด็กที่นิสัยดีมากกว่าคนอื่นอยู่เสมอ
“ในเมื่อเป็เพื่อนของเธอ เด็กคนนี้...อืม?” สายตาของหลินลั่วหรานหยุดอยู่ที่จางชูิที่พูดจาไร้สาระออกมาคนที่มีท่าทางสุภาพเรียบร้อยแบบนี้ คนที่เธอรู้จักก็มีแค่หลิ่วเจิงเท่านั้นและนั่นก็เป็เพราะว่าที่บ้านสอนมาดี จนไม่มีทางที่จะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ต่อหน้าคนอื่นได้แบบนี้
ความรู้สึกไม่พอใจของจางชูิ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวเท่าไรเมื่อเห็นว่าสายตาของหลินลั่วหรานทอดมองมาที่ตัวเองความรู้สึกไม่สบายใจเ่าั้ก็เหมือนกับว่าจะมลายหายไปแล้ว เขาพูดออกมาว่า “ผมสกุลจาง ท่านเทพจะเรียกว่าชูิก็ได้ครับ...”
หลินลั่วหรานกลั้นยิ้มเอาไว้ คนคนนี้ชื่อจางชูิเห็นได้ชัดว่าเป็เพียงนักศึกษาคนหนึ่ง แต่ก็ยังพยายามพูดจาให้ดูเหมือนกับผู้ใหญ่ช่างเป็คนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายจริงๆ ชูิอะไรนะฉันไปรู้จักเ้าโง่นี่ได้อย่างไร?
“อ้อ น้องจาง เธอจะบอกว่า ชาของฉันเป็ของปลอมเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานหัวเราะคิกคักออกมา พร้อมกับมองมาทางเขาในสมองของจางชูิก็สับสนไปหมด แม้แต่ยาเสพติดเขาก็ยังคิดว่ามันเป็ชารสเลิศได้แล้ว เขาจะกล้าบอกว่าเป็ของปลอมได้อย่างไร?
เจียงผิงไม่ยอมแพ้ ทั้งยังคงพูดออกมาด้วยความดื้อดันว่า “จะเป็ของจริงหรือไม่จริง ทำไมไม่ลองให้พวกเราชิมดูล่ะ?”
ใบหน้าเล็กของลั่วตงเริ่มแดงขึ้นมาด้วยความโกรธแม้ว่าเขาจะไม่ได้เหนือกว่าคนอื่น แต่เขารู้ดีว่าบ้านของคุณปู่มู่นั้นใหญ่มากแล้วเขาจะเอาชาปลอมมาให้พวกเขาได้อย่างไร?
เมื่อเด็กชายเห็นว่าเห็นว่าหลินลั่วหรานไม่ได้ห้ามอะไร ถ้วยชาเล็กๆนั้นมีอยู่สี่ใบ พวกเขามีทั้งหมดสี่คน สามคนถือแก้วเอาไว้ในมือและยังมีแก้วเหลืออยู่อีกแก้วหนึ่งลั่วตงจึงลุกยืนขึ้นพร้อมกับเทน้ำชาให้กับคนที่มีรอยยิ้มราวกับเสือร้ายและเขาก็รู้สึกไม่ชอบจางชูิเอาเสียเลย
เมื่อเื่เดินทางมาถึงขนาดนี้แล้ว จางชูิจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพวกเขานั้นกำลังไม่พอใจอยู่ ตรรกะที่ว่ามีนกหนึ่งตัวอยู่ในกำมือยังดีกว่ามีนกมากมายอยู่ในป่า เขาเองก็เข้าใจดีอีกอย่างเขาก็เสียเวลาไปกับเซี่ยปิงเหยียนตั้งมากมายเท่าไรแล้ว ดังนั้นเขาไม่มีทางที่จะปล่อยไปง่ายๆได้ แววตาของเขาประกายขึ้นมา เมื่อคิดคำนวณเรียบร้อยแล้วก็มีเพียงจะต้องฉีกหน้าผู้หญิงคนนี้ให้ได้ และเหยียบเผยหยวนกับ ‘ผู้ร่วมขบวนการ’ ของเขาให้จมดินเท่านั้น...
จางชูิเองก็พอจะเข้าใจวิธีการชงชาอยู่บ้าง ดังนั้นเมื่อเขายกชาขึ้นมามองพิจารณาอย่างละเอียดน้ำชานั้นมีสีทองแดงประกายใส ไม่จำเป็ต้องดื่มลงไปเพียงแค่ดมกลิ่นก็รู้ได้ว่ามันคือชาต้าหงเพ้าชั้นดีอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ว่าถ้าจะบอกว่ามันคือของต้นแม่พันธุ์ต้าหงเผ้าแล้ว ก็คงจะมากเกินไปต้นชาแม่พันธุ์แค่ไม่กี่ต้น ในหลายปีที่ผ่านมาต่างก็ถูกควบคุมการเก็บใบชาถ้าหากว่ามีคนที่มีชาจากต้นชาแม่พันธุ์อยู่ในมือ ตอนนี้ต่างก็เก็บเอาไว้ที่ตัวเองและไม่สามารถที่จะใช้มันออกมาต้อนรับกับพวกคนแปลกหน้าอย่างพวกเขาได้แน่
ยิ่งคิดเท่าไร จางชูิก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองนั้นเข้าใจถูกแล้วในใจของเขาตัดสินแบบนั้น และในใจของเขาก็ได้สูญเสียจิตใจที่จะชิมชาไปแต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเขาดื่มชาเข้าไป ในอึกแรกก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นของคาราเมล อึกที่สอง อึกที่สามก็เริ่มััได้ถึงกลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้ในตอนแรกที่ดื่มนั้นก็มีความรู้สึกนุ่มนวล ไม่นานนักแก้มทั้งสองของเขาก็ขึ้นสีในปากของเขาเต็มไปด้วยความหวาน แม้ว่าจะเป็อึกที่ห้า อึกที่หกแล้วแต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความหวานลื่นคอ และรสััก็ยังคงติดไปอีกยาวนาน
สิ่งเหล่านี้เห็นได้ชัดว่า เป็คุณสมบัติพิเศษที่มีเฉพาะในชาต้าหงเผ้าระดับสูงเท่านั้นคนที่พอจะเข้าใจเื่ชาต่างก็ต้องรู้ แต่เพราะว่าในใจของเขามีอคติทำให้เมื่อชิมลงไปแล้ว เขาก็ใช้เวลาคิดอยู่นาน ก่อนจะพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า “ไม่แน่ใจ”
และนี่ก็เป็วิธีการที่เขามักจะใช้อยู่บ่อยๆ ไม่ถอยและก็ไม่ได้ขยับเข้าไปเขาไม่ได้พูดว่า ‘ไม่ใช่’ แต่เพียงแค่พูดว่า ‘ไม่แน่ใจ’ เพื่อที่จะไม่ยอมรับง่ายๆว่ามันคือของจริง
หลินลั่วหรานอดที่จะขำขึ้นมาไม่ได้เด็กที่นามสกุลจางคนนี้ช่างไร้เหตุผลเสียจริง
“เธอไม่ได้มีความสามารถอะไรด้านนี้นี่ แล้วจะเอาอะไรมาตัดสินเหรอ?”
หลินลั่วหรานพูดออกมาอย่างไม่ไว้หน้าทำให้สีหน้าของจางชูิเปลี่ยนไปทันทีในตอนที่เขากำลังจะพูดอ้างอิงอะไรสักอย่างออกมาคนที่ยืนเงียบไม่เปิดปากพูดอะไรอย่างเซี่ยปิงเหยียนกลับพูดขึ้น
“เหมือนมาก กลิ่นนี้แหละ...ให้ฉันลองชิมดูสักแก้วได้ไหมคะ?”
“ปิงเหยียน นี่เธอ...” เจียงผิงไม่เข้าใจว่าเพื่อนรักทำแบบนี้ทำไมมันไม่เหมือนกับให้ท้ายอีกฝั่งอยู่เหรอ?
จางชูินั้นก็รู้สึกราวกับหัวใจของเขาแตกสลายในทันที
แต่เซี่ยปิงเหยียนนั้นกลับไม่ได้สนใจอะไรพวกเขา เธอเปิดปากพูดออกมาแล้วก็ไม่จำเป็ที่จะต้องปิดบังอะไรอีกต่อไป เธอถอดหมวกแก๊ปของตัวเองออกผมหางม้าสะบัดไปมา แม้ว่าจะไม่ได้สวยงามมากมายจนน่าตื่นตะลึงอะไรขนาดนั้นแต่ก็เป็เด็กสาวที่น่ามองคนหนึ่ง
“ให้ฉันลองชิมสักแก้วได้ไหมคะ?” เธอพูดขึ้นมาอีกครั้งแม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะเต็มไปด้วยความเ็า แต่ก็นับได้ว่าสุภาพมากทีเดียว
เผยหยวนรู้สึกอึดอัดขึ้นมา “นี่คือเพื่อนสนิทของผมเซี่ยปิงเหยียนครับ”
หลินลั่วหรานให้เกียรติเขามาก เธอจึงหยิบเสื่อออกมาจาก ‘กระเป๋า’ ก่อนที่จะเรียกให้ปิงเหยียนนั่งลง
ภายใต้ต้นสนนี้ นอกจากไปเผยหยวนแล้วทั้งสามคนต่างก็มีรูปร่างหน้าตาที่งดงาม อย่าเพิ่งพูดถึงตัวชาเลยความจริงการที่พวกเขานั่งอยู่ที่นี่ก็ทำให้ทิวทัศน์ของเขาหัวชานดูสวยงามขึ้นมาแล้ว
แน่นอนว่าแก้วชานั้นมีไม่พอต่อจำนวนคน แก้วของเผยหยวน เธอก็อึดอัดที่จะใช้แก้วของหลินลั่วหรานเธอก็ไม่กล้าใช้ สุดท้ายแล้วเธอก็เลยยืมมาจากลั่วตง
นิ้วมือขาวใสทั้งสิบ หยิบยกแก้วชาสีน้ำตาลม่วงขึ้นมาเซี่ยปิงเหยียนจิบลงไป ก่อนที่จะหลับตาระลึกถึงรสชาติและกลิ่นััเมื่อเธอลืมตาขึ้นมาเธอก็พูดออกมาเพียงแค่ “เหยียนหยุ้น...”
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าที่แท้ต้องเป็สถานที่อย่างบนเขาฮั่วชานถึงจะทำให้รสชาติของชาปรากฏรสชาติที่มีเสน่ห์ของมันออกมาได้!แววตาของเธอเปล่งประกายขึ้นมาทันที คนที่เผยหยวนรู้จักนั้นมีเื้ัที่กว้างขวางถึงเพียงนี้ แล้วทำไมเขาถึงยังจะเลือกเธออยู่ล่ะ?
“เป็ของจริง”
เซี่ยปิงเหยียนเป็คนที่มีความทะนงตนมากแม้ว่าเื้ัของหลินลั่วหรานจะไม่ได้ยิ่งใหญ่เธอก็ยังคงเลือกที่จะไม่พูดโกหกออกมาอยู่ดี
เจียงผิงกระทืบเท้าลง จางชูิรู้สึกว่าอับอายขายหน้ามาก “ปิงเหยียน ลองดูอีกสักรอบไหม?”
เซี่ยปิงเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง “จางชูินายเคยดื่มชาแม่พันธุ์ของต้าหงเผ้ามาก่อนหรือเปล่า?”
เอ๋
แน่นอนว่าจางชูิไม่เคยดื่มมันมาก่อนดังนั้นเมื่อถูกแบบนี้ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำขึ้น
“ฉันเคยดื่มกับคุณปู่อยู่ครั้งหนึ่ง มันให้ความรู้สึกเดียวกันเลย...ไม่สินี่ต่างหากถึงจะเป็รสชาติที่แท้จริงของชา มันรสชาติดีกว่าเสียอีกนี่แหละคือชาจากแม่พันธุ์ต้าหงเผ้าที่แท้จริง!”
‘คุณปู่’ ที่ปิงเหยียนพูดถึงก็คือผู้บริหารของหนานหาง ตอนนี้จางชูิเองก็ทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงพูดว่าจะขอลงจากเขาไปก่อน
เขาคิดว่าน่าจะมีคนรั้งเขาเอาไว้ แต่ว่าทั้งสี่คนต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรรั้งเขาเอาไว้เลย
จางชูิหนีออกไปด้วยความพ่ายแพ้ พวกลูกสมุนของเขาก็ตามออกไปเช่นกันเจียงผิงยืนมึนงงอยู่ที่เดิม เซี่ยปิงเหยียนขบริมฝีปากของตัวเองไว้แน่น “เจียงผิง เธอกลับไปก่อนเถอะ...ฉันมองเธอผิดไป”
เซี่ยปิงเหยียนเองก็เป็หญิงสาวที่ฉลาดอยู่ไม่น้อยเดิมทีเธอคิดว่าการที่เจียงผิงดูถูกเผยหยวนนั้น เป็เพียงแค่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆแต่ว่าการมาเที่ยวที่เขาฮั่วชานในครั้งนี้ ทำให้เธอได้เห็นทุกๆ อย่างด้วยสายตาของตัวเองเห็นได้ชัดว่าเจียงผิงและจางชูินั้นมีข้อตกลงลับระหว่างกัน
เธอสามารถยอมรับข้อด้อยของเพื่อนได้ แต่ว่าไม่สามารถรับข้อด้อยของเธอได้จึงกลายมาเป็การทำอะไรเองลับหลังเธอ และเป็สะพานอะไรให้แบบนี้
เจียงผิงขบฟันแน่น ก่อนที่จะเดินตามพวกจางชูิไป
คนที่ดูขัดตาต่างก็พากันออกไปหมดแล้ว นั่นทำให้หลินลั่วหรานรู้สึกว่าอากาศสดชื่นขึ้นมาไม่น้อยเธอเก็บอุปกรณ์ชงชาลง ก่อนที่จะหยิบเอาเหล้าหมักผลไม้ที่ตัวเองทำออกมาแล้วให้ทั้งสองคนได้ดื่ม
“สาวน้อยะเิอารมณ์นี่ ดูน่าสนใจดีนะ”
เธอนั้นสามารถดูออกว่าเด็กผู้หญิงสกุลเซี่ยคนนี้ ไม่ได้ไม่เชื่อเผยหยวนสักหน่อยเธอก็แค่หึงอยู่ไม่ใช่หรืออย่างไร เพียงแต่ทั้งสองคนนั้นยังคงมึนๆ งงๆ อยู่ดังนั้นถึงได้ยิ่งทะเลาะกันก็ยิ่งตึงใส่กัน
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินลั่วหรานใบหน้าทะนงตนเ็าของเซี่ยปิงเหยียนก็แดงขึ้นมา เธอขบริมฝีปากของตัวเองแน่นก่อนจะถามขึ้นว่า
“รูปที่เผยหยวนถ่ายมารูปนั้น...เป็เื่จริงหรือเปล่าคะ?”
หลินลั่วหรานรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีเด็กสาวในสมัยนี้ทำไมถึงเอาใจยากขนาดนี้นะ นิสัยดื้อด้านเสียจริงปิงเหยียนจ้องมองมาที่เธอ ในใจของปิงเหยียนนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกด้อยค่าโดยที่ไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอก็ยังคงคิดอยากจะประชันสักตั้ง
แต่ประชันอะไรน่ะเหรอ เธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานไม่ยอมตอบคำถามของเธอเซี่ยปิงเหยียนก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มจนหมด และเพราะว่าดื่มลงไปด้วยความรวดเร็วมันจึงทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนน้ำตาไหลออกมา...ดูเหมือนว่าเผยหยวนอยากจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร เมื่อเห็นท่าทีดื้อรั้นของปิงเหยียนเขาก็ได้แต่สับสนและรู้สึกมึนงงไปหมด
และในตอนที่ปิงเหยียนเกือบจะสิ้นหวังนั้น หลินลั่วหรานก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะก้มหัวลงมาพูดว่า
“ถ้าเธอเชื่อมันก็คือเื่จริง...แต่ถ้าเธอไม่เชื่อต่อให้มันเป็เื่จริงมันก็จะเป็เพียงเื่ลวงหลอกอยู่ดี”
หืม?
นี่ถือเป็การตอบกลับแบบไหนกันนะ เซี่ยปิงเยียนหันหน้ากลับไปมองยังเผยหยวนสายตาทั้งสองคู่สบเข้าหากัน เผยหยวนรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขากำลังเต้นอย่างหนักหน่วง
เมื่อหลินลั่วตง้าจะพูดอะไรบางอย่างออกมาหลินลั่วหรานก็ปิดปากของเขาเอาไว้ ก่อนที่จะค่อยๆ หายไปในฝูงชนโดยแม้แต่โต๊ะนั้นก็ยังไม่ได้เก็บขึ้นมา
พระอาทิตย์สูงขึ้นเรื่อยๆ ้าของกิ่งก้านต้นสนคือก้อนเมฆที่ล่องลอยไปผู้คนมากมายเดินอยู่รอบข้าง แต่ภายใต้ต้นสนนั้นทั้งสองกลับไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ภายนอกเลยแต่กลับรับรู้ถึงเพียงแค่หัวใจทั้งสองดวงกำลังขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น
เมื่อทั้งสองได้สติกลับมาอีกครั้ง ร่างของทั้งสองพี่น้องก็หายไปแล้ว มีเพียงน้ำชาอาหารที่ทานเหลือเอาไว้ และเสื่อที่ปูอยู่โดยรอบที่ทำให้พวกเขารู้ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็ความจริง
บนโต๊ะนั้นมีถุงใบชาวางทับกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้
“นี่ เผยหยวน จะรักกันก็ได้นะ แต่ว่าอย่าลืมคืนเสื่อของฉันด้วยล่ะ!”
เขายิ้มออกมา ก่อนที่จะกังวลขึ้นมาอีกครั้ง “เธอเชื่อ...”
เซี่ยปิงเหยียนกะพริบดวงตาของเธอลง “ฉันเชื่อเธอ!”
หลินลั่วตงถูกปิดปากอยู่บนต้นสนที่ยอดเขาฝั่งตรงข้าม “พี่สาว พวกคนโตนี่น่าแปลกจังนะ ลูกตาของคนนั้นมีอะไรน่ามองเหรอทำไมถึงหันหน้ามองกันได้นานขนาดนั้น!”
หลินลั่วหรานหัวเราะออกมา แม้ว่าเธอจะมีรักแรกที่ผิดหวังแต่ว่าเธอก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า มันเป็ความรู้สึกที่งดงามและบริสุทธิ์อย่างหนึ่งไม่ว่าจะเป็ความรู้สึกอิจฉาแปลกใจหรืออะไรก็ตามแต่นั่นก็เป็เพราะว่าพวกเด็กวัยรุ่นทั้งหลายยังไม่เข้าใจวิธีการแสดงออกที่ดีนัก
การที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันและได้สบสายตากันแบบนั้นพวกวัยรุ่นนี่ทำให้อยากจะกลับไปเป็เด็กๆ อีกครั้งเสียจริงเลยนะ!
