อวิ๋นโส่วจง้าทำความสะอาดาแและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กหนุ่ม อวิ๋นฉี่เยว่จึงจูงมืออวิ๋นเจียวออกจากห้องไป
โชคดีที่ระยะทางจากเมืองหลวงกลับบ้านเกิดนั้นยาวไกล อวิ๋นโส่วจงจึงเตรียมยาและผ้าพันแผลมาด้วยเผื่อเหตุฉุกเฉิน ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้เขาเคยทำงานเป็คนคุ้มกันบ้านมาก่อน จึงมีความรู้เื่การทำแผลอยู่บ้างเล็กน้อย ดังนั้นการช่วยทำแผลให้เด็กหนุ่มจึงไม่ใช่เื่ลำบากนัก
หลังจากเขาออกมา อวิ๋นเจียวก็รีบเข้าไปถามว่า “ท่านพ่อ เขาเป็อย่างไรบ้างเ้าคะ?”
อย่างไรเสียก็เป็ถึงชีวิตคนหนึ่งชีวิต อายุยังน้อยก็ได้รับาเ็สาหัสเช่นนี้ แค่มองดูก็รู้สึกใจหาย
อวิ๋นโส่วจงพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “าแทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว แต่เขากำลังเป็ไข้ ไม่รู้ว่าจะอดทนไปได้หรือไม่”
เป็ไข้? นั่นก็หมายความว่าแผลติดเชื้อแล้วน่ะสิ!
แม้ว่าอวิ๋นเจียวจะเป็พนักงานที่ทำงานด้านเอกสาร แต่ที่ทำงานของนางคือโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่ง เวลาปกติจึงได้ซึมซับความรู้ทางการแพทย์มาบ้าง ประกอบกับนางเป็คนน่ารักและเข้ากับคนง่าย เหล่าแพทย์และพยาบาลจึงมักจะสอนเื่ต่างๆ ให้นางอยู่เสมอ
เมื่อาแติดเชื้อก็ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ! ในยุคโบราณการแพทย์ยังไม่พัฒนา ยาจีนแผนโบราณออกฤทธิ์ช้า อย่างเช่นการรักษาอาการอักเสบ ยาจีนให้ผลลัพธ์ที่แย่กว่ายาปฏิชีวนะมาก นี่จึงเป็สาเหตุที่ทำให้ในยุคโบราณ ต่อให้เป็าแเล็กๆ หรืออาการป่วยเพียงเล็กน้อยก็อาจคร่าชีวิตผู้คนได้อย่างง่ายดาย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นเจียวจึงรีบเข้าไปดูเด็กหนุ่มในห้อง เด็กหนุ่มดูเหมือนจะมีอายุราวๆ สิบเอ็ดสิบสองปี ใบหน้าแดงก่ำผิดปกติ เขามีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา คิ้วเข้มดวงตาคมสวยดั่งภาพวาด ดวงหน้าของเขาประณีตงดงามทุกสัดส่วน หากหนุ่มรูปงามเช่นนี้ต้องมาตายจากไป คงเป็เื่ที่น่าเสียดายยิ่งนัก!
อวิ๋นเจียวเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเขา ััได้ถึงอุณหภูมิที่ร้อนจัด คาดว่าน่าจะประมาณสามสิบเก้าองศา
อวิ๋นฉี่เยว่เห็นน้องสาวเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเด็กหนุ่ม ใบหน้าก็บึ้งตึงทันที “เจียวเอ๋อร์ เขาเป็ผู้ชายคนอื่นนะ!”
แม้ว่าแคว้นต้าเยี่ยจะไม่ได้เคร่งครัดกับผู้หญิงมากนัก แต่การััทางร่างกายระหว่างชายหญิงที่ไม่รู้จักกันก็ยังคงเป็สิ่งต้องห้าม
อวิ๋นเจียวกลับไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะจะอย่างไรจิติญญาของนางคือสาวโสดวัยยี่สิบหกปี ต่อให้เด็กหนุ่มคนนี้จะหน้าตาดีเพียงใด ในสายตาของนาง เขาก็เป็แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น
“พี่ใหญ่ เขาตัวร้อนมากเลยเ้าค่ะ!”
อวิ๋นฉี่เยว่เอ่ย “ท่านพ่อบอกแล้วไงว่าเขากำลังเป็ไข้”
พูดจบอวิ๋นฉี่เยว่ก็ดึงอวิ๋นเจียวออกไปข้างนอก หลังจากอากุ้ยกลับมาถึงบ้าน ก็ได้รับคำสั่งจากฟางซื่อ จึงเข้าไปดูแลเด็กหนุ่มแทน
อวิ๋นโส่วจงเรียกลูกๆ ทั้งสามคนมาอยู่รวมกัน ก่อนจะกำชับว่า “เื่ที่พวกเราช่วยชีวิตคนคนหนึ่งไว้ ห้ามพูดออกไปเด็ดขาด ส่วนสาเหตุพวกเ้าก็ไม่ต้องถามแล้ว”
แม้ว่าพี่น้องทั้งสามคนจะสงสัยอยู่ในใจ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าควรทำอย่างไร เมื่อเห็นอวิ๋นโส่วจงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จึงพยักหน้ารับปากเป็เสียงเดียวกันอย่างจริงจัง
ฟางซื่อขมวดคิ้วเรียกอวิ๋นโส่วจงเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตูพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ “ทำไมท่านถึงกล้าพาใครก็ไม่รู้กลับมาในบ้านด้วยเล่า?”
อวิ๋นโส่วจงตอบ “นี่มิใช่ชีวิตคนหนึ่งชีวิตหรือ หากปล่อยให้ตายต่อหน้าต่อตา ข้าไม่อาจปล่อยให้ความรู้สึกผิดติดค้างอยู่ในใจได้!”
ฟางซื่อกล่าว “ดูจากเสื้อผ้าที่เด็กคนนั้นสวมใส่ เห็นได้ชัดว่าฐานะไม่ใช่คนธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีาแถูกมีดแทง ท่านช่วยชีวิตเขาก็ไม่ใช่เื่ผิด แต่หาก... หากเื่นี้ทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วยเล่า เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”
าแถูกมีดแทง ฐานะไม่ธรรมดา สิ่งนี้บ่งบอกถึงอะไรเล่า? ไม่ว่าจะเป็ความแค้นหรือแผนการร้าย นางก็กลัวว่าเื่นี้จะทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ในบ้านยังมีลูกๆ อีกสามคน!
อวิ๋นโส่วจงปลอบ “เ้าไม่ต้องกังวลหรอก คงไม่มีเื่อะไร เดี๋ยวข้าจะกลับไปดูอีกรอบ ลบร่องรอยให้หมด”
ฟางซื่อส่ายหน้า “หากเด็กคนนั้นรอดชีวิตก็ดีไป แต่ถ้าเขาตาย พวกเราคงเดือดร้อนกันใหญ่แน่!”
อันที่จริงอวิ๋นโส่วจงก็รู้สึกหนักใจไม่น้อย พอได้ยินฟางซื่อพูดเช่นนี้ เขาก็เริ่มรู้สึกเสียใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอวิ๋นเจียวดังมาจากข้างนอก “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าเข้าไปได้หรือไม่เ้าคะ?”
“เข้ามาเถิด” ฟางซื่อลุกจากเตียงอุ่น เดินไปเปิดประตูรับอวิ๋นเจียว “เจียวเอ๋อร์ มีเื่อะไรหรือ?”
อวิ๋นเจียวยื่นขวดดินเผาในมือให้ฟางซื่อ “ท่านแม่ นี่เป็ยาที่ได้มาระหว่างทางกลับบ้าน ตอนที่พวกเราผ่านอำเภอหลินสุ่ย ข้าไปเดินเล่นแล้วบังเอิญเจอท่านนักพรตคนหนึ่ง เขาขอแลกยาเม็ดขวดนี้กับเงินติดตัวของข้าเ้าค่ะ”
ฟางซื่อเปิดจุกขวดแล้วเทยาออกมาสองสามเม็ด ก่อนจะเงยหน้ามองอวิ๋นโส่วจง จากนั้นก็หันไปมองอวิ๋นเจียว “ยาเม็ดไม่ได้เป็แบบนี้นะ!”
แน่นอนว่าไม่ได้เป็แบบนี้ เพราะนี่คือยาแคปซูล เป็ยาปฏิชีวนะ! ยานี้เป็ยาที่อวิ๋นเจียวซื้อมาจากเถาเป่า เป็ยาปฏิชีวนะที่ไม่ต้องมีใบสั่งยา ปลอดภัย และไม่มีข้อห้ามในการรับประทาน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าว่าท่านนักพรตท่านนั้นไม่น่าจะเป็คนไม่ดีนะเ้าคะ ตอนนั้นข้าเห็นเขาเอาเงินทั้งหมดที่มีช่วยเหลือพี่น้องขอทานชายหญิงคู่หนึ่ง จึงรู้สึกว่าเขาเป็คนดีเลยให้เงินเขาไป ส่วนยาขวดนี้ เขาคงคิดว่ารับเงินข้าไปเปล่าๆ ไม่ได้ จึงมอบให้ข้าเป็การตอบแทน เขาบอกว่าไม่ว่าจะเป็ไข้จากลมหนาว หรือไข้จากาแติดเชื้อ ให้รับประทานวันละสามครั้ง ครั้งละสองเม็ดก็จะเห็นผล ท่านพ่อเองก็บอกว่าพี่ชายในห้องคนนั้นคงต้องรักษาม้าตายเหมือนม้าเป็ [1] ต้องฟังโชคชะตาฟ้าลิขิต เช่นนั้นไม่สู้ให้เขาลองทานยานี้ดูหน่อยล่ะเ้าคะ”
“เ้าเด็กคนนี้ ยาจะกินส่งเดชได้ยังไง?” ฟางซื่อไม่เห็นด้วย
แต่อวิ๋นโส่วจงกลับครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รับขวดยาจากมือของฟางซื่อ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “สิ่งที่เจียวเอ๋อร์พูดก็มีเหตุผล รักษาม้าตายเหมือนม้าเป็ดูก็แล้วกัน! ยิ่งไปกว่านั้นเจียวเอ๋อร์ของเราเป็เด็กมีบุญ นักพรตที่นางเจอไม่แน่ว่าอาจจะเป็ผู้มีวิชาจริงๆ ก็ได้!”
สิ้นประโยคเขาก็เดินออกจากห้อง เพื่อไปป้อนยาให้เด็กหนุ่ม ฟางซื่อถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง เื่ราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้นางกังวลมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
เดิมทีอวิ๋นเจียวคิดว่าตนเองต้องใช้ความพยายามอย่างมาก กว่าจะโน้มน้าวให้อวิ๋นโส่วจงยอมให้เด็กหนุ่มทานยาปฏิชีวนะได้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะเชื่อนางง่ายๆ เช่นนี้
เด็กหนุ่มที่ได้รับาเ็ทำให้ทุกคนในครอบครัวของอวิ๋นโส่วจงพากันเป็กังวล เพราะพวกเขาพาคนกลับมารักษาแล้ว ก็ไม่อยากให้เขาต้องมาตายจากไป
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม อากุ้ยก็รีบวิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องของเด็กหนุ่ม แล้วรายงานกับฟางซื่อและคนอื่นๆ ด้วยสีหน้าดีใจ “นายท่าน ฮูหยิน ไข้ของเด็กคนนั้นลดลงแล้วขอรับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของอวิ๋นโส่วจงและฟางซื่อก็เป็ประกาย ไข้เริ่มลดแล้ว นั่นหมายความว่าเด็กคนนี้คงไม่เป็ไรแล้ว! ทุกคนรีบวิ่งไปดูเด็กหนุ่มด้วยความดีใจ และก็เป็อย่างที่คาดไว้ รอยแดงบนใบหน้าของเขาจางลง
อวิ๋นโส่วจงไม่วางใจ จึงเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเด็กหนุ่มอีกครั้ง คราวนี้อุณหภูมิไม่ร้อนเท่าเมื่อครู่แล้วจริงๆ !
เขาหันไปมองอวิ๋นเจียวด้วยความตื่นเต้น “เจียวเอ๋อร์ นักพรตคนนั้นเป็ผู้มีวิชาจริงๆ ด้วย! เจียวเอ๋อร์ของพวกเรานี่ช่างมีบุญนัก แค่ไปเดินเล่นก็ยังได้พบผู้มีวิชาแถมยังได้รับยามาอีก!”
อวิ๋นฉี่ซานเกาหัว ‘เจียวเอ๋อร์เคยไปเดินเล่นคนเดียวตอนไหน? แล้วนักพรตอะไรกัน?’ เขากำลังจะเอ่ยปากถาม ก็บังเอิญสบตากับอวิ๋นฉี่เยว่เข้าพอดี ทันใดนั้นเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“ฮ่าๆ แน่นอนอยู่แล้วเ้าค่ะ!” อวิ๋นเจียวยิ้ม พูดตามตรงว่าตอนเห็นเด็กหนุ่มได้รับาเ็สาหัส นางก็อดเป็ห่วงไม่ได้ พอเห็นว่ายาปฏิชีวนะออกฤทธิ์แล้ว นางก็เบาใจ
เด็กหนุ่มไม่เคยใช้ยาปฏิชีวนะมาก่อน ดังนั้นฤทธิ์ของยาจึงเห็นผลดีที่สุด ประกอบกับาแที่อวิ๋นโส่วจงได้ทำความสะอาดด้วยเหล้าขาวและยาอย่างดี ตราบใดที่ไม่ติดเชื้อ เขาก็น่าจะฟื้นขึ้นมาในไม่ช้า
ในที่สุด หินก้อนใหญ่ที่ถ่วงอยู่ในใจของทุกคนก็ถูกปลดลง ดังนั้นจึงวางใจมอบหมายให้อากุ้ยเป็คนดูแลเด็กหนุ่ม ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
อวิ๋นเจียวกลับไปที่ห้องของตัวเอง เข้าไปในระบบเถาเป่าเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ แต่กลับพบเื่ไม่คาดคิด คะแนนเถาเป่าของนางอยู่ๆ ก็เพิ่มขึ้นถึงสิบคะแนน!
เชิงอรรถ
[1] รักษาม้าตายเหมือนม้าเป็ 死马当作活马医 เป็สำนวนที่มีความหมายว่าพยายามทำสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่มีโอกาสสำเร็จ หรือเื่ที่รู้ชัดว่าไม่มีความหวังแล้ว แต่ยังลองพยายามเต็มที่