หลังจากนั้นเยว่จางเหม่ยเข้าวังหลวงไปได้ไม่นาน ข่าวการประชวรของฮองเฮาก็ดีขึ้นตามลำดับ จนพระอาการหายดีในที่สุด ฮองเฮาและฮ่องเต้ทรงดีพระทัยอย่างมาก จึงเรียกเยว่จางเหม่ยเข้าพบ หญิงสาวในอาภรณ์สีฟ้าครามเดินเข้าท้องพระโรง ที่มีขุนนางนับร้อยยืนอยู่ ทุกคนต่างตกตะลึงในความงดงาม ไม่ว่าจะเป็ผิวพรรณ์ รูปร่าง หรือแม้แต่หน้าตาไม่มีผู้ใดในวังหลวงงดงามทัดเทียมเยว่จางเหม่ยได้ สองเท้าเล็กก้าวตรงไปยังบัลลังก์ัพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะน้อมกายลงเคารพฮ่องเต้และฮองเฮาด้วยกิริยาอ่อนโยน
“ในที่สุดเ้าก็มาพบข้าเสียที” ฮ่องเต้พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะกล่าวต่อด้วยความซาบซึ้งใจ
“ข้าไม่อยากเชื่อว่า ความสามารถด้านสมุนไพรของเ้าจะดีเช่นนี้ แม่ทัพเยว่เฉาซื่อ นอกจากจะเก่งกาจในด้านการรบแล้ว ธิดาของเขายังมีความสามารถด้านการรักษาโรค ข้าโชคดียิ่งนักที่ได้สกุลเยว่คอยช่วยเหลือ เอาล่ะ! ในฐานะที่เ้ารักษาอาการป่วยของฮองเฮาจนหายดี ความดีความชอบนี้ข้าจะตอบแทน เ้าอยากได้สิ่งใด บอกข้ามาได้เลย” เยว่จางเหม่ยได้ยินดังนั้นจึงชะงักนิ่ง ไม่คิดไม่ฝันว่าความดีความชอบนี้จะมาถึงตัว นิ้วเรียวเล็กกระดิกสองสามครั้งพร้อมความคิด
“หม่อมฉันไม่รู้ว่าควรขอสิ่งใดเพคะ” นางแสร้งก้มหน้าเจียมเนื้อเจียมตัว ก่อนร่างขององค์ชายสามผู้งดงามจะเดินเข้ามา พร้อมเหล่าขุนนางน้อมกายลงเคารพ
“เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ ให้คนไปตามข้า มีเื่ใดงั้นเหรอพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายสามน้อมกายเล็กน้อยแล้วทูลถาม ก่อนจะนิ่งเงียบ เมื่อเห็นร่างของคุณหนูใหญ่สกุลเยว่ ยืนอยู่ไม่ห่าง
“เื่ของเ้าไว้ก่อน ข้าขอคุยกับแม่นางเยว่จางเหม่ยก่อน ตกลงว่าเ้าอยากได้สิ่งใด ข้าจะตอบแทนให้” นางหันมองไปยังองค์ชายสาม แล้วนิ่งเงียบพร้อมภาพเหตุการณ์ในอดีตจะหวนกลับคืนมา
สองครั้งสองครา นางถูกองค์ชายสามช่วยชีวิตไว้จากชายชุดดำ นางมักอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย เขาใช้เพียงแค่มือเดียวในการถือกระบี่ ก็สามารถทำให้คนพวกนั้นเตลิดหนีไป สายตาของเยว่จางเหม่ย ทอดมองไปยังองค์ชายสามด้วยความเสน่หา นางพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีรูปร่างหน้าตางดงาม ทัดเทียมควรคู่กับอีกฝ่าย เมื่อฮองเฮาเห็นจางเหม่ยเงียบไปจึงยิ้มเมตตาแล้วเอ่ยขึ้น
“เ้าอยากได้เงินสักหีบ อยากได้อาภรณ์สักสามหีบ หรือแม้กระทั่ง หยกขาวที่ข้าถืออยู่ ย่อมได้ทั้งนั้น เ้าอยากได้สิ่งใดเพียงแค่พูดออกมา” องค์ชายสามเลี่ยงไปยืนอยู่อีกด้าน แล้วทอดสายตาแน่นิ่งมองมายังเยว่จางเหม่ย ก่อนนางจะหลบสายตาเขาแล้วตอบกับฮองเฮาผู้สูงศักดิ์
“หม่อมฉันยังคิดไม่ออกเพคะ ขอกลับไปคิดสักสองสามวันได้หรือไม่เพคะ” ฮ่องเต้ที่ฟังอยู่ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความเมตตา
“เ้าช่างเหมือนกับพ่อของเ้าไม่มีผิด ไม่ว่าคิดพูดสิ่งใดย่อมรอบคอบเสมอ ได้สิ! ในฐานะที่เ้าช่วยชีวิตฮองเฮาไว้ ข้าจะตอบแทนเ้าด้วยความเต็มใจทุกอย่าง” จางเหม่ยน้อมกายลงเคารพ แล้วกล่าวลา ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินจากไป ท่ามกลางสายตาขององค์ชายสามจะมองนางจนลับสายตา
หลังจากนั้นไม่นาน คำขอของจางเหม่ย ก็ถูกส่งมาเป็จดหมาย ที่ประทับตราของสกุลเยว่อย่างเรียบร้อย ก่อนที่ฮองเฮาจะเปิดอ่าน พร้อมดวงตาเบิกกว้างอย่างถึงที่สุด นางกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังตำหนักหลวงเพื่อหาฮ่องเต้ ท่ามกลางเหล่าทหารและนางกำนัลพากันน้อมเคารพด้วยกิริยาอ่อนน้อมอย่างถึงที่สุด
“ฮองเฮาเหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนั้น เดินช้า ๆ” ฮ่องเต้วางมือจากงานที่ทำแล้วเอ่ยเตือน
“คุณหนูใหญ่สกุลเยว่ บอกความ้าของนางมาแล้ว สิ่งที่นาง้าคือการอภิเษกกับองค์ชายสาม” ฮ่องเต้ชะงักนิ่ง ทิ้งพู่กันในมือลงอย่างไม่รู้ตัว
“ว่าไงนะ”
“พระองค์ลองอ่านดูสิเพคะ” ฮองเฮายื่นจดหมายของสกุลเยว่ให้ ก่อนฮ่องเต้จะรีบอ่านทุกตัวอักษรด้วยความตั้งใจ
“เยว่จางเหม่ย นับว่านางอาจหาญมาก ที่กล้าขอองค์ชายสามจากข้า!” ฮ่องเต้รู้สึกขุ่นมัวในใจจึงเผลอตำหนิ ก่อนฮองเฮาจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“หม่อมฉันคิดไม่ถึง ว่านางจะกล้าขอเช่นนี้ อภิเษกกับองค์ชายสามงั้นรึ! หาเื่โดยแท้” ฮองเฮาพูดด้วยความกังวลใจอย่างถึงที่สุด ก่อนฮ่องเต้จะตั้งสติ ขบคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
“จะว่าไปนางฉลาดหลักแหลมนัก นางไม่กล้าเอ่ยขอความ้าต่อหน้าเหล่าขุนนาง เพราะเวลานั้นองค์ชายสามอยู่ด้วย หากเขาปฏิเสธ เป็นางเองที่จะต้องเสียเกียรติ แต่นางกลับไปตั้งหลักแล้วอาศัยคำมั่นของข้าช่วยกดดันองค์ชายสามอีกที!”
“ฝ่าา! องค์ชายสามไม่เหมือนองค์ชายองค์อื่น ทำเช่นนี้ เขาไม่ยอมแน่ ๆ เพคะ หรือเราจะปฏิเสธคำขอของเยว่จางเหม่ย?” ฮ่องเต้นิ่งเงียบ พลันส่ายศีรษะช้า ๆ
“กษัตริย์ตรัสแล้วไม่อาจคืนคำ จะว่าไปความดีความชอบของเยว่จางเหม่ยก็มีมากพอ ที่นางจะขอร้องเช่นนั้น อย่าลืมว่านางช่วยเ้าให้รอดพ้นจากความตาย หากไม่มีนางแม้แต่หมอหลวงก็รักษาเ้าไม่ได้” ฮ่องเต้ขบคิดพลันถอนหายใจออกมาด้วยความสับสน
“ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องทำตามคำขอของนาง เ้าลูกคนนี้หัวดื้อ หัวแข็งยิ่งกว่าใคร ข้ายกหน้าที่นี้ให้เ้า อย่าทำให้ข้าต้องผิดคำพูดกับสกุลเยว่”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้