การเผชิญหน้ากับหลงโม่หรานไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย อย่างน้อยในแถบทะเลตะวันออก ทุกคนต่างก็คิดแบบเดียวกันหมด หลงโม่หรานบรรลุเพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ฝ่าสายลมล้อมจันทราขั้นสามแล้ว คนที่เคยเห็นเพลงกระบี่นี้ด้วยสายตาตัวเองมาแล้วต่างทราบดีว่ามันร้ายกาจมากเพียงใด!
อย่างไรเสีย เย่เฟิงก็ไม่รู้สึกเกรงกลัว
แม้เขาจะมีระดับพลังลมปราณเพียงสิบสองปี แต่ก็ถือว่าเป็ผู้ฝึกวิถีเซียนที่มีพร์มากกว่าบรรดาผู้ฝึกวรยุทธ์คนอื่น แน่นอนว่าการเผชิญหน้ากับหลงโม่หราน เพียงต้องอาศัยกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อถ่วงเวลาจนกระทั่งพลังภายในอีกฝ่ายค่อยๆ หมดไปเท่านั้น
หากเปรียบกับหลงหว่านเอ๋อร์ ระดับพลังลมปราณของเขาต่ำกว่า แต่ข้อได้เปรียบที่เห็นได้ชัด คือ เขามีแหวนกระบี่ัโบราณ ทักษะการโจมตีของหลงหว่านเอ๋อร์มีวิชาเซียนเปลวสุริยะและวิชาศรฝังดวงดาวซึ่งเป็วิชาเตรียมโจมตีและยากที่จะก่ออันตรายแก่อีกฝ่าย หากอีกฝ่ายไม่เปิดช่องโหว่ให้โจมตี แต่เย่เฟิงกลับแตกต่างออกไป เขาสามารถควบแน่นกระบี่เจินชี่สร้างกระบี่พลังปราณ อีกทั้งกระบี่พลังปราณของเขาก็มีพลังทำลายล้างสูง แม้แต่หลงโม่หรานก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!
ขอเพียงอีกฝ่ายเปิดช่องโหว่ ก็มีความเป็ไปได้ที่พวกเขาจะชนะ
ยิ่งกว่านั้นจุดประสงค์ของเย่เฟิงไม่ใช่เอาชนะคู่ต่อสู้เลย แต่เขาทำให้พละกำลังอีกฝ่ายค่อยๆ หมดไปเพื่อบีบให้หลงโม่หรานเปิดช่องโหว่ จากนั้นหลงหว่านเอ๋อร์และหนานฟางก็จะหาจังหวะเหมาะสมเพื่อลงมือ แม้ในโลกเทวะ การแบ่งหน้าที่ต่อสู้เช่นนี้จะเป็เื่ห้ามปฏิบัติ แต่เย่เฟิงเชื่อว่าสามารถพึ่งพาทั้งหลงหว่านเอ๋อร์และหนานฟางได้ เพราะในความเป็จริง ต่อให้เขากับหลงหว่านเอ๋อร์ใช้ทักษะล่องหนหนีไปได้ แต่ก็ไม่อาจพาชูชูหนีไปด้วยได้ และตัวเย่เฟิงก็ไม่มีความคิดที่จะทิ้งคนของตัวเองไว้เื้ัเลย
ฉะนั้นเวลานี้ ชายหนุ่มรู้สึกเืในกายกำลังสูบฉีดด้วยความตื่นเต้น ั้แ่เขาเกิดใหม่ในโลกนี้ นี่เป็การต่อสู้ครั้งแรกที่ท้าทายเขาเป็อย่างยิ่ง
“เธอถอยไปก่อน” เย่เฟิงยืนขวางหน้าหลงหว่านเอ๋อร์ และกระซิบบอกอีกฝ่าย “ทักษะนี้ไม่ใช่วิทยายุทธ์”
ในสายตาของหลงโม่หรานและคนอื่นๆ การที่เธอทำลายจุดตันเถียนแบบนี้เท่ากับต้องกลายเป็เพียงคนธรรมดาที่ไม่มีพละกำลังในการต่อสู้ หากพวกเขาเข้าใจผิดเช่นนี้ต่อไป เมื่อสบโอกาสหญิงสาวก็สามารถลอบโจมตีอีกฝ่ายได้!
หลงหว่านเอ๋อร์เข้าใจสิ่งที่เย่เฟิง้าจะสื่อแล้ว แต่เธอก็อดเป็ห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ “นายระวังตัวด้วยนะ”
“ทุกอย่างจะเรียบร้อยแน่นอน”
เย่เฟิงพยักหน้าหนักแน่น
การเผชิญหน้ากับยอดฝีมืออย่างหลงโม่หราน ต่อให้ใช้ทักษะล่องหนไปมันก็ไม่มีประโยชน์ อีกทั้งเย่เฟิงไม่้าเปิดเผยความจริงที่ว่าเขาสามารถใช้ทักษะล่องหนได้ั้แ่เริ่มต้นเช่นนี้
พลังชี่ของเขาไหลเวียนอย่างรวดเร็วจนกระบี่สีทองปรากฏออกมา
หลงโม่หรานหรี่ตามอง แววตาแห่งความละโมบฉายชัดขึ้นทันที เขาเห็นชายสวมหน้ากากใช้กระบี่สีทองเล่มนี้มาหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่รู้เลยว่ามันปรากฏออกมาจากที่ใด แต่ข้อสงสัยนั้นก็หมดไป ในเมื่อแหวนในมืออีกฝ่ายคือสิ่งของที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง! เป็ไปได้ว่าพละกำลังของชายตรงหน้ามาจากแหวนวงนั้น...
หลงโม่หรานคิดอยากสังหารอีกฝ่ายเป็เท่าทวีคูณ เขากวัดแกว่งกระบี่ในมือ กระบี่พลังปราณสีขาวพุ่งใส่เย่เฟิงอย่างรวดเร็วและรุนแรง
นี่คือการหยั่งเชิง
พายุหมุนสลายเมฆาของเพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ฝ่าสายลมล้อมจันทรา!
แม้จะเป็เพียงการหยั่งเชิง แต่เย่เฟิงก็รับรู้ได้ถึงแรงสังหารจากกระบี่พลังปราณที่พุ่งเข้ามา เขาจึงไม่คิดประมาท และขณะเดียวกันก็ไม่คิดหลบการโจมตีด้วย เพราะหลงหว่านเอ๋อร์ยังอยู่ด้านหลัง
“กระบี่ัสังหาร!”
เย่เฟิงกวัดแกว่งกระบี่ในมือ กระบี่พลังปราณสีฟ้าพุ่งออกไปปะทะกับกระบี่พลังปราณของอีกฝ่าย จนเกิดการะเิของกระแสอากาศอย่างรุนแรง!
การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เย่เฟิงรีบเคลื่อนกายใน่เสี้ยววินาทีด้วยทักษะย่างก้าวไร้เงาระดับสอง จนทิ้งภาพติดตาไว้เื้ัไปตลอดทั้งทาง และพุ่งตัวไปใกล้หลงโม่หราน!
โห!
ผู้ฝึกวรยุทธ์ที่อยู่โดยรอบต่างร้องอุทาน เพราะไม่คาดคิดว่าชายสวมหน้ากากคนนี้จะสามารถะเิระดับความเร็วที่ร้ายกาจเช่นนี้ออกมาได้! หากเทียบความเร็วกับบรรดาผู้ฝึกวรยุทธ์โดยรอบแล้ว เกรงว่ามีเพียงหลงโม่หรานเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะท้าทายชายสวมหน้ากากคนนี้ได้!
ทันใดนั้นสีหน้าของหลงจื่อและหลงชิงก็ดูเคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิม ชายสวมหน้ากากคนนี้ยังมีความสามารถหลายอย่างที่พวกเขาไม่รู้
เมื่อเห็นเย่เฟิงเข้ามาใกล้ หลงโม่หรานก็หรี่ตาแล้วใช้กระบี่ในมือแทงสวนไปทางชายหนุ่ม
“โอกาสดีล่ะ!”
เมื่อเย่เฟิงเห็นท่าทีเช่นนั้นก็เคลื่อนไหวโดยใช้วิชาที่เขาไม่เคยใช้มาก่อนทันที
คลื่นเสียงคุมิญญา!
วิทยายุทธ์ที่สืบทอดมาจากสำนักซิวหลัวหายสาบสูญจากโลกใบนี้ไปนานแล้ว หากสามารถปลดปล่อยพลังภายในออกจากร่างได้ ก็จะขึ้นชื่อว่าเป็ ‘เสียงคำรามสั่นธรณี!’ ไม่ว่าผลจะเป็อย่างไรขอเพียงใช้คุกคามหลงโม่หรานได้ และตราบใดที่มีโอกาสชนะหลงโม่หราน เย่เฟิงก็จะไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปแน่นอน
ไม่แน่ว่าคู่ต่อสู้อาจตกตะลึง แล้วเขาก็จัดการหลงโม่หรานในกระบี่เดียวเลยดีล่ะ?
การต่อสู้ในโลกเทวะนั้น ไม่ได้หมายถึงต่างฝ่ายต่างแสดงวิชาให้ได้มากที่สุด แม้จะเป็ผู้ฝึกวิถีเซียนสองคนที่มีความแข็งแกร่งเท่ากัน ผลแพ้ชนะอาจถูกตัดสินได้ภายในเสี้ยววินาที
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเข้าใจในวิถีเซียน
แต่วงการยุทธจักรของโลกใบนี้ดูจากวิชาที่นำไปใช้ ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ยิ่งเรียนวิชาได้มากและยิ่งนำไปใช้ก็ยิ่งคล่องแคล่วมากขึ้น และการต่อสู้ก็จะดียิ่งขึ้นไปด้วยเช่นกัน
นี่เป็เหตุผลว่าทำไมสำนักทั้งหลายในวงการยุทธจักรยังเก็บผู้ฝึกวรยุทธ์ที่ไม่ใช่หัวกะทิไว้ เพราะหากวรยุทธ์ของสำนักตัวเองหลุดไปล่ะก็ นั่นไม่เรียกว่าโศกนาฏกรรมเลยหรือ?
เย่เฟิงะเิความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวจนเกิดภาพติดตาต่อเนื่องมาตามทางก่อนจะเข้าใกล้ทิศทางกระบี่ของหลงโม่หราน
เสี้ยววินาทีนั้นเขารวบรวมพลังชี่ในเส้นลมปราณไว้ที่ปากและลำคอแล้วใช้วิชาคลื่นเสียงคุมิญญาซิวหลัวปลดปล่อยเสียงคำรามออกมา
วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!
เสียงร้องคำรามดังติดต่อกันสามครั้ง ฟังราวกับเสียงของภูตผีปีศาจ พลังของมันแผ่ไปทั่วบริเวณ เมื่อคลื่นเสียงไปถึงที่ใด ทั้งใบไม้ ดินโคลน หรือแม้แต่ม่านฝนที่โปรยปรายลงมาต่างก็เปลี่ยนรูปร่างไปในทันใด!
วิชาที่ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้านี้ ทำให้หลงโม่หรานใจนเกิดช่องโหว่นั้น
วิชาคลื่นเสียงคุมิญญาซิวหลัวสมกับชื่อของมันจริงๆ!
ผู้ฝึกวรยุทธ์ที่อยู่รอบบริเวณหลายคนเริ่มยืนไม่มั่นคงจนก้าวถอยหลังกลับไปหลายก้าว และคนอีกครึ่งหนึ่งถึงกับล้มลงกับพื้นพร้อมสายตาพร่ามัวเมื่อได้ยินเสียงคำรามนี้
อีกด้านหนึ่ง หลินซือฉิงที่อยู่ในรถบรรทุกก็ยกมือขึ้นมาปิดหูเช่นกัน เธอรู้สึกเวียนหัวกับเสียงที่ดังติดกันสามครั้ง
หลงหว่านเอ๋อร์ก็ก้าวถอยหลังไปและยกมือขึ้นปิดหูเช่นกัน คลื่นเสียงที่เป็การโจมตีนี้ไม่เจาะจงใคร ฉะนั้นทุกคนที่อยู่รอบบริเวณล้วนได้รับผลกระทบนี้ทั้งสิ้น
หนานฟางที่นอนอยู่ใต้รถบรรทุกก็ใเกือบตายจากผลกระทบของคลื่นเสียงนี้ เคราะห์ดีที่เขามีประสบการณ์การต่อสู้และมีไหวพริบที่ดีเยี่ยม จึงไม่หลุดเผยตัวออกมาให้ใครรู้ถึงการมีอยู่ของตน
เซียวเยว่และชูชูที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ก็ยกมือขึ้นปิดหูของตัวเองเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นเสียงคำรามน่ากลัวที่เกิดขึ้นสามครั้งติดต่อกันก็ทำให้หญิงสาวทั้งสองคนรู้สึกปวดหัวคลื่นไส้
จังหวะนี้แหละ!
เย่เฟิงอาศัยโอกาสนี้ใช้วิถีเซียนเปลวสุริยะโดยปราศจากความลังเล!
เขาอ้าปากส่งลูกบอลไฟใส่หลงโม่หรานโดยที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึง!
ความเร็วที่ะเิออกมาทำให้คนใ! ไหนจะทักษะคลื่นเสียงคุมิญญาและลูกไฟประหลาดที่ปล่อยออกมาไล่เลี่ยกันอย่างร้ายกาจนั่นอีก!
การโจมตีอย่างต่อเนื่องของเย่เฟิงทำให้หลงโม่หรานไม่ทันได้ตั้งตัว จนไม่มีใครทันสังเกตว่าลูกไฟลูกสุดท้ายพุ่งเข้ามา เพราะแต่ละคนต่างยังตกตะลึงกับคลื่นเสียงคุมิญญาที่เพิ่งเกิดขึ้น
ชั่วพริบตาเดียวเสื้อคลุมสีขาวบนตัวหลงโม่หรานเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นมา!