“คุณหนูเวินซี สองพันสองร้อยตำลึงคุ้มค่ามากแล้วนะขอรับ เราจะไม่ซื้อจริงๆ หรือขอรับ?” จ่างกุ้ยถามด้วยน้ำเสียงแ่เบา เขามองกลับไปที่ร้านอยู่หลายครา
ร้านนี้ใหญ่กว่าร้านที่พวกเขาอาศัยอยู่มาก แม้ว่าเขาจะไม่มีเงิน แต่เพียงแค่มองดูก็รู้สึกหวั่นไหวอยากได้
“วางใจเถิด เราออกไปไม่ถึงสิบก้าว พวกเขาจะต้องเรียกเราไว้แน่ นี่เรียกว่ากลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ เป็วิธีกดราคาชั้นเยี่ยม ใช้ได้ผลทุกครั้ง” เวินซีมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม นางจงใจเดินช้าลงเพื่อให้คนของตระกูลเวินเรียกนางได้ทัน
“จริงหรือขอรับ?” จ่างกุ้ยถามอย่างสงสัย
“ไม่เชื่อก็รอดู” เวินซีอารมณ์ดีมาก นางเริ่มนับก้าวที่เดินออกไป
“หนึ่ง”
จ่างกุ้ยหันกลับไปมองเวินเยียนแวบหนึ่ง แล้วมองดูฝีเท้าของเวินซี
“สอง”
“สาม”
“สี่”
“รอเดี๋ยว กลับมาก่อน”
ยังไม่ทันที่ “ห้า” จะดังออกจากลำคอ เวินซีก็ได้ยินเสียงของเวินเยียนดังขึ้นจากด้านหลัง
เป็ไปตามที่คาดไว้ เวินซีเลิกคิ้วพลันหันกลับไปมอง “มีอันใดหรือ? คิดดีแล้วหรือ?”
“หนึ่งพันห้าร้อยตำลึงน้อยเกินไป พอจะเพิ่มให้อีกได้หรือไม่?” เวินเยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า
เมื่อได้ยินดังนั้น เวินซีก็หมุนตัวกลับและเดินต่อ
ไฟโกรธของเวินเยียนลุกโชนขึ้นอีกคราเมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ยินยอมของเวินซี
หากมิใช่เพราะขาดแคลนเงิน นางจะตกอยู่ในสภาพนี้ได้เช่นไร หากนางมีอำนาจขึ้นมาเมื่อใด นางจะเล่นงานเวินซีก่อนเป็คนแรก ผู้ใดใช้ให้เวินซีรังแกคนอื่นเช่นนี้กัน
ในขณะที่กำลังคิด เวินซีก็เดินเข้าไปในกลุ่มคนและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดก้าวเท้า
ภายในใจของเวินเยียนหนักอึ้ง นางรีบสะกดอารมณ์ทุกอย่างแล้วเดินตามไป
“เดี๋ยวก่อน เช่นนั้นก็หนึ่งพันห้าร้อยตำลึง”
เมื่อได้ยินว่าเวินเยียนยอมขาย เวินซีก็หยุดเดิน ยิ้มแล้วเอ่ย “ไปกันเถิด”
นางเดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง จ่างกุ้ยก็ตามไปด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
ในเวลานั้นโฉนดที่ดินถูกนำออกมาวางไว้บนโต๊ะแล้ว
เวินเยียนหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะ มองดูเวินซีแล้วพูดอย่างเ็าว่า “เงินล่ะ?”
“เดี๋ยวนะ เ้ายังมีร้านที่ราคาเจ็ดร้อยตำลึงอีกร้านหนึ่งใช่หรือไม่?” เวินซีนั่งลงบนเก้าอี้
“ใช่แล้วมีอันใด?”
“เช่นนั้นข้าซื้อร้านนั้นด้วยแล้วกัน ไม่มากไม่น้อย สองพันสองร้อยตำลึงพอดี”
เวินซีหยิบธนบัตรออกมาจากในอกปึกหนึ่ง แล้ววางเงินสองพันสองร้อยตำลึงลงบนโต๊ะต่อหน้าเวินเยียน “ให้คนนำโฉนดของร้านนั้นมาด้วยเลยเถิด”
“เวินซี อย่าได้รังแกคนอื่นให้มากนะ”
นางมีเงินแท้ๆ แต่ยังกดราคา ทั้งยังตั้งใจซื้อร้านอีกแห่งไว้ด้วย เวินเยียนโกรธจนตัวสั่น
ส่วนเวินอวิ๋นโปก็มีสีหน้าที่ดำมืดเป็ก้นหม้ออยู่นานแล้ว
หากเวินซีไม่สามารถควักเงินมากมายเช่นนี้ออกมาได้ เขาคงจะไล่นางออกไป ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทนโมโหอยู่เช่นนี้
“รังแกอันใด? แค่เพียงทำธุรกิจปกตินี่ จะเรียกว่ารังแกผู้อื่นได้เช่นไร? หรือว่าเ้าจะไม่ขายร้านนั้น หากเป็เช่นนั้นข้าก็จะไม่ซื้อทั้งสองร้าน”
เวินซียื่นมือจะเก็บเงินบนโต๊ะกลับไป
ส่วนเวินเยียนหน้าซีด นางมองเงินปึกนั้นก็ยกมือขึ้น คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ จึงพยักหน้าแล้วเดินไปนำโฉนดของอีกร้านมาให้
เวินเยียนรับโฉนด พลันโยนลงเบื้องหน้าของเวินซีอย่างหมดความอดทน
“เงิน” นางเอ่ยปากพลางยื่นมือออกมา
เวินซีวางเงินลงบนโต๊ะแล้วมิได้สนใจเวินเยียนอีก นางหยิบโฉนดที่ดินของร้านทั้งสองไว้แล้วลุกขึ้นอย่างสง่างาม
“ในเมื่อร้านเป็ของข้า เช่นนั้นก็เชิญพวกท่านออกไปได้แล้ว”
เมื่อได้ยินคำขับไล่ เวินเยียนก็ยืนถือเงินด้วยร่างที่แข็งทื่อ
“เ้า...” นางมองอย่างโกรธเคือง
“คุณหนูเวินเยียน อย่าโมโหทุกวี่ทุกวันสิเ้าคะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ ในยามนี้ตระกูลเวินก็ไม่มีคนแล้ว หากโมโหจนเจ็บป่วยไปจะไม่มีคนดูแลเ้านะ” เวินซีเอ่ยด้วยเสียงนิ่งเรียบ
“คุณหนูเวินเยียน นายท่านเวิน เชิญออกไปได้แล้วเ้าค่ะ หากพวกท่านคิดถึงร้าน วันเปิดร้านใหม่ข้าจะเชิญพวกท่านมานะเ้าคะ”
“ถึงตอนนั้นพวกท่านต้องมาสนับสนุนข้านะเ้าคะ ข้าจะให้ส่วนลดที่ดีกว่าคนอื่นๆ เลยเ้าค่ะ”
ทุกประโยคของเวินซีที่ดังเข้าหูของเวินเยียนล้วนเป็คำเยาะเย้ย นางโกรธเสียจนเริ่มปวดบริเวณท้องน้อยและมีใบหน้าซีดขาว
“ไปกันเถิด” เวินอวิ๋นโปพูดอย่างเซื่องซึม เขาลุกขึ้นจะจับมือเวินเยียน แต่นางก็เบี่ยงตัวหลบ
เพราะนางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยแล้วจึงพยักหน้า “ไปกันเถิดเ้าค่ะ”
เวินเยียนก้าวเดินออกไปข้างนอก เวินอวิ๋นโปก็ตามไปทันที
เวินซีสังเกตเห็นว่าเวินเยียนระวังหน้าท้องของตนเป็พิเศษในตอนที่ก้าวข้ามธรณีประตู จึงแสยะยิ้ม
เวินเยียนตั้งครรภ์แล้ว
สตรีที่ตั้งครรภ์ก่อนออกเรือนนับเป็เื่ฉาวโฉ่อันใหญ่หลวงของเมืองนี้ เกรงว่าตระกูลเวินจะต้องประสบกับความวุ่นวายอีกครา
หากมิใช่เพราะเวินเยียนยังมีสูตรเครื่องหอมของเวินอี๋เหนียงอยู่ เวินซีก็ไม่รังเกียจที่จะสร้างความวุ่นวายให้ พร้อมกับบีบให้นางไร้หนทาง แต่น่าเสียดาย...
เมื่อคิดได้เช่นนั้น แววตาของเวินซีก็มืดมน
หลังจากที่นางซื้อร้านค้าเป็อันเสร็จสิ้น ผู้คนที่มุงดูอยู่ก็พากันแยกย้ายออกไป ในขณะนั้นเองจ่างกุ้ยไม่อยากเชื่อสายตา เขาเดินสำรวจร้านไปมาด้วยความดีใจ
เขาไม่กล้ากะพริบตาด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็เพียงความฝัน
“คุณหนูเวินซี นี่เป็ร้านของเราจริงๆ แล้วหรือขอรับ? ข้าคิดว่าข้ายังฝันไปอยู่ คุณหนูช่วยหยิกข้าหน่อยได้หรือไม่ขอรับ” หลังจากที่สำรวจดูร้านแล้ว จ่างกุ้ยก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเวินซีแล้วพูดอย่างตื่นเต้น
เวินซีทำให้ตามที่ขอ โดยเอื้อมมือไปหยิกแขนของเขาอย่างไร้ความปรานี
ความเ็ปที่เกิดขึ้นทำให้จ่างกุ้ยร้องะโอย่างไร้สติ วินาทีนั้นเองเขาถึงได้เชื่อว่าตนมิได้ฝันไป
ตระกูลเวินพ่ายแพ้ต่อคุณหนูเวินซีแล้ว ความแค้นของเวินอี๋เหนียงได้รับการชำระแล้ว หากเวินอี๋เหนียงยังอยู่ นางคงจะดีใจยิ่งกว่าเขาแน่
คุณหนูเวินซีโตขึ้นมากจริงๆ
เมื่อคิดถึงเื่นี้ จมูกของจ่างกุ้ยก็แดงขึ้นมา น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่เต็มเบ้านั้นมีแต่ความชื่นชม
“คุณหนูเวินซี ร้านนี้เราจะทำอันใดขอรับ? แล้วอีกร้านล่ะขอรับ?”
“ร้านนี้เราจะขายของใช้ในชีวิตประจำวัน อีกร้านเป็ร้านปิ้งย่าง” เวินซีวางแผนไว้ทั้งหมดแล้ว ตอนที่จ่างกุ้ยเอ่ยปากถาม นางจึงตอบโดยไม่ต้องคิด
“ปิ้งย่าง? ของใช้ในชีวิตประจำวัน? คือสิ่งใดหรือขอรับ? อาหารหรือขอรับ?” จ่างกุ้ยงุนงงกับคำที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“เป็ของดี” เวินซีหัวเราะเบาๆ
นางมีลางสังหรณ์ว่าทั้งสองร้านจะสร้างรายได้ได้มากกว่าร้านก่อนๆ
นางเห็นแล้วว่าคนโบราณไม่มีสบู่ อาศัยท่อนไม้ทุบทำความสะอาด คราบสกปรกกำจัดได้ยาก เสื้อผ้าก็เสียหายเพราะถูกทุบ หากมีสบู่จะช่วยให้พวกเขาแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
อีกทั้งยาสระผม
คุณหนูตระกูลร่ำรวยในเมืองต่างใช้น้ำเปล่าล้างผม เพียงครั้งเดียวก็ถือว่าเสร็จแล้ว แม้จะไม่สะอาด และบางคราบนผมยังมีเศษสิ่งสกปรก แต่พวกเขาก็ทำได้แค่ปล่อยผ่าน เพราะล้างอย่างไรก็ชำระไม่ออก
ส่วนคนจน กว่าจะได้อาบน้ำล้างตัวก็เป็เดือน พวกเขาปล่อยให้ผมเผ้ายุ่งเหยิง
หากยาสระผมถือกำเนิดขึ้นมา
เพียงแค่คิดเล่นๆ เวินซีก็รู้สึกว่าตนจะร่ำรวยจนฉุดไม่อยู่แล้ว
“ไปกันเถิดจ่างกุ้ย เรายังต้องเตรียมของอีก” นางพูดอย่างกระตือรือร้น
“ขอรับ”
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสองสิ่งที่เวินซีเพิ่งพูดถึงนั้นคือสิ่งใด แต่จ่างกุ้ยก็ตอบรับทันที
ยามนี้เวินซีเป็เหมือนเทพเ้าในสายตาของเขา ทำให้เขาเชื่อนางโดยไม่ลังเล
เวินซีไปซื้อใบจ้าวเจี่ยว [1] ห่อสิ่วโอว [2] กับเห็ดหลินจือตามที่จำความได้ และกลับไปที่ร้านเครื่องหอม นางทนรอไม่ไหวที่จะเริ่มผลิตของต่างๆ
ส่วนจ้าวต้านเมื่อว่างจากงานแล้วก็มานั่งลงข้างกายนาง
เชิงอรรถ
[1] จ้าวเจี่ยว 皂角 สมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ทำเป็สบู่ หากนำผลฝักมาบดจะทำให้เกิดฟองเมื่อผสมน้ำ
[2] ห่อสิ่วโอว 何首乌 สมุนไพรที่ช่วยป้องกันการเกิดผมหงอก รักษาสีผมให้เงางาม