บทที่ 13
หลังจากที่ไปส่งซ่งหยูเยียนที่พระราชวังเทียนเล่อ หลินห่าวซวนพร้อมกับจักรยานคู่ใจก็ไปลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยของถนนใหญ่ของเมืองเป่ยไปยังสำนักพิมพ์เป่ยจิงที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพระราชวังเทียนเล่อมากนัก
แม้ว่า่เวลานี้จะเป็่เวลาเร่งด่วนของเหล่าพนักงานที่ทำงานประจำบริษัท แต่ด้วยความทรงจำของเ้าของร่างคนเก่า ทำให้หลินห่าวซวนสามารถหลบเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดและสามารถมาถึงสำนักพิมพ์ก่อนเวลางานเข้างานได้อย่างสบาย ๆ
“นี้ๆ ๆ นั่นมันหลินห่าวซวนคนนั้นใช่ไหม ? ”
“ใช่ ๆ หลินห่าวซวนจากแผนกวรรณกรรมคนนั้นแหละ ”
“เื่วุ่นวายที่แผนกประชาสัมพันธ์กับฝ่ายบริการลูกค้าเกิดจากหมอนี่งั้นเหรอ ? ”
ทันทีที่หลินห่าวซวนก้าวเข้ามาในออฟฟิศ เสียงกระซิบกระซาบของเหล่าพนักงานทั้งชายและหญิงต่างก็ดังขึ้นมา และเมื่อหันไปจะสอบถามผู้ที่พูดอยู่ตรงหน้า แต่คนที่อยู่ตรงหน้ากลับก้าวถอยห่างจากเขาอย่างรวดเร็วราวกับ้าหลีกหนีตัวของหลินห่าวซวนจนทำให้ตัวของเขางุนงงเป็อย่างมาก
แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะพยายามพูดให้เบาที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหลินห่าวซวนจะได้ยินคำพูดเชิงประชดประชันแกมประหลาดใจของผู้คนที่จ้องมองมาพร้อมทั้งตัดสินใจที่จะมองข้ามมันไปและเดินไปยังที่นั่งของตัวเองที่อยู่บนชั้นบนสุดของอาคาร
แน่นอนว่าหากเป็หลินห่าวซวนคนเก่าที่ปรากฏในนิยาย การกระทำของคนหลาย ๆ คนที่อยู่ตรงหน้านี้คงเรียกได้ว่าเป็เรียกให้มีเื่อย่างแน่นอน และนิสัยเช่นนี้ก็เป็จุดเริ่มต้นของจุดจบอันเลวร้ายในที่สุด ด้วยนิสัยที่มีความอดทนต่ำแบบนี้ ทำให้หลินห่าวซวน้าเปลี่ยนแปลงมันอย่างเด็ดขาด
ดังนั้นท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองราวกับจับจ้องสัตว์ในสวนสัตว์ หลินห่าวซวนก็ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงโดยไม่มีท่าทีหรืออารมณ์โกรธหรือโมโหร้ายอะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งตัวของหลินห่าวถึงโต๊ะที่ทำงานของตัวเอง ทุกสายตาของผู้คนที่จับจ้องก็หายไปในทันที
“อรุณสวัสดิ์เฟิงฮ่าว ”
หลินห่าวซวนที่หลุดพ้นจากสายตาที่จับจ้องมา เมื่อมาถึงที่โต๊ะของตนก็พบว่ามีชายหนุ่มร่างท้วมที่อยู่ข้าง ๆ กำลังนั่งเขียนบทความอยู่เงียบ ๆ จึงเอ่ยปากกล่าวทักทายออกมา
“อ๊ะ ! ครับ ! อรุณสวัสดิ์ครับพี่หลิน ”
ชายร่างท้วมหรือเฟิงฮ่าวที่ได้ยินคำทักทายของหลินห่าวซวนก็กล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ใพร้อมกับมือไม้ที่สั่นเทาราวกับหวาดกลัวอะไรสักอย่างอยู่ ทำเอาหลินห่าวซวนที่เป็ฝ่ายทักตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่า ตัวเขาต้องเริ่มเปลี่ยนนิสัยอันชั่วร้ายในอดีตให้เร็วที่สุด
“นั่งเถอะ ๆ ไม่ต้องเกร็งอะไรขนาดนั้นหรอก ”
หลินห่าวซวนยกมือห้ามขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกขึ้นมาด้วยท่าทีที่ดูลุกลี้ลุกลน ก่อนที่จะเข้ามาที่โต๊ะของตัวเองที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับวางกระเป๋าและจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อย เพื่อที่จะเริ่มงานในวันนี้
“เอ่อ...พี่หลินครับ พอดีว่าพี่สาวจากแผนกประชาสัมพันธ์ฝากของพวกนี้มาให้พี่ครับ ”
เฟิงฮ่าวกล่าวออกมาด้วย้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าคู่สนทนาหันมามองตนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงและความสงสัย ตัวของเฟิงฮ่าวลุกขึ้นแล้วหยิบกล่องขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ข้างตัวแล้วยื่นให้กับหลินห่าวซวน
หลินห่าวซวนที่รับของจากเฟิงฮ่าวมาอย่างงง ๆ พร้อมกับเปิดกล่องที่รับมาก็พบว่าข้างในกล่องนั้นเต็มไปด้วยจดหมายจำนวนมากที่จ่าหน้าซองถึงแผนกวรรณกรรมของสำนักพิมพ์
“นี่คือ… ”
หลินห่าวซวนที่เห็นของที่อยู่กล่องก็เงยหน้าพร้อมหันมามองเฟิงฮ่าวด้วยความสงสัยที่เต็มหัว เพราะว่าบนหน้าซองจดหมายทั้งหมดที่อยู่ในกล่องนั้นจะเขียนบอกไว้ว่าส่งถึงแผนกวรรณกรรม แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมแผนกประชาสัมพันธ์ถึงบอกว่าจดหมายพวกนี้ถึงเขียนถึงตัวเขา
พูดก็พูดเถอะ แผนกวรรณกรรมในสำนักพิมพ์เป่ยจิงมีตั้งหลายฝ่าย แต่ละฝ่ายต่างก็มีแฟนตัวยงของคอลัมน์ที่เขียนลงหนังสือพิมพ์ลงทุกอาทิตย์ ดังนั้นแล้วเพียงแค่หน้าซองที่เขียนว่าส่งถึงแผนกวรรณกรรม มันก็ไม่สามารถบอกได้ว่า จดหมายทั้งหมดนี้เขียนถึงตัวเขาใช่ไหม?
“พี่สาวที่แผนกประชาสัมพันธ์บอกว่าเป็จดหมายตอบกลับของคนที่ติดตามคอลัมน์หนึ่งพันเื่ราวแดนั อีกอย่างเธอฝากมาบอกว่านิยายที่เขียนลงคอลัมน์อาทิตย์ที่ผ่านมาสนุกและน่าติดตามมาก ”
เฟิงฮ่าวที่ได้ยินคำถามของหลินฮ่าวซวนก็ตอบกลับมาทันทีพร้อมกับบอกคำพูดของพี่สาวที่ประจำอยู่แผนกประชาสัมพันธ์ที่ฝากมาบอกมา
“นายจะบอกว่าจดหมายทั้งหมดนี้ เป็จดหมายจากแฟนคอลัมน์นิยายงั้นเหรอ? ”
หลินห่าวซวนที่ได้ยินคำพูดของเฟิงฮ่าวก็กล่าวถามขึ้นมาพร้อมหันมามองอีกฝ่าย บนใบหน้าของเขามีความใและความประหลาดใจปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งที่หลินห่าวซวนได้รับกลับมาคือการพยักหน้าตอบรับของเฟิงฮ่าวเท่านั้น
เมื่อเหลือบมองไปกล่องกระดาษที่เต็มไปด้วยจดหมาย ถึงแม้ว่าตัวของเขาจะไม่ทราบว่าเนื้อหาข้างในจะเขียนถึงอะไร แต่ในใจของหลินห่าวซวนก็รู้สึกถึงความยินดีเล็ก ๆ เพราะเส้นทางที่เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตในโลกนี้ดูเหมือนว่าจะได้การตอบรับเป็อย่างดี ดังนั้นความคิดที่จะเปลี่ยนจะเปลี่ยนโชคชะตาที่เลวร้ายที่เขียนไว้ในนิยายต้นฉบับจึงมีสิทธิ์ที่จะแก้ไขได้
“จริงสิ ! บก.ถาน บอกว่าตอน 10 โมงหลังจากที่ประชุมประเด็นประจำวันเสร็จ ให้พี่ไปพบที่ห้องด้วย เห็นบอกว่าจะคุยกับพี่เื่นิยายที่พี่เขียนลงคอลัมน์ ”
เฟิงฮ่าวกล่าวออกมาอีกครั้งและเมื่อเห็นว่าหลินห่าวซวนพยักหน้าตอบรับว่ารับรู้แล้ว ตัวของเขาก็ถอยมาที่โต๊ะของตัวเองและกำลังจะนั่งลงเพื่อเขียนงานของตัวเองต่อโดยที่ไม่สนใจท่าทีของอีกฝ่าย แต่ในใจของเขากลับรู้สึกไม่สบายอย่างแปลกประหลาด จึงเอ่ยกับอีกฝ่ายอีกครั้งว่า
“พี่หลิน ผมว่าพี่เตรียมใจไว้ก็ดีนะครับ เมื่อเช้านี้ผมเห็นสีหน้าของบก.ถานดูไม่ดีสุด ๆ ไปเลย เหมือนว่านิยายที่พี่เขียนจะทำให้เขาไม่พอใจมากนะครับ ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิ่งฮ่าวที่เต็มไปด้วยความกังวล หลินห่าวซวนก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วกล่าวตอบกลับไปว่า
“นายไม่ต้องไปห่วงเื่นั้นหรอก บก.ถาน ไม่มีทางบอกให้ฉันหยุดเขียนนิยายอย่างแน่นอน อีกอย่างผลตอบรับนิยายที่ฉันเขียนก็มีมากกว่าที่คาดเอาไว้ เพราะงั้นนายสบายใจได้ ”
เฟิงฮ่าวที่ได้ยินแบบนั้น แม้ว่าในใจอยากจะกล่าวอะไรเพิ่มออกมา แต่เมื่อเห็นท่าทีของหลินห่าวซวนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้ตัวของเฟิงฮ่าวกลืนคำพูดที่เหลือลงไปแล้วก็กลับมาเขียนงานของตัวเองต่ออย่างช่วยไม่ได้
หลินห่าวซวนที่เห็นว่าเฟิงฮ่าวกลับไปเขียนงานต่อ ความสนใจของเขาก็เปลี่ยนมาเป็ที่จดหมายที่เขียนถึงเขา ในใจของหลินห่าวซวนตอนนี้เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าการตอบรับนิยายที่เขาเขียนของผู้คนในโลกนี้เป็อย่างไร
แม้ว่านิยายเื่ ‘ยุทธการวิหคกู้แผ่นดิน ’ ในชีวิตก่อนหน้าจะมีผลตอบรับที่ยอดเยี่ยมและถูกดันให้ทำเป็ซี่รี่ย์มาแล้ว แต่ระยะเวลาที่นิยายเื่นี้เริ่มเขียนคือปี 20xx ซึ่งเป็่ที่นิยายเว็บได้ครองตลาดแทนนิยายที่ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ ซึ่งตัวเขาย้อนกลับมาในโลกคู่ขนานแห่งนี้คือปีทศวรรษที่ 80 ไม่ใช่ปี 2000 เหมือนที่เขาเคยอยู่ ทำให้ 2 วันที่ผ่านมาหลินห่าวซวนเองก็กังวลถึงผลตอบรับของมันไม่น้อยเลยทีเดียว
“เอาล่ะ ! เรามาดูผลลัพธ์กันดีกว่าว่าจะเป็ยังไงบ้าง ”
หลินห่าวซวนกล่าวกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่จะเริ่มเปิดซองจดหมายฉบับแรกจากนั้นก็เริ่มอ่านเนื้อหาข้างในในทันที
[เนื้อหาเข้มข้น มีความน่าตื่นเต้นและชวนให้ติดตาม แต่เสียอย่างเดียวที่คนเขียนเป็คนใจจืดใจดำ ตัดจบได้อย่างน่าเกลียดเกินไป ]
[เป็นิยายที่ดีและแปลกตาเป็อย่างมาก นับถือในความกล้าหาญที่แหวกธรรมเนียมนิยายในยุคสมัย แต่ว่าการตัดจบที่ค้างคาและเ็ปแบบนี้ ไม่ทราบว่าคนเขียนป่วยเป็อะไรหรือเปล่า?]
[โจรแก่ฮองซู แกห้ามเขียนให้พี่สะใภ้เสิ่นตายเด็ดขาดเลยนะ นี่คือกำลังสำคัญของพรรคเรา แถมเฉินเซินเองก็แฝงตัวมานานโดยที่ไม่มีใครจับได้ มันต้องวิธีที่ต้องพาพี่สะใภ้หลบหนีได้แน่ ถ้าแกกล้าเขียนให้สหายอำมาตย์ตายจริง ครั้งหน้าพี่ชายคนนี้จะส่งใบมีดไปที่สำนักพิมพ์แก !]
หลินห่าวซวนที่อ่านเนื้อหาในจดหมายหลาย ๆ ฉบับ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดีในตอนแรกก็เริ่มหายไปก่อนที่จะกลายเป็รอยยิ้มที่ขมขื่นที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า จากนั้นตัวเขาก็วางจดหมายในมือลงแล้วถอนหายใจออกมา
อาทิตย์หน้า หากมีจดหมายของแฟน ๆ คอลัมน์ส่งมาอีก ตัวเขาคงต้องเลี่ยงการรับมันเสียแล้ว
ส่วนเื่ชื่อเสียงที่้าจะเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้น เกรงว่านอกจากล้างไม่ออกแล้ว ตัวเขาคงมีคนที่ไม่ชอบเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
.................................................................................................................................................................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้