ตกค่ำ
บ่อน้ำร้อนตระกูลจิ่ง
ลมเย็นพัดแ่เบาหอบเอาความเย็นเล็กน้อยมา น้ำร้อนจากบ่อน้ำร้อนมีไอน้ำพวยพุ่งขึ้น แล้วไอน้ำเ่าั้ก็ค่อยๆ ควบรวมกันกลายเป็หยดน้ำ รอบด้านเงียบสงัด
แสงจันทร์สว่างจนทำให้ฟ้าสว่างไปแถบหนึ่ง แสงจันทร์ทอดลงมาบนผิวน้ำทำให้ทั้งบ่อน้ำร้อนสว่างไสว แล้วยังมีลมแ่ๆ พัดมาทำให้น้ำกระเพื่อมน้อยๆ ตัดกับแสงจันทร์ที่ทอดลงมา กะพริบวิบวับราวกับแสงดาว
จิ่งฝานเปลือยกายท่อนบนนั่งอยู่ในบ่อน้ำร้อน ร่างกายไม่ขยับ นิ่งสนิทราวกับหินผา เส้นผมสีดำราวกับขนกาแผ่สยายอยู่ในน้ำที่หลอมรวมกับแสงจันทร์ หยดน้ำแสนละเอียดมากมายเกาะอยู่บนเส้นผม แลดูล่องลอยไม่ชัดเจนราวกับเทพเซียน กล้ามเนื้อที่โผล่พ้นผิวน้ำทั้งชัดเจนและพอเหมาะพอดี ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดลงมาทำให้กล้ามเนื้อหนั่นแน่นแข็งแรงนั้นยิ่งดูขาวราวกับหยก
เทียบกับผิวน้ำไกลๆ ที่ถูกลมพัดแล้ว ผิวน้ำรัศมีสิบเมตรที่มีจิ่งฝานเป็จุดศูนย์กลางนั้นเหมือนจะแข็งเป็น้ำแข็ง ทำให้ผิวน้ำครึ่งหนึ่งของบ่อน้ำร้อนแข็งค้าง น้ำแร่ที่ราวกับถูกผนึกเหล่านี้มีพื้นผิวที่ใสแวววาวราวกับกระจก ไม่มีรอยย่นแม้แต่น้อย แตกต่างกับผิวน้ำที่อยู่ไกลออกไปที่มีรอยย่นขยับเขยื้อนอยู่บ่อยครั้งอย่างชัดเจน
ผิวน้ำร้อนแวววาวที่ถูกผนึกค้างสะท้อนร่างของจิ่งฝานอย่างชัดเจน แต่ภายใต้ความ 'สงบนิ่ง' นี้กลับเป็สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกพรึ่บอย่างหวาดกลัว น้ำใสที่สว่างด้วยแสงจันทร์ ส่วนน้ำข้างใต้มีจิ่งฝานเป็จุดศูนย์กลาง รอบตัวเขาเป็หลุมน้ำวนขนาดใหญ่ แล้วสายน้ำเ่าั้ก็หมุนวนและพัดอย่างรุนแรงราวกับมีชีวิตขึ้นมาได้ทุกเมื่อ จากนั้นก็ทะลักออกมา
จิ่งฝานที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของความสับสนนี้หลับตาลงทั้งคู่ ขนตาละเอียดดกหนาบนล่างเกี่ยวพันกัน ใบหน้าที่ถูกแสงจันทร์สาดส่องสว่างไสวราวกับว่าถูกวาดขึ้นมาอย่างปราณีตทีละเส้นโดยใช้ความตั้งใจเกินร้อยก็ไม่ปาน ขนตาที่ราวกับหมึก จมูกโด่ง ริมฝีปากที่ไม่หนาไม่บางกำลังพอดีนี้เป็จุดที่มีสีสันสดใสที่สุดบนภาพเขียนนี้
รอบตัวเขามีหมอกขาวเข้มข้นหนาทึบลอยวนอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็ดูบางเบาราวกับภาพลวงตา ทำให้ภาพเขียนนี้ดูงดงามยิ่งขึ้นไปอีก และทำให้ยามค่ำคืนอันเงียบสงัดนี้เพิ่มความงดงามที่แสนอันตรายขึ้นมาเล็กน้อย
——
อ๋าวหรานนอนอยู่บนเตียง หน้าต่างกระดาษสะท้อนภาพกิ่งไม้สั่นไหว สงบใจฟังเสียงใบไม้กระทบกัน
เมื่อการประลองรอบสุดท้ายใน่บ่ายจบลง พวกเขาก็กลับมาที่เรือนพัก
ทางเต๋อรั่วซัดคนเกือบตายภายในกระบวนท่าเดียว หากคาดเดาจากประสบการณ์ของอ๋าวหรานที่นอนเป็ศพอยู่นับเดือนและความสามารถในการรักษาของหมอตระกูลจิ่งแล้ว คุณชายผู้นั้นคงต้องนอนแน่นิ่งไปสองเดือนโดยลุกขึ้นมาไม่ได้แล้ว เนื่องจากกระดูกเกินครึ่งบนร่างหักหมด จิตใจได้รับความกระทบกระเทือนเพราะความใ าเ็สาหัสยิ่ง รวมกับที่เสียเืไปมาก ต่อให้จะเป็หมอเทวดาตระกูลจิ่งที่มียาสมุนไพรนับไม่ถ้วนก็คงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยเขาให้รอดจากเงื้อมมือของยมบาล
พูดถึงการที่ทางเต๋อรั่วซัดคนไปไกลสิบกว่าเมตรในกระบวนท่าเดียว คนที่อยู่ที่นั้นบางคนก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ อย่างน้อยๆ บรรดาผู้าุโตระกูลจิ่งที่นั่งอยู่บนเวทีก็ต้องทำได้อย่างแน่นอนและยังสามารถทำได้ในพริบตา อีกทั้งคนด้านล่างเวที เช่น หลัวฉี่ สวีหรงฉี่ รวมถึงอ๋าวหรานหรือจิ่งจื่อก็ล้วนทำได้
แต่ที่ทำให้ผู้คนในสนามประลองนิ่งค้างไปนั้นก็คือบรรยากาศรอบตัวของทางเต๋อรั่วและหมอกขาวปริศนาที่อยู่รอบตัวเขา หมอกขาวนั่นเกิดขึ้นมาได้อย่างไรพวกเขาก็หารู้ไม่ ถ้าจะบอกว่าเป็การแสดงหรือพยายามทำขึ้นมาเพื่อหลอกผู้อื่นก็อาจเป็ไปได้ แต่สีหน้าของทางเต๋อรั่วกลับดูสบายๆ ราวกับไม่ใส่ใจท่าทางเหมือนแค่สะบัดมือไปส่งๆ เท่านั้น แววตาโอหังไม่เห็นสรรพชีวิตอยู่ในสายตา...ราวกับว่าคู่ต่อสู้ของเขาเป็แค่แมลงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญอะไร
ส่วนผลสรุปหลังจากที่หมอตระกูลจิ่งวินิจฉัยออกมาแล้วนั้นก็ยิ่งทำให้ทุกคนในที่นั้นนิ่งเงียบมากกว่าเดิม แค่สะบัดมืออย่างไม่ตั้งใจก็แทบจะเอาชีวิตคนได้แล้ว ต่อให้เป็จิ่งเฟิงกั๋วเองก็คิดว่าตัวเองคงไม่สามารถสะบัดมือเพียงเบาๆ แล้วสร้างความาเ็ได้มากถึงเพียงนี้แน่
แล้วไหนจะยังท่าทางสบายๆ เช่นนั้นของทางเต๋อรั่วอีก...เกรงว่าคงใช้แรงพอๆ กับการโบกมือเท่านั้น
นี่เป็การประลองแลกเปลี่ยนฝีมือกันอย่างเป็มิตร ไม่อนุญาตให้ทำร้ายคนถึงแก่ชีวิตและไม่อนุญาตให้ลงมือรุนแรงจนเกินไป บรรดาลูกหลานรุ่นเยาว์พวกนี้ที่มาถึงตระกูลจิ่งต่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่ว่าคนใดเกิดเื่ขึ้นมาล้วนเป็ความรับผิดชอบของตระกูลจิ่ง อย่าว่าแต่จิ่งเหวินซานเลย ต่อให้เป็เขา...จิ่งเฟิงกั๋วก็ยังต้องขออภัยอีกฝ่ายและหาวิธีชดเชยให้
คนที่มีพลังทำลายรุนแรงขนาดนี้ ต่อให้จะน่ากลัวสักเพียงใด จิ่งเฟิงกั๋วก็ไม่มีเวลาไปสืบแล้วจึงรีบบินลงจากเวที ต้องปกป้องชีพจรของคุณชายผู้นั้นก่อนเพื่อรักษาชีวิตเขาเอาไว้
หลังจากคุณชายผู้นั้นถูกหามออกไป ทั้งสนามก็มีแต่ความเงียบ สายตาของทุกคนล้วนอยู่ที่ทางเต๋อรั่ว แต่ก็รู้สึกเหมือนจะหาจุดรวมสายตาไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น
จิ่งเฟิงกั๋วบินข้ามศีรษะของทุกคนไปแล้วร่อนลงตรงหน้าของทางเต๋อรั่วอย่างมั่นคง คิ้วกระบี่ที่หนาหนึ่งนิ้วแฝงความหนักอึ้งและเข้มงวดเอาไว้ คนผู้นี้มีสถานะไม่ชัดเจน จิ่งเฟิงกั๋วก็ไม่อยากจะทำโทษเขา แต่ในสนามตอนนี้มีสายตาจากลูกหลานตระกูลต่างๆ อยู่หลายคู่ เขาจึงจำเป็ต้องให้คำตอบแก่พวกเขา “เด็กน้อยแซ่ทาง กำหนดไว้ั้แ่เริ่มประลองยุทธ์แล้วว่าแค่แลกเปลี่ยนกันเท่านั้น ห้ามทำร้ายคนถึงชีวิต เ้าลงมือหนักไปหรือไม่?”
โชคดีที่ต่อให้ทางเต๋อรั่วจะพูดน้อย ไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาสักเพียงไร แต่มารยาทสิ่งที่ควรทำโดยทั่วไปนั้นก็ยังรู้อยู่ แต่ว่าต่อให้จะเป็เช่นนี้ เขาก็ยังมีท่าทางเรียบเฉยต่อจิ่งเฟิงกั๋วที่แก่กว่าเขามากอยู่ดี “ข้าไม่ได้ออกแรง เป็เขาที่อ่อนแอเกินไปต่างหาก ข้าไม่คิดว่าแค่กระบวนท่าเดียวของข้า เขาก็ยังรับไม่ได้”
ทันใดนั้นความเงียบด้านล่างก็ถูกทำลายลง ทุกคนพากันถกเถียง และส่วนใหญ่มักเป็ความใกลัวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
จิ่งเฟิงกั๋วรู้สึกจนคำพูดขึ้นมาในทันที การอธิบายว่า 'ข้าประเมินคู่แข่งสูงเกินไป' เช่นนี้ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง
ในตอนที่จิ่งเฟิงกั๋วกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่นั้น เสียงโกรธเคืองเสียงหนึ่งก็ะโขึ้นมาจากด้านล่างเวที “เ้าเด็กบ้า! เ้านี่ก็ช่างคุยโตได้อย่างไม่อายปากเสียจริง เ้าบอกว่าเ้าไม่ได้ออกแรง เช่นนั้นก็แสดงว่าไม่ได้ออกแรงอย่างนั้นหรือ? ผู้ใดสามารถรับประกันได้ว่าเ้าไม่ได้ลงมือหนักเพื่อเอาชีวิตเพื่อนข้า...เพื่อหลอกลวงทุกคนว่าเ้าเป็ยอดฝีมือ!”
ทุกคนมองไปตามเสียง คนพูดเป็คนรูปร่างสูงใหญ่ มีใบหน้าโกรธเคือง
“อยากพิสูจน์ก็ได้ แต่พวกเ้า...” ทางเต๋อรั่วเหล่ตามองอย่างเรียบเฉยไปทางคนพูดทีหนึ่งก่อนจะสาดสายตาไปยังทุกคนในสนาม รวบรวมสีหน้าท่าทางของแต่ละคนมาไว้ในสายตา จู่ๆ มุมปากของเขาก็ยกขึ้น...เป็รอยยิ้มที่คล้ายไม่มี แต่กลับทำให้ทุกคนต้องสูดลมหายใจกันไปตามๆ กัน ความไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาและความเยาะหยันล้วนประดับอยู่ที่มุมปาก ในน้ำเสียงเ็านั้นแฝงไปด้วยความเผด็จการอันแสนโอหัง “ทุกคนเข้ามาพร้อมกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี” !!!
ทุกคนถูกคำพูดที่ะเืเลือนลั่นของเขานี้ทำให้ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกอยู่เป็นาน
โอหังเกินไปแล้ว! ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว!
อย่าว่าแต่ผู้คนด้านล่างเวทีเลย แม้แต่พวกจิ่งเฟิงกั๋วก็ยังอึ้งไปนาน
กลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่บนเวทีนั้น แต่ละคนก็อายุมากแล้ว แต่กลับมีสีหน้าตกตะลึงและประหลาดใจอย่างที่ไม่เข้ากับอายุ มือของจิ่งเฟิงจั๋วข้างหนึ่งเอื้อมไปจับแผ่นหินประคองตัวไว้ ส่วนอีกมือก็อดลูบหัวแล้วตบอกตัวเองเบาๆ ไม่ได้ พูดอย่างตกตะลึงว่า “เ้าเด็กนี่มาจากที่ใดกัน? โอหังเกินไปแล้ว!”
กลุ่มผู้าุโล้วนพึมพำกันขึ้นมา เดานู่นเดานี่ แต่ในใจของแต่ละคนล้วนเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน
ในเมื่อจิ่งเฟิงกั๋วก้าวออกมาแล้ว แน่นอนว่าต้องจัดการเื่นี้ให้ถึงที่สุด “คุณชายทางอายุยังน้อยกลับมีวรยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา แน่นอนว่าความโอหังในกระดูกดำเองก็ไม่ด้อยไปกว่าฝีมือเ้าเลย”
ทางเต๋อรั่วไม่ได้ต่อคำ ชัดเจนว่ากำลังรอจิ่งเฟิงกั๋วพูดประโยคถัดไปอยู่
“เ้าอยากพิสูจน์ก็ได้ เมื่อการแข่งขันจบลง เ้าสามารถส่งคำท้าสู้ได้ตามสบาย แต่ก็ต้องดูด้วยว่าทุกคนจะยอมรับหรือไม่” ผู้คนด้านล่างเวทีพากันรับคำอย่างสามัคคี ไม่ว่าทางเต๋อรั่วจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ท่าทางดูถูกทุกคนเช่นนั้นก็ทำให้ทุกคนโกรธขึ้นมาแล้ว ถ้าไม่ได้ทำลายความโอหังของเขา ทุกคนก็ยากจะสงบกองไฟในใจลงได้ จิ่งเฟิงกั๋วรอให้เสียงพูดด้านล่างเวทีเบาลงก่อนจึงพูดต่อว่า “วันนี้อยู่ที่ตระกูลจิ่งของข้า พวกข้าตระกูลจิ่งก็ย่อมต้องปกป้องชีวิตของทุกคนให้ปราศจากภยันตราย หากได้รับาเ็ พวกข้าก็จะใช้ความสามารถทั้งหมดทำให้ทุกท่านกลับมาแข็งแรงดังเดิม แต่ว่า...”
“แต่ว่า...” สองคำนี้ของจิ่งเฟิงกั๋วเน้นเสียงหนักแน่นยิ่ง “คุณชายทาง หวังว่าครั้งหน้าอย่าได้ทำเกินเลย ขอได้โปรดเคารพคู่ต่อสู้ เอาแค่แลกเปลี่ยนฝีมือกันเป็สำคัญเท่านั้น อย่างไรเสียทุกคนในที่นี้ก็ล้วนเป็คนมีบ้าน มีพ่อมีแม่กันทั้งสิ้น ขอให้เอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย”
ประโยคสุดท้ายนี้แฝงความหมายล้ำลึก คุณหนูคุณชายเหล่านี้มีคนใดที่ไม่มีตระกูลอยู่เื้ับ้าง บรรดาตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินใหญ่ก็ล้วนมารวมกันอยู่ที่นี่เกือบหมดแล้ว ในใจของจิ่งเฟิงกั๋วนั้น...ต่อให้ทางเต๋อรั่วผู้นี้จะร้ายกาจสักเพียงไร ตระกูลเื้ัจะแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไม่มีทางเป็ศัตรูกับผู้คนทั้งแผ่นดินใหญ่ได้!
ครั้งนี้ทางเต๋อรั่วไม่พูดอะไร ทำแค่เพียงหันไปพยักหน้ากับจิ่งเฟิงกั๋วเบาๆ เพื่อแสดงออกว่ารับคำแล้วลงจากเวทีไป
การประลองครั้งนี้ทำให้ทางเต๋อรั่วดึงดูดสายตาจากทุกคน ส่วนการประลองอื่นๆ จะจบลงเช่นไรพวกเขาก็ไม่รู้แล้ว แต่อ๋าวหรานยังสังเกตพี่น้องของชีหวาอยู่เช่นเดิม...ก็ยังคง ไม่มีอะไรเป็พิเศษ แค่กระบี่ธรรมดา...กระบวนท่าธรรมดา...ซัดคู่ต่อสู้ลงจากเวทีไปอย่างยากลำบาก หลังจากนั้นก็หายไปท่ามกลางฝูงชน
เมื่อการแข่งขันรอบสุดท้ายนี้จบลง พระอาทิตย์ก็ตกลงตรงูเาริมขอบฟ้าไปเป็ที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อจิ่งเหวินซานกำชับเื่เวลาของการประลองในวันพรุ่งนี้ แล้วพูดคำแสดงความห่วงใยเล็กน้อยก็ปล่อยให้ทุกคนแยกย้ายไปได้ กลุ่มหญิงชายรุ่นเยาว์ที่บางคนร่าเริงบางคนเคียดแค้น บางคนมีความสุขบางคนเป็ทุกข์ บ้างคุยโตบ้างด่าว่า...ค่อยๆ ทยอยกันออกไปจากสนาม
พวกอ๋าวหรานกินข้าวเย็นกันที่เรือนของจิ่งฝาน เกี่ยวกับจี๋เต้า...พวกเขาก็เริ่มแปลกใจสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ วรยุทธ์ที่แข็งแกร่งถึงขนาดไร้คู่ต่อสู้นี้แอบซ่อนพลังอันร้ายกาจเอาไว้จนน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว และที่ทุกคนได้เปิดหูเปิดตาจากที่ทางเต๋อรั่วแสดงออกมานั้นเกรงว่าจะเป็แค่เหลี่ยมมุมเดียวจากูเาน้ำแข็งทั้งก้อน
ตามที่เหยียนเฟิงเกอคาดเดา หลังจากที่หลางฉากับทางเต๋อรั่วเคลื่อนย้ายลมปราณนั้นก็ได้ทำให้ลมปราณกลายเป็หมอกขาวหนาทึบ กำลังภายในที่แข็งแกร่งอย่างมากนั้นสามารถควบรวมกันเป็รูปร่างจริงขึ้นมาได้ แล้วยังสามารถควบคุมได้อย่างอิสระ เป็อาวุธที่มีจิตสังหารมากถึงขนาดฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย
พวกเขาถกเถียงกันไปเยอะแยะมากมาย สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะเผชิญหน้าอย่างผ่าเผย ไม่ว่าจะเป็การประลองในวันพรุ่งนี้หรือว่าอันตรายในอนาคตก็ตาม
——
เงาร่างของคนที่อยู่ตรงกลางบ่อน้ำร้อนล้อมรอบไปด้วยหมอกขาวทำให้ดูราวกับภาพฝัน คล้ายจริงคล้ายไม่จริง หากมีคนผ่านมา ต้องคิดว่าตัวเองคงยังไม่ตื่นเต็มตาดีจึงตาลาย มองเห็นเซียนที่ร่วงลงมายังโลกมนุษย์
ข้างบ่อน้ำร้อน ในอ้อมกอดของหวางฮวายเหล่ยโอบหญิงงามรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นอยู่ ดวงตาดุจหงส์ ปากแดงฟันขาว ผิวขาวราวกับไข
แม่นางผู้นั้นสวมชุดสาวใช้ตระกูลจิ่ง ตระกูลจิ่งนั้นนับได้ว่าเป็ตระกูลที่ร่ำรวย เสื้อผ้าของพวกคนรับใช้เองก็ใช้ผ้าชั้นดี ผ้าเนื้อบางแสนละเอียด เสื้อคลุมที่ตัดเย็บอย่างตั้งใจเมื่อสวมใส่อยู่บนร่างนางแล้วก็ยิ่งดูงดงาม
“คุณ...คุณชายหวาง ข้าน้อยติดตามท่านไป แล้วท่านจะดีกับข้าหรือไม่?”
หวางฮวายเหล่ยรีบตอบว่า “นั่นมันแน่อยู่แล้ว ตัวข้าหวางฮวายเหล่ยเป็สุภาพบุรุษ หากว่าไม่ชอบเ้าคงไม่แม้แต่จะคุยกับเ้า ในเมื่อไปกวนใจเ้าแล้ว แน่นอนว่าต้องรับผิดชอบจนถึงที่สุด”
แม่นางน้อยดีใจอย่างที่สุด “ข้าไม่เสียใจที่ได้อยู่กับคุณชายหวาง ชาตินี้ทั้งชาติจะเป็คนของคุณชาย ตายแล้วก็จะเป็ผีของคุณชาย”
หวางฮวายเหล่ยมุมปากกระตุก ผีมารดามันสิ น่าขนลุกเกินไปแล้ว!
แต่ว่าสีหน้าก็ยังแสดงออกว่ามีความสุข “ปี้อวี้ เ้าดีกับข้าถึงเพียงนี้ ข้าจะไม่ทรยศเ้าอย่างแน่นอน”
หากว่าอ๋าวหรานอยู่จะต้องค่อนแคะประโยคหนึ่งแน่ว่าปากของบุรุษก็เหมือนกับผีที่คอยหลอกหลอนผู้คน
คนทั้งสองแนบชิดพัวพันกัน กระซิบกระซาบไม่ยอมแยกจาก กลางดึกน้ำค้างค่อนข้างมาก ปี้อวี้รู้สึกหนาวสั่นจึงกระเง้ากระงอดว่า “คุณชายหวาง ข้าหนาวจังเลย”
หวางฮวายเหล่ยร่าเริงขึ้นมาทันใด สีหน้าเป็ห่วงเป็ใยอย่างยิ่ง “เหตุใดยังหนาวอีก?”
ปี้อวี้ออดอ้อน “ก็ข้าหนาวนี่นา อยากไปบ่อน้ำร้อน...”
บ่อน้ำร้อนของตระกูลจิ่งมีแค่พวกเ้านายเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปได้ พวกคนรับใช้นอกจากเวลาปัดกวาดแล้ว เวลาอื่นๆ ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้
ข้อแรกปี้อวี้อยากััความสบายของบ่อน้ำร้อนอย่างที่มีแต่เ้านายเท่านั้นถึงจะได้ัั สอง...เป็เล่ห์เหลี่ยมของนางเองที่อยากจะบินขึ้นที่สูงดุจดั่งหงส์ แต่จะได้เป็หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคืนนี้แล้ว
คนทั้งสองมีความคิดแบบเดียวกัน แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ
——
มีเสียงฝีเท้าค่อยๆ เข้ามาใกล้ รวมถึงเสียงหอบหายใจหยอกล้อที่น่าจั๊กจี้
จิ่งฝานลืมตาขึ้นมากะทันหัน ขนตาหนาเป็แพัักับหมอกขาวหนา เมื่อถูกคั่นด้วยหมอกเป็ชั้นๆ ที่ราวกับเมฆหมอกทำให้มองเห็นดวงตาคู่นั้นเพียงเลือนราง หาใช่สีดำราวกับบ่อน้ำลึกเหมือนเช่นปกติไม่ แต่กลับเป็สีแดงกระชากิญญาคน
