ห้องน้ำของจินอิ๋นไม่ได้ใหญ่นัก อี้สี่จึงเข้าไปอาบน้ำก่อนด้วยความรวดเร็วจากนั้นจินอิ๋นถึงได้อาบน้ำ เธอสวมใส่เสื้อยืดตัวใหญ่ของเขาเป็ชุดนอน มันหลวมและเย็นๆ แต่ก็รู้สึกสบายมาก ไม่รู้ว่าวันนี้เธอเสียพลังงานมากเกินไปหรือเปล่า เพราะตอนนี้อี้สี่รู้สึกเวียนหัว เดาว่าคงเป็เพราะความหิว เธอเปิดตู้เย็น กวาดตามองเข้าไปก็พบชิ้นเนื้อหมูเล็กน้อย ผัก และไข่ เธอจึงทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปง่ายๆ สองชาม
แม้ว่าจะเป็บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่เธอก็ปรุงอย่างพิถีพิถัน ชิ้นเนื้อสุกพอดี ผักสีเขียวสด ไข่รสชาติหวาน เวลาที่ต้มก็พอเหมาะ ไม่ทำให้บะหมี่อืดจนเกินไป
จินอิ๋นที่ออกมาจากห้องน้ำเมื่อเห็นบะหมี่ที่ส่งกลิ่นหอมจึงหยิบตะเกียบขึ้นมากินอย่างมีความสุข “คุณสมเป็เชฟจริงๆ ของธรรมดาๆ ก็ทำให้พิเศษได้” เขาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จจึงสวมแค่กางเกงบาสเก็ตบอลเพียงตัวเดียวเท่านั้น เขาเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นร่างกายเพรียวบางที่มีกล้ามเล็กน้อย หากบอกว่าเขาในยามปกติที่อยู่ที่ทำงานไม่เป็อันตราย เมื่อเปรียบเทียบดูกับตอนนี้แล้วพอจินอิ๋นถอดเสื้อผ้าเขาดูค่อนข้างเซ็กซี่กว่าปกติเล็กน้อย
“ฉันยังไม่ใช่เชฟที่เชี่ยวชาญหรอก! แต่การทำอาหารอันที่จริงก็คือการใส่ใจลงไป” อี้สี่ซดน้ำซุปหนึ่งคำ ยกมือแนบหน้าผาก คงจะดึกมากแล้วเธอเลยเวียนหัวมาก ทว่าในทางกลับกันแล้วจินอิ๋นยังดูกระฉับกระเฉงอยู่เลย
“รู้สึกเวียนหัวเหรอ?” เขาพูดว่า “กินเนื้อให้เยอะๆ เพื่อเติมพลังสิ คุณจะได้ไม่รู้สึกเวียนหัว” เขาคีบเนื้ออีกสองสามชิ้นจากชามของเขาส่งให้อี้สี่
“คุณรู้ได้ไงว่าฉันเวียนหัว?”
“ก็คุณถูกผมสูบพลังหยางไป เป็เื่ปกติที่จะเวียนหัว” เขาพูด อี้สี่คิดว่าเขากำลังล้อเล่นและก็ไม่ได้จริงจังนัก แต่ตอนนี้เธอก็อยากกินเนื้อมากจริงๆ เธอคีบเนื้อกินไปคำโต ทันใดนั้นเธอก็นึกเื่บางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างเขินอาย “ผ้าปูที่นอนของคุณอยู่ไหนเหรอ? เดี๋ยวฉันจะช่วยเปลี่ยนให้คุณเอง”
“จะเปลี่ยนทำไมกัน” เขาซดซุปแล้วเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าหลวมโพรกของอี้สี่ มือกร้านจับเข้าที่หน้าอก “มันจะสกปรกอีก ดังนั้นอย่าเพิ่งเปลี่ยนเลย ผมจำได้ว่าพรุ่งนี้คุณหยุด และผมเองก็หยุดด้วย อยู่กับผมทั้งวันสิ นะ?” เขาพูด โดยปกติหลังจากงานจัดเลี้ยงเสร็จเรียบร้อย ถ้ามีกำลังคนพอพนักงานก็จะหยุดวันถัดไปหรือจะจัดกะเข้างานเป็่เย็น วิธีนี้จะทำให้พนักงานสามารถพักผ่อนได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็สาเหตุที่ซ่งจื่อฉียืนกรานว่าจะไม่ปล่อยให้เฉินเจี้ยนฉวินออกไปข้างนอกในคืนนี้ มันเกี่ยวกับการจัดตารางกำลังคน จินอิ๋นนวดและบีบหน้าอกของเธอราวกับว่าเขากำลังบีบลูกบอลคลายเครียด
“คุณนี่มันน่ารำคาญจริงๆ!” อี้สี่หน้าแดงแต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้เช่นกัน
บะหมี่อร่อยมาก จินอิ๋นกินเสร็จอย่างรวดเร็ว ส่วนอี้สี่ก็กินไปทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่ “เป็ยังไงบ้าง? คุณยังรู้สึกไม่สบายอยู่หรือเปล่า?” เขาถาม
อี้สี่ส่ายหัว “ฉันแค่ไม่รู้ว่าฉันเป็อะไร! พอเห็นคุณก็ยิ่งรู้สึกสับสนมาก” เธอปิดหน้าด้วยความหงุดหงิด “ฉันทำงานที่ฉือเซ่อมายังไม่ถึงเดือนเลย แต่ก็นอนกับผู้ชายไปสองคนแล้ว ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ควรทำตัวใจง่ายขนาดนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างชายกับหญิงของฉันเรียบง่ายมาโดยตลอด และฉันก็ไม่ใช่คนใจง่าย” เื่ที่เกิดขึ้นยังเป็สิ่งที่ตัวเธอยังคงก้าวข้ามมันไปไม่ได้ แต่หลังจากพูดเพียงครู่เดียว ตัวอี้สี่เองก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ เธอพูดอะไรที่ฟังดูเหมือนเด็กดื้อเอาแต่ใจแบบนี้ต่อหน้าจินอิ๋นเนี่ยนะ “ฉันดูเหมือน...ฉันดูเหมือนคนที่ใช้เื่เซ็กส์เป็การผ่อนคลายความเครียดเลย”
จินอิ๋นมองเธอด้วยดวงตาที่แจ่มชัด มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า การจ้องมองของเขาเหมือนจะมองเธอออกทะลุปรุโปร่ง “ถ้าวันนี้ผมไม่ชวนคุณมาที่ห้องแล้วไปส่งคุณกลับบ้านตามปกติ คุณเองก็จะต้องรู้สึกผิดหวัง หากมีใครชวนคุณและไม่ใช่ผม คุณก็จะไปเหมือนกัน หรือถ้าหลัวจ้งซีไม่ได้ไปต่างประเทศ คุณก็จะไปหาเขา เวลาที่ไปหาเขา ความเครียดทางจิตใจของคุณก็จะน้อยลงด้วย อย่างน้อยก็ได้ทำด้วยกัน ซึ่งจากที่ผมพูดมามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความรักเลย” เธอนิ่งเงียบไป รู้สึกว่าจินอิ๋นเป็อีกคนที่ชอบพูดแทงใจดำ
“บางคนมีประสาทััที่เฉียบแหลมและมีความรู้สึกถึงบรรยากาศโดยรอบได้อย่างว่องไว ไม่ว่าบรรยากาศโดยรอบจะมีชีวิตชีวาหรือเย็นะเืก็จะััได้ดีกว่าคนอื่นๆ คุณอาจเป็คนแบบนั้น คุณจะััได้ถึงบรรยากาศที่ทุกคนส่งมาให้ และงานในร้านอาหารก็คึกคักและเร่งรีบ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนก็ใกล้ชิดกัน ด้วยเหตุนี้ความรู้สึกเหงาจึงค่อนข้างหนักหน่วงใน่วันหยุดและ่พัก เพราะว่าไม่อยากอยู่คนเดียว อยากกอดใครสักคน นี่ไม่ใช่เื่ถูกหรือผิด คุณไม่จำเป็ต้องแก้ตัวหรือตำหนิตัวเองเลย” เขาพูด ในขณะนี้เขาให้ความรู้สึกเป็ผู้ใหญ่เกินกว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเขา เมื่ออี้สี่มองเขาอีกครั้ง เธอไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็เพียงแค่ชายหนุ่มหน้าตาดีอีกต่อไป เขาพูดตรงไปตรงมาชัดเจนมาก ชัดเจนจนทำให้ผู้คนไม่กล้ามองตัวเอง
“ฉันแค่คิดว่ามันไม่ควรเป็แบบนี้ ฉันไม่เคยเป็แบบนี้มาก่อน” อี้สี่พึมพำ
“สังคมแคบๆ นี่แหละที่กดดันคุณ ก่อนหน้านี้ที่มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก็เพราะว่าเมื่อก่อนคุณได้ถูกควบคุมพันธนาการไว้ และก็ยังถูกควบคุมอยู่ในความคาดหวังของทุกคนด้วย คนในสังคมไม่ผิด คุณก็ไม่ผิดเช่นกัน” น้ำเสียงของเขาอบอุ่นและชัดเจน อี้สี่มองดูเขาพลางน้ำตาไหลออกมา บนโลกนี้มีคนที่เข้าใจคุณไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม และแม้ว่าสิ่งที่คุณทำนั้นจะไร้สาระในสังคมทั่วไป แต่เขาก็ยังคงเข้าใจคุณในเชิงบวก พอคิดได้แบบนั้นจู่ๆ ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็แดงก่ำทันที
“ทำไมคุณถึงได้อ่อนไหวขนาดนี้” จินอิ๋นหัวเราะน้อยๆ พลางยกมือเกลี่ยเช็ดน้ำตาของเธอด้วยปลายนิ้ว “การกลัวความเหงาเป็นิสัยที่วิเศษมาก เพราะคุณสามารถรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว และเพราะว่ากลัวจึงได้ไล่ตามมัน โลกนี้้าคนแบบคุณนะ เพื่อที่จะได้มีบทกวี ภาพวาด และศิลปะ”
“ความคิดพวกนี้มาจากไหนกัน? ฉันก็แค่ชอบทำอาหาร”
“การทำอาหารเองก็เป็ศิลปะเช่นกัน มีคนบ้าๆ บอๆ มากมายในครัว พวกนิสัยเสียก็มีเยอะ เป็บ้ากันจะแย่!” เขาพูดไปพูดมาก็หัวเราะออกมา เมื่อเขาหัวเราะ หัวข้อที่คุยก็ไม่ได้จริงจังขนาดนั้นอีกต่อไป
อี้สี่สับสนเล็กน้อย “หัวเราะอะไรเหรอ?”
“ก็แค่คิดถึงซ่งจื่อฉีน่ะ”
“เขาทำไมเหรอ?” อี้สี่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับชายคนนี้มาก
“ก็เป็บ้าไง” จินอิ๋นพูดอย่างไม่ใส่ใจ ในวินาทีนี้เอง อี้สี่ก็ได้รู้สึกว่าเด็กเหลือขอจินอิ๋นได้กลับมาแล้ว เขาหยิบเบียร์ออกมาจากตู้เย็น เปิดกระป๋องยื่นไปทางอี้สี่ “ไม่ต้องไปกังวล แค่สนุกไปกับมันก็พอแล้ว ตอนนี้มันยอดเยี่ยมมากไม่ใช่เหรอ?”
“อื้ม!” อี้สี่หยิบเบียร์ขึ้นมาแล้วชนกับเขา
“ดื่มสักหน่อย หากกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นคิดมากขนาดนี้ ต้องบอกว่าดื่มให้ตัวเองเมาไปเลย ทีนี้หัวก็สับสนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เื่เล่าไหนที่ไม่ได้เปิดเผยแบบนี้บ้างกัน? ในยุคปัจจุบันคนทั้งสองดื่มเหล้าจนเมามาย ส่วนในสมัยโบราณคนทั้งสองต่างใช้ยาปลุกเซ็กส์ แล้วก็ใช้เหตุผลจนไม่สามารถเป็ตัวของตัวเองได้เลย” เขาดื่มเบียร์เข้าไปอึกใหญ่ มองตรงไปข้างหน้าอย่างสบายๆ ครู่หนึ่งรู้สึกเหมือนว่าเขาได้ซ่อนเื่ราวมากมายเอาไว้ อี้สี่รู้สึกค่อนข้างเขินอายไม่น้อยกับอะไรที่จินอิ๋นพูดเมื่อกี้นี้ ในตอนนี้เธอรู้สึกหลงใหลในตัวเขาเล็กน้อย เธอจ้องมองเขาด้วยดวงตากลมโต กะพริบดวงตาปริบๆ เหมือนกับเมาหรือเสียสติ
“มานี่!” จินอิ๋นกอดเธอล้มลงไปบนเตียง
เธอกำลังคิดว่าอยากให้เขาทำอะไร
“ตีหนึ่งแล้ว รีบนอนเถอะ คุณเวียนหัวอยู่ด้วย พรุ่งนี้ค่อยมาคิดอีกที” เขาพูด
ภายในใจอี้สี่รู้สึกว่าหัวข้อนี้กำลังร้อนแรงเลย และเธอก็ยังไม่อยากนอน แต่การไม่อยากนอนนี้อันที่จริงคือแค่รู้สึกเสียดายถ้าจะหลับไป ทว่าคืนนี้เธอเหนื่อยล้าเกินไป เธอรู้สึกว่าตัวเธอเผลอหลับไปหลายๆ รอบ เสียงพูดคุยกลายเป็เหมือนเสียงสะท้อนดังก้อง ต่อมาเสียงสะท้อนเหล่านี้ก็ได้หายไป เมื่ออี้สี่ลืมตาขึ้น มีเพียงโคมไฟหินอยู่ข้างเตียงเท่านั้น บริเวณโดยรอบเงียบสงบมาก ไม่มีแม้แต่เสียงรถยนต์นอกหน้าต่าง ไม่รู้แม้กระทั้งเวลาผ่านไปกี่โมงแล้ว ในจิตสำนึกที่คลุมเครือ เธอเหมือนจะเห็นว่าจินอิ๋นไม่ได้นอนหลับอยู่ แต่กำลังหลับตานั่งสมาธิอยู่ข้างเตียง เขานั่งตัวตรงดูสงบมากราวกับทะเลสาบอันเงียบสงบลุ่มลึกจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็วาจาได้
อันที่จริงด้วยความที่เหนื่อยล้ามาก สุดท้ายเธอก็ตาปิดลงแล้วผล็อยหลับไป หลังจากที่ตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าภาพที่เธอเห็นก่อนจะหลับไปนั้นเป็ความฝันหรือเปล่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้