หลงเหยียนและคนอื่นๆ พยักหน้าเป็เชิงรับทราบ ดูเหมือนการใช้ชีวิตในเมืองหยุนจงจะไม่ใช่เื่ง่ายเลย ที่นี่มีกลุ่มอำนาจมากมาย ทั้งยังมีความสัมพันธ์ทางอำนาจที่สลับซับซ้อนเป็อย่างมาก ลำพังแค่สำนักตงฟางก็มีกลุ่มแยกย่อยมากมายเพียงนั้นแล้ว สิ่งที่รับรู้มาทำให้หลงเหยียนและคนที่เหลือ ต่างก็รู้สึกปวดหัวเป็อย่างมาก
เกรงว่าแค่เื่พวกนี้ พวกเขาก็คงต้องใช้เวลานานแรมปีทีเดียวกว่าจะเข้าใจทั้งหมด
ไม่นาน หลิงเทียนอวี่ก็พาพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้าอาคารขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ที่หน้าประตูอาคารมีตัวหนังสือคำว่า ‘เรือนเหยากวาง’ ขนาดใหญ่ติดอยู่ อักษรเ่าั้แลดูทรงพลังและยิ่งใหญ่ คล้ายจะแฝงไปด้วยพลังอื่นที่ยากจะอธิบาย
“เรือนเหยากวาง เป็ชื่อที่ท่านเว่ยเวยตั้งขึ้นในภายหลัง เพราะท่านเว่ยเวยขึ้นเป็ผู้นำแทนผู้นำคนเก่า จึงเปลี่ยนชื่อของที่นี่เป็ชื่อนี้”
หลงเหยียนและคนที่เหลือพยักหน้าเบาๆ พวกเขาเดินไปหยุดอยู่ที่สวนด้านใน ในนี้มีอาคารสองชั้นที่ดูยิ่งใหญ่และหรูหราจำนวนมากตั้งเรียงรายอยู่ ซึ่งชั้นบนและชั้นล่างของอาคารล้วนเป็ห้องพักทั้งสิ้น ช่างยิ่งใหญ่ตระการตาเหลือเกิน
เท่าที่เห็นในตอนนี้ คาดว่าห้องพักของที่นี่น่าจะมีอย่างน้อยกว่าพันห้องเลยทีเดียว ห้องพักถูกแบ่งคั่นด้วยผนัง ถึงอย่างไรก็ยังมีห้องพักอีกมากที่ยังว่างอยู่ ขณะนี้ ในสวนไม่ได้มีผู้ฝึกยุทธ์ปรากฏตัวอยู่มากนัก หลิงเทียนอวี่ชี้ไปที่อาคารสองชั้นเบื้องหน้า
“ห้องพักแถวนี้เป็ที่พักของศิษย์ใหม่ ส่วนอีกแถวเป็ที่พักของศิษย์ที่อยู่ที่นี่นานกว่าหนึ่งปีแล้ว ห้องพักแถวถัดไปก็เรียงตามเวลาเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนเื่อื่นๆ ที่นอกเหนือจากนี้ หากพวกเ้าแสดงความสามารถหรือสร้างผลงานได้ ก็สามารถเปลี่ยนห้องพักได้เช่นกัน พวกเ้าไปเลือกห้องพักแถวแรกได้ตามสบาย เพียงแต่อย่าลืมว่า ห้องที่มีหมายเลขห้องอยู่หน้าประตูคือห้องที่มีผู้เข้าพักแล้ว”
หลงเหยียนไม่รีบร้อนอะไร เพราะไม่ว่าจะพักห้องใดก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาทั้งนั้น อย่างไรเสียเขาก็จะพักอยู่ที่นี่เพียงไม่นานเท่านั้น เขาเชื่อว่าด้วยความสามารถและพร์ที่มี ตนต้องได้ย้ายเข้าไปในห้องที่ดีกว่านี้แน่
หลงเหยียนยังยืนอยู่ข้างกายหลิงเทียนอวี่ เขาถามขึ้น “พี่เทียนอวี่ ข้าอยากถามเื่ของสำนักมารกับท่านสักหน่อย ไม่ทราบว่าท่านพอจะรู้เื่ของสำนักมารหรือไม่”
“สำนักมาร? นั่นก็เป็แค่สำนักปลายแถวเท่านั้น ทว่าในสำนักมารก็มียอดฝีมืออยู่หลายคนเช่นกัน ทั้งยังมียอดฝีมือระดับชีพธรณีอยู่ด้วย ในเมืองหยุนจง สำนักมารถือเป็กลุ่มอำนาจที่ลึกลับมาก อย่างไรก็ตาม สำนักหยุนเฟิงเองก็ปวดหัวเพราะสำนักมารมาไม่น้อย เพราะไม่มีใครเดาทางพวกเขาถูกเลย”
“ทำไม หรือว่าเ้ามีความเกี่ยวข้องอะไรกับสำนักมาร?”
หลงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “เปล่าขอรับ ข้าแค่เห็นคนใกล้ตายโดยบังเอิญระหว่างการเดินทาง เขาบอกว่าตนถูกคนของสำนักมารทำร้ายมา”
“อ้อ! ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ หลงเหยียน ข้าขอเตือนว่าอย่าไปยุ่งเื่ของคนอื่นจะดีกว่า ไม่เช่นนั้น เ้าอาจจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเื่นี้ด้วยก็ได้ สำนักมารเป็กลุ่มอำนาจที่ลึกลับมาก ส่วนเื่รายละเอียดอื่นๆ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
หลงเหยียนพยักหน้า ดูเหมือนตนต้องให้ความสำคัญกับสำนักมารเป็พิเศษเสียแล้ว หากยังไม่ทำลายสำนักนี้ลง หลงเหยียนก็ไม่มีทางนอนหลับได้อย่างสนิทใจแน่ เพราะตระกูลหลงอู่ที่เมืองัเป็สิ่งที่เขากังวลและเป็ห่วงมากที่สุดเลยก็ว่าได้
หลังคุยกันต่ออีกไม่กี่ประโยค สี่คนที่เหลือก็เลือกห้องเสร็จแล้ว ดูจากสีหน้า เกรงว่าพวกเขาจะพึงพอใจกับห้องพักของตนไม่น้อย ใบหน้าของคนทั้งสี่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจ ได้เข้ามาในเมืองอู่ตี้ อีกทั้งยังได้เข้าร่วมตระกูลอู่ตี้อีก ทั้งพวกเขาและหลงเหยียนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นเป็อย่างมาก
หลิงเทียนอวี่มองดูพวกเขา ตอนที่เขาเพิ่งได้เข้าสำนักตงฟาง เขาก็เคยตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อนเหมือนกัน
เขามองดูคนทั้งหมด “คงได้ห้องที่ถูกใจแล้วสินะ เอาละ ตอนนี้ข้าจะบอกเื่ที่รู้ให้พวกเ้ารับทราบกันเท่าที่ข้าจำได้ก่อน จากนั้นก็คงไม่มีเื่อะไรแล้ว”
“ในเมืองอู่ตี้แห่งนี้ สำนักตงฟางของเราถือเป็สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสำนักทั้งสี่เลยก็ว่าได้ ทว่าสำนักของเรากับสำนักอีกสามแห่งเองก็มีเื่เสียดสีกันอยู่บ่อยๆ เพราะเป็คู่ต่อสู้กัน เื่เช่นนี้ย่อมเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นพวกเ้าต้องระวังตัวให้มาก ก่อนจะทำอะไร จงจำไว้เสมอว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผลประโยชน์ของสำนักตงฟาง เข้าใจหรือไม่?”
“หน่วยแห่งนี้มีชื่อเรียกว่าตำหนักเหยากวาง ซึ่งมีท่านผู้นำเป็ผู้นำ ในอนาคต หากใครแสดงผลงานได้ดี ไม่แน่อาจมีโอกาสได้เลื่อนขึ้นไปเป็ศิษย์เอกของท่านผู้นำ ถือเป็เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่และน่ายกย่องมาก ดูจากหญิงรับใช้สองคนที่ติดตามอยู่ข้างกายท่าน พวกเ้าก็น่าจะรู้แล้ว”
หญิงรับใช้สองคนนั้นสามารถแสดงความคิดเห็นในนามของท่านผู้นำได้ ด้วยเหตุนี้ จึงมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากเช่นกัน ซึ่งหญิงรับใช้สองคนนั้นก็ทำให้หลงเหยียนเข้าใจแล้วว่าการเป็คนสนิทของท่านผู้นำจะส่งผลดีมากเพียงใด
“ลำพังแค่เรือนเหยากวางของเราก็มีสมาชิกมากกว่าหนึ่งหมื่นแปดพันคนแล้ว ต่อให้จะไม่ใช่กำลังหลักของสำนัก ศิษย์ทั่วไปในสำนักเองก็มีสิทธิ์ได้รับภารกิจเช่นกัน เพราะสำนักของเราจะได้รับภารกิจจากเบื้องบนเป็จำนวนมาก สำหรับเื่นี้ เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้พวกเ้าต้องจำเอาไว้ข้อหนึ่ง นั่นก็คือตระกูลอู่ตี้จะส่งศิษย์ชั้นในของตระกูลมาตรวจสอบความเรียบร้อยและสำรวจพื้นที่ในความปกครองเป็ประจำทุกปี หากพวกเ้าบังเอิญเจอศิษย์ชั้นในของตระกูลอู่ตี้ ต้องเคารพและนอบน้อมให้มาก เื่นี้คงไม่ต้องให้ข้าพูดอธิบายอะไรมากใช่ไหม เพราะผู้ที่เป็ศิษย์ชั้นในถือเป็หัวใจสำคัญของตระกูลอู่ตี้เลย หากใครไม่รู้กาลเทศะ เกิดมีเื่บาดหมางกับพวกเขาขึ้นมาละก็ พวกเ้าคงตายเปล่า ไม่มีใครไปสนใจแน่ นอกเสียจากว่าเ้าจะมีคนคอยหนุนหลังอยู่”
เมื่อพูดมาจนถึงตรงนี้ หลิงเทียนอวี่ก็มีสีหน้าจริงจังยิ่งขึ้น เขากวาดตามองคนทั้งหลาย ซึ่งนั่นก็ทำให้หลงเหยียนกับพวกตกตะลึงเล็กน้อย
“ยามนี้พวกเราถือเป็บุคคลระดับล่างสุดของตระกูลอู่ตี้แล้ว ถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาสอีกมาก หากอยากจะไต่เต้าขึ้นไป ก็ต้องใช้ความสามารถและความพยายามของตนเอง หากพวกเ้าแสดงความสามารถที่โดดเด่นออกมา ก็อาจจะมีโอกาสได้เข้าไปเป็ศิษย์ชั้นในของตระกูลอู่ตี้เช่นกัน ทว่านั่นถือเป็เื่ที่ยากเสียยิ่งกว่าบรรลุเป็เซียนเสียอีก ข้ายังไม่เคยได้ยินว่าศิษย์ชั้นนอกคนใดสามารถก้าวขึ้นไปเป็ศิษย์ชั้นในได้เลยสักคน”
หลงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาแอบตัดสินใจบางสิ่งอย่างลับๆ เขาคิดว่าหากตนได้รับโอกาสและการสนับสนุนมากพอ ต้องกลายเป็ศิษย์ชั้นในได้อย่างแน่นอน ซึ่งที่เขามั่นใจเช่นนี้ก็เพราะว่ามีิญญายุทธ์ที่แข็งแกร่งและสูงส่งที่สุดในใต้หล้าอยู่ในร่างกายนั่นเอง
หลงเหยียนรู้ดีว่าิญญาัมีพลังแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อเร็วๆ นี้ หยกัในร่างของเขารับรู้ได้ว่าบริเวณใกล้เคียงมีิญญาัอยู่ และนี่ก็คือสิ่งที่ทำให้หลงเหยียนรับรองได้อย่างมั่นใจว่าตนต้องแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็วแน่
“อย่าคาดหวังกับการกลายเป็ศิษย์ชั้นในให้มากนักเลย แค่ตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้ดี สร้างชื่อเสียงและอำนาจในสำนักตงฟางให้ได้ เท่านี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ลองคิดดูสิ ลำพังแค่เรือนเหยากวางของเราก็มีสมาชิกมากถึงหนึ่งหมื่นแปดพันคนแล้ว หากรวมกับเรือนอีกสิบหลังของสำนักตงฟาง เราจะมีสมาชิกมากกว่าสองแสนคนทีเดียว หากรวมสำนักใหญ่ทั้งสี่แห่งเข้าด้วยกันกับกำลังทหารของท่านผู้คุมทั้งหลาย องครักษ์ และผู้รับผิดชอบในแขนงต่างๆ อีกก็ยิ่งเยอะไปใหญ่”
“จากที่ข้ากล่าวไปนี้ มีคนมากกว่าหนึ่งล้านคนเลยทีเดียว ทว่าในทุกๆ ปี มีคนที่ถูกรับเข้าไปเป็ศิษย์ชั้นในเพียงไม่กี่คนเท่านั้น รู้หรือยังว่ายากแค่ไหน? อีกอย่าง หากอยากเข้าไปเป็ศิษย์ชั้นใน ต้องมีพลังมากกว่าระดับชีพธรณีขั้นสูงขึ้นไป หรือไม่ก็ต้องเป็ยอดอัจฉริยะที่มีพร์ล้ำเลิศเท่านั้น”
“อะไรนะ? เมืองนี้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียว?” เหมือนว่าหลงเหยียนจะตะลึงจนพูดไม่ออกแล้ว
เขาเหมือนมีคลื่นั์ซัดอยู่ในหัวใจ อำนาจกลุ่มนี้ช่างยิ่งใหญ่และน่าหวาดกลัวเหลือเกิน มีคนมากกว่าหนึ่งล้านคน นี่ยังไม่รวมกับศิษย์ชั้นในของตระกูลด้วยซ้ำ เท่านี้ก็พอจะรู้แล้วว่าตระกูลอู่ตี้ยิ่งใหญ่เพียงใด ขนาดในเมืองหยุนจงยังมีกลุ่มอำนาจถึงแปดกลุ่มด้วยกัน หากเข้าไปในเมืองหยุนเฟิง คนของสำนักหยุนเฟิงก็คงจะมีมากไม่ต่างกัน
ทว่ายิ่งเป็ภารกิจที่ยากเพียงใด หลงเหยียนก็ยิ่งตื่นเต้นและมีแรงฮึดสู้มากขึ้นเท่านั้น การแสดงความสามารถให้โดดเด่นกว่าคนนับล้านไม่ใช่เื่ง่าย ผู้ที่จะทำได้ต้องเป็ผู้ที่มีพร์ล้ำเลิศจนน่าใเท่านั้น แค่คิดถึงศิษย์ชั้นในของตระกูลอู่ตี้ หลงเหยียนก็เริ่มเหงื่อตกเพราะความหวาดกลัวแล้ว
“พี่อวี่ จากที่ท่านพูดมา ศิษย์ชั้นในทุกคนล้วนมีพลังมากกว่าระดับชีพธรณีขั้นสูงเลยใช่หรือไม่ ไม่ทราบว่าสี่หัวหน้าตระกูลที่ท่านเคยพูดถึง กับผู้าุโทั้งสิบมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดไหนกัน?”
หลิงเทียนอวี่แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขารู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในตอนที่เพิ่งเข้าสำนักอีกครั้ง ในตอนนั้น เขาคาดหวังว่าจะได้เป็ศิษย์ชั้นในในสักวัน และสาบานว่าจะพยายามพัฒนาฝีมือของตนเองให้แข็งแกร่งขึ้น มาตอนนี้ แม้เขาจะไม่ได้เป็ศิษย์ชั้นในของตระกูลอู่ตี้อย่างที่ฝัน อย่างน้อยก็ได้เป็หัวหน้ากองตัวเล็กๆ แล้ว ลำพังแค่ค่าสนับสนุนจากตระกูลอู่ตี้ ก็เพียงพอจะทำให้ตระกูลของเขากลายเป็ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในละแวกใกล้เคียงได้แล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้คนในหมู่บ้านนับสิบที่อยู่ใกล้เคียงรู้สึกอิจฉาเป็อย่างมาก
--------------------