หลังจากปรึกษากับเฉียงเวยเกี่ยวกับเื่การลงทุนแล้ว เฉียงเวยก็ตัดสินใจติดต่อกับหวังจี้โดยเร็วที่สุด แต่ก่อนหน้านั้นเธอจะต้องซื้อบริษัทบันเทิงขนาดเล็ก หรือขนาดกลางเอาไว้ในเสียก่อนเพื่อจะได้ไม่มีพิรุธ และสมเหตุสมผลมากที่สุด
บรรยากาศในตอนนี้เริ่มหนาวเย็น หยางเฉินเห็นพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า จึงขับรถกลับหมู่บ้านสวนหลงจิ่ง เมื่อเดินเข้าประตูบ้านไป หยางเฉินก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ไม่ได้เห็นกับข้าวอันโอชะบนโต๊ะตามปกติ
หยางเฉินปิดประตูบ้าน เขาเดินขึ้นไปที่ชั้นสองแล้วเคาะประตูห้องพักของป้าหวังทันที
เมื่อประตูห้องถูกเปิดออก ป้าหวังเดินออกมาหน้าห้องพร้อมเสื้อหนาเตอะ และใบหน้าที่ค่อนข้างซีด "วันนี้คุณชายกลับบ้านเร็วเชียว มีอะไรหรือเปล่าคะ?"
หยางเฉินเห็นใบหน้าที่ซีดเชียวของป้าหวังก็รู้ได้ทันทีว่าเธอป่วย เขาจึงถามอย่างกังวลว่า "ป้าหวังโอเคหรือเปล่าครับ หน้าซีดเชียว?"
"ป้าเป็หวัดนิดหน่อยน่ะค่ะคุณชาย ่บ่ายป้านอนพักแล้วแต่ดูเหมือนอาการยังไม่ดีขึ้น สงสัยคงต้องนอนพักอีกสักหน่อย" ป้าหวังถอนหายใจกล่าวว่า "วันนี้คุณชายออกไปทานอาหารเย็นกับคุณหนูก็แล้วกันนะคะ วันนี้ป้าไม่มีแรงจริงๆ"
"ทานข้าวนอกบ้าน?"
"ตอนนี้คุณหนูกำลังทำงานอยู่ในห้อง อ๊ะ! ป้ายังไม่ได้เรียกคุณหนูมาทานข้าวเลย" ป้าหวังเหมือนลืมเื่สำคัญอะไรไปบางอย่าง
"คุณชายเรียกคุณหนูไปทานข้าวหน่อยนะคะ ป้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน"
"แล้วผมจะซื้อข้าวมาฝากป้านะครับ" หยางเฉินกล่าว
"ไม่เป็ไรหรอกค่ะคุณชาย ขอป้าพักผ่อนสักหน่อยก็แล้วกัน" ป้าหวังฝืนยิ้มออกมาจากนั้นจึงปิดประตูไปในที่สุด
หยางเฉินรู้สึกเป็กังวลอยู่บ้าง แม้รูปลักษณ์ภายนอกป้าหวังจะดูไม่แก่ แต่อายุที่แท้จริงของเธอก็ปาเข้าไป 50 แล้ว เมื่ออายุมากขึ้นอาการป่วยย่อมหายยากขึ้นกว่าเดิม
หยางเฉินเดินตรงไปยังห้องอีกห้องหนึ่งที่มีแสงไฟลอดออกมา แม้จะกลับมาบ้านแล้วแต่หลินรั่วซีก็ยังคงทำงานต่อจนมักจะลืมเวลาทานอาหารอยู่เสมอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หยางเฉินเคาะประตูห้อง ไม่นานนักประตูก็เปิดออก หลินรั่วซีในชุดเสื้อคลุมสีชมพูที่ดูบางเบาจนเห็นทรวดทรงได้อย่างชัดเจนปรากฏกายออกมา
"ได้เวลาทานข้าวแล้วเหรอ?" หลินรั่วซีถาม
"ถึงเวลาทาน แต่ไม่มีให้ทาน" หยางเฉินตอบ
"หมายความว่ายังไง?" หลินรั่วซีขมวดคิ้วเล็กน้อย
หยางเฉินบอกกับหลินรั่วซีว่าป้าหวังป่วย และให้เราออกไปหาอะไรทานกันเอง หลินรั่วซีได้ยินดังนั้นก็แสดงสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที เธอรีบตรงไปยังห้องของป้าหวังทันที แต่ก็ถูกหยางเฉินคว้าแขนเอาไว้ได้เสียก่อน
"อย่ารบกวนป้าหวังเลย พวกเราออกไปหาอะไรทานกันเถอะ"
"นายก็ไปเองสิ ฉันยังไม่หิว" หลินรั่วซีปฏิเสธหยางเฉิน และพยายามสะบัดแขนเพื่อสลายการจับกุมของหยางเฉินให้ได้
หยางเฉินยกยิ้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ั้แ่เขาจูบเธอไป หลินรั่วซีก็มีท่าทีห่างเหินกับเขามาโดยตลอด
"ถ้าคุณไม่ทานข้าว แล้วจะไปมีแรงทำงานได้ยังไง?”
"ฉันบอกว่าไม่หิวก็ไม่หิวไง" หลินรั่วซีกล่าวออกมาอย่างเ็า
"เราต้องออกไปซื้อยาให้ป้าหวังด้วย อย่าบอกนะว่าคุณไม่้าให้ป้าหวังทานยา?" หยางเฉินจำต้องเปลี่ยนวิธีพูด
หลินรั่วซีส่งสายตาไม่ยินยอมพร้อมใจออกมา แต่สุดท้ายก็พูดขึ้นเสียงเบาว่า "งั้นรอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าห้านาที"
หยางเฉินโล่งอกขึ้นมาทันที เมื่อหลินรั่วซีต้องเจอกับกลอุบายซุนวูของเขา แน่นอนว่าย่อมต้องไม่รอดเงื้อมมือ
ไม่ถึงห้านาที หลินรั่วซีก็เดินออกมาในชุดกันหนาว ภายนอกเป็เสื้อโค้ต ผ้าพันคอสีเทา เสื้อกางเกงสีอ่อน ผมยาวปลิวไสวสีดำสนิทตัดกับผิวที่ขาวราวหิมะ ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างไม่อาจละลายตาไปได้
หยางเฉินยิ้มและถามว่า "คุณหนาวเหรอครับ?"
"เราจะไปร้านอาหารข้างนอกใช่ไหมล่ะ?" หลินรั่วซีถาม
"แน่นอน" หยางเฉินกล่าว
หลินรั่วซีไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอเดินไปที่ประตู หยิบรองเท้าไนกี้ออกมาสวม ด้วยความสูง 170 เิเ ทำให้แม้จะไม่ได้ใส่รองเท้าส้นสูง ก็ไม่ทำให้เธอดูเตี้ยแต่อย่างใด
เมื่อมาถึงโรงจอดรถหลินรั่วซีก็ถามหยางเฉินว่า "แล้วเราจะไปที่ไหน?"
"คุณมีที่แนะนำมั้ยล่ะ” หยางเฉินถาม
หลินรั่วซีส่ายหน้า "ฉันไม่ค่อยได้ออกมาทานข้าวนอกบ้านบ่อยนัก"
"ถ้างั้นผมขับนะ" หยางเฉินพูดดูเชิง
หลินรั่วซีลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้ากล่าวว่า "อย่าขับเร็วล่ะ"
หยางเฉินไม่กล้าขับรถเร็วเกินไปนัก เพราะปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองยังอยู่ในระยะาเย็น ถ้ายิ่งไปทำให้หลินรั่วซีรู้สึกรำคาญไปมากกว่านี้ จากาเย็นคงได้กลายเป็าโลกเป็แน่แท้
รถ BMW สีขาวมุ่งหน้าไปยังตลาดนัดกลางคืนในเขตชานเมือง หยางเฉินไม่ได้ตั้งใจจะไปร้านอาหารหรูๆ เพราะเขาไม่ชอบบรรยากาศในห้องอาหารหรูหรา
หลินรั่วซีมองบรรยากาศของตลาดนัดกลางคืนที่คึกคักผ่านหน้าต่างรถ ในความคิดของเธอที่นี่คล้ายเป็อีกโลกหนึ่งที่เธอไม่คุ้นเคย นี่ไม่ใช่ความคิดหยิ่งยโส แต่เป็เพียงความรู้สึกตามสัญชาตญาณ
เมื่อจอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว แสงไฟน้อยใหญ่ตามร้านอาหารต่างๆ ก็สาดเข้าใส่หน้าพวกเขา กลิ่นของอาหารรสจัดจ้านหลากหลายโชยเข้ามาจนหลินรั่วซีเริ่มรู้สึกหิว
"กินอะไรกันดี?"
หยางเฉินชี้ไปที่ ''กุ้ง'' ในร้านอาหารร้านหนึ่งที่อยู่ใกล้พวกเขาที่สุดก่อนเอ่ยถามหญิงสาวว่า "กินนี่มั้ย?”
"มันคืออะไร?" หลินรั่วซีไม่ทราบจริงๆ
"วันนี้ผมจะพาคุณไปกินที่นี่" หยางเฉินกล่าวพลางจับมือหลินรั่วซีเดินนำไปที่ร้านอาหาร
หลินรั่วซีเดินตามหยางเฉิน พร้อมกับพยายามดึงมือออก
"ฉันเดินอยู่ที่ไง ปล่อยมือได้แล้วน่า"
"ผมกลัวว่าคุณจะถูกคนร้ายลักพาตัวไป ยิ่งคุณเป็ผู้หญิงด้วยยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่" หยางเฉินกล่าว
"ไร้สาระ ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบนะ" ความแข็งแกร่งของหลินรั่วซีไม่เพียงพอที่จะต่อต้านหยางเฉินได้ ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้และปล่อยให้หยางเฉินจับมือเดินนำไปแต่โดยดี
ภายในร้านอาหาร มีโต๊ะว่างอยู่สามโต๊ะ หยางเฉินหาโต๊ะที่จุดยุทธศาสตร์ดีที่สุด จากนั้นจึงนั่งลงสั่งกุ้งมาสองชาม น้ำตุ๋นไก่ และผัดอื่นๆ อีกไม่กี่อย่าง
หลินรั่วซีฟังหยางเฉินสั่งอาหารอย่างมึนงง เธอได้เรียนวิธีทำอาหารจากหลี่จิงจิงมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เคยได้ยินรายชื่ออาหารเหล่านี้ที่หยางเฉินสั่ง และอดที่จะถามขึ้นไม่ได้ "มันอร่อยหรือเปล่า?”
"แน่นอน มันอร่อยเหาะเลยล่ะ" หยางเฉินหัวเราะ
หลินรั่วซีไม่ได้พูดอะไรต่อ สายตาของเธอกวาดมองไปที่รอบๆ ร้านอาหารเล็กๆ ทั้งโต๊ะไม้เก่าๆ และเก้าอี้ชำรุด ขยะเต็มพื้นกระเบื้องแทบทุกอณูหลินรั่วซีไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเลือกมากินอาหารที่นี่
ไม่นานนักกุ้งสีแดงสดสองจานก็ถูกยกออกมาเสิร์ฟตรงหน้าพวกเขา
กลิ่นของซอสอันหอมหวนลอยแตะจมูก สีของซอสเป็สีแดงยิ่งขับเน้นตัวกุ้งให้แดงขึ้นไปอีก หลินรั่วซีเคยกินกุ้งก้ามกรามออสเตรเลียตัวมหึมาที่ถูกตัดเป็สิ้นๆ จึงค่อยมาเสิร์ฟ แต่ยังไม่เคยกินกุ้งที่เสิร์ฟทั้งตัวเช่นนี้
หยางเฉินปอกเปลือกกุ้งด้วยมือเปล่า และเอร็ดอร่อยกับการดูดกินเนื้อกุ้งที่อยู่ภายใน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น เขากลับเห็นหลินรั่วซีนั่งจ้องคิ้วขมวด จึงถามขึ้นว่า
"ทำไมไม่กินล่ะ คุณชอบกินกุ้งไม่ใช่เหรอ?"
"นายใช้มือกิน ไม่รู้สึกว่ามันสกปรกเลยหรือไง?" หลินรั่วซีรู้สึกรับไม่ได้
"กินกุ้งก็ต้องใช้มือสิครับ หรือจะให้ใช้เท้ากิน?" หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"อย่างน้อยก็ใช้ถุงพลาสติก..."
“ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมห้าดาวนะครับ ไม่มีของจุกจิกแบบนั้นหรอก... เอ๋... หรือว่าบอสหลินจะแกะกุ้งไม่เป็?"
หลินรั่วซีได้ยินเช่นนั้นก็โมโหจนหน้าแดง ชายคนนี้กล้าบอกว่าเธอแกะกุ้งไม่เป็อย่างนั้นเหรอ!?
หลินรั่วซีไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอจัดการคว้าหมับเข้าที่กุ้งสีแดงตัวหนึ่งด้วยมือเปล่า เธอศึกษาวิธีแกะกุ้งจากหยางเฉินอย่างหมดเปลืองแล้ว ดังนั้นกุ้งสีแดงตัวนี้จึงไม่น่าจะรอดเงื้อมมือเธอไปได้
แต่ดูเหมือน์จะไม่ให้เธอกินกุ้งได้ง่ายๆ ด้วยความรีบร้อน เธอจึงโดนหัวกุ้งแทงเข้าไปที่นิ้วอย่างจัง!
เมื่อบวกกับซอสอันเผ็ดร้อนของกุ้ง หลินรั่วซีก็สะดุ้งปล่อยมือออกจากกุ้งทันที พร้อมเอามือบีบนิ้วจนเืไหลซึมออกมา ใบหน้าเหยเกด้วยความแสบร้อน
หยางเฉินเห็นดังนั้นก็รีบเอาทิชชู่ส่งให้พร้อมกล่าวว่า "คุณจะรีบแกะทำไมล่ะครับ"
หลินรั่วซีทั้งแสบนิ้วทั้งโมโห เธอควรจะกำลังทานข้าวในร้านอาหารสุดหรู ที่ทั้งโรแมนติกและเงียบสงบ แต่เขากลับพาเธอมายังร้านอาหารเล็กๆ สกปรกแห่งนี้จนทำให้เธออับอาย คิดได้ดังนั้นดวงตาของหลินรั่วซีค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีแดง
ในขณะที่หยางเฉินนั้นทั้งสงสาร ทั้งรู้สึกสนใจ หลินรั่วซีในตอนนี้อ้าปากค้างแต่กลับไม่พูดอะไรออกมา ท่าทางของเธอเช่นนี้ทำให้หยางเฉินรู้สึกสนใจไม่น้อย
"คุณไปล้างแผลในห้องน้ำก่อนเถอะ" หยางเฉินกล่าว
หลินรั่วซีลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ ห่อมือด้วยกระดาษทิชชู่และตรงไปยังห้องน้ำเล็กๆ ตรงมุมหนึ่ง
หลังจากผ่านไปประมาณ 3 นาที หลินรั่วซีก็ล้างมือจนสะอาด เพราะแผลไม่ได้ลึกมากเืจึงหยุดไหลอย่างรวดเร็ว
แต่หลังจากเดินกลับมาที่โต๊ะ หลินรั่วซีก็ต้องใกับภาพตรงหน้า เมื่อเนื้อกุ้งสีขาวสดใส กับซอสสีแดงส่องประกายกองอยู่เต็มจานของเธอเรียบร้อยแล้ว
หยางเฉินเห็นหญิงสาวเดินกลับมาที่โต๊ะแล้ว เขาก็หยิบกุ้งที่กำลังแกะอยู่ส่งไปที่จานของเธอพลางยิ้มกล่าวว่า
"ผมแกะกุ้งโดยไม่ได้เอามือโดนเนื้อกุ้งเลย เพราะฉะนั้นคุณมั่นใจได้เลยว่ามันสะอาด คุณลองชิมสิ ถ้าไม่อร่อยค่อยส่งคืนมาให้ผม หรือไม่ก็ลองอาหารจานอื่นๆ ดูก็ได้นะ”
หลินรั่วซีมองเนื้อกุ้งที่กองอยู่เต็มจาน ในขณะที่ฝั่งของหยางเฉินมีแต่เปลือก นั่นทำให้หัวใจของเธอรู้สึกผ่อนคลาย ความอึดอัดขุ่นมัวที่ซ่อนอยู่ในใจ ความสับสนไม่เข้าใจว่าทำไมหยางเฉินถึงพาเธอมาที่นี่พลันมลายหายไปจนสิ้น
หยางเฉินเห็นหลินรั่วซีเงียบไปก็เอ่ยถามว่า "ทำไมคุณไม่กินล่ะ มันอร่อยมากนะครับ..."
"หยางเฉิน" หลินรั่วซีมองเขาด้วยท่าทางที่ซับซ้อน จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า "มีใครเคยบอกว่านายโง่บ้างหรือเปล่า?"
"ไม่เคยนี่ครับ" หยางเฉินส่ายหัว
"แต่ตอนนี้นายโง่มากๆ..."
พูดจบหลินรั่วซีนั่งลงก่อนหยิบเนื้อกุ้งเข้าใส่ปากคำใหญ่ เธอสวาปามอย่างเร่งรีบราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแย่งกุ้งตรงหน้าไป
หยางเฉินจ้องมองหลินรั่วซีอย่างงุนงง แต่ไม่นานก็ยิ้มส่ายหัวออกมาเพราะความเอ็นดู
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้