Chapter 30
เปลือกตาสีขาวนวลกะพริบเชื่องช้าสองสามครั้ง และเปิดกว้าง พละกำลังแข็งแกร่งเดินทางกลับมาหาซาตานหนุ่มนามว่าแซ็กคารีอีกครั้ง เขาลุกขึ้นสำรวจร่างกายของตนเองที่าแถลอกหายไป เหลือเพียงรอยเล็กที่ข้อมือข้างขวาซึ่งเคยเป็รอยกัดขนาดใหญ่ กับความเจ็บแสบเล็กน้อยที่สะบักยามกระพือปีก ทุกาแในร่างกายได้รับการเยียวยา
เว้นแต่เขาข้างขวาของแซ็กคารี มือใหญ่เอื้อมจับเขาของตนเองที่เหลือเพียงส่วนโคน ส่วนปลายแหลมคมที่หักปักบนพื้นทรายไม่ไกลนัก น้ำทะเลชะล้างคราบเืของภูตออกจนหมด เขาหยิบมันมาถือเอาไว้เพื่อใช้เป็อาวุธอีกครั้ง
สองเท้าก้าวเดินผ่านชายหาดสีดำ ผ่านต้นไม้รกทึบจนเห็นปากถ้ำหินมืดมิด ซาตานเดินตรงเข้าไปอย่างไม่ลังเล แสงสว่างจากภายนอกสาดส่องด้านในถ้ำ ยิ่งเดินลึกเท่าไรแสงยิ่งมืดลงจนกลายเป็สีดำ แซ็กคารียังคงเดินต่อไปอย่างไม่เกรงกลัวต่อความมืด
กระทั่งซาตานหนุ่มมาถึงใจกลางของถ้ำ แสงสีขาวเป็คลื่นสว่างสะท้อนผนังถ้ำจนเห็นหินย้อยจากเพดาน บางจุดเป็ช่องอุโมงค์ลึกสีดำมืด แซ็กคารีเดินหน้าเข้าหาแสงสว่าง กระทั่งพบหินสูงเป็ทางเดินราวบันไดเดินขึ้นสู่เหนือที่มาของแสงสว่างนั้น ซึ่งบนสุดของผาหินกลางถ้ำ มีเงาสีดำของผู้หนึ่งยืนอยู่
แซ็กคารีก้าวขาตามทางเดิน หยุดยืนนิ่งด้านหลังชายชราผมสีขาวมัดรวบเป็มวยกลางศีรษะ ซาตานคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ก้มหัวทำความเคารพ
“ท่านเทพแห่งความทรงจำ”
เทพชายชราหันหน้ามองซาตานเขาหัก ดวงตาเล็กเหมือนเม็ดถั่วเลื่อนมองเขาสีขาวงดงามในมือของซาตานทันทีด้วยความสนอกสนใจและเก็บซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง แม้เทพแห่งความทรงจำอยู่ห่างไกลจากเมืองเทพมานานแสนนาน แต่รู้ดีว่าเขาของซาตานมีค่ามากเพียงใด และเป็หนึ่งในของสะสมที่เทพอยากได้ไว้
“กล้ามากที่เดินทางมาถึงที่นี่ ภูตของฉันทำเขาของเธอหักน่ะสิ”
แซ็กคารีไม่ตอบ ทำเพียงเงยหน้าขึ้นมองเทพชรา และนำเขาของตนเองซ่อนไว้ด้านหลัง
“ผมอยากได้ความทรงจำคืน”
เทพชราพรูลมหายใจเสียงดัง หันหลังให้ซาตานอีกครั้ง จ้องมองบ่อน้ำที่ส่องแสงสีขาวสว่างไสวอยู่เสมอ แม้เป็บ่อน้ำที่อยู่ในถ้ำไร้สายลมพัดผ่าน ไร้กระแสน้ำขึ้นหรือลง แต่กลับมีคลื่นไหวเป็ระลอก ด้วยความทรงจำหลายล้านเื่ราวที่อัดแน่นอยู่ในนั้นและพร้อมจะวิ่งหาเ้าของหรือผู้ใดก็ตามที่ะโลงในบ่อแห่งนี้
เทพแห่งความทรงจำถูกเหล่าเทพ หรือุ์หลายตนรุกรานแทบไม่เว้นวัน ด้วยพลังกล้าแกร่งในการดึงความทรงจำทิ้ง ย้ำเตือนเื่ราวที่เผลอหลงลืมไป หรือการทวงความทรงจำที่ถูกลบกลับคืน เทพจึงต้องมีภูตคุ้มกันเกาะ เพื่อให้ชีวิตยืนยาวในเกาะลึกลับแห่งนี้สงบสุข
แต่ด้วยอารมณ์ ทั้งเศร้าโศกเสียใจ ทั้งว่างเปล่าโหยหาบางอย่าง ทั้งสงสัยใคร่รู้ ระคนเอาแต่ใจของเหล่าุ์ ทำให้ไม่ว่ามีภูตประจำท้องทะเลคอยปกป้องเกาะมากเพียงใด หรือต้องผ่านอุปสรรคยากเข็ญอีกเพียงไหน ก็พร้อมฝ่าเข้ามาได้อย่างไม่เกรงกลัวความตายอยู่ดี
“เธอคิดว่าความทรงจำที่ถูกลบออกไปแล้วจะทวงคืนได้ง่าย ๆ หรือ”
“ถึงยากแค่ไหน ผมก็อยากได้คืนครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยขอร้องอ้อนวอนด้วยความหนักแน่นและไม่คิดเปลี่ยนใจ เมื่อหันมองซาตานอีกครั้งเทพจึงได้เห็นท่าทีนอบน้อบโดยยังคุกเข่าเคารพและไม่ลุกขึ้นมา
“อดีต… ถึงรู้แล้วก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แน่ใจแล้วเหรอว่าอยากได้คืน… เอเดน กริฟฟิน”
ชื่อในชาติก่อนที่เทพแห่งความทรงจำใช้เรียกเขาบ่งบอกว่าองค์เทพรับรู้เื่ราวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 99 ปีก่อน ด้วยศีรษะใหญ่ที่บ่าของเทพแห่งความทรงจำแบกเอาไว้ทำให้จดจำได้ทุกเื่ราว เอเดน กริฟฟินเคยถูกพาตัวมาที่นี่ด้วยร่างกายไร้สติ ความทรงจำเกี่ยวกับเทพทั้งหมดดึงออกจากร่างทิ้งลงในบ่อแห่งนี้
แซ็กคารี หรือเอเดน กริฟฟินเงยหน้ามองเทพ ดวงตาเป็ประกายระยิบระยับเพราะม่านน้ำตาแห่งความเศร้าโศก แต่กลับแลดูหนักแน่นไปพร้อม ๆ กัน
“ครับ ผมแน่ใจ”
ซาตานที่ยอมเสี่ยงตาย และเสียเขางดงามมีค่าหนึ่งข้างของตนเองมาที่นี่ย่อมไม่ยอมกลับไปมือเปล่า เทพแห่งความทรงจำจึงยอมแม้เตือนถึงความเศร้าโศกที่อาจตามมาแล้วหนึ่งครั้ง เทพมองลงไปในบ่อแห่งความทรงจำ วาดมือเป็วงกลม สายน้ำส่องแสงเกิดคลื่นแรงขึ้น
“โดดลงไป”
แซ็กคารีลุกขึ้นยืน มองสายน้ำเบื้องล่างที่เริ่มกระเพื่อมรุนแรงด้วยหลากหลายห้วงอารมร์ฝังแน่นอยู่ในนั้น เขามองเห็นภาพของตนเองที่มีเส้นผมสีดำสนิทเลือนรางในบ่อ ปลายเท้าสีขาวซีดเกาะอยู่ที่ขอบผา อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นความทรงจำที่ตั้งใจทวงคืนจะหวนกลับคืนสู่เ้าของ
“การรู้อดีต ไม่ทำให้ชีวิตต่อจากนี้ของเธอดีขึ้นหรอกเอเดน” เทพแห่งความทรงจำยังคงเตือนเช่นเดิม
“ไม่ครับ” ซาตานดื้อรั้นไม่ฟังคำพูดของใครตวัดมองเทพ
“ผมไม่ได้้าให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้น”
แต่แซ็กคารีทำเพื่อโจไซอา
ร่างสีขาวซีดนวลทิ้งตัวลงจากผาหินสู่บ่อแห่งความทรงจำที่ส่องสว่าง สายน้ำโอบล้อมกายสีขาวทันทีที่แซ็กคารีตกลงไปราวกับเป็หลายร้อยฝ่ามือฉุดรั้งร่างลงจุดลึกสุดของบ่อ
แซ็กคารีลืมตาใต้สายน้ำเย็นเฉียบ ทุกอย่างเป็สีขาวเจิดจ้าจนมองไม่เห็นสิ่งอื่น และค่อย ๆ มืดลง เกิดเงาดำของผู้คนเดินขวักไขว่รอบตัวเขา ภาพเ่าั้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แต่กรอบรอบนอกยังคงมัวหม่น เท้าสองข้างของเขาเหยียบััพื้น ไร้ซึ่งความเปียกของสายน้ำที่โอบล้อมร่างกาย และกลับมีอากาศหายใจ
ภาพที่แซ็กคารีเห็นชัดเจนทุกอย่าง แต่เขากลับควบคุมร่างกายของตนเองให้ทำในสิ่งที่้าไม่ได้ เช่นเดียวกับที่เขาไม่สามารถแก้ไขเื่ราวในอดีต
ตรงหน้าคือผู้คนที่เขาคุ้นเคย เพื่อนสมัยเรียนปริญญาโทรบเร้าให้เขาดื่มเหล้าในคลับขนาดใหญ่ที่ผู้คนปล่อยร่างกายขยับตามเสียงเพลงอย่างสุดเหวี่ยง แซ็กคารีไม่เข้าใจว่าเหตุใดเทพจึงมอบความทรงจำนี้มาให้ เมื่อเขาจดจำเหตุการณ์วันนี้ได้ดี และมั่นใจว่ามันคือการกินเลี้ยงฉลองปลดปล่อยความเครียดหลังเรียนจบปริญญาโท
กระทั่งรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่คอยจ้องมองอยู่ เขาหันมองที่มา เห็นชายคนหนึ่งบนชั้นสองของคลับ เป็ภาพเลือนรางด้วยระยะห่างมากพอสมควร สวมเสื้อแขนยาวสีขาวเกาะระเบียงเหล็กสีดำ มีเส้นผมสีอ่อนกับสีผิวนวลตา และจ้องมองมาทางเขานิ่งไม่คิดหลบสายตาทำให้ทั้งสองต่างจ้องมองกันอยู่นาน
แรงดึงดูดมหาศาลพาให้เขาเดินขึ้นไปหาชายคนนั้นที่ชั้นสองของคลับ เขาไม่สนเสียงเรียกจากเพื่อน และเดินขึ้นบันไดอย่างไม่ลังเล แต่ชายคนนั้นกลับไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิม จึงต้องมองหาอยู่ครู่หนึ่ง
“แค่จูบเดียว โจไซอา…”
“ไม่”
“ฉันขอร้อง”
โจไซอาเหรอ…
เขาไม่มีเวลาหยุดคิดนานมากนัก เพราะร่างกายเดินเข้าหามุมมืดของชั้นสองทันที จึงได้พบชายคนหนึ่งกำลังพยายามก้มหน้าจูบชายผมสีอ่อน เขารีบเข้าไปห้าม
“เขาบอกว่าไม่”
ชายผู้เกือบถูกปล้นจูบสวมเสื้อแขนยาวสีขาวมุกพลิ้วไหว ขาเรียวยาวสวยอยู่ใต้กางเกงเข้ารูป ผิวกายนวลเนียนสะอาดน่ามอง เส้นผมสีทองหม่นเป็ประกายราวเส้นไหม ส่วนใบหน้าสวยสง่าหมดจดงดงาม หน้าผากเนียนเกลี้ยงเกลา คิ้วโค้งสวย จมูกโด่งเป็สัน ปากสีสดอวบอิ่ม แก้มนวลน่าัั และดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทั้งกลมทั้งเฉี่ยวสวยในเวลาเดียวกัน
ชายคนนี้คือโจไซอา เทพแห่งการร่วมประเวณีครั้งเมื่อร่างกายและใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบ
และความทรงจำนี้คือตอนที่เอเดน กริฟฟินพบกับโจไซอาเป็ครั้งแรก
แม้เป็เพียงครั้งแรก แต่ทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวรุนแรงในอก
ภาพเปลี่ยนไปเป็เหตุการณ์ในงานเลี้ยงวันเกิดของเอเดน กริฟฟินเมื่ออายุครบ 25 ปี เขายิ้มเสแสร้งทำตัวน่าขยะแขยง พูดคุยกับพวกบ้าอำนาจน่ารังเกียจ เขาจำได้แม่นว่าเกลียดงานวันเกิดปีนี้ที่สุดในชีวิต เพราะเป็ปีที่วิลเลียม กริฟฟินประกาศว่าเขาต้องเป็ทายาทสืบทอดกิจการของตระกูลเป็คนต่อไป
ทันใดนั้นความงดงามของชายผมสีทองก็ดึงดูดสายตาของเขาอีกครั้ง แม้อีกฝ่ายร่างเล็กแต่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตาในงานเลี้ยง เขาจ้องมองไม่วางตา เดินตามอีกฝ่ายราวต้องมนต์สะกดให้เดินออกจากงานเลี้ยง วิ่งตามจนถึงสวนของคฤหาสน์
กระทั่งมองเห็นชายผมสีทองหม่นเ้าของใบหน้างดงาม ยืนอยู่กลางศาลาแปดเสาสีครีมหลังคาทรงโดมล้อมด้วยเถากุหลาบส่งกลิ่นหอม ในสวนลึกที่สุดของคฤหาสน์กริฟฟิน
“คุณหาผมเจอได้ยังไง”
“การตามหาเอเดน กริฟฟินมันไม่ยากหรอกนะ”
เสียงของโจไซอาหวานน่าฟัง รอยยิ้มที่ประดับประดาบนใบหน้างดงามขับให้ดูหวานสวยยิ่งกว่าเดิม เป็ดอกไม้อีกหนึ่งดอกในสวนกุหลาบแห่งนี้ที่สะกดสายตาของเขาเอาไว้
“คุณคงไม่ได้มาเพื่อผูกมิตรทางธุรกิจใช่ไหมครับ”
ความกลัวในเหตุการณ์ครั้งนั้นกลับมาหาเ้าของความทรงจำอีกครั้ง ความรู้สึกของการรอคอยลุ้นคำตอบจากโจไซอาด้วยความหวังอย่างสุดหัวใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็พวกบ้าอำนาจที่เขาเกลียด
“เปล่า ฉันมาเพื่อให้ของขวัญ”
เมื่อเสียงหวานน่าฟังเอ่ยจบ เขาจึงยิ้มกว้างปราศจากการเสแสร้งเป็ครั้งแรกในคืนวันเกิด ความทรงจำที่คอยบอกเขาว่าวันเกิดอายุ 25 ปีเมื่อชาติก่อนเลวร้ายที่สุดในชีวิต กลับกลายเป็คืนวันเกิดที่เขามีความสุขที่สุดในชีวิตแทน เพราะเขาได้รับจุมพิตจากชายผมสีทองหม่นรูปงามเป็ของขวัญ
“เป็ของขวัญที่ดีที่สุดในปีนี้เลยครับ”
“รับไปอีกสิ”
ไม่ใช่แค่เพียงหนึ่งจูบ แต่มากเท่าที่เขาเอ่ยขอ น่าเสียดายที่เขาหลงลืมความสุขนี้ไป
“ผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย” เขากระซิบขณะคลอเคลียปลายจมูกอยู่ข้างลำคอระหง
“เฮเซล”
จุมพิตซึ่งเป็ของขวัญวันเกิดที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของเอเดน กริฟฟิน เขากลับลืมมันอย่างง่ายดายเพียงแค่เทพแห่งความทรงจำนำเื่ราวนั้นออกไปจากหัวของเขา
ั้แ่นั้นมาชื่อเฮเซลได้ฝังอยู่ในหัวเอเดน ไม่ว่ายามเพิ่งตื่นนอน หรือยามก่อนที่จะหลับ ทั้งเสียงหวานน่าฟัง กลิ่นหอมเหมือนดอกไม้สีขาว ใบหน้างดงามสวยสง่าจะฉายชัดในความคิดของเอเดน กริฟฟินเสมอ แต่มักมีสิ่งน่ารำคาญขัดขวางพวกเขาไม่ให้อยู่ด้วยกัน ความโหยหาจึงยิ่งเพิ่มพูนขึ้นกลายเป็ความ้ามหาศาล
ภาพตรงหน้ากลายเป็สถานที่โปรดของเขา บนถนนเส้นเงียบสงบแทบไม่มีรถคันใดวิ่งผ่าน ข้างทางมีต้นไม้สีเขียวเรียงราย เขาได้อยู่ในสถานที่โปรดกับโจไซอา ที่ขณะนั้นยังเข้าใจว่าชื่อเฮเซล การเจอกันเพียงสองครั้งทำให้เขาเปิดใจพาอีกฝ่ายก้าวเข้ามาในโลกของตัวเอง
ทั้งสองจูบกันนับครั้งไม่ถ้วน แต่ยังไม่เพียงพอต่อความ้าและแรงดึงดูดที่มี จึงขับรถตามกัน และได้โอบกอดกันบนเตียงอยู่เนิ่นนานโดยไม่มีใครเข้ามาขัดขวาง
ััจากมือเรียวของโจไซอาแตะสันกรามของเขา นิ้วโป้งลูบตามโครงหน้า จ้องมองเขาด้วยสายตาแสดงความหลงใหลไม่ต่างกัน กลิ่นหอมราวดอกไม้สีขาวชักชวนให้เขาซุกไซ้ซอกคอไม่หยุดหย่อน และโจไซอาเชิดคอขึ้นเปิดทางอย่างยินดี
เขาใช้ริมฝีปากจูบตามร่างกาย ไล่จากลาดไหล่ เลื่อนลงต่ำพร้อมกับจับเรียวขาสองข้างแยกออกจากกันช้า ๆ ภาพความทรงจำทุกอย่างชัดเจนจนเขาจมอยู่ในห้วงความสุขยามได้โอบกอดโจไซอา พร้อมกับความคุ้นเคยเกิดขึ้นทุกัั ตอบคำถามที่แซ็กคารีสงสัยมาตลอดว่าความรู้สึกยามได้อยู่ใกล้โจไซอาคืออะไร
เขารักรอยยิ้มของโจไซอา รักดอกไม้ที่กำลังผลิบานพร้อมกลิ่นกายหอมจรุงใจ และรักการพรมจูบทั่วผิวกายนวลเนียนหมดจด เอเดนจับข้อเท้าของโจไซอา วางแนบฝ่าเท้าที่กลางอกขณะจ้องมองร่างกายเปลือยเปล่า
เขาจูบหลังฝ่าเท้า และไล่จูบข้อเท้าเรียวบางด้วยความใคร่รักล้นอก เขาไม่เคยอยากโอบกอดหรือจูบใครมากเท่านี้มาก่อน ภาพความทรงจำซ้อนทับกันเมื่อเขาได้เกิดใหม่อีกครั้ง ซาตานใสซื่อและโง่เขลาจดจำเทพโจไซอาที่ตนเคยรักและหลงใหลไม่ได้ แต่ยังจับลูบข้อเท้าเรียวบางที่ผอมแห้งราวหนังหุ้มกระดูกด้วยความสงสัย ตอนนี้แซ็กคารีรู้แล้วว่าเพราะอะไร
ทั้งสองเคยดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกด้วยกันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แซ็กคารีกลับจำมันไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาเดินทางมาถึงทะเลเงียบสงบแห่งหนึ่งเป็ที่หมายต่อไปในความทรงจำ เท้าััพื้นทรายสีนวล รอบกายเป็แสงสีส้มจากพระอาทิตย์สาดส่องย้อมสีทุกสิ่ง
แสงจากพระอาทิตย์สะท้อนบนคลื่นของน้ำทะเลเกิดภาพความงดงามยิ่งกว่าในสถานที่โปรดของเอเดน เขาออกวิ่งเร็วขึ้น จากพื้นทรายที่เหยียบย่ำอยู่เริ่มเปียก และกลายเป็น้ำทะเลสูงขึ้นจนถึงเอว เอเดนชูมือขึ้นราวจะไขว่คว้าดวงอาทิตย์มาไว้กับตัว แต่มนุษย์ย่อมทำเช่นนั้นไม่ได้ จากนั้นจึงหันมองผู้ที่ยืนมองเขาอยู่บนชายหาด
โจไซอาแย้มยิ้มเอ็นดูและรักใคร่
และรอยยิ้มของอีกฝ่ายในวันนั้น ไม่แตกต่างจากวันที่แซ็กคารีกลับไปที่นั่นอีกครั้งในรอบ 99 ปี
เอเดน กริฟฟิน ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเฮเซลที่เขารู้จักคือโจไซอา เทพแห่งการร่วมประเวณี และได้รู้ว่ายังมีโลกุ์ที่เต็มไปด้วยเื่ราวมหัศจรรย์ซึ่งเขาไม่เคยคิดว่ามีอยู่จริง การรักกับผู้วิเศษและเป็ถึงเทพดูไม่ยากเย็นอะไรนักแม้ต้องปรับตัวกับเื่ไม่คาดคิดหลายอย่าง ความรู้สึกเ่าั้ค่อย ๆ วิ่งกลับมาหาเ้าของพร้อมกับความทรงจำ
เช้าวันหนึ่ง มีผู้หญิงใบหน้าสวยสดงดงามเคาะประตูหน้าบ้าน เส้นผมสีทองหม่นยาวถึงเอว ดวงตาเป็ประกาย แย้มยิ้มสวยราวดอกไม้ผลิบานเหมือนกับโจไซอาไม่มีผิด เมื่อนั้นโจไซอามีท่าทีร้อนรน ดึงแขนของผู้หญิงซึ่งอีกฝ่ายเรียกว่า ‘ท่านแม่’ หลบเข้าห้องนอนเพื่อคุยกันเพียงลำพัง
ในขณะนั้น เอเดน กริฟฟินรู้สึกว่าเขาเป็เพียงคนนอก
แต่ยังไม่มากเท่าคำพูดที่ก่อความกลัวในจิตใจของเขา
“งานแต่งงานของเทพแห่งความฝันครั้งที่ 98 เหรอครับ”
โจไซอาเก็บกระเป๋า รวบของที่จำเป็และเลือกเสื้อผ้าชุดสวยสำหรับสวมไปร่วมงานแต่งงานของเทพผู้เป็เพื่อนสนิท
“ทำไมถึงเป็ครั้งที่ 98 ล่ะครับ”
“หมายถึง ครั้งที่ 1 ถึง 97 ไปไหนใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“จูลิโอมีรสนิยมเหมือนฉัน เขาคบหากับมนุษย์… หมายถึงคนก่อน ๆ ตายไปแล้วน่ะ”
โจไซอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติราวไม่ใช่เื่พิเศษ ดวงตายังจ้องมองชุดเสื้อผ้าที่เก็บใส่ในกระเป๋าถือ อีกฝ่ายจึงไม่ทันเห็นว่าเขาชะงักนิ่งใกับคำตอบ วินาทีนั้นความหวาดกลัวอันร้ายกาจค่อย ๆ เติบโตในหัวใจของมนุษย์โง่เขลานามว่าเอเดน กริฟฟิน
ความกลัวแผ่ขยายรวดเร็วที่สุดในค่ำคืนอันโดดเดี่ยวของเอเดนเมื่อโจไซอาเดินทางกลับเมืองเทพ เขากระวนกระวายไม่อยากอยู่นิ่งเพียงลำพังในบ้านชั้นเดียวของเขาและโจไซอา เขาจึงขี่รถจักรยานยนต์คู่ใจของตนเองไปบาร์ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ร่างกายที่เกลียดและต่อต้านเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์กลับกระดกเบียร์แก้วแล้วแก้วเล่าด้วยความกลัวสุดหัวใจ
ภายในบาร์แห่งนั้นไม่มีใครพูดคุยกับเขา เอเดนได้อยู่กับความคิดของตนเองเพียงลำพัง พร้อมกับแก้วเบียร์เย็นเฉียบในมือ ความมึนเมาเรียกร้องความรู้สึกที่ถูกเหยียบจนมิดให้ออกมาเฉิดฉายและโดดเด่นเหนือความเสแสร้ง เมื่อเอเดนเมา ความคิดเบื้องลึกจึงวนเวียนในหัว
ครั้งแรกในชีวิตที่เขากลัวอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกวินาที และความตาย
เทพรักกับมนุษย์อายุขัยน้อยนิดเพียงกึ่งหนึ่งของ่อายุะ เมืุ่์ผู้นั้นแก่เฒ่าและตายจาก เทพยังคงงดงามไร้ความชรา และอาจตามหารักครั้งใหม่
เอเดนกลัวความตาย กลัวว่าตนเองจะแก่ในขณะที่โจไซอายังงดงามเช่นเดิม และเบื่อเขาไป ดวงตาสีเฮเซลมองเ้าของบาร์ที่กำลังเช็ดแก้วเบียร์ เขาเป็ชายร่างใหญ่พุงยื่น ผมสีขาวเหลืออยู่น้อยนิด มีเพียงศีรษะมันเงาที่เห็นได้ชัด ใบหน้ามีแต่รอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลาและอายุขัย
เอเดนเป็มนุษย์ สักวันหนึ่งเขาต้องแก่หรือกลายเป็ชายพุ่งยื่นไม่น่ามอง แต่โจไซอาเป็เทพที่มีใบหน้าและรูปร่างสมบูรณ์แบบอยู่เสมอ หากสักวันหนึ่งที่เทพเบื่อความชราของเอเดน กริฟฟิน เขาจะเป็เพียงตาเฒ่าผู้โดดเดี่ยว หากสักวันหนึ่งที่เขาตายจาก โจไซอาอาจเสียใจและตามหารักครั้งใหม่
เอเดนจะเป็แค่คนรักคนหนึ่งในชีวิตเท่านั้น อาจเป็คนที่ 1 หรืออาจเป็คนที่ 90 ซึ่งไม่ได้สำคัญกับชีวิตของโจไซอามากเท่าที่โจไซอาสำคัญต่อเขา
ความกลัวคืบคลาน กลืนกินทุกความรู้สึก แผ่ขยายไปทุกอณูร่างกายของเอเดน
ทำให้เขาคิดเื่การโกหก
ความทรงจำที่ขาดหายของเอเดนเดินทางมาถึงบ้านสีฟ้าที่เขาคุ้นเคย ความกลัวของเขายังไม่จางหายไปแม้โจไซอากลับมาหา เขาจึงหลีกหนีความจริงไปพักจิตใจที่บ้านพักคนชราคามิเลีย ที่ที่เขามักมาเยี่ยมเสมอเมื่อรู้สึกทุกข์จนจัดการความรู้สึกของตัวเองไม่ได้
เขานั่งคุยเล่นกับคุณยายลิลลี่อยู่นาน นั่งข้าง ๆ ให้ผิวกายแนบชิดกับความอบอุ่นของเธอเหมือนกับเมื่อตอนเป็เด็กตัวเล็ก ๆ
“ชักจะหนาวแล้วสิ ปิดหน้าต่างให้หน่อยนะเอเดน”
“ครับ” เขาลุกจากโซฟาในห้องนั่งเล่นชั้นสอง เพื่อปิดหน้าต่างไม้บานเก่า ๆ ที่ต้องใช้แรงมากพอสมควรในการเปิดและปิดด้วยอายุการใช้งานเกินกำลัง
ระหว่างที่กำลังดึงรั้งบานหน้าต่างให้ปิดสนิท ดวงตาสีเฮเซลเหลือบเห็นรถหรูสีดำที่ไม่คุ้นตาและไม่เคยเห็นอยู่ในย่านนี้มาก่อน ความหรูหราผิดกับย่านชนชั้นแรงงานเช่นนี้ทำให้โดดเด่นขึ้นมา ทีแรกเขาไม่คิดสงสัย กระทั่งเห็นชายผมสีทองหม่นเปิดประตูลงจากรถ
โจไซอาแอบตามเขามา
อีกฝ่ายยืนพิงรถ พร้อมกับบุหรี่และไฟแช็กในมือ โจไซอาจุดปลายบุหรี่ สูบเข้าปอดแล้วพ่นควันสีเทาออกจากริมฝีปาก
เมื่อถึงเวลากลับ เอเดนบอกลาคุณตาคุณยายทุกคนที่บ้านคามิเลีย ตั้งใจจะเดินทางกลับบ้านและแกล้งทำเป็ไม่รู้ว่าโจไซอาแอบตามมา
ก่อนที่เอเดนจะหยิบหมวกกันน็อกขึ้นสวม เสียงโทรศัพท์ได้หยุดการกระทำของเขา เอเดนไม่แปลกใจเลยที่โจไซอาโทรหาเขาตอนนี้ เขากดรับแม้รู้ดีว่าโจไซอาแอบมองเขาอยู่ด้านหลัง
“งานราบรื่นดีหรือเปล่าเอเดน”
“ราบรื่นดีครับ”
โจไซอาย่อมรู้ดีว่าเขาโกหก แต่เขายังคงโกหกต่อไป
“เพื่อนอยากเลี้ยงมื้อค่ำผมสักหน่อยเพราะไม่ได้เจอกันนานแล้ว ผมคงกลับดึกนะโจ”
เทพโจไซอาพูดถูก เมื่อก่อน เขาเคยเรียกอีกฝ่ายว่าโจ
“อื้ม ขอให้สนุกนะ”
ทั้งสองต่างโกหกกันและกันต่อไป เอเดนจ้องมองรถหรูสีดำสนิทของโจไซอาจากกระจกหลัง อีกฝ่ายขับตามเขาโดยเว้นระยะห่างอย่างแเีจนยากจะรู้ตัว เขามุ่งหน้าไปที่คลับแห่งหนึ่งซึ่งเพื่อนสมัยเรียนเป็เ้าของ ตามข้อความชักชวนจากเพื่อนที่ส่งมาเมื่อวานนี้
เอเดนเดินเข้าไปในคลับ ย่นจมูกเพราะกลิ่นควันจากยาสูบและกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้ง คืนวันนี้ที่คลับจัดงานพิเศษเฉพาะแขกวีไอพี งานเลี้ยงจึงสนุกสุดเหวี่ยงโดยไม่สนสิ่งใดเพราะมีเพียงแขกคนใกล้ชิดในสังคมเดียวกันปราศจากคนนอก
เอเดนไม่คิดอยากมาเมื่อรู้ว่าเป็งานเลี้ยงแบบไหน แต่เขาตัดสินใจมาเหยียบที่นี่เพราะรู้ว่าโจไซอาจะตามเขามา
เขาตามหาโจไซอาจนเจอในระยะเวลาสั้น ๆ อีกฝ่ายโดดเด่นท่ามกลางฝูงคนเช่นเคย เขารีบคว้าแก้วเหล้ารสแรงขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ขมวดคิ้วเพราะเกลียดรสขมและความร้อนที่แล่นผ่านลำคอ จากนั้นทุก ๆ อย่างก็เป็เพียงละครฉากหนึ่งที่เอเดนทำไปด้วยความโง่เขลา
เมื่อเขาแน่ใจว่าดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกำลังมองมาที่เขาไม่ละ เขาคว้าหญิงสาวผมลอนยาวที่ส่งสายตาให้เขามาจูบโดยไม่สนใจว่าเธอเป็คนแปลกหน้า
เขาตั้งใจเป็คนเลวที่สุดในค่ำคืนนี้
เป็คนทรยศมากพอให้โจไซอาเกลียด
‘เอเดน… เอเดน’
เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่อของเขาดังก้อง เขาหมุนตัวเพื่อหาที่มาของเสียงนั้น แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ
‘เอเดน ฮ่า ๆๆ’ เสียงนั้นเรียกชื่อเขาและหัวเราะ แม้จะได้ยินแค่เสียง แต่สามารถรับรู้ถึงความสุขที่เจืออยู่ในนั้นได้
แซ็กคารีที่ท้องโลกของความทรงจำ ระลึกได้ว่าภาพที่เห็นและเสียงในตอนนี้คือความฝันของเอเดน กริฟฟินส่วนที่เทพไม่อาจลบออกไปได้
เสียงเรียกชื่อเอเดนยังดังก้องซ้ำ ๆ ด้วยเสียงหวานของคนเดิม บ้างก็ดังขึ้นตรงหน้า บ้างก็อยู่ทางขวา บ้างก็อยู่ด้านหลัง แต่ไม่ว่าเอเดนจะหันตามเสียงกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเขาก็ไม่พบใครอยู่เลย
ความฝันนี้เลือนรางในความทรงจำ และกลับคืนมาหาแซ็กคารีเมื่ออายุ 25 ปี แต่เขากลับจำไม่ได้ว่าฝันเมื่อไร
‘ได้โปรด… ได้โปรด’
เสียงที่เคยเรียกชื่อเขาแปรเปลี่ยนไปเป็การขอร้องอ้อนวอนด้วยเสียงสั่น เสียงร้องไห้ดังก้องตามมา สะอึกสะอื้นด้วยความเ็ปอย่างน่าสงสาร เอเดนรีบหันหลังตามที่มาของเสียง และพบคนคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่พื้น ก้มหน้าจนไม่รู้ว่าเป็ใคร ไหล่บางทั้งสองข้างสั่นไหว
คนคนนั้นเงยหน้ามองเอเดน
เผยรอยเืที่ไหลเป็ทางจากขอบตาทั้งสองข้าง หยดลงบนพื้นจนทั่วทั้งบริเวณเป็สีแดงสดของเื และยังไหลมากขึ้นเรื่อย ๆ เอเดนพยายามถอยหลังวิ่งหนี แต่ไม่อาจหนีเืมหาศาลที่กำลังเปลี่ยนทุกพื้นที่ให้เป็สีแดง
ผู้ที่อยู่ท่ามกลางกองเืนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็โจไซอา แซ็กคารีถึงได้รู้สึกแปลกประหลาดอย่างอธิบายไม่ได้ยามเห็นเทพโจไซอาพร้อมเืเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าหรือร่างกาย เพราะมันสะกิดความทรงจำในความฝันเลือนรางของเขา
และความฝันนี้ของเอเดน กริฟฟิน เกิดขึ้นในเช้าตรู่ก่อนเขาจะประกาศออกไปว่าไม่รักโจไซอาอีกแล้ว
เขาได้ยินเสียงบางอย่างหล่นลงน้ำแต่ยังนอนนิ่งบนเตียงด้วยความสะลึมสะลือ และสมองที่เฝ้าคิดแต่เื่ร้ายเป็ทุนเดิมบอกว่าต้องรีบลุกไปดูที่สระว่ายน้ำ เอเดนจึงลุกพรวดจากเตียงทันที
เขาตื่นเต็มตาเมื่อเห็นรองเท้าแตะสวมในบ้านของโจไซอาวางอยู่ข้างสระพร้อมร่องรอยหยดน้ำ มนุษย์โง่เขลาะโลงไปในสระว่ายน้ำ ดำดิ่งลงก้นสระมุ่งหน้าหาร่างของโจไซอา คว้าอีกฝ่ายขึ้นจากน้ำให้เร็วที่สุดพร้อมความโกรธตนเองที่ไม่รีบมาให้เร็วกว่านี้ วินาทีนั้นเอเดนเป็ห่วงจนลืมไปชั่วขณะว่าโจไซอาเป็เทพผู้มีชีวิตะ
ความทรงจำต่อจากนั้นน่ากลัวเสียจนแซ็กคารีไม่อยากรับรู้มันอีกต่อไป แต่ไม่สามารถบังคับร่างกายของตนเองได้ และไม่อาจแก้ไขความทรงจำของตนเองได้เช่นกัน เขาอยากหยุดตัวเองที่กำลังเก็บข้าวของหนีจากบ้านหลังนี้ อยากหยุดตัวเองที่กำลังทำให้โจไซอาเสียใจ
“ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง ฉันทำให้เธอเหงาใช่ไหมเอเดน อยู่กับฉันคงทำให้เธอเบื่อ ฉันทั้งทิ้งเธอให้อยู่คนเดียวเป็อาทิตย์…”
เขาอดกลั้นความรู้สึกสุดชีวิต และโกรธที่โจไซอากลับเป็ฝ่ายขอโทษคนโง่อย่างเขา
“เธอจะมีคนอื่นก็ได้ เธอจะไปเที่ยว หรือไปนอนกับใคร ฉันให้เธอทำได้ทั้งนั้นถ้าเธอ้า แต่ฉันขอแค่อย่างเดียวนะเอเดน อยู่กับฉันที่นี่เถอะนะ และอย่าพูดว่าไม่—”
“คุณเป็บ้าไปแล้วเหรอโจไซอา!”
เอเดนทำสำเร็จที่เป็คนเลวและทรยศโจไซอา เพียงแต่อีกฝ่ายไม่ได้เกลียดเขาอย่างที่้า
เมื่อเขาเริ่มตะคอกและแสดงความเกลียดชัง ร่างกายของโจไซอาอ่อนแอลงจนแทบเดินด้วยขาของตนเองไม่ได้ แต่เอเดน กริฟฟินกลับหันหลัง คิดเพียงแต่จะก้าวเท้าออกไปจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด
แซ็กคารีไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองให้หยุดนิ่ง ไม่สามารถเข้าไปโอบกอดโจไซอาได้
“ขอร้อง อย่าพูดว่าไม่รักฉัน”
และไม่สามารถบังคับตัวเองไม่ให้พูดประโยคนี้ออกไป
“แต่ผมไม่ได้รักคุณ”
เอเดนเดินออกจากบ้านของเขากับโจไซอาพร้อมกับกระเป๋าใส่ข้าวของส่วนตัว ไม่แม้แต่จะหันหลังมองอีกฝ่าย การตัดสินใจของตัวเองในชาติก่อนช่างโง่เขลาจนแซ็กคารีโมโห
ภาพสุดท้ายที่เห็น คือเทพอารักษ์กฎที่ใช้พลังอำนาจทำให้เขาหมดสติ
แซ็กคารีระลึกได้ว่าหญิงสาวผมสีทองหม่นนามว่าเฮเซลที่เขาตกหลุมรักก่อนตาย แท้จริงแล้วคือโจไซอาแปลงกายเป็ผู้หญิงเพื่อกลับมาหาเขาอีกครั้ง
ทุกอย่างเป็สีดำสนิท และค่อย ๆ สว่างเจิดจ้าเป็สีขาว
แซ็กคารีรู้สึกถึงสายน้ำเย็นเฉียบโอบล้อมกาย และปิดกั้นการหายใจ แขนสองข้างจึงแหวกว่าย ปีกใหญ่กระพือขยับ กระทั่งร่างกายพ้นขึ้นจากบ่อแห่งความทรงจำ ปีกสีขาวซีดนวลโบยบินพาร่างกายของซาตานขึ้นมายืนบนหินผาสูงกลางถ้ำใกล้กับเทพชรา
สายน้ำความทรงจำจากบ่อไม่ทำให้ร่างกายของซาตานเปียก แต่กลับสร้างม่านน้ำตาบดบังการมองเห็น ขาสองข้างของแซ็กคารีไร้เรี่ยวแรงขัดกับรูปร่างแน่นกล้ามเนื้อของซาตาน เพราะเมื่อความทรงจำทั้งหมดกลับคืนหาเ้าของ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งมากเพียงใดก็กลายเป็ผู้เปราะบางได้ง่าย ๆ
น้ำสีใสไหลออกจากดวงตาสีขาวซีดเช่นเดียวกับผิวกายในที่สุด ซาตานหนุ่มร้องไห้จนตัวสั่นด้วยความโศกเศร้า ราวกับรูปสลักหินอ่อนที่ตั้งอยู่กลางแจ้งและมีสายฝนเทลงมาหา หยดน้ำตาสีใสไหลอาบแก้มสองข้าง หลอมรวมกันที่ปลายคางและหยดลงบนพื้นถ้ำแด่ความโง่เขลาของตัวเขาเอง ซึ่งเป็ต้นเหตุของเื่ราวทั้งหมด
ซาตานเป็เผ่าพันธุ์ที่ขึ้นชื่อเื่ความแข็งแกร่งและพละกำลังมหาศาล ความอ่อนแอเปราะบางจึงเป็สิ่งต้องห้ามของเผ่า น้ำตาเป็ดั่งตราบาปในชีวิต เมื่อร้องไห้คราบน้ำตาจะติดอยู่บนใบหน้าของซาตานตลอดกาล ดั่งรูปสลักหินอ่อนที่มีคราบน้ำเปรอะเปื้อน ความงดงามจึงจางหายไปกลายเป็ความอัปลักษณ์ ซาตานบางตนไม่กลับเผ่าหรือไม่อยู่ในร่างซาตานอีกเลยนับั้แ่ใบหน้ามีคราบน้ำตาแม้เพียงหยดเดียวก็ตาม
เทพแห่งความทรงจำฟังเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น และมองน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าด้วยความสงสาร
“ไม่เคยมีใครได้รับความทรงจำคืนแล้วมีความสุข หรือกลับไปโดยปราศจากน้ำตา…
อดีตเป็เพียงเื่ที่กลับไปแก้ไขไม่ได้ ถ้าต้องเห็นเหล่าุ์เป็ทุกข์เช่นนี้ ฉันขอเก็บมันไว้ในบ่อความทรงจำตลอดกาลยังดีกว่า”
tbc.
#เฮเซลอาย
