ฉินหรูเยียนไม่ได้โกหกจริงๆ ภายในกายของนางมีขดพลังิญญาถึงสามขด และขนาดของขดพลังิญญาทั้งสามนี้ไม่สามารถเทียบได้กับขดพลังิญญาที่เกิดจากการเปิดโดยชายชราทั้งสองในเวลานั้นเลย หากจะบอกว่าขดพลังิญญาของพวกเขาที่เกิดจากการรวบรวมในเวลานั้นคือชามใบน้อยแล้ว ขดพลังิญญาทั้งสามในกายของฉินหรูเยียนก็คือชามใบใหญ่สามใบ!
พลังิญญาพลุ่งพล่านออกมาในปริมาณมหาศาล ทั้งยังเปี่ยมด้วยแรงกดดันอันน่าทึ่งอย่างยิ่ง!
ยอดเยี่ยมมาก หญิงสาวคนนี้ มีปริมาณพลังิญญาทั้งหมดภายในกายที่สามารถเทียบได้กับผู้ใช้พลังิญญาขั้นต้นทั่วๆ ไปแล้ว การฝึกวิชาที่รวดเร็วเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็สิบเท่าของคนรุ่นราวคราวเดียวกันเลย ไม่สิ ต้องบอกว่าสิบเท่าของผู้ใช้พลังิญญาที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะด้วยซ้ำ หากความเร็วในการฝึกวิชาของหญิงสาวคนนี้ยังน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ต่อไป ในอนาคต ภายในเวลาสิบปีก็น่าจะก้าวเข้าสู่ชั้นบรรพชนิญญาได้แล้ว! ใช้เวลาไม่เกินร้อยปีในการบรรลุขึ้นไปสู่ชั้นจ้าวิญญาได้
ดวงตาของสองชายชราเริ่มมีประกายดวงดาวพราวพร่าง!
ต้องรีบกลับไปที่สำนักหลัก ถ่ายทอดตำราล้ำค่าของสำนักให้กับหญิงสาวคนนี้แล้ว!
จริงด้วย ยังต้องพาเซียวหลิงอวิ๋นไปด้วยกัน ไหนจะเด็กสาวแซ่หยางที่เข้าถึงเจตจำนงดาบ เด็กสาวที่เรียกใช้วิชาสัตว์อสูรกลืนิญญาในกายได้อีก!
หนุ่มสาวเหล่านี้เมื่อเติบโตขึ้น แม้แต่เด็กสาวสองคนหลังก็มีความสามารถมากพอที่จะแซงหน้าพวกเขาไปได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะสองคนแรก สำนักจะรุ่งเรืองไปได้มากแค่ไหน ทั้งเก้าส่วนก็ขึ้นอยู่กับทั้งสองคนนี้แล้ว!
“ว่าอย่างไรนะ สองผู้าุโสูงสุดไปที่นั่นเพื่อรอรับศิษย์ที่อยู่ในชั้นนักยุทธ์ระดับห้าอย่างนั้นหรือ?”
“นักยุทธ์ระดับกลาง จะเปิดเส้นลมปราณกลายเป็ผู้ใช้พลังิญญาได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ กลับได้รับการขนานนามว่าเป็สุดยอดอัจฉริยะที่ปรากฏตัวสักครั้งในรอบหมื่นปีของสำนักิญญาเมฆา? ตัวเขามีคุณสมบัติมากพอแล้วหรือ? ขนาดศิษย์พี่ใหญ่เซวียนหยวนฉินหลงของพวกเราที่ได้อันดับหนึ่งของรายชื่อัของสำนักชั้นใน ยังไม่เคยได้รับการขนานนามเช่นนี้เลย!”
“ใช่แล้ว อย่าว่าแต่รายชื่อัของสำนักชั้นในเลย แม้แต่รายชื่อพยัคฆ์สำนักชั้นนอกของเรา ในบรรดาสิบอันดับแรกก็ยังไม่เห็นมีใครที่มีพร์ที่โดดเด่นเลย อย่าว่าแต่จะปรากฏตัวสักครั้งในรอบหมื่นปี แม้แต่จะปรากฏตัวสักครั้งในรอบพันปียังไม่มีเลย แล้วเ้าแซ่เซียวคนนั้นมีคุณสมบัติอะไรกันแน่?”
“ต่อให้เขาเป็อัจฉริยะ ก็ต้องรอจนกว่าพลังยุทธ์จะไต่ไปถึงนักยุทธ์ระดับเก้าเสียก่อนจึงจะเข้าสำนักหลักได้ และยังต้องเปิดเส้นลมปราณิญญาได้สำเร็จกลายเป็ผู้ใช้พลังิญญา จึงจะมีคุณสมบัติด้วย แค่นักยุทธ์ระดับกลาง กลับทำให้ผู้าุโทั้งหลายไม่ลังเลที่จะทำลายกฎเกณฑ์ของสำนักที่ใช้มาเกือบหมื่นปีเช่นนี้ ข้าอยากเห็นนักว่าเ้าหนุ่มแซ่เซียวคนนี้มีอะไรดีกันแน่! ถึงได้รับความโปรดปรานจากผู้าุโของสำนักหลักเช่นนี้!”
“ใช่แล้ว ถึงเวลานั้นอย่าลืมนับข้าเข้าไปด้วย คนที่จะจัดการกับสุดยอดอัจฉริยะที่ปรากฏสักครั้งในรอบหมื่นปีอะไรนั่นน่ะ!”
เมื่อศิษย์สามร้อยกว่าคนจากสำนักิญญาเมฆามาถึง เื่ราวที่เกิดขึ้นในสำนักิญญาเมฆาก็แพร่กระจายออกไปราวกับสายลม ก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นทั่วทั้งสำนักหลักทั้งชั้นนอกและชั้นใน!
ศิษย์จำนวนมากต่างก็อยากจะประลองกับเด็กหนุ่มแซ่เซียวคนนี้! ด้วยอยากรู้ว่าเขาเป็สุดยอดอัจฉริยะของจริงหรือไม่!
ตัวเซียวหลิงอวิ๋นยังมาไม่ถึง แต่ชื่อเสียงของเขากลับแพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักชั้นนอก และลามไปถึงสำนักชั้นในด้วย!
ที่เขาเจี้ยนหลิงซานมีเก้ายอดเขา สามสิบหกสันเขา ประกอบกันเป็สำนักดาบิญญาเมฆาที่ยิ่งใหญ่ สิบแปดสันเขาชั้นนอกเป็พื้นที่ของสำนักชั้นนอก สิบแปดสันเขาชั้นในจะเป็พื้นที่ของสำนักชั้นใน เก้ายอดเขาคือที่พำนักของเหล่าผู้าุโ ผู้าุโสูงสุด และเ้าสำนัก รวมถึงเหล่าศิษย์ก้นกุฏิของแต่ละรุ่น!
เหล่าศิษย์ที่เปิดเส้นลมปราณิญญาสำเร็จนั้นจะถูกแบ่งออกเป็สามระดับ ศิษย์ทั่วไปจะอยู่ที่สำนักชั้นนอก ศิษย์ชั้นยอดจะอยู่ที่สำนักชั้นใน และเหล่าศิษย์ก้นกุฏิ
ศิษย์ทั่วไปของสำนักชั้นนอกมีจำนวนมากที่สุด มีจำนวนมากกว่าหมื่นคน ศิษย์ชั้นยอดของสำนักชั้นในมีจำนวนประมาณหนึ่งพันสองร้อยคน ในขณะที่ศิษย์ก้นกุฏิมีเพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น!
ที่สำนักชั้นใน มีถ้ำแห่งหนึ่งที่มีพลังิญญาอุดมสมบูรณ์ ชายวัยกลางคนในชุดเขียวกำลังถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ปลอบชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่อยู่อีกฝั่ง “ฉินหลงเอ๋ย ดูเหมือนว่าเ้าคงต้องอดทนไปอีกห้าปีเป็แน่ เพราะเหล่าผู้าุโสูงสุดของสำนักได้ตัดสินใจแล้ว ว่าตำแหน่งศิษย์ก้นกุฏิที่ยังว่าง และถ้ำเสี่ยวหลิงเจี้ยในครั้งนี้ คงถูกมอบให้กับอัจฉริยะที่ปรากฏตัวสักครั้งในรอบหมื่นปีของสำนักิญญาเมฆา!”
ตำแหน่งศิษย์ก้นกุฏิของสำนักดาบิญญาเมฆาจะได้รับการประเมินทุกๆ ห้าปี และจะเลือกเฟ้นจากผู้ที่มีรากฐาน พร์ และบุคลิกดีเลิศที่สุดเข้ามาหนึ่งคน หากบรรดาผู้าุโไม่พอใจแล้วก็จะปล่อยว่างเอาไว้! และก็ได้เว้นว่างมาต่อเนื่องถึงสองรอบแล้ว! ปีนี้เป็ปีที่ห้าที่ครบรอบพอดี!
หลายปีมานี้มีข่าวลือว่าเซวียนหยวนฉินหลงผู้ได้อันดับหนึ่งในรายชื่อัของสำนักชั้นใน คือผู้ที่มีโอกาสสูงสุดที่จะได้รับเลือกเป็ศิษย์ก้นกุฏิในครั้งนี้!
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นอย่างฉับพลัน พร้อมกับพายุหมุนขนาดใหญ่ที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา ทำให้ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าแตกเป็เสี่ยงๆ “พวกผู้าุโสูงสุดคิดบ้าอะไรกันอยู่? นักยุทธ์ระดับกลางที่ยังไม่ได้เปิดเส้นลมปราณิญญา กลับได้เข้าไปอยู่ในเสี่ยวหลิงเจี้ย นี่มันเื่ตลกชัดๆ แม้แต่ขดพลังิญญาก็ยังไม่สามารถรวบรวมได้ แล้วจะให้เข้าไปดูดซับพลังิญญาที่อุดมสมบูรณ์ในถ้ำเสี่ยวหลิงเจี้ยด้วยเหตุใด? จะให้ใช้ปากดูด หรือพวกผู้าุโจะป้อนให้โดยตรงอย่างนั้นหรือหรือ! ข้าว่าพวกท่านคงจะแก่จนเลอะเลือนกันไปหมดแล้ว! ถึงได้ตัดสินใจทำอะไรที่ไร้สาระเช่นนี้!”
“ฉินหลง หุบปาก เ้าคิดนินทาเหล่าพวกผู้าุโลับหลังอย่างนั้นหรือ?” ชายวัยกลางคนในชุดเขียวรีบะโ
“ท่านลุง ท่านเองก็เป็ถึงผู้าุโของสำนักชั้นใน อีกทั้งยังเป็ผู้ดูแลยอดเขาหนึ่งด้วย ในด้านพลังยุทธ์ นอกเหนือจากผู้าุโสูงสุดไม่กี่คน ผู้คุมกฏ และผู้าุโเฝ้าหอคอยทั้งสองคนแล้ว ยังจะมีใครที่เหนือไปกว่าท่านได้อีก! กล่าวตามตรง หลังจากพวกผู้าุโแก่ๆ ตายไป ตำแหน่งผู้าุโสูงสุดคนต่อไปจะต้องเป็ของท่านลุงอย่างแน่นอน”
“ถ้ำเสี่ยวหลิงเจี้ยมีปริมาณพลังิญญาหนาแน่นมากกว่าถ้ำแห่งนี้ถึงสามเท่า! สามเท่าเลยนะ หากข้าได้เข้าไปที่นั่น สักหนึ่งร้อยปีข้าก็สามารถบรรลุขึ้นเป็าาิญญาได้แน่! และแน่นอนว่าข้าจะต้องแข็งแกร่งกว่าบรรดาพวกาุโสูงสุดเ่าั้ด้วย! พวกเขาได้อยู่ในเสี่ยวหลิงเจี้ยตลอดทั้งปี กระทั่งอายุปาเข้าไปสี่ร้อยกว่าปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุไปสู่ชั้นจ้าวิญญาได้เสียที ข้าละรู้สึกละอายใจแทนพวกท่านเสียจริง!” ยิ่งชายหนุ่มพูดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น!
“เ้าชักพูดจาเหลวไหลหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ ชั้นจ้าวิญญา ไม่ใช่อะไรที่จะบรรลุขึ้นไปได้ง่ายๆ เสียหน่อย! การที่ข้านำข่าวนี้มาบอกเ้าล่วงหน้า ก็เพื่อให้เ้าเตรียมใจไว้ก่อน จะได้ไม่ทำอะไรโง่เขลาต่อหน้าเหล่าผู้าุโสูงสุด! และหากเป็เช่นนั้นจริง ก็อย่าโทษที่ข้าไม่เห็นเ้าเป็หลานก็แล้วกัน!” พูดจบ ชายวัยกลางคนในชุดเขียวก็สะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป!
ภายในถ้ำ ชายหนุ่มกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง แล้วแหงนหน้าขึ้นก่อนจะคำรามออกมาเสียงดัง! พายุพลังิญญาอันยิ่งใหญ่ก็พัดไปทั่วทั้งถ้ำ ราวกับจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในถ้ำแหลกละเอียด!
เช้าวันรุ่งขึ้น เรือเหาะลำหนึ่งก็ร่อนลงจอดที่หน้าประตูสำนักดาบิญญาเมฆา ครั้นแสงสว่างวาบขึ้น เรือเหาะพลันหายไป ตามด้วยคนที่ปรากฏตัวขึ้นหลายคน!
เป็ผู้าุโสูงสุดทั้งสอง เซียวหลิงอวิ๋น ฉินหรูเยียน จ้าวหนีอิ่ง หยางลู่ จ้าวเหวินจัว และชิวเทียนฉี่ รวมทั้งหมดแปดคน
“ข้าจะพาหลิงอวิ๋นและหรูเยียนไปพบกับว่านซานและเยาเยวี่ย ฝากเ้าจัดการที่เหลือให้เรียบร้อยด้วย!” ตี๋จั๋วรื่อกล่าว แล้วก็สะบัดแขนเสื้อ โดยไม่รอให้พวกเซียวหลิงอวิ๋นได้พูดอะไร เขาหมุนตัวและหายเข้าไปในสำนักจนมองตามไม่ทัน!
ชั่วครู่ต่อมา!
ทั้งสามก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าห้องโถงกว้างใหญ่!
เหนือประตูห้องโถงมีตัวหนังสือสีทองสลักเอาไว้ ซึ่งเหมือนกับตัวหนังสือที่หน้าประตูสำนัก ‘สำนักดาบิญญาเมฆา’!
ด้านหน้าห้องโถงอันยิ่งใหญ่อลังการ มีคนสองคนยืนตระหง่านรออยู่!
ด้านซ้ายคือชายวัยกลางคน ด้านขวาคือหญิงวัยกลางคน!
บุคคลทั้งสองนี้มีบุคลิกที่ไม่ธรรมดา แม้ว่าพลังยุทธ์ของเซียวหลิงอวิ๋นจะยังน้อย แต่สายตาของเขาก็เฉียบแหลมมาก เพียงมองปราดเดียวก็ล่วงรู้ว่าทั้งสองคนนี้จะต้องเป็คนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับผู้าุโสูงสุดทั้งสอง!
ในเมื่ออยู่ในระดับเดียวกัน เช่นนั้นตัวตนของทั้งสองท่านนี้ก็ชัดเจนแล้ว ชายที่ดูราวกับเป็นักปราชญ์นั้น ชัดเจนว่าจะต้องเป็เ้าสำนักคนปัจจุบันของสำนักดาบิญญาเมฆา ‘ฉินว่านซาน’ ส่วนหญิงวัยกลางคนนั้น ชัดเจนว่าคือผู้าุโสูงสุดอีกคนของสำนักดาบิญญาเมฆา ‘เสิ่นเยาเยวี่ย’
ในสำนักหลักิญญาเมฆา มีผู้าุโสูงสุดทั้งหมดสี่คนที่อยู่ในชั้นาาิญญา ซึ่งเซียวหลิงอวิ๋นได้พบกับทุกคนครบแล้ว!
