“องค์หญิงใหญ่ ตอนนี้เหล่าองครักษ์ออกไปจนหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทว่า เซ่อเจิ้งอ๋องอยู่ที่นั่น” หวังฮู่พูด “ไท่เฮาทรงไม่ทราบเื่ที่ท่านแอบออกมาครั้งนี้นะพ่ะย่ะค่ะ หากมีเื่อะไรเกิดขึ้นอีก...”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ หัวหน้าองครักษ์ที่อยู่ข้างๆ ก็ขัดจังหวะและพูดว่า “หวังฮู่ เ้าจะมาอะไรอีก? องค์หญิงสั่งให้เ้าไปเ้าก็ไปสิ จะมาพูดไร้สาระอีก!”
ฉู่จุนหนิงตบโต๊ะด้วยใบหน้าเคร่งขรึมและพูดว่า “ใช่ แม้กระทั่งข้า เ้าก็ไม่ฟังคำสั่งแล้วงั้นหรือ?”
หวังฮู่กัดฟันแน่น “กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ ทว่า ถึงองค์หญิงชิงอีจะไม่ได้เป็ที่โปรดปรานแล้ว อย่างไรนางก็เป็องค์หญิง ยิ่งไปกว่านั้น...”
“หยุดพูดเื่ไร้สาระได้แล้ว! นางสารเลวนั่นกล้าวางยาข้า ไม่ว่าอย่างไรข้าจะต้องให้นางชดใช้ให้ได้” ฉู่จุนหนิงกัดฟันพูดด้วยความโกรธ “อีกประเดี๋ยว ข้าจะไปถ่วงเวลาพี่เซียวไว้ พวกเ้าก็พานางไปมัดไว้ในป่า และเอายาแก้พิษมาให้ข้าก่อนที่จะออกมา จากนั้นก็ทำให้นางอับอาย! ดูซิ ว่าต่อไปนางจะมีหน้ามายืนอยู่ต่อหน้าพี่เซียวอีกหรือไม่”
หวังฮู่และพรรคพวกที่อยู่ข้างหลังชำเลืองมองกันและกัน ทว่า ก็ทำได้แค่เพียงกัดฟันรับสั่งไป
กลางคืนที่มืดขึ้นเรื่อยๆ และพระจันทร์เสี้ยวสีเงินบนท้องฟ้า
ทุกอย่างในหมู่บ้านผีเงียบสงัด หากฟังดีๆ ในป่าแห่งนี้ไม่มีเสียงแมลงแม้แต่ตัวเดียวจนน่าใจริงๆ
โคมไฟดวงเดียวสว่างขึ้นเอง
เถาเซียงจัดเตียงและพูดว่า “องค์หญิง รีบพักผ่อนดีกว่านะเพคะ หัวหน้าองครักษ์ชิวอวี่และคนอื่นๆ คงอีกนานกว่าพวกเขาจะกลับมา”
ชิงอีส่งเสียงอืมออกมาอย่างเนือยๆ และเดินไปที่เตียง ขณะเดียวกัน ต้านเสวี่ยก็นำเครื่องหอมที่ช่วยในการนอนหลับเข้ามา
“เ้าทั้งสองกลับห้องไปนอนเถิด คืนนี้ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็ห้ามออกมาข้างนอกเด็ดขาด”
หญิงสาวสองคนมองหน้ากัน และคิดที่อยากจะถาม ทว่า ชิงอีที่นอนอยู่บนเตียงกลับหันเข้าด้านในแล้ว ทั้งสองจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเงียบ ดับเทียนแล้วเดินออกไป
เสียงลมหายใจของหญิงสาวก็ดังขึ้นอย่างแ่เบาในห้อง และดวงจันทร์ที่อยู่ท่ามกลางท้องฟ้า
มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกจากห้องอีกฝั่งหนึ่ง ฉู่จุนหนิงที่จงใจแต่งตัวด้วยผ้าบางสีขาว พร้อมกับริมฝีปากใหญ่ที่ทาสีแดง ราวกับผีสาวในหมู่บ้านูเาที่เพิ่งกินคนไป หวังฮู่และคนอื่นๆ มองไปแวบแรกก็รู้สึกสั่นเทา ทว่า นางเองก็รู้สึกว่าตัวเองสวยมาก
หวังฮู่คิดในใจว่าถ้าให้พูดแล้ว รูปโฉมของท่านที่เป็เช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงเซ่อเจิ้งอ๋องหรอก ไม่ว่าชายใดที่เห็นก็คงหันหลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันทั้งนั้น!
“แยกย้ายกันไป จัดการให้เร็วๆ ด้วยล่ะ!” ฉู่จุนหนิงออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าใคร! นางเดินก้าวฉับๆ ไปที่บ้านของเซียวเจวี๋ยอย่างรวดเร็ว
หวังฮู่และคนอื่นๆ ก็ไม่ชักช้า รีบแห่กันไปยังลานบ้านที่ชิงอีอยู่
ลานบ้านเงียบเป็อย่างมาก หวังฮูส่งสัญญาณมือ สั่งให้ลูกน้องลงไปตรวจสอบสถานการณ์ก่อน
“สาวใช้สองคนอยู่ในห้องข้างๆ ส่วนองค์หญิงใหญ่อยู่ในห้องหลัก และทุกคนก็หลับกันหมดแล้ว”
“เ้าคนหนึ่งไปเฝ้านางกำนัลสองสาวนั่นไว้ คนที่เหลือตามข้ามา”
หวังฮู่พูดพร้อมกับนำคนเข้าไปยังห้องหลัก พวกเขาเปิดหน้าต่างอย่างระมัดระวัง เมื่อกำลังเข้าไป ทว่า จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก
หวังฮู่หันศีรษะไปก็เห็นลูกน้องคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูด้วยความอาย และขยับปากว่าประตูไม่ได้ปิด
กลุ่มองครักษ์รู้สึกอับอาย
หวังฮู่ทำท่าทางให้กำลังใจลูกน้อง และนำผู้คนเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ
ภายในห้อง ชิงอีกำลังนอนอยู่และได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของนาง
หวังฮู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกัดฟัน ขออภัยนะพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงใหญ่!
เชือก กระสอบ และผ้าขี้ริ้วที่ปิดปาก ทั้งหมดเตรียมไว้พร้อมแล้ว
ทว่า ทันใดนั้น ชิงอีก็พลิกหันกลับมา เหล่าองครักษ์จึงหยุดชะงัก
“เห็นตาของข้าหรือไม่?”
จู่ๆ ชิงอีก็พูดขึ้นมา
หวังฮู่และคนอื่นๆ ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ และคิดในใจว่าตาของท่านก็อยู่บนหน้าท่านไม่ใช่หรือไร?
ชิงอีที่นอนอยู่บนเตียงลืมตาขึ้นทันใด พร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆ ที่มุมริมฝีปาก และในดวงตาทั้งสองข้างที่ลืมขึ้นมาของนางไม่มีลูกตา มีแค่เพียงรูเืสีดำในดวงตาเท่านั้น
เืที่ไหลออกมาเป็น้ำตาสองสาย
“เ้าเหยียบลูกตาของข้าอยู่”
หวังฮู่ก้มศีรษะลงอย่างมึนงงและยกเท้าขึ้น ลูกตาสีเืทั้งสองของนางกลอกไปมา
“อ๊าก!!!!!”
เสียงกรีดร้องที่ดังทะลุฟ้า กลุ่มคนก็รีบวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกจากห้องไป
ภายในห้อง ชิงอีหลับตาลงและลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองข้างก็กลับสู่สภาพปกติ นางกลอกตามองบนและพูดว่า “พวกขยะ”
นางหยิบอาวุธที่คนเ่าั้ทิ้งไว้ เปิดปากหาวและเดินออกไปช้าๆ
“ก็แค่ตัวเอกยังไม่ออกโรง เล่นกับพวกเ้าไปก่อนก็แล้วกัน”
หวังฮู่และคนอื่นๆ กลัวเป็อย่างมากจนต้องสวดมนต์ ทั้งยังวิ่งไปร้องไห้ไปเรียกพ่อเรียกแม่ตลอดทาง
“ผี! พี่ชาย องค์หญิงผู้นั้นเป็ผี”
“ข้าไม่ทำแล้ว ไม่ทำแล้ว ข้าจะตายอยู่แล้ว...”
“พวกเ้าจะกลัวไปทำไม!” หวังฮู่กัดฟันและพูดว่า “มันจะไปมีผีที่ไหนกัน ของปลอม มันต้องปลอมแน่ๆ! ไป พวกเรากลับไปดูกันอีกรอบ”
หลังจากพูดจบเขาก็หันกลับมา ทว่า กลับเห็นว่าไม่มีใครขยับเลยแม้แต่น้อย ทุกคนก็มองหน้ากันอย่างลำบากใจ
“พี่หวัง ท่านกล้าหาญ ท่านไปก่อนเลย”
ใบหน้าของหวังฮู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ้าที่จะยกขาขึ้น ทว่า เท้าของเขาราวกับมีตะปูมาตอกไว้ เขาไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกัน พวกเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยลอยออกมา
องค์หญิงที่ถือถุงกระสอบและเชือกอยู่ในมือ กวักมือเรียกพวกเขาด้วยตาทั้งสองที่มีแค่รูเื “วิ่งอะไรกันเหรอ ของตกหมดแล้ว”
“ผี”
“แม่จ๋า ช่วยด้วย!”
“ข้าจะไม่ทำชั่วอีกแล้ว!!”
ทันใดนั้น เหล่าองครักษ์ก็ส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญอย่างบ้าคลั่ง
ไม่ว่าพวกเขาจะวิ่งอย่างไร พวกเขาก็ไม่สามารถหนีองค์หญิงที่อยู่ข้างหลังได้ นางกวักมือแล้วกวักมืออีก ทั้งยังเชิญชวนไม่หยุดว่า มาสิ มาสิ มาเล่นด้วยกันนะ~
หวังฮู่และคนอื่นๆ ต่างกลัวจนขนหัวลุก ช่างชั่วร้ายจริงๆ หมู่บ้านนี้ใหญ่ขนาดนี้ เหตุใดพวกเขาที่วิ่งไปหลายรอบกลับไม่เห็นทางเข้าหมู่บ้านเลย ราวกับว่าวิ่งวนกลับมาที่เดิม?
หนีไม่พ้นแล้ว!
ขาทั้งสองข้างของหวังฮู่อ่อนแรง จริงๆ แล้วตอนนี้เขาแทบไม่มีแรงเหลือแล้วด้วยซ้ำ เขาคุกเข่าลงบนพื้นและมองดูดวงจันทร์ที่อยู่เหนือศีรษะ วินาทีสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติไป เขาก็คิดว่าเหตุใดพระจันทร์บนท้องฟ้าถึงเป็สีแดงเืได้ล่ะ?
นี่เป็ลมหมดสติไปแล้วหรือ?
ชิงอีหัวเราะฮิฮิออกมา ข้างนอกดูแข็งแกร่ง แต่ที่แท้กลับกลายเป็ไก่อ่อนนี่เอง
เพียงแต่...
นางเหลือบมองพระจันทร์สีเืบนท้องฟ้า ถึงเวลาแล้วใช่ไหม?
ชิงอีที่กำลังเล่นกับเชือกป่าน ในขณะที่กำลังพิจารณาว่าจะผูกพวกโง่เหล่านี้ก่อนดีหรือไม่ ก็มีกลุ่มคนชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของวิสัยทัศน์
ใบหน้าของนางไม่มีความแปลกใจใดๆ เลยแม้แต่น้อย กลับกันยังผิวปาก เท้าสะเอวและะโใส่กลุ่มคนชุดดำว่า “ข้าว่า พวกเ้าเองก็มาช้าเสียเหลือเกิน!”
นางเล่นกับพวกโง่เง่านี้ไปหลายรอบจนเบื่อ กว่าคนพวกนี้จะปรากฏตัวบนเวที
หัวหน้าของชายชุดดำถึงกับตะลึงไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และแน่ใจว่านางมารร้ายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังพูดกับคนของเขาจริงๆ
“แย่แล้ว ถูกจับได้!”
“จะไปกลัวอะไร ก็เห็นอยู่ว่าตอนนี้มีแค่นางคนเดียว!”
“ไป! ไปปลิดชีพนางก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที!”
ชายชุดดำชักกระบี่และเข้ามารุมนาง
ทว่า เมื่อเห็นชิงอีถือเชือกป่านอยู่ในมือและแกว่งไปมาไม่หยุด คนเ่าั้ก็กลับดูเหมือนคนโง่เขลา ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไหวติงใดๆ
หัวหน้าชายชุดดำรู้สึกแปลกๆ หญิงสาวผู้นี้กลัวจนโง่ไปแล้วหรือ? เหตุใดถึงไม่วิ่งหนีเอาชีวิตรอดล่ะ?
ทันใดนั้น ฉากตรงหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
แผ่นดินสั่นะเื และหมู่บ้านร้างแต่เดิมกลับกลายมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที พื้นดินด้านล่างก็ชุ่มไปด้วยเืสีแดง สระเืขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้า และมีคนจำนวนมากนั่งคุกเข่าอยู่ข้างสระโลหิต
มีชายหนุ่มที่เป็นักบวชชุดดำสวมหน้ากากลอยอยู่เหนือสระโลหิต
ชายชุดดำจ้องที่ฉากตรงหน้าด้วยความสยดสยอง และสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ผู้คนที่คุกเข่าข้างสระโลหิตก็ะโด้วยความตื่นตระหนก และนักบวชชุดดำที่อยู่เหนือสระโลหิตก็ส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างโกรธเคือง “เครื่องบูชาล่ะ! ใครขโมยเครื่องบูชาของพญามัจจุราชไป!!”
ดวงตาที่อยู่ใต้หน้ากากของเขาส่องแสงสีแดงที่น่าสยดสยองออกมา และคทาในมือของเขาก็ชี้ไปยังเหล่าชายชุดดำ
“มานี่! เร็วเข้า! จับมาเป็เครื่องบูชา! พญามัจจุราชรอไม่ไหวแล้ว!”
ผู้คนคุกเข่าอยู่รอบๆ สระโลหิตพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าของชายชุดดำก็เปลี่ยนไปอย่างมาก แกว่งดาบไปมา ทว่า เมื่อดาบแทงทะลุร่างกายมนุษย์ไปแล้วกลับผ่านแค่ความว่างเปล่า และมือของคนเ่าั้ที่จับมาที่บนตัวพวกเขา กลับเป็ความเ็ปอย่างแท้จริง
“อ๊าก”
เสียงกรีดร้องดังทะลุท้องฟ้ายามราตรี กลุ่มคนชุดดำล้มลงข้างสระโลหิตด้วยสีหน้าเ็ปและสะพรึงกลัว ศีรษะข้างบนของพวกเขาถูกเปิดออก ทั้งๆ ที่ยังไม่ตาย และนักบวชชุดดำก็ใส่เมล็ดพืชลงไปในกะโหลก เมล็ดพืชนี้ก็จะเข้าไปในเนื้อทันทีเพื่อหยั่งรากและแตกหน่อ
ในขณะนั้น ไฟแห่งชีวิตของคนชุดดำก็ดับลงอย่างสมบูรณ์แบบ
นักบวชชุดดำพยักหน้า บรรดาผู้ศรัทธารวมตัวกันและโยนร่างของชายชุดดำลงในสระโลหิต ในเวลาต่อมา ความอาฆาตแค้นทั้งหมดบนใบหน้าของชายชุดดำก็ถูกดูดกลืนโดยสระโลหิต สีหน้าของพวกเขาก็ค่อยๆ กลายเป็สงบลง
และจู่ๆ ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นในทันใด
ร่างที่มีเสน่ห์ของหญิงสาวเดินออกมาจากความมืด รอยยิ้มของชิงอีที่เปื้อนไปด้วยเื “ที่แท้ก็เป็อย่างนี้นี่เอง เ้าใช้วิธีนี้เพื่อที่จะขจัดความอาฆาตแค้นของศพเด็กสินะ”
