หนิงเทียนรู้สึกสับสน เขาไม่เข้าใจความหมายของคำว่า “โลงศพหยกหายนะ ทำลายล้างคนงาม” เลยสักนิด แต่เมื่อสันนิษฐานจากปฏิกิริยาของสุ่ยหลิง โลงศพหยกในมือของสือจงเป่าจะต้องมีเื้ัที่ยอดเยี่ยมเป็แน่
อารมณ์ของสุ่ยหลิงแปรปรวนอย่างมาก โลงศพนั้นทั้งชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัว อีกทั้งยังมีตำนานโบราณกล่าวว่ามันเป็ลางร้าย โดยเฉพาะเหล่าหญิงสาวที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ เก้าในสิบมักจะสิ้นชีพภายใต้โลงศพหยก
นี่เป็คำสาปที่สืบต่อกันมาหลายชั่วอายุ และยังไม่มีผู้ใดสามารถลบล้างได้
“เ้ามาเพราะข้าจริงหรือ?” สุ่ยหลิงทั้งใและสับสนในเวลาเดียวกัน เพราะมีสาเหตุไม่มากนักที่ทำให้สือจงเป่าต้องมาหานาง
ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในใจของหนิงเทียน เขาจึงถามออกไปว่า “เป็ไปได้ไหมที่โลงศพนั้นจะเป็ของปลอม?”
สุ่ยหลิงชะงักไปครู่หนึ่งและตระหนักได้ทันที “สือจงเป่า เ้ากล้าหลอกข้าหรือ?”
“แล้วเ้าคิดว่าโลงศพหยกนี้เป็ของปลอมหรือ? เหตุใดไม่ลองทดสอบเองเล่า?” สือจงเป่ายิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม จงใจทำให้อีกฝ่ายสับสนว่าโลงศพในมือเขาเป็ของจริงหรือของปลอมกันแน่
“เ้าคิดว่าข้าไม่กล้าลองหรือ?” สุ่ยหลิงตอบพร้อมใช้ฝ่ามือโจมตี ทันใดนั้นห้วงอากาศตรงหน้าก็เริ่มบิดเบี้ยว และปรากฏร่องรอยซึ่งเต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง จนหนิงเทียนเกิดความหวาดกลัว
คลื่นผันผวนช่างน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง มันรุนแรงเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้ นี่เป็พลังของจิติญญาแห่งธรรมชาติหรือ?
ดวงตาของสือจงเป่าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขาปล่อยโลงศพหยกทิ้งไปแล้วใช้ฝ่ามือรับการโจมตี
พลังฝ่ามือของทั้งสองฝ่ายบิดเบือนอากาศโดยรอบ กระแสพลังพลุ่งพล่านราวคลื่นั์ ซึ่งอัดแน่นจนก่อเกิดการทำลายล้าง มวลอากาศพังทลายลงพร้อมเสียงหวีดที่คมชัด ห้วงมิติที่ขยายตัวอย่างไม่สิ้นสุดแตกกระจาย และพลังล้างผลาญก็แผ่ออกไปเป็วงกว้าง
“หากไม่ใช่ของปลอม เหตุใดเ้าจึงทิ้งมันเล่า?” ยามนี้เสื้อผ้าของสุ่ยหลิงโป่งพอง ผมของนางยาวสลวยราวผลึกใสที่ทะลุผ่านห้วงอากาศ และเผยให้เห็นแม่น้ำจำนวนนับไม่ถ้วน
แม่น้ำแต่ละสายไหลผ่านมิติที่เชื่อมกับเส้นผมของสุ่ยหลิง พร้อมดูดกลืนพลังอันน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่อาจอธิบายได้ ทำให้ห้วงมิติเวลาที่แท้จริงเริ่มบิดเบี้ยวและขยายตัว
สือจงเป่าแสดงความจริงจังบนใบหน้า ก่อนจะะโว่า “สุ่ยหลิง! เ้าอยากสร้างปัญหาอย่างไร้เหตุผลจริงหรือ?”
“เ้าใช้โลงศพหยกหลอกลวงข้า ซึ่งหมายความว่าเ้ามาที่นี่โดยมีแผนการซ่อนเร้น เ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เ้าสมปรารถนาหรือ?”
สือจงเป่ากัดฟันดังกรอดและตวาดอย่างไม่พอใจ “เ้ารู้เช่นนี้แล้วอย่างไร? ข้าต้องกลัวเ้าด้วยหรือ?”
เมื่อเท้าซ้ายของสือจงเป่าแตะพื้น พลังอันรุนแรงก็ถล่มยอดผาโดยรอบลงทันที ทั้งยังทำลายกฎต้องห้ามภายในพื้นที่เขตหนึ่งจนแตกสลาย
เขาทะยานขึ้นฟ้าราวเพชรกล้า มือกลมรวดเร็วปานสายฟ้า การโจมตีแต่ละครั้งทำลายมิติเวลา เสียงกรีดร้องที่ทะลุเข้าหูเต็มไปด้วยแสงแห่งการทำลายล้าง ส่งผลให้หนิงเทียนต้องหลบหนีด้วยความตื่นตระหนก
“แข็งแกร่งในความนิ่มนวล!” การเคลื่อนไหวของสุ่ยหลิงทั้งอ่อนโยนและงดงาม ก่อนจะเปลี่ยนความนุ่มนวลเป็ความแข็งแกร่งสุดขีด ฝ่ามือหยกเรียวสวยะเิห้วงอากาศ และเปลวเพลิงทั้งหมดก็ดับลงด้วยฝ่ามือของนาง
“แข็งแกร่งไม่หวั่นไหว!” สือจงเป่าคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว จิติญญาแห่งหินผาของเขาแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ ไม่ต่างจากจิติญญาแห่งน้ำของสุ่ยหลิงเลย
เมื่อพลังที่อ่อนนุ่มและแข็งแกร่งที่สุดปะทะกันกลางอากาศ คลื่นแสงก็แตกกระจายก่อนจะก่อตัวคล้ายปีกผีเสื้อ เสียงคำรามฉีกท้องนภา เกิดพายุฝนฟ้าคะนองในรอยแยกของห้วงมิติ สัตว์มายาจากโลกอื่นและโลงศพสีดำประหลาดแวบวับ ซึ่งเป็สัญญาณของลางร้าย
สุ่ยหลิงและสือจงเป่าแข็งแกร่งพอๆ กัน ทั้งสองคนฟาดฟันกันอย่างหนักหน่วงจนฟ้าดินแทบพังทลาย ูเาส่งเสียงโหยหวน
พื้นที่เขตหนึ่งได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง หนิงเทียนซ่อนตัวอยู่ในระยะไกลและเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้น หินสีดำขนาดใหญ่ก็โผล่ออกมาจากพื้นดินที่แตกร้าว โดยมีเถาวัลย์สีดำงอกขึ้นมาท่ามกลางพายุ
ดอกไม้สามดอกแบ่งบานบนเถาวัลย์สีดำ หลังจากดอกไม้แต่ละดอกเหี่ยวเฉา ศีรษะของมนุษย์ก็ปรากฏขึ้น ซึ่งเผยให้เห็นรอยยิ้มอันดุร้ายและมีควันดำพวยพุ่งออกมาจากปาก
เมื่อสุ่ยหลิงเห็นเช่นนี้ นางก็คำรามด้วยความโกรธและพูดว่า “สือจงเป่า! เ้ามีเจตนาชั่วร้ายจริงๆ บังอาจนำเถาวัลย์หัวผีพันิญญามาด้วย! หนิงเทียน จงทำลายมันเสีย!”
เถาวัลย์สีดำทั้งน่าพิศวงและโเี้ ควันดำที่ฟุ้งกระจายออกมานั้นสามารถกัดกร่อนชีวิตได้ เป็เหตุให้พืชพรรณ ูเา และหินผาในบริเวณใกล้เคียงล้มตายอย่างรวดเร็ว
“ได้! ข้าจะทำลายมัน” หนิงเทียนใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยจิติญญาแห่งการต่อสู้ กระแสน้ำรูปวงแหวนข้างกายมีพลังแห่งชีวิต ซึ่งสามารถยับยั้งการกัดกร่อนของเถาวัลย์หัวผีพันิญญาได้
สือจงเป่าตะเบ็งเสียงอย่างเกรี้ยวกราด “เป็เพียงมดตัวจ้อยยังอาจหาญทำลายเื่ดีๆ ของข้า ตายเสียเถิด!”
เมื่อพูดจบสือจงเป่าก็พุ่งเข้าหาหนิงเทียน ทว่าถูกสุ่ยหลิงหยุดไว้ หนิงเทียนจึงอาศัยโอกาสนี้รีบวิ่งไปเบื้องหน้าเถาวัลย์หัวผีพันิญญา กระแสน้ำรูปวงแหวนแผ่ขยายอย่างรวดเร็วและปล่อยพลังแห่งการชำระล้างออกมา สิ่งนี้ทำให้เถาวัลย์หัวผีพันิญญาเริ่มร้อนรนและพยายามหนีจากการคุกคามของหนิงเทียน โดยหินสีดำก็เข้ามาช่วยเหลือมันอย่างรวดเร็ว
สือจงเป่าคำรามด้วยความโกรธ การเคลื่อนตัวไปข้างหน้าของเขาล้มเหลวถึงสามครั้งติดต่อกัน ในที่สุดเขาก็ยอมสละหินสีดำและกลายร่างเป็มนุษย์หินในสายลม จากนั้นก็พุ่งเข้าหาหนิงเทียน
สุ่ยหลิงเหลือบมองอย่างเ็าแล้วปลดปล่อยผนึกด้วยมือซ้าย เมื่อฝ่ามือกระทบพื้น รูปแบบจิติญญาจำนวนนับไม่ถ้วนก็กระจายไปทั่วบริเวณ พร้อมก่อตัวเป็พื้นที่พิเศษ
มนุษย์หินตัวหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ระดับความแข็งแกร่งของเขาถูกจำกัดโดยพื้นที่ เขาตกลงไปอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้า ซึ่งเป็ระดับเดียวกันกับหนิงเทียน
สือจงเป่าส่งเสียงพึมพำ “เ้าคิดว่าการวาดพื้นเป็คุกเพื่อปราบปรามขอบเขต แล้วมนุษย์จะสามารถต่อกรกับร่างมายาของข้าได้หรือ? ข้าเป็จิติญญาแห่งธรรมชาติที่อยู่ยงคงกระพัน แล้วภายในขอบเขตเดียวกัน ใครสามารถหยุดข้าได้?”
สุ่ยหลิงเยาะเย้ย “เ้าก็เป็เพียงหินที่ดื้อรั้น ข้าจะสังหารเ้าเอง!”
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างเืเย็นอีกครั้ง แสงแห่งความโกลาหลปกคลุมพื้นที่ พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของห้วงเวลาและทำให้เกิดมิติทับซ้อน
เมื่อหนิงเทียนได้ยินเสียงคำรามแปลกประหลาด เขาก็หลบอย่างรวดเร็ว ทว่าชายร่างใหญ่ที่สูงกว่าห้าจั้งพุ่งมาหยุดเขาไว้
“บ้าเอ๊ย! มันออกมาจากก้อนหินหรืออย่างไร?” หนิงเทียนร้องเสียงหลงด้วยท่าทีเคร่งเครียด ชายผู้นี้ทำให้เขารู้สึกถึงวิกฤตอย่างรุนแรง
“ข้ามีนามว่าสือเสี่ยวเป่า ข้ามาเพื่อส่งเ้าไปยังแดนแห่งความตาย”
ห้วงอากาศสั่นะเืทันทีที่มนุษย์หินผู้นี้ออกหมัด พลังิญญานับไม่ถ้วนรวมตัวกันบนกำปั้นของเขาราวกับเพลิงโลกันต์ที่เดือดพล่าน ซึ่งทำให้หนิงเทียนตื่นตระหนกอย่างมาก
“บ้าไปแล้วหรือ? เ้ารู้หรือว่าแดนแห่งความตายคือที่ใด?”
มนุษย์หินยกแขนซ้ายขึ้น แล้วชี้ไปในทิศทางหนึ่ง “ทางนั้น”
ร่างของหนิงเทียนเปล่งประกาย สัตตบุษย์งอกงามทุกย่างก้าวและทักษะเคลื่อนย้ายมวลสารของทหาริญญาเยาเยา ช่วยให้เขาปรากฏตัวข้างกายมนุษย์หินราวกับิญญา แล้วโจมตีมันด้วยหมัดเดียว
สือเสี่ยวเป่าพลิกตัวกลางอากาศโดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ และพูดด้วยความโกรธ “เ้ากล้าโกงข้าหรือ?”
“เ้าหัวก้อนหิน! หากข้าโกงเ้าจริงๆ แล้วเ้าจะกัดข้าหรือ?” หนิงเทียนสบถเสียงดัง แต่ในใจกลับระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง
“เช่นนั้นจงลงนรกเสียเถิด!” สือเสี่ยวเป่าคำราม ร่างหินของมันมีการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่จำเป็ต้องกังวลเื่การโจมตีของศัตรูเลยสักนิด มันจึงพุ่งตัวหมายเอาชีวิตของหนิงเทียนอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของหนิงเทียนเต็มไปด้วยจิติญญาแห่งการต่อสู้ กายาสุวรรณะนิรันดร์มาถึงระดับห้าแล้ว ลวดลายสีทองบนกำปั้นกะพริบไหว ก่อนจะออกหมัดโจมตีตรงๆ
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงสนั่นและเสียงสะท้อนของกระแสลมก้องกังวาน คลื่นกระแทกที่แผ่กระจายพัดพาร่างทั้งสองกระเด็นออกจากกัน
หนิงเทียนสบถดังลั่น เขาชาไปทั้งแขน อีกฝ่ายเป็เหมือนก้อนหินในส้วมที่ทั้งส่งกลิ่นเหม็นและแข็งแกร่ง จนไม่รู้ว่าควรเริ่มลงมือจากที่ใด
ร่างของสือเสี่ยวเป่าสั่นคลอนเล็กน้อย ก่อนจะหันมาพูดอย่างดุเดือด “ในระดับเดียวกันจะมีผู้ใดสู้ข้าได้? ตายเสียเถอะ!”
หมัดดาวตกรัตนชาติเป็ทักษะเฉพาะของสือเสี่ยวเป่า ซึ่งมีความรวดเร็วอย่างยิ่ง และเต็มไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง
ดวงตาของหนิงเทียนลุกเป็ไฟ จิติญญาการต่อสู้ของเขาพุ่งสูง หลังจากเสริมรากฐานให้แข็งแกร่งแล้ว พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็สิบเท่า และเขาก็กระตือรือร้นที่จะต่อสู้กับผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันเป็อย่างมาก
สือเสี่ยวเป่าคือร่างอวตารของจิติญญาแห่งธรรมชาติอย่างสือจงเป่า ถือเป็หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในโลก ทั้งยังได้รับพรอันเป็เอกลักษณ์และได้ใกล้ชิดกับเต๋า ซึ่งเหล่าจื๋อซิวไม่อาจเทียบเคียงได้เลย
พลังการต่อสู้ของมันจึงรุนแรงมาก พลังหมัดหนึ่งแสนจินนั้นเป็เพียงเื่เล็กน้อย มันปลูกฝังวิถีแห่งเต๋าจนมีร่างกายที่เป็ะ และอยู่ยงคงกระพันั้แ่กำเนิด
“ทะลวงพันชั้น!” หนิงเทียนคำรามอย่างบ้าคลั่ง ยามนี้ทะลวงพันชั้นของเขาถึงระดับห้าแล้ว เมื่อรวมกับกายาสุวรรณะนิรันดร์ก็แทบไม่ต่างจากลิงั์ะ เขาพยายามโจมตีสือเสี่ยวเป่าด้วยการเคลื่อนไหวนับพันครั้งในลมหายใจเดียว
ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีพลังอันยิ่งใหญ่ ฤทธิ์เดชทรงอานุภาพอย่างมาก เมื่อหนิงเทียนดูดกลืนพลังิญญาและเปล่งแสงแห่งจิติญญาออกมา กระแสวังวนแห่งพลังทั้งห้ารอบร่างของเขาก็สั่นะเืด้วยความเร็วสูง ความเร็วในการดูดกลืนพลังิญญาเพิ่มจากสี่สิบเก้าครั้งเป็หกสิบสี่ครั้ง และความเร็วโดยรวมก็มากถึงสามร้อยยี่สิบครั้งในคราวเดียว
เงาหินกลมห้าก้อนปรากฏขึ้นรอบกายสือเสี่ยวเป่า แม้วิธีดูดกลืนพลังิญญาของมันจะแตกต่างจากหนิงเทียน แต่ก็น่าทึ่งไม่แพ้กัน
สีหน้าของหนิงเทียนราวกับคนคลุ้มคลั่ง เขา้าสยบสือเสี่ยวเป่าอย่างสุดหัวใจ ทว่าหลังจากตอบโต้กันไปมาก็พบว่า การต่อสู้ตัวต่อตัวของทั้งคู่มีช่องว่างไม่มากนัก
สือเสี่ยวเป่าคำรามอย่างไม่พอใจ พร้อมปล่อยพลังน่าสะพรึงกลัวและใช้กลอุบายที่ทรงพลังที่สุด “หมัดะเืดารา!”
หมัดสีแดงซึ่งห่อหุ้มด้วยแสงหมุนด้วยความเร็วสูง ทั้งยังปกคลุมไปด้วยอักขระอย่างหนาแน่น ราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดเผาทำลายทุกสิ่ง
หนิงเทียนรู้สึกถึงภัยคุกคามจึงเร่งยุทธศาสตร์ครอง์ให้ถึงขีดสุดทันที พลังการไล่ล่าผสานเข้ากับทะลวงพันชั้น ทำให้ร่างกายของเขาราวกับกระบี่อันคมกริบที่ไร้เทียมทาน
หนิงเทียนลอยออกไปหลายพันจั้งพร้อมเสียงดังสนั่น คราวนี้กำปั้นของเขาแตกแล้ว และสือเสี่ยวเป่าก็คำรามลั่นพร้อมรอยแตกบนหมัดเช่นกัน การชกครั้งนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายาเ็
“ขาทลายดารา” สือเสี่ยวเป่าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ขาโซ่ะเิอย่างรุนแรง และทุบตีจนหนิงเทียนต้องถอยไปหลายร้อยจั้ง
หนิงเทียนกระอักเื ก่อนจะส่งเสียงคำรามอย่างดุเดือด “วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น แส้เถาวัลย์ั!”
กระดูกคำรามลั่นทั่วทั้งร่าง เืในกายเผาไหม้และพลุ่งพล่านด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ เขาพุ่งไปข้างหน้าราวกับอสูรโบราณ แล้วต่อสู้กับสือเสี่ยวเป่าอย่างไม่หยุดพัก จนภูผาธาราโดยรอบแปดเปื้อนไปด้วยหยาดโลหิต
จิติญญาแห่งธรรมชาตินั้นทรงพลังอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ของสือเสี่ยวเป่ายังไม่ปกติ ร่างหินของมันเป็ะและคงกระพันั้แ่กำเนิด ดังนั้น หนิงเทียนจึงต้องเผชิญกับอันตรายมากมาย
หากก่อนหน้านี้สุ่ยหลิงไม่ได้สร้างรากฐานของเขาให้สมบูรณ์ เขาก็คงพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับขอบเขตเดียวกันอย่างแน่นอน
พลังอันรุนแรงของทะลวงพันชั้นก่อให้เกิดาแเพียงเล็กน้อยต่อสือเสี่ยวเป่า และการเฆี่ยนตีของแส้เถาวัลย์ัก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อสือเสี่ยวเป่าได้ สิ่งเดียวที่สามารถจับมนุษย์หินผู้นี้ได้ คือ วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น แสงกระบี่บางเฉียบดุจใยแมงมุมสามารถทะลุทะลวงทุกสิ่ง และสร้างความเสียหายให้อวัยวะภายในของสือเสี่ยวเป่า
วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นของหนิงเทียนอยู่ในระดับห้า ปราณกระบี่เฉียบบางจนยากที่จะแยกแยะ หลังจากแทรกซึมเข้าไปในร่างของศัตรูแล้ว ก็สามารถทำลายล้างจากภายในด้วยการขยายพลังสิบหกเท่า
แขนของสือเสี่ยวเป่าะเิเป็จุณ มันจึงคำรามอย่างโกรธจัดและโจมตีอย่างโเี้ แต่กายาสุวรรณะนิรันดร์ก็ช่วยลดความเสียหายให้กับหนิงเทียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“จงจำไว้ว่าเราต้องทำลายเถาวัลย์หัวผีพันิญญา”
เสียงของสุ่ยหลิงดังขึ้น ก่อนที่พื้นที่ทับซ้อนจะแตกสลายในวินาทีถัดมา ทันใดนั้นลำแสงหนึ่งก็ลอยขึ้นจากพื้นดินแล้วห่อหุ้มร่างของสุ่ยหลิงและสือจงเป่า จากนั้นก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“พี่สาว!” หนิงเทียนร้องเรียก ก่อนจะเห็นลำแสงหายวับไปกับตา พร้อมด้วยร่างของสุ่ยหลิงและสือจงเป่าที่หายไป
สือเสี่ยวเป่ายังคงคำรามและเตะขาออกไปอย่างต่อเนื่อง ราวกับแส้ของเทพเ้าสายฟ้าที่ส่องประกายสีแดง
“ลงนรกเสียเถอะ! วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น!” ดวงตาของหนิงเทียนเบิกกว้างอย่างโกรธเกรี้ยว เขาผสานยุทธศาสตร์ครอง์เข้ากับวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นจนมีพลังเพิ่มขึ้นเป็สองเท่า
สือเสี่ยวเป่าคำรามลั่น ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “ข้าคือจิติญญาแห่งธรรมชาติ ไม่มีใครเอาชนะข้าได้ จงตายเสียเถอะ!”
สือเสี่ยวเป่าพุ่งเข้ากอดรัดร่างของหนิงเทียนอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นร่างซึ่งเป็ะก็สลายตัว มันเลือกที่จะทำลายตัวเอง และยามนี้ความหวาดกลัวต่อความตายก็ปกคลุมร่างหนิงเทียนอย่างรวดเร็ว
