เดิมทีหลิ่วจิ้งก็งดงามชวนหลงใหลอยู่แล้วยิ่งยามนี้นางพูดไปแย้มยิ้มไปอย่างอ่อนหวาน ดวงตาสุกใสฟันขาวเรียงสวย ดั่งดอกไม้ตูมกำลังเบ่งบานทำเอาบุรุษมากมายที่หยุดเหลียวมองพากันเกิดกิเลสอยากได้นางมาโอบไว้ในอก
“หลีกทางๆ” ชายหน้าตาหล่อเหลาในชุดหรูหราที่มีผู้ติดตามหลายคนรอบตัวแหวกผู้คนเข้ามาอยู่ข้างตัวนาง
“สาวน้อยไม่คุ้นหน้าผู้นี้มาจากที่ใดกัน รูปโฉมงดงามปานนี้เหตุใดคุณชายเช่นข้าจึงไม่เคยพบมาก่อน” ชายชุดหรูหราพูดพลางเอื้อมมือมาโอบนาง
หลิ่วจิ้งไม่ได้ตั้งตัว ถูกโอบเข้ามาอยู่ในอกของชายชุดหรูหราในชั่วอึดใจเดียว
เห็นได้ว่าชายชุดหรูหราผู้นี้คงวางอำนาจบาตรใหญ่จนเคยตัวพอรวบตัวหลิ่วจิ้งเข้ามาในอกก็ก้มหน้าลงจะจูบนางทันใด
ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนหลิ่วจิ้งเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นกำลังจะจูบริมฝีปากนาง แต่จู่ๆ กระบี่ที่ยังไม่ออกจากฝักก็เข้ามากั้นกลางระหว่างริมฝีปากของทั้งสองคนทำให้ชายในชุดหรูหราจูบลงไปบนฝักกระบี่แทน
เสียงหัวเราะดังลั่นจากทั่วทิศดังขึ้นมาทันใด
“มันผู้ใดไม่อยากมีชีวิตอยู่ถึงได้กล้ามาก่อกวนข้าเช่นนี้”ชายในชุดหรูหราอับอายจนเกิดโทสะ เงยหน้าขึ้นมองหาเ้าของกระบี่
แต่ชั่วพริบตานั้น หญิงงามในอ้อมแขนเขาก็เข้าไปอยู่ในอกของชายอีกคนเสียแล้ว
ชายในชุดหรูหรากำลังจะอาละวาดแต่เมื่อเห็นใบหน้าที่มีดวงตาเปี่ยมด้วยโทสะคู่นั้น เขาก็เหี่ยวยวบเป็ต้นรังกะแท้[1] ต้องน้ำค้างแข็ง หมดเรี่ยวแรงลงทันใด
“ลี่เฟยคารวะท่านอาขอรับ” ชายในชุดหรูหรายืนเชื่อง ไม่กล้าพูดเสียงดัง
“เห็นแก่ที่เ้ายังไม่เคยทำความผิดใหญ่หลวงมาก่อนกลับไปกักบริเวณสิบวัน ในระหว่างสิบวันนี้อย่าให้ข้าเห็นเ้าออกจากเรือน หาไม่…”
หั่วอี้แสยะยิ้มด้วยความโกรธแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นกลับทำให้ชายที่เรียกตนเองว่าลี่เฟยเย็นวาบไปทั้งหลัง
“ขอรับๆๆ ลี่เฟยจะกลับไปทันทีภายในสิบวันนี้จะไม่ก้าวเท้าออกจากเรือนแม้ก้าวเดียวเลยขอรับ”
สิ้นคำ เขายังแอบมองหลิ่วจิ้งอีกหลายหนจึงค่อยหันหน้าจากไปคนติดตามจึงพากันรีบตามเขาไปด้วย
จนพวกเขาเดินไปไกลแล้ว เฉินลี่เฟยจึงเรียกเด็กรับใช้คนหนึ่งเข้ามาหา “ไปสอบความดูอย่างระวังว่าสาวน้อยผู้นั้นอยู่ที่ใด”
“ขอรับ คุณชาย” จนเด็กรับใช้ที่รับคำสั่งเดินไปแล้วเฉินลี่เฟยจึงเดินหน้าดำคร่ำเครียดกลับเรือน
“องค์หญิงไม่ใใช่หรือไม่เ้าหนุ่มนั่นอาศัยว่าบิดาเป็ขุนนางโหวขั้นเอกของแคว้นชางอี้ชอบอวดดีโอหังจนเคยตัว ดีที่ไม่มีเื่ใด”
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ…”
หลิ่วจิ้งยังคงใจเต้นตูมตามไม่เป็จังหวะ ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ดั่งอีกฝ่ายเป็มีดส่วนตนเป็ปลาบนเขียงเมื่อครู่นี้เตือนสตินางอีกครั้งว่าตนจะต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้น หากเมื่อครู่ไม่มีท่านแม่ทัพอยู่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต้องหนักหนาจนคาดไม่ถึงเพราะนางรู้ว่ามิใช่ทุกคนในแคว้นชางอี้จะไว้หน้าท่านแม่ทัพ
เวลานี้ดวงตาชั่วร้ายทั้งคู่ของผู้สำเร็จราชการกำลังฉายแวววูบวาบอยู่ในสมองของหลิ่วจิ้งหากคนที่มาเมื่อครู่เป็คนของผู้สำเร็จราชการ นางจะยังโชคดีเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่
หากเป็คนของตนเอง ก็นับว่าเป็อำนาจของตนเป็ความคิดที่ปรากฏขึ้นในความคิดของหลิ่วจิ้งยามนี้ทว่าต้องทำเช่นใดจึงจะสามารถมีกำลังคนของตนเองได้
หลิ่วจิ้งกำลังใคร่ครวญครอบคลุมไปหลายเื่อย่างออกรสออกชาติ
หั่วอี้เห็นหลิ่วจิ้งไม่พูดไม่จา ยังนึกว่านางใจนขวัญกระเจิงเขาจึงบีบมือหลิ่วจิ้งไว้แน่น “องค์หญิง พวกเราไปหาเหลาสุรา ทานอาหารเย็นพักผ่อนสักครู่ก่อนเถิด”
หลิ่วจิ้งจึงเพิ่งสะดุ้งรู้ตัวขึ้นมาว่านางยังคงอยู่ในอ้อมกอดของหั่วอี้นางรีบดึงตัวออกมาและพยักหน้าให้หั่วอี้ทั้งสีหน้าเขินอาย เป็ทีว่านางเห็นด้วย
หั่วอี้เข้าไปจับมือหลิ่วจิ้งอีกครั้ง พานางเดินไปข้างหน้า
“ตั้งนานแล้ว พี่ใหญ่เหตุใดพวกท่านยังมัวร่ำไรอยู่ที่นี่อีก?”
กลับได้พบกับอาเหมิ่งต๋าอีกหน เมื่อครู่นี้เขาไม่พอใจที่เห็นหั่วอี้มอบเครื่องประดับอัญมณีล้ำค่าให้หลิ่วจิ้งจึงเดินล่วงหน้าไปก่อนอย่างไรเสียถนนสายนี้ก็เป็เส้นตรง หากทั้งสองไม่เดินย้อนกลับไปที่จวนก็จะต้องเดินตามถนนไปข้างหน้าฉะนั้นเมื่อเขาเดินล่วงหน้าไปก่อน แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่เห็นพวกของท่านแม่ทัพจึงได้ย้อนกลับมาหา
“พวกเราไปทานอาหารที่เหลาวั่งเซียน [2] ก่อนค่อยมาคิดกันว่าตกกลางคืนจะทำสิ่งใดต่อไป”
หั่วอี้บอกกล่าวแผนการลำดับถัดไปของพวกเขาแก่อาเหมิ่งต๋า
“ดี ข้าหิวตั้งนานแล้ว เมื่อครู่ก็อดทนมาตลอด ความคิดนี้ดีนัก พอคิดถึงกุ้งเมา[3] ของที่เหลาวั่งเซียนขึ้นมาก็ทำเอาน้ำลายไหลแล้ว ข้าจะไปสั่งอาหารก่อน”
อาเหมิ่งต๋าว่าพลางวิ่งปรี่ล่วงหน้าไปยังเหลาวั่งเซียน
หลิ่วจิ้งอดงงงันไม่ได้ อาเหมิ่งต๋าในยามนี้เหมือนกับเด็กคนหนึ่งก็มิปาน
เหลาวั่งเซียนก็ไม่ได้ไกล เดินไปสักพักพวกเขาก็มาถึงแล้ว
“ท่านแม่ทัพมาแล้ว เชิญชั้นบนขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ตาไวรีบเข้ามาต้อนรับนี่คือที่ที่ท่านแม่ทัพมาเป็ประจำ ไม่จำเป็ต้องมากความ
รอจนพวกเขาขึ้นชั้นบน อาเหมิ่งต๋าก็เลือกห้องส่วนตัวและสั่งอาหารเอาไว้เสร็จสรรพแล้ว
หั่วอี้เรียกเสี่ยวเอ้อร์ให้นำรายชื่ออาหารมา “องค์หญิงโปรดดูท่านอยากทานสิ่งใด”
หลิ่วจิ้งรู้สึกอบอุ่นใจต่อความเอาใจใส่ของหั่วอี้แต่กลับพูดไปคำหนึ่งว่า “ตามสบายเถิด ข้าเพิ่งเคยมา ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดอร่อยบ้างให้ท่านแม่ทัพตัดสินใจเป็พอแล้วเ้าค่ะ”
เื่อาหารการกิน หลิ่วจิ้งกลับไม่ได้เลือกกิน ของพื้นๆทั่วไปล้วนทานได้หมด นางจึงไม่อยากสั่งอาหารเฉพาะของตนเองอีก
แต่เมื่อนางเห็นอาเหมิ่งต๋ากลอกตาขาวด้วยท่าทีไม่พอใจจึงเกิดอารมณ์จะยั่วโมโหเขาขึ้นมาั้แ่ตอนที่ออกจากจวนก็อยากหาโอกาสแกล้งเขาอยู่แล้ว นางเกือบลืมไปเสียได้
หลิ่วจิ้งจึงเรียกเสี่ยวเอ้อร์ที่กำลังจะออกจากห้องไปกลับมา
“เสี่ยวเอ้อร์ เ้าช่วยเอารายชื่ออาหารให้ข้าดูหน่อย จู่ๆก็รู้สึกว่าท่านแม่ทัพแนะนำดีนัก ให้ข้าดูว่ามีอาหารพิเศษใดบ้างจะได้ลิ้มลองของใหม่ๆ”
หลิ่วจิ้งจงใจไม่ไปมองอาเหมิ่งต๋าที่เอาแต่กลอกตาขาวมองบนไม่หยุดหย่อนรับรายการอาหารมาจากเสี่ยวเอ้อร์ หลังจากตั้งใจดูแล้วก็สั่งกระดูกหมูเปรี้ยวหวานรังนกตุ๋น ขนมอบลูกผิง [4] ลำไยแห้งแช่อิ่มซึ่งเป็อาหารที่มีรสหวานเพิ่มอีกสี่จาน
“นายท่านขอรับ จะไม่ตัดอาหารที่สั่งไปก่อนหน้าออกสักหน่อยหรือขอรับอาหารเหล่านี้ทานกันสามท่านออกจะมากไปนะขอรับ”เสี่ยวเอ้อร์ยังอยากช่วยพวกเขาประหยัดลงสักหน่อย
“มากหรือ? ถ้ามากไปก็ตัดพวกอาหารทะเลออกก็แล้วกัน ข้าไม่ชอบกินอาหารทะเล”หลิ่วจิ้งตอบเสี่ยวเอ้อร์ไปอย่างขี้เล่น ก่อนหันดูว่าหั่วอี้จะพูดอย่างไร
หั่วอี้มองนางด้วยความรักหลงเขาเคยเห็นท่าทีขี้เล่นเช่นนี้ของหลิ่วจิ้งมาก่อนเมื่อใดกัน ในใจกระวนกระวายนักอยากให้เวลานี้พวกเขาอยู่กันเพียงลำพังเสียเหลือเกินเขาจะได้ลองลิ้มรสหอมหวานของหญิงงามเสียให้หนำใจ
“เอาเช่นที่องค์หญิงว่า ตัดพวกอาหารทะเลออกไปเถิด” สิ้งเสียงของหั่วอี้เสี่ยวเอ้อร์ก็รับคำเตรียมจะออกไป แต่ครานี้อาเหมิ่งต๋ากลับร้อนรนขึ้นมา
“ไม่ได้ ข้ามาที่นี่ก็เพื่อมากินกุ้งเมา อาหารจานนี้ตัดออกไม่ได้”อาเหมิ่งต๋ายืนกราน
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องตัดกุ้งเมาออก อาหารทะเลนอกเหนือจากนั้นล้วนตัดออกก็แล้วกัน”เมื่อได้รับคำสั่งจากท่านแม่ทัพ เสี่ยวเอ้อร์จึงเปลี่ยนรายการอาหารที่สั่งแล้วเดินจากไป
หลิ่วจิ้งเกือบจะหัวเราะออกเสียงเสียแล้วเมื่อเห็นท่าทางเดือดดาลของอาเหมิ่งต๋าแต่นางก็พยายามกลั้นเอาไว้อย่างยากลำบาก
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] รังกะแท้ หรือ Kandelia candel เป็ต้นไม้ที่ชอบอยู่ริมคลองที่ปากแม่น้ำใกล้ทะเลที่มีน้ำจืดมาเจือปนเป็เวลานานโคนต้นเป็พูพอนต่ำ รากแช่น้ำแต่ไม่มีรากค้ำยัน เป็พืชวงศ์เดียวกับโกงกาง
[2] วั่งเซียน แปลว่า ยลเซียน
[3] กุ้งเมา เป็อาหารที่คล้ายกับกุ้งเต้นของไทย เป็กุ้งเป็ๆแช่เหล้าเติมเครื่องปรุง แต่จะใช้กุ้งที่มีขนาดใหญ่กว่ากุ้งฝอยของไทย
[4] ลูกผิง คือ แอปเปิ้ล
