“โบยต่อไป ไม่ต้องหยุด!”
ฮูหยินผู้เฒ่าออกคำสั่ง ทว่าทุกคนล้วนไปยังโถงด้านนอกหมดแล้วเพื่อต้อนรับท่านโหว
บุรุษวัยกลางคนร่างกายกำยำ ใบหน้าแข็งกร้าว สวมชุดฮว๋าฝูสีดำทั้งร่าง เดินนำองครักษ์ดุดันกลุ่มหนึ่งเข้ามา ข้างกายของเขามีหลิ่วอวิ๋นเฟิงติดตามมาด้วย
“อ๊าก!”
เสียงร้องอย่างน่าอนาถดังแว่วออกมาจากด้านใน ชางหรงโหวขมวดคิ้วแน่น ฮูหยินผู้เฒ่าเดินออกมา “นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว”
สีหน้าเช่นนี้ทำให้หลิ่วอวิ๋นเฟิงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเหลยซื่อซึ่งมีสีหน้าแปลกๆ เช่นเดียวกัน หรือจะเกิดเื่อะไรขึ้นอีกแล้ว
“อ๊าก!”
เสียงนี้...แววตาของชางหรงโหวสว่างวาบ “อวิ๋นฮั่นเล่า?”
“นายท่าน เด็กคนนี้ ท่านไปดูเองเถิด!” ฮูหยินผู้เฒ่ากระทุ้งไม้เท้า ท่าทางเช่นนี้ทำให้ชางหรงโหวพลันเข้าใจกระจ่าง บุตรชายคนที่สามของตนคงจะทำผิดอะไรร้ายแรงมาอีกกระมัง
ทุกคนรีบเดินไปยังห้องโถงที่หลิ่วอวิ๋นฮั่นถูกโบย เหลยซื่อค่อยๆ เดินไปข้างกายของท่านโหว “นายท่าน เมื่อคืนอวิ๋นฮั่นถูกคนทำร้ายเ้าค่ะ”
บุรุษวัยกลางคนมองนางด้วยหางตา แววตาเช่นนี้ทำให้เหลยซื่อใ จึงหุบปากอย่างเชื่อฟัง
“อย่าตีข้าอีกเลย อ๊าก! ท่านย่า อวิ๋นฮั่นสำนึกผิดแล้ว อ๊าก!”
ร่างกำยำเดินเฉียดผ่านข้างกายหลิ่วอวิ๋นฮั่นไป นั่งลงยังตำแหน่งด้านข้างของฮูหยินผู้เฒ่า
เหตุใดท่านพ่อจึงกลับมาเร็วเช่นนี้? หลิ่วอวิ๋นฮั่นกรีดร้องอยู่ในใจ จบแล้ว จบแล้ว แม้เขาจะจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แต่ที่จำได้รางๆ คือเขาจะไปหออี๋หงกับจ้าวหรงเติง!
ไม้กระดานฟาดลงมาอย่างแรงทว่าชางหรงโหวกลับไม่เอ่ยปากถามออกมาสักคำ
“ซูเอ๋อร์ มานี่ มาหาท่านพ่อของเ้า”
สถานการณ์ตอนนี้ช่างแปลกประหลาดเป็อย่างมาก กลางห้องโถงมีคุณชายสามถูกโบยอยู่ แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับให้อวิ๋นซูออกมายืนคารวะท่านโหว
“ท่านพ่อ”
เสียงอันอ่อนโยนเจือความเคารพอยู่หลายส่วน สตรีตรงหน้าค่อยๆ ก้มหน้าลง เมื่อครู่อวิ๋นซูคอยสำรวจชางหรงโหวอยู่เงียบๆ มาตลอด กลิ่นอายความโเี้บนร่างของชายผู้นี้เข้มข้นยิ่งนัก บางทีอาจเป็เพราะอยู่ที่ชายแดนมาหลายปี อีกทั้งตอนที่เขามองนางก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมามากมาย ไม่มีความไม่พอใจ และไม่มีความยินดี
หากจะอธิบายจริงๆ ก็คือเ็า มีเหตุผล
“อืม อวิ๋นซู กลับมานานเท่าไรแล้ว”
“ตอบท่านพ่อ เกือบเดือนได้แล้วเ้าค่ะ”
ชางหรงโหวได้ฟังคำตอบที่ไม่มีความร้อนรนเลยแม้แต่น้อยก็อดไม่ได้ที่จะมองนางมากขึ้นอีกหน่อย ต้องทราบว่ากระทั่งทหารที่ชายแดนเมื่อเห็นเขา คำพูดคำจาก็ล้วนสั่นเทา ทว่าดรุณีน้อยตรงหน้ากลับสงบนิ่ง แม้ตนเองสบตานาง ดวงตาลึกล้ำคู่นั้นก็ไม่หลบสายตา ทั้งยังไม่มีแววต่ำต้อย ความสุขุมเช่นนี้กลับปรากฏอยู่บนตัวของดรุณีน้อยผู้หนึ่ง ช่างดูประหลาดเสียจริง
“อ๊าก!”
หลิ่วอวิ๋นฮั่นที่อดทนมาตลอดอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา ชางหรงโหวจึงถอนสายตาออกจากอวิ๋นซู “โบยไปกี่ครั้งแล้ว?”
“สี่สิบสามขอรับ”
“เพิ่มอีกห้าสิบ”
“นะ นายท่าน...” นายท่านไม่ทราบเื่ก็ลงโทษคุณชายสามเช่นนี้เชียวหรือ? เหลยซื่อปวดใจยิ่งนัก ทว่านางรู้นิสัยท่านโหวดี ใครก็มิอาจเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเขาได้
ในมุมหนึ่ง อนุห้ามองท่านโหวที่ไม่ได้พบกันนานหลายปีจนเหม่อลอยไปชั่วขณะ
ชางหรงโหวรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องจึงมองกลับไป สตรีผู้มีใบหน้างดงามสุกใสยืนอยู่เงียบๆ ดูเหมือนกาลเวลาจะไม่อาจทิ้งร่องรอยไว้บนร่างของนางได้มากนัก เพียงแต่ดูซูบผอมซีดเซียวลงอย่างเห็นได้ชัด
ทุกคนมองดูคุณชายสามถูกโบยอย่างเงียบเชียบ บุตรีและบุตรชายอนุภรรยาทุกคนต่างรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ส่วนหลิ่วอวิ๋นฮว๋าก็มีจิตใจว้าวุ่น
ท่านพ่อลงโทษน้องสามเช่นนี้ต่อหน้าทุกคน มิใช่ว่าเป็การเตือนพวกนางพี่น้องหรอกหรือ หากให้ท่านพ่อรู้ถึงสิ่งที่นางคุยกับน้องสาม หลิ่วอวิ๋นฮว๋าในตอนนี้ไม่กล้ามั่นใจเลยว่าท่านพ่อจะลงมือกับตนอย่างไว้ไมตรีหรือไม่
จนกระทั่งองครักษ์หยุดมือ ชางหรงโหวจึงเปิดปากพูด “ส่งกลับไปที่ค่าย!”
เหลยซื่อหน้าซีด ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้พบหน้าลูกสาม ไม่ทันไรก็ต้องแยกจากกันอีกแล้ว
ทว่าครั้งนี้นางอับจนคำพูดจริงๆ หากเื่ราวแพร่ออกไป จวนชางหรงโหวจะต้องกลายเป็เื่ขบขันของทุกคนแน่
เหลยซื่อทำได้เพียงมองหลิ่วอวิ๋นฮั่นถูกหามออกไป น้ำตาไหลอยู่ในใจอย่างเงียบเชียบ
การเชือดไก่ให้ลิงดูในครั้งนี้ได้ผลเป็อย่างยิ่ง จวนชางหรงโหวต่อจากนี้จึงตกลงสู่วันเวลาอันเงียบสงบไประยะหนึ่ง
แม้จะเป็เพียงเปลือกนอกก็ตาม
“อะไรนะ?! นายท่านไปหาอนุห้าอีกแล้วหรือ?!” อนุรองยากที่จะรับความจริงนี้ได้ นางกัดฟันด้วยความโกรธแค้น ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว ท่านโหวยังปฏิบัติกับอนุห้าเป็พิเศษอยู่อีก!
“อี๋เหนียง วันนี้ทุกคนต่างก็เคร่งเครียด กระทั่งฮูหยินก็ยังไม่กล้าส่งเสีย” มีเพียงตอนอยู่ในห้องของตนเท่านั้นหลิ่วอวิ๋นหลี่ถึงจะกล้าพูดจาเช่นนี้
“หลังจากคุณชายสามถูกส่งไป ฮูหยินยังจะกล้าหายใจแรงอีกหรือ? ส่วนนังแพศยานั่นก็โชคดีไปเสียได้!” อย่างไรก็ช่างเถิด อนุห้าเป็ที่โปรดปรานมากี่ปีแล้ว? จนตอนนี้นางก็ยังไม่มีทายาท ทว่าเมื่อคิดไปคิดมา นางก็เริ่มกังวลว่าท่านโหวจะรับอนุคนใหม่เข้าจวน ในใจยิ่งรู้สึกมืดมน
“อี๋เหนียงเ้าคะ หากรออยู่อย่างนี้ไม่ดีแน่ ไม่แน่ว่าอนุห้าอาจจะใช้วิธีการอะไรมาล่อลวงท่านโหว หลายวันนี้อี๋เหนียงต้องแต่งกายให้งดงามเสียหน่อยนะเ้าคะ!”
เมื่ออวิ๋นหลี่พูดถึงอนุห้า จึงคิดได้ว่าเมื่อก่อนท่านโหวก็ชื่นชอบการร่ายรำของนาง เช่นนั้นคืนนี้...
อนุห้าราวกับมีเคล็ดลับอยู่ นางสามารถหาโอกาสร่ายรำต่อหน้าท่านโหวได้จริงๆ คืนนี้ชางหรงโหวจึงพักอยู่ที่เรือนของนางตามคาด
ยามดึกอันเงียบสงัด เงาร่างสีดำร่างหนึ่งเข้าไปในเขตเรือนไผ่
“คุณหนูหก”
อนุห้าในวันนี้สีหน้าไม่เลว อวิ๋นซูยิ้มบางๆ แล้วเดินนำนางเข้ามาในห้อง
“ไม่ได้มาเสียนานเลย คุณหนูหกจะตำหนิข้าหรือไม่?”
ั้แ่คืนแรกที่หลิ่วอวิ๋นฮั่นกลับมาและก่อเื่ใหญ่โต อนุห้าก็ไม่ได้มาที่เรือนไผ่อีกเลย อวิ๋นซูไม่กังวลที่นางเว้นระยะกับตน เนื่องจากวันนั้นได้พบกับนางหน้าเขตเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า จึงได้รู้ว่านางกังวลว่าตนจะถูกคุณชายสามรังแก จึงเสี่ยงอันตรายที่จะถูกพบและวิ่งมาเพื่อ้าบอกฮูหยินผู้เฒ่าโดยเฉพาะ
อวิ๋นซูคิดว่าพันธมิตรของนางคนนี้ไม่เลวเลย
“สองวันนี้ ข้ารู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยสบาย”
อนุห้าขมวดคิ้ว ความรู้สึกเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทว่ากลับทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก
อวิ๋นซูหยิบหมอนใบเล็กอันคุ้นเคยออกมา อนุห้าสูดลมหายใจลึกแล้วจึงวางแขนลงไป
เพียงไม่นาน ใบหน้าของผู้เยาว์ก็ปรากฏความประหลาดใจออกมา “อี๋เหนียง ท่าน...”
อีกฝ่ามองนางอย่างตึงเครียด “ไม่ใช่ว่า...”
“มีเื่มงคลแล้ว!”
เป็เช่นนจริง! คำพูดของอวิ๋นซูไม่เคยผิดพลาด อนุห้าแย้มยิ้มอย่างดีใจ จากนั้นจึงกลายเป็ความกังวล ดวงตาของนางแดงก่ำ มือแตะที่ท้องของตนเบาๆ
ลูกของนาง... เว้นว่างไปสามปี นางมีลูกแล้ว...
“เพียงแต่...”
“เพียงแต่อะไร?” อนุห้าเครียดขึ้นมาอีกครั้ง ลูกคนนี้มีความหมายกับนางมาก
“ดูเหมือนครรภ์จะไม่มั่นคง ในสามเดือนแรกอี๋เหนียงต้องระวังเป็พิเศษ” คำพูดของอวิ๋นซูแฝงไปด้วยความหมาย ทว่าอนุห้ากลับกังวลถึงเื่อื่น “เื่นี้ ปิดบังท่านโหวไว้จะดีกว่าหรือไม่?”
“เพราะเหตุใด?”
“ข้ากังวลว่า คนบางคนจะไม่ยอมให้ข้าคลอดเด็กคนนี้ออกมา”
“เช่นนี้ก็ยิ่งต้องให้ท่านโหวทราบ” คำพูดของอวิ๋นซูทำให้อนุห้าเกิดความขัดแย้งในใจ นางคิดไปถึงลูกคนแรกของตน มิใช่ว่าให้ท่านโหวทราบไม่นานก็...
“ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว”
คุณหนูคุณชายในจวนโหวล้วนเติบโตกันหมดแล้ว ชีวิตของทายาทคนใหม่นี้จึงมีความหมายต่อฮูหยินผู้เฒ่าและท่านโหวเป็อย่างมาก หากท่านโหวทราบจะต้องดูแลอนุห้าอย่างดีแน่นอน แต่หากมีเพียงตนเอง อวิ๋นซูก็ไม่กล้ารับประกันว่านางจะทำได้โดยไม่มีช่องโหว่
“คุณหนูหก ให้ข้า...คิดดูสักหน่อยเถิด” เื่นั้นได้ทิ้งเงามืดเอาไว้ในใจของอนุห้าอย่างไม่อาจลบเลือนได้
เมื่อกลับไปถึงเรือนตนเองอย่างระมัดระวัง อนุห้าก็เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดทารกที่นางซ่อนไว้หลายตัวออกมา แสงเทียนริบหรี่ส่องระเรื่อ นางมิอาจนำตนเองเข้าสู่การหลับใหลได้เลย
วันต่อมา
อวิ๋นซูยังคงมาฝังเข็มให้ฮูหยินผู้เฒ่าตามปกติ ไม่นานชางหรงโหวก็เดินเข้ามา
นางคารวะอย่างช้าๆ “ท่านพ่อ”
“อืม”
สายตาของชางหรงโหวตกอยู่บนเข็มเงินแถวหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ ฮูหยินผู้เฒ่าส่งสายตาให้อวิ๋นซู นางจึงถอยหลังออกไปเงียบๆ
“ท่านมาด้วยเหตุใดหรือ?”
“ท่านแม่ อวิ๋นซูรู้วิชาแพทย์หรือ?” เขามองไปยังทิศทางที่สตรีผู้นั้นเดินจากไป ไม่รู้ว่าทำไม ชางหรงโหวจึงมีความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในใจ
“ใช่แล้ว อย่าเรียกว่ารู้วิชาแพทย์เลย ควรจะเรียกว่าเชี่ยวชาญวิชาแพทย์จะดีกว่า” ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าร่างกายของตนดีขึ้นอย่างชัดเจน มีอวิ๋นซูคอยดูแล ระยะนี้นางก็ไม่เจ็บป่วยอีก
เมื่อมองอารมณ์บนใบหน้าของชางหรงโหว ฮูหยินผู้เฒ่าก็เข้าใจทันทีว่าเขากำลังคิดอะไร
“ั้แ่เล็กก็อยู่กับหมอชาวบ้านคนนั้น ได้ฟังได้มองก็คงเรียรู้มาบ้าง ยิ่งกว่านั้นเด็กคนนี้ฉลาดนัก อยากเรียนอะไรจะเรียนไม่สำเร็จเชียวหรือ?”
น้อยครั้งที่ท่านโหวจะเห็นมารดาของตนพูดชมใครเช่นนี้ “ท่านแม่ชอบอวิ๋นซูมากเลยนะขอรับ”
“ฮ่าๆ เด็กคนนี้ถูกใจข้ามาก”
พูดเช่นนี้หมายความว่าอวิ๋นฮว๋าไม่ถูกใจท่านแม่แล้ว? ท่านโหวหัวเราะ “อีกสองเดือนก็จะมีงานคัดเลือกสนม แต่ก่อนหน้านั้นจะมีงานเลี้ยงรับรอง ข้าคิดจะพาอวิ๋นฮว๋าไปด้วย”
เมื่อกล่าวถึงหลิ่วอวิ๋นฮว๋า ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าพลันหม่นหมอง แต่นางก็มีท่าทีไตร่ตรอง “เช่นนั้นก็พาอวิ๋นซูไปด้วยเถิด”
“ขอรับท่านแม่”
เด็กคนนั้น สามารถดึงฮูหยินผู้เฒ่าที่จู้จี้จุกจิกให้อยู่ข้างนางได้ ชางหรงโหวเริ่มรู้สึกสนใจเด็กที่ถูกส่งไปเติบโตนอกจวนั้แ่เกิดคนนี้ขึ้นมาเสียแล้ว
อวิ๋นซูกลับมาถึงห้อง นึกไปถึงแววตาของชางหรงโหว ในใจพลันรู้สึกว่าชายคนนี้มีความร้ายกาจซ่อนอยู่
อย่างไรเสียต่อให้เขาสงสัยในฐานะของตนก็ไม่มีประโยชน์ เพราะร่างกายนี้ก็คือหลิ่วอวิ๋นซู เขาจะคิดถึงเื่ประเภทยืมศพคืนิญญาได้เชียวหรือ?
ตอนนี้เอง ชุ่ยเอ๋อร์เดินมาเบื้องหน้าของหลิ่วอวิ๋นซูอย่าร้อนรน “คุณหนู เมื่อครู่อนุสองมาหาบ่าวอีกแล้วเ้าค่ะ!”
“...”