บทที่ 136 ช่ำชอง
"คุณบอกว่าหานจิ้งอยู่ที่ห้างนี้เหรอ?"
เย่จื่อเฉินนั่งถือกล้องส่องทางไกลอยู่ภายในรถตู้สีดำคันหนึ่ง ตงฟางเหวินอี้นั่งตรงที่นั่งคนขับพลางพยักหน้าพูด
"ใช่ หลายวันมานี้ผมให้คนคอยตามดูเธอตลอด ตอนนี้เธอก็กำลังชอปปิงอยู่ หลังจากที่ชอปปิงเสร็จแล้ว เธอก็จะไปที่บ้านพักนอกเขตชานเมืองตามลำพัง ถ้าไม่มีอะไรผิดคาด ที่นั่นน่าจะเป็ที่อยู่ของฮ่าวเหวิน"
เย่จื่อเฉินส่งกล้องส่องทางไกลให้กับคนของตงฟางเหวินอี้ ก่อนจะหยิบบุหรี่จากกระเป๋าออกมายื่นให้ตงฟางเหวินอี้
ตงฟางเหวินอี้รับบุหรี่ไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ เย่จื่อเฉินไหวไหล่เล็กน้อย
"ทำให้คุณต้องลำบากแล้ว"
"ไม่หรอกครับ เป็เกียรติของผมที่ช่วยเหลือคุณชายเย่ได้" ตงฟางเหวินอี้พยักหน้ายิ้ม เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วพูดขึ้น "ผมหมายถึงที่ให้คุณมานั่งอยู่บนรถตู้เนี่ย ลำบากคุณแล้ว"
"ไม่หรอก"
ตงฟางเหวินอี้ส่ายหน้ารัวๆ ในแวดวงธุรกิจของเมืองหลวง ตระกูลตงฟางของพวกเขาก็ครองไปครึ่งหนึ่งของประเทศแล้ว
พูดได้เลยว่า พวกเขาคือคนที่อยู่บนยอดพีระมิด
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนจากสถานที่นั้น แม้แต่เขาเองก็ยังไม่กล้าที่จะละเลย
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ใน่นี้ตระกูลตงฟางของพวกเขาก็คิดอยากจะไปที่นั่นเช่นกัน ซึ่งเย่จื่อเฉินก็เป็คนของที่นั่นพอดี
เขาจึงต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้ เพื่อไม่ให้ตระกูลตงฟางเป็แค่ตระกูลธรรมดาอีกต่อไป
"เป้าหมายออกมาแล้วครับ"
คนที่ส่องกล้องทางไกลอยู่พูดขึ้นทันที เย่จื่อเฉินรีบแย่งกล้องส่องทางไกลไปส่องดูทันที
ที่หน้าห้างฝั่งตรงข้าม หานจิ้งแต่งตัวได้สวยหรูดูดี ถึงแม้ว่าบนใบหน้าของเธอจะมีแว่นตากันแดดอยู่ แต่ก็ยังยืนยันได้ว่าเธอคือหานจิ้งแน่นอน
"ไม่ผิดหรอก ผู้หญิงคนนี้แหละ ตามเธอไป"
"ไม่มีปัญหา"
ตงฟางเหวินอี้ลดปีกหมวกลง แล้วขับรถตู้ตามหลังรถปอร์เช่ของหานจิ้งไปอย่างไม่ได้รีบร้อน
รถค่อยๆ ขับออกไปนอกเมือง หลังจากที่ขับเข้าไปในเขตนอกเมืองแล้ว รถสองข้างทางก็ค่อยๆ บางตาลง
ในตอนนั้น หานจิ้งถึงเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากรถตู้ของพวกเขา
แต่ว่า...
เธอก็ไม่ได้สนใจ
ด้วยนิสัยที่ไม่ใส่ใจอะไรของเธอ เธอจึงี้เีที่จะสนใจรถตู้คันนั้น
"ทำไมฮ่าวเหวินถึงได้ชอบผู้หญิงหน้าโง่แบบนี้กันนะ"
เย่จื่อเฉินอดส่ายหน้ายิ้มขำไม่ได้ เขาตามเธอแบบโจ่งแจ้งมาตั้งสองชั่วโมงกว่าแล้ว หานจิ้งก็ยังไม่รู้ตัวอีก
"เป็งานไง"
จู่ๆ ชายร่างบึกบึนที่อยู่ข้างหลังก็โพล่งขึ้นมา เย่จื่อเฉินอึ้งไปนิด แล้วจึงหันไปยกนิ้วหัวแม่มือให้เขา
"เยี่ยม!"
"แหะๆ"
ชายร่างบึกบึนเกาหัวยิ้มแห้ง บอดี้การ์ดกลุ่มนี้มีแต่คนหยาบคายกันทั้งนั้น
เมื่อครู่นี้แค่โพล่งปากพูดออกมา คำที่พูดออกมาก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะ แต่คิดไม่ถึงว่าเย่จื่อเฉินจะไม่ได้ต่อว่าเขา
"เยี่ยมบ้าอะไรของนาย"
หลิวฉิงเท้าเอวพูดเสียงห้วนลอยอยู่ในรถตู้
"พวกลามก ฉันจะกลับไปนอนแล้ว"
มองดูหลิวฉิงที่หงุดหงิดแล้ว เย่จื่อเฉินก็อดขำไม่ได้
หน้าบางจังเลยยัยคนนี้
"จอดรถ"
ทันใดนั้น ตงฟางเหวินอี้ก็พูดขึ้นอย่างกะทันหัน เย่จื่อเฉินมองดูเล็กน้อย ก็เห็นว่าหานจิ้งลงจากรถไปจริงๆ
"ขับไปข้างหน้าต่ออีกหน่อย อย่าให้เธอรู้สึกผิดสังเกต แต่ขับช้าๆ"
"โอเค"
ตงฟางเหวินอี้พยักหน้า แล้วขับรถผ่านไป ในตอนที่หานจิ้งเห็นรถตู้ของพวกเขาก็ยังทำท่ารังเกียจออกมาด้วย
"ดูผู้หญิงคนนี้ หงุดหงิดชะมัด"
ตงฟางเหวินอี้ต่อว่า เขาเป็ถึงคุณชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง ยังไม่เคยโดนใครดูถูกแบบนี้มาก่อนเลย
"มีอะไรให้น่าโมโหเล่า"
เย่จื่อเฉินกลอกตา ดวงตาเอาแต่จับจ้องที่หานจิ้ง
"จอดรถ"
เอี๊ยด!
ตงฟางเหวินอี้เหยียบเบรก เย่จื่อเฉินก็เปิดประตูลงจากรถ วิ่งไปทางหานจิ้งอย่างรวดเร็ว
"อย่าขยับ ยกมือขึ้น"
เย่จื่อเฉินทำมือเหมือนเป็ปืน แล้วชี้ใส่ศีรษะของหานจิ้งพร้อมกับกระตุกยิ้ม
ตุบ
ของในมือหานจิ้งหล่นลงบนพื้น ก่อนที่เธอจะยกมือสองข้างขึ้นด้วยอาการสั่นเทา
"คะ คะ คุณ คุณ..."
"คุณอะไร คุณจะพูดอะไร?"
เย่จื่อเฉินกระตุกยิ้มขำขันมากยิ่งขึ้น ในตอนนั้นเอง ตงฟางเหวินอี้ก็พาชายร่างบึกบึนสองคนเดินเข้ามาสบทบ
"พวกคุณจะทำอะไร!"
"ทำอะไร?" เย่จื่อเฉินกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วจงใจกลืนน้ำลายลงคอเสียงดัง "พวกฉันอยาก...ข่มขืน!"
"ได้! พวกแกคือพวกที่ขับรถตู้นั่นใช่ไหม ฉันจะไปที่รถกับพวกแก"
...
ให้ตาย ง่ายชะมัด!
ผู้หญิงคนนี้ตอบตกลงโดยไม่ลังเลเลยสักนิด แบบนี้ต้องบอกว่าใช้ชีวิตคุ้มหรือว่าไม่รู้จักพอดี
หรือว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่ใช่ครั้งแรก แถมยังรู้ว่าต้องขึ้นรถด้วย
บ้ากามชะมัด!
ผู้หญิงคนนี้คงสวมเขาให้ฮ่าวเหวินมาไม่น้อยแล้วสินะ
คิดมาถึงตรงนี้ เย่จื่อเฉินก็อดเสียใจแทนฮ่าวเหวินไม่ได้ คงคิดว่าตัวเองเจอของล้ำค่า ที่แท้ก็เป็แค่ของเก่าๆ พังๆ
"ไปสิ พวกแกอยากข่มขืนฉันไม่ใช่หรือไง!"
ไม่รู้ว่าทำไม ในตอนนี้หานจิ้งถึงได้ใจเย็นขนาดนี้ ในน้ำเสียงนั้นก็ฟังเหมือนกำลังรอคอยอะไรอยู่
ชายร่างบึกบึนสองคนสบตากันโดยอัตโนมัติ
จากนั้นก็มองเย่จื่อเฉิน
มองอะไร เ้าสองคนนี้อยากจะข่มขืนเธอกันจริงๆ สินะ!
เย่จื่อเฉินกลอกตาอย่างอารมณ์เสีย มือขวาจับข้อมือของหานจิ้ง แล้วกดเธอติดกับกำแพง
"นี่พี่ชาย ตรงนี้คนผ่านไปมา ไม่ค่อยเหมาะนะ"
หานจิ้งเปิดปากพูดขึ้นอีกครั้ง
"ถ้าคุณจับมือฉันไว้ คุณก็จะทำอะไรไม่สะดวก แต่ถ้าคุณปล่อยฉัน ฉันจะให้ความร่วมมือแน่นอน"
"ให้ความร่วมมือกับแม่คุณนู่น" เย่จื่อเฉินสบถด่าอย่างหงุดหงิด แล้วพูด "คุณเป็เมียน้อยของฮ่าวเหวินใช่ไหม"
"ใช่!"
"ฮ่าวเหวินอยู่ที่นี่ใช่หรือเปล่า?"
เมื่อได้ยินคำถามนี้ หานจิ้งก็นิ่งไปทันที เย่จื่อเฉินจึงออกแรงดันเธอ
"ไม่พูดเหรอ?"
ยังคงเงียบ
ปัง!
เย่จื่อเฉินทำทีว่าจะลั่นไกปืน หานจิ้งขาสั่น
กลิ่นอะไรเนี่ย!
เมื่อไล่สายตามองลงไป ก็เห็นมีน้ำไหลออกมาจากหว่างขาของหานจิ้ง
ซวยชะมัด
เย่จื่อเฉินด่าตัวเองในใจ แล้วพูดขึ้น
"ถ้าไม่อยากตายก็รีบพูดมาซะ ฮ่าวเหวินอยู่ที่นี่ใช่ไหม!"
"พี่ชาย ถ้าคุณจะข่มขืนคุณก็รีบทำสิ หรือจะปล้นก็ปล้น ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ฉันก็จะให้ความร่วมมือเป็อย่างดีเลย"
"ผมถามคุณอยู่ อย่ามาเล่นลิ้นกับผม บอกมา ตกลงว่าฮ่าวเหวินอยู่หรือไม่อยู่!"
เย่จื่อเฉินหมดความอดทนแล้ว ตอนแรกคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องเปิดเผยข้อมูลในทันทีแน่ แต่คิดไม่ถึงเลย
เธอซื่อสัตย์ต่อฮ่าวเหวินมากทีเดียว
"ไม่พูดใช่ไหม ไม่พูดงั้นผมก็จะส่งคุณ..."
"ส่งเธอไปไหน?"
ทันใดนั้น เย่จื่อเฉินก็รู้สึกเหมือนโดนคนใช้อะไรบางอย่างจี้เข้าที่ท้ายทอย
เขาตัวแข็งทื่อก่อนจะหันไปมอง ก็เห็นว่าชายบึกบึนสองคนที่มากับเขาโดนคนคุมตัวเอาไว้แล้ว โดยใช้ปืนจี้หัวให้คุกเข่าลงกับพื้น
ส่วนตงฟางเหวินอี้ก็โดนผู้ชายอีกหนึ่งคนใช้ปืนจ่อศีรษะเอาไว้
ถ้าไม่ผิดคาด คนข้างหลังเขา...
เย่จื่อเฉินค่อยๆ หันไป แล้วก็ได้เห็นฮ่าวเหวินที่ตาแดงก่ำ ในมือถือปืนจ่อเข้าที่ศีรษะของตนด้วยใบหน้าโเี้
"พูดสิ ถ้าแกไม่พูดละก็...ปัง!"
ฮ่าวเหวินแสยะยิ้ม เลียนแบบท่าทางเมื่อครู่นี้ของเย่จื่อเฉิน
"พี่เหวิน"
หานจิ้งวิ่งร้องไห้เข้าไปหา ฮ่าวเหวินโอบกอดเธอไว้ ปืนในมือจ่ออยู่ที่ขมับของเย่จื่อเฉิน
"เ้าหนู คิดจะเล่นกับฉัน แกยังอ่อนหัดเกินไปนะ"