"พี่เจ็ดสบายดี ตอนนี้เขารับหน้าที่ดูแลหน่วยองครักษ์หลวงเลยค่อนข้างยุ่ง รอให้อาการประชวรของเสด็จลุงทรงตัวแล้ว ก็คงดีขึ้น" จ้าวหย่งเจียอมยิ้ม
ความคิดอ่านของพี่เจ็ดนางคาดเดาได้อยู่หลายส่วน
ยากยิ่งนักที่เขาจะใส่ใจสตรีสักคน เื่นี้นางต้องให้ความช่วยเหลืออย่างสุดกำลัง
"แล้วเขาจะไปร่วมงานวันเกิดของเ้าด้วยหรือเปล่า" ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นขยับไหวเล็กน้อย
ที่จริงเธอไม่อยากไปร่วมงานเลี้ยงสักเท่าไร ใช้แค่เส้นผมคิดยังรู้เลยว่าแขกที่ไปร่วมงานมีแต่คุณหนูผู้สูงศักดิ์ หากเธอจะไป คงต้องฝึกฝนธรรมเนียมมารยาทต่างๆ อีกมาก ยุ่งยากเกินไป
"อื้อ พี่เจ็ดบอกว่าจะเจียดเวลามา" จ้าวหย่งเจียหยิบไพ่พูเค่อสองสำรับออกมาจากกระเป๋า
"เอ๋? ทำเสร็จแล้วหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกตื่นเต้น
พลางคลี่ไพ่ออกมาดูอย่างละเอียด "กระดาษหนาไปหน่อย แต่ยังไม่แข็งพอ ควรอัดให้แข็งกว่านี้อีกหน่อย ภาพหน้าไพ่วาดได้ไม่เลว ต่อไปอาจลองพิจารณาใช้วิธีการพิมพ์ดู"
สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังท่านหญิงหย่งเจียสวมอาภรณ์สีเหลืองอ่อนทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวคลุมสะโพกไม่มีแขนสีเขียว เหลือบมองหญิงสาวที่กำลังพูดคุยยิ้มหัวกับจวิ้นจู่อย่างสบายอารมณ์
คิ้วบางตาโต จมูกโด่งเป็รูปสวยริมฝีปากแดง ผิวขาวเปล่งประกายดุจหิมะ แม้รูปโฉมไม่ถึงขั้นทำให้คนตะลึงพรึงเพริศ แต่ก็เป็ความงามอีกรูปแบบหนึ่ง
นางพูดคุยกับจวิ้นจู่อย่างสนิทสนม ไม่แฝงแววขลาดกลัวแม้แต่น้อย ระหว่างที่สนทนาก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เปิดเผยตรงไปตรงมา ไร้เจตนาประจบสอพลอโดยสิ้นเชิง
นี่หรือคุณหนูสกุลเซวียผู้มาจากชนบทห่างไกลตามคำบอกเล่าของลวี่จิ่น
"ยังบางกว่านี้ได้อีกไหมน่ะหรือ ข้าจะให้นายช่างโรงกระดาษลองดูอีกทีแล้วกัน"
"อื้อ ด้านหลังของไพ่สามารถพิมพ์ลายอีกหน่อย จะได้ไม่ดูซ้ำซากจำเจเกินไป"
"อ้อ ภาพอะไรล่ะ เ้าวาดออกมา ข้าจะให้คนไปทำแบบพิมพ์"
"รอข้ามีเวลาว่างก่อนจะวาดให้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กระดาษแข็งแบบเดียวกันทำกล่องไพ่ เพื่อสะดวกต่อการเก็บมากขึ้น"
ทั้งสองวิเคราะห์รายละเอียดไพ่พูเค่ออยู่ครู่ใหญ่
หงกูยกถั่วเขียวต้มน้ำตาลเข้ามาสองถ้วย
"หงกู เ้าอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ" จ้าวหย่งเจียเห็นนางก็ตระหนกในใจ
หงกูมีฐานะเป็หมัวมัวผู้ดูแลจวนองค์ชายเจ็ด มีงานยุ่งตลอดเวลา นางกลับมาถึงเมืองหลวงหลายวันแล้ว กลับรั้งอยู่ดูแลจวนสกุลเซวีย แทนที่รีบร้อนกลับไปจัดการธุระในจวนองค์ชายเจ็ด
"เรียนจวิ้นจู่ ในจวนมีคนมาเพิ่มไม่น้อย บ่าวช่วยทำความคุ้นเคยสักสองสามวันเ้าค่ะ" หงกูวางถั่วเขียวต้มน้ำตาลบนโต๊ะไม้หวงฮวาหลีฝังมุก
เื่เล็กน้อยเหล่านี้ไหนเลยจะต้องให้หงกูเป็ผู้ลงมือลงแรงเอง เกรงว่าพี่เจ็ดคงมีความกังวลว่าเซวียเสี่ยวหรั่นเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ดังนั้นถึงให้หงกูอยู่ช่วยเหลือในจวนสกุลเซวีย
จ้าวหย่งเจียไม่รู้ว่าควรอิจฉาหรือว่าขบขันดีกว่ากัน พี่เจ็ดช่างใส่ใจสตรีผู้มีรอยยิ้มเบิกบานเสมอคนนี้ยิ่งนัก
รถม้าใหญ่โตมีสัญลักษณ์ของราชวงศ์ เคลื่อนออกจากตรอกจิ่วถ่าช้าๆ
ยามผ่านประตูจวนสกุลผูหยาง จ้าวหย่งเจียก็หันไปมองอย่างอดไม่ได้
ประตูใหญ่สีชาดปิดสนิท หมุดสีทองที่ตอกอยู่้าสะท้อนเปลวแดดเปล่งประกายระยิบระยับ
นาง... ไม่ได้ไปจวนเขามานานแค่ไหนแล้ว จ้าวหย่งเจียพลันรู้สึกแสบจมูก
"จวิ้นจู่ คุณหนูเซวียคือญาติผู้น้องจากแดนไกลของคุณชายผูหยางหรือเ้าคะ" หวงซุ่ยถามเสียงเบา นางกับหงโฉวเป็สวาใช้รุ่นใหญ่ประจำตัวท่านหญิงหย่งเจีย
คราก่อนท่านหญิงเดินทางกะทันหัน นางลากลับบ้านสองสามวันจึงมิได้ติดตามอยู่ข้างกายเ้านาย
"อื้อ" จ้าวหย่งเจียตอบรับเบาๆ
"หากบ่าวจำไม่ผิด เรือนของคุณหนูเซวียคงเป็เรือนในนามของคุณชายผูหยาง"
ก่อนที่รถม้าจะหยุดข้างทาง หวงซุ่ยนึกถึงเื่นี้จึงเอ่ยเตือนสติท่านหญิง
"ใช่ แต่ว่าเสี่ยวหรั่นซื้อต่อมาจากเขา" ดูเหมือนว่าจ้าวหย่งเจียจะคาดเดาความคิดบางอย่างของนางได้ ตวัดสายตาใส่ทันที "เ้าอย่าคาดเดาส่งเดช เสี่ยวหรั่นสองพี่น้องเดินทางจากแดนไกลมายังเมืองหลวง ไม่คุ้นเคยทั้งคนและสถานที่ ป๋ออวิ๋นในฐานะญาติผู้พี่ดูแลพวกเขามากหน่อยก็สมควรแล้ว"
เื่ระหว่างพี่เจ็ดกับเสี่ยวหรั่นยังไม่เหมาะที่จะป่าวประกาศ จ้าวหย่งเจียจึงไม่อาจพูดออกไปตามตรง
"เ้าค่ะ บ่าวปากมากไปเอง" หวงซุ่ยยอมรับผิดทันที
"อืม เดี๋ยวเ้าไปโรงกระดาษ แจ้งรายละเอียดตามที่เสี่ยวหรั่น้าเมื่อครู่กับผู้ดูแล บอกพวกเขาว่าถ้าทำสินค้าออกมาได้ดี จะมีรางวัลให้" จ้าวหย่งเจียกำชับ "จะดีที่สุดหากทำให้เสร็จก่อนถึงงานเลี้ยงวันเกิดข้า"
"เ้าค่ะ บ่าวทราบแล้ว" หวงซุ่ยรับคำ
หลังส่งท่านหญิงหย่งเจียกลับแล้ว อูหลันฮวาก็วิ่งแล่นไปห้องโถงอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบไพ่สองสำรับด้วยใบหน้าอาบรอยยิ้ม
"คุณหนู พวกเรามาเล่นไพ่ทัวลาจี [1] กันเถอะ"
"ตอนนี้ข้าไม่ว่าง เ้าไปหาเสี่ยวเหล่ยกับตู้ซานแล้วเล่นกับพวกเขาเถอะ" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะ "ถ้าขายังไม่ครบ ก็ดึงหงกูมาร่วมอีกคน"
หงกูก็เล่นไพ่เป็ ฝีมือยังระดับเซียน ตลอดการเดินทางกลับมาพวกอูหลันฮวายังเสียท่าอยู่หลายครั้ง
อูหลันฮวายิ้มเผล่ "หงกูคำนวณไพ่เป็ ใบไหนทิ้งแล้วหรือยังไม่ทิ้งนางล้วนจำได้หมด น่าประหลาดใจยิ่งนัก"
"ฮ่าๆ ผู้อื่นฉลาดปราดเปรื่อง ความจำดี เ้าจำไพ่ไม่ได้เอง ยังไม่พอใจที่คนอื่นจำได้อีกหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะขบขัน "เซียนไพ่ย่อมจำไพ่ได้ เ้าต้องเปิดใจให้กว้างหน่อย"
อูหลันฮวาทำหน้าห่อเหี่ยว "ไพ่เยอะขนาดนั้น ไหนเลยจะจำได้หมด"
"นี่คือจุดบอดที่ทำให้เ้าแพ้เก้าในสิบกระดาน" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางส่ายหน้า
"ฮึ ข้าจะเอาชัยชนะกลับมาให้ได้" อูหลันฮวาฮึดสู้ หยิบไพ่ขึ้นมาแล้วออกไปหาคนเล่นด้วย
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะขบขัน ก่อนเดินไปที่ห้องของตนเอง
ชิงเยว่ไม่รู้โผล่มาจากไหน ติดตามอยู่ด้านหลัง
"ตรงนี้ไม่มีธุระอะไร เ้าไปทำงานของตนเองเถอะ อ้อ หรือไม่ไปเล่นไพ่กับพวกหลันฮวาก็ได้"
เซวียเสี่ยวหรั่นโบกมือไล่ ให้นางเลิกตามตนเองเสียที จวนก็กว้างแค่นี้จากเรือนหน้าไปเรือนหลัง ตนเองจะบินหนีไปไหนได้
ชิงเยว่เห็นนางเดินกลับไปห้องข้าง ก็อึ้งอยู่กับที่
เ้านายที่เป็กันเองขนาดนี้ นางเพิ่งเคยพบเจอเป็ครั้งแรก แม้จะคุยง่ายแต่ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกไม่คุ้นชิน
เซวียเสี่ยวหรั่นยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ไม้หวงฮวาหลีพนักพิงแกะสลักลายดอกเหมยกุ้ย ในมือถือดินสอถ่านปลายแหลม เริ่มวาดภาพหลังไพ่พูเค่อ
หลังไพ่ในความทรงจำมีหลายรูปแบบ เซวียเสี่ยวหรั่นเลือกแบบที่ธรรมดาออกมาสามสี่อย่าง
หลังจากร่างแบบ ก็หาไม้บรรทัดมาตีเส้น วาดไปสามสี่ฉบับ ก็ยังรู้สึกไม่พอใจ
ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดทีละน้อย หญิงสูงวัยสองคนที่เฝ้าประตูก็เริ่มจุดโคมแดงแขวนใต้ชายคาระเบียง
ชิงเยว่เข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ แล้วจุดเทียนบนเชิงเทียนสีสันสดใส
เซวียเสี่ยวหรั่นหันไปยิ้มให้นาง ก่อนจะวาดภาพต่อ
"ถ้าขยันฝึกเขียนอักษรได้แบบนี้ ลายมือของเ้าก็คงไม่น่ากังวล"
เสียงทุ้มต่ำชวนฝันแฝงแววยั่วเย้าอยู่หลายส่วน
เซวียเสี่ยวหรั่นเงยหน้าขึ้นทันที เรือนร่างสูงใหญ่ของเหลียนเซวียนยืนอยู่ภายใต้แสงเทียน ดวงเนตรที่หลุบลงมาราวกับมีลูกไฟทอประกายอยู่ในนั้น ดวงหน้าคมเข้มหล่อเหลาราวกับรูปสลัก
"เหลียนเซวียน ท่านกลับมาแล้ว" น้ำเสียงเบาหวิวเผยความตื่นเต้นยินดีจากขั้วหัวใจ
มุมปากของชายหนุ่มโค้งขึ้นเป็รอยยิ้ม เขาชอบฟังคำพูดประโยคนี้
...
[1] ไพ่ทัวลาจี หรือไพ่แทรกเตอร์ เป็วิธีการเล่นไพ่โป๊กเกอร์ชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในประเทศจีน
