บทที่ 18 ป่าสนธยา
ป่าสนธยา ตั้งอยู่นอกประตูทิศใต้ของเมืองไป๋หยาง เต็มไปด้วยพลังิญญา มีต้นไม้โบราณสูงตระหง่าน ดอกไม้และพืชพันธุ์แปลกประหลาดเจริญเติบโตอยู่ทุกหนทุกแห่ง พร้อมทั้งมีสัตว์ป่ามากมาย
นี่คือ์สำหรับผู้แข็งแกร่งและเป็นรกสำหรับผู้อ่อนแอ
นักรบิญญาหลายคนจะมาที่ชานเมืองเพื่อล่าสัตว์ ขุดสมุนไพร และหยกแร่ แล้วนำไปขายในเมืองแลกเหรียญทอง แต่ไม่ง่ายเลยที่จะไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระในป่าแห่งนี้ หากเผลอก้าวพลาดไป เจอเข้ากับสัตว์ปีศาจดุร้ายทรงพลัง ถูกกักขังกัดกิน ย่อมไม่เหลือซากศพสมบูรณ์อย่างแน่นอน
ในเวลานี้ ฉู่อวิ๋นถือกระบี่เศวตรรุ้งเดินเข้าไปในป่าอย่างระมัดระวัง มองหาร่องรอยของดอกปี้หลิงสามกลีบ
“โชคดีนัก ดูเหมือนจะยังไม่เจอสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งกว่านี้”
ระหว่างทาง ฉู่อวิ๋นเก็บรวบรวมวัตถุดิบยาทั่วไปได้ไม่น้อยและฆ่าสัตว์ระดับต่ำไปด้วยจำนวนมาก ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขา การจัดการกับสัตว์ปีศาจพวกนั้นจึงไม่ใช่เื่ยาก
ในขณะเดียวกัน ฉู่อวิ๋นก็ค่อยๆ คุ้นเคยกับวิชากระบี่ดาวตก ทั้งยังได้ฝึกฝนจนถึงระดับเกือบสมบูรณ์ อาจกล่าวได้ว่าเชี่ยวชาญแล้ว หากเขาต้องเผชิญหน้ากับนักรบระดับสี่ของขอบเขตควบแน่นพลังปราณอีกครั้ง เขามั่นใจว่าจะสามารถชนะได้อย่างง่ายดาย
ทว่า ดอกปี้หลิงสามกลีบก็ยังคงไร้ซึ่งร่องรอย
“บริเวณนี้ทั่วไปแล้วเป็เขตด้านนอกของป่าสนธยา ถ้าเข้าไปลึกอีกก็จะเจอกับสัตว์ระดับสูง พลังของข้าในตอนนี้ ไม่บุ่มบ่ามเข้าไปจะดีกว่า” เมื่อมองไปยังป่าลึกและน่าสะพรึงกลัวจากระยะไกล ฉู่อวิ๋นก็คิดเื่นี้อย่างเงียบๆ
ป่าสนธยาแบ่งออกเป็ส่วนด้านนอกและด้านใน ด้านนอกจะมีเพียงสัตว์ดุร้ายถึงแค่ระดับสี่เท่านั้น ซึ่งเทียบเท่ากับความแข็งแกร่งของขอบเขตควบแน่นพลังปราณระดับสี่ของมนุษย์ และเมื่อกระแสสัตว์ปีศาจเริ่มปั่นป่วน สัตว์ปีศาจระดับสูงก็จะเริ่มออกมาที่ด้านนอกเพื่อปักหลักถิ่นฐาน
เมื่อสักครู่นี้ ฉู่อวิ๋นได้ฆ่าสัตว์ปีศาจระดับห้าอย่างเสือดาวสายฟ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ หากเขาพบกับสัตว์ปีศาจที่มีระดับสูงกว่านี้ ฉู่อวิ๋นในตอนนี้ คงยากที่จะต่อกร
“หรือว่าดอกปี้หลิงสามกลีบมีแค่ป่าในด้านใน?” ฉู่อวิ๋นก้มหน้าลงคิดไตร่ตรอง รู้สึกลังเลเล็กน้อย
"สวบสาบ--"
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าในป่าทึบ
ฉู่อวิ๋นตื่นตัวทันที เขาจับกระบี่เศวตรรุ้งไว้ในมือแน่น และมองตรงไปยังทิศทางของเสียง
ในพื้นที่ป่าดึกดำบรรพ์ที่ไร้กฎเกณฑ์นี้ การปล้นฆ่าถือเป็เื่ปกติ นักรบจำนวนไม่น้อยในป่านี้ไม่ได้ตายด้วยปากของสัตว์ปีศาจ แต่ตายด้วยน้ำมือของพวกเดียวกันเอง
หลังจากนั้นไม่นาน นักรบหลายคนสวมเสื้อผ้าทะมัดทะแมงเดินถืออาวุธออกมาจากกอหญ้าและบังเอิญเห็นฉู่อวิ๋นเข้า
“หือ? ทำไมถึงมีคนล่ะ?”
“เ้ากลัวอะไรล่ะ? ก็แค่เด็กหนุ่ม”
“เอ๊ะ? นี่ไม่ใช่ดาวหายนะเมืองไป๋หยางของเราหรือ? เหตุใดถึงอยู่ที่นี่ได้?”
“หรือเขาจะถูกตระกูลฉู่ขับไล่และมาที่นี่เพื่อฆ่าตัวตาย? ฮ่าๆ!”
หลายคนจำฉู่อวิ๋นได้ในทันที พวกเขาทั้งหมดส่งเสียงหัวเราะแปลกๆ ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
พวกเขารู้สึกว่าคนที่ปลุกิญญายุทธ์พิการมาที่ป่าสนธยาก็เพียงเพื่อหาเื่ตาย
ชายมีหนวดในกลุ่มพวกเขาเดินเข้ามาหาฉู่อวิ๋น โบกขวานรบั์ในมือไปมา และพูดด้วยรอยยิ้ม "ข้าว่านะ เ้าหนู เ้ามาทำอะไรในป่าสนธยา?"
ฉู่อวิ๋นนิ่งเงียบและตอบอย่างสงบ ข้ามาเก็บสมุนไพร"
“เก็บสมุนไพรหรือ? ฮ่าๆ ได้ยินไหมพวกเรา? เ้าหนูนี่บอกว่าเขามาที่ป่าสนธยาเพื่อเก็บสมุนไพรล่ะ!” ชายร่างใหญ่หันหน้าไปะโบอกเพื่อน ๆ ของเขา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็หัวเราะจนตัวงอ
“นี่ ไอ้หนู เ้ารู้หรือไม่ว่านี่คือสถานที่สำหรับนักรบ? หือ? ผลของการเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้ามามีแต่คำว่า 'ตาย' เท่านั้น คำว่า 'ตาย' น่ะ เ้าเขียนเป็หรือไม่?” ชายร่างใหญ่ยกขวานรบั์ขึ้นมาอีกครั้ง เขาโบกมันต่อหน้าฉู่อวิ๋นและเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างโอ้อวด
ฉู่อวิ๋นี้เีจะสนใจเขา ในขณะที่กำลังจะจากไป เขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งในป่า ดวงตาของเขาเปลี่ยนไปทันที เขามองไปรอบๆ พลางจับกระบี่เศวตรรุ้งไว้แน่น
เมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึมของฉู่อวิ๋น ชายร่างใหญ่ก็พูดอย่างเหยียดหยาม "นี่นี่ เ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่รังแกเ้า อย่างน้อยที่สุด ข้าก็แค่จับเ้าไปโยนอยู่ท่ามกลางสัตว์ป่าให้เ้ากลัวเล่นเท่านั้นเอง"
"หลบไป"
ฉู่อวิ๋นไม่มีน้ำอดน้ำทนมากพอจึงยกฝ่ามือขึ้นฟาดใส่ชายเสียงดังคนนั้นจนกระเด็นห่างออกไปห้าหมี่
ชายร่างใหญ่ที่ถูกฝ่ามือฟาดใส่ หน้ามืดจนเห็นดวงดาวเนื่องจากหกล้ม สีหน้าบูดบึ้งด้วยความเ็ป ทันใดนั้นเขาก็โกรธจัดและกำลังตั้งท่าโจมตีกลับ แต่จู่ๆ เขาก็ได้กลิ่นเืเข้มข้นโชยมา
เขาหันกลับมามองและเห็นว่าคนอื่นๆ นอนจมกองเื ศีรษะของพวกเขาหายไปแล้ว
"ฮูว...ฮู้ว..."
ใกล้กับศพมีหมาป่าปีศาจสีม่วงดุร้ายสามตัวกำลังเคี้ยวเนื้อและมองดูคนที่เหลืออีกสองคนด้วยแววตากระหาย ในป่าทึบระยะไกล เงาสีม่วงยังคงปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หมาป่าเงา เป็สัตว์ปีศาจระดับสี่ ความแข็งแกร่งของแต่ละตัวเทียบเท่ากับนักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณระดับสี่ มันเป็หนึ่งในสัตว์ปีศาจที่ดุร้ายที่สุดนอกป่าสนธยา สิ่งที่ทำให้สัตว์ปีศาจชนิดนี้มีชื่อเสียงคือ การต่อสู้แบบหมาหมู่ของพวกมัน
กลุ่มหมาป่าเงาสามารถสังหารนักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณระดับห้าที่ทรงพลังได้
“นี่...นี่คือฝูงหมาป่าเงา!”
เมื่อเห็นเงาของหมาป่าหลายตัว ชายร่างใหญ่ก็ใกลัวและก้าวมาหลบทางด้านหลังฉู่อวิ๋นทันที เขากลัวมากจนพิงต้นไม้ใหญ่แล้วยกขวานขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา แต่ไม่อาจยืดกายตรงได้
ชายร่างใหญ่คนนี้ เป็นักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณระดับสี่ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหมาป่าเงาจำนวนมากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่าถึงคราวตายแล้ว
“์! เ้า...เ้าดาวหายนะ ทั้งหมดเป็เพราะเ้า! เพราะเ้าดึงดูดหมาป่าพวกนี้มา!” ชายร่างใหญ่ใกลัวและจ้องมองที่ฉู่อวิ๋น ฟันของเขาขบกันอย่างสั่นเทา
ฉู่อวิ๋นมุ่นคิ้ว ไม่พอใจเล็กน้อย "ถ้าเ้าไม่ะโ ก็คงไม่ดึงดูดหมาป่าพวกนี้มาหรอก อย่าโทษข้านักเลย"
"ฮู่ว--"
ราวกับว่าพวกมันได้ยินการโต้เถียงระหว่างฉู่อวิ๋นและชายร่างใหญ่ หมาป่าเงาหลายตัวหันหน้ามามอง ดวงตาฉายแววสีแดงเื รูปลักษณ์ดูดุดัน ที่เขี้ยวของพวกมันยังคงมีเนื้อและเืสดๆ ติดอยู่
ไม่ช้า หมาป่าเงาทั้งหมดก็เข้ามาล้อมฉู่อวิ๋นอย่างแ่า แยกเขี้ยวใส่เขา และปล่อยเสียงคำรามต่ำ
ความดุร้ายโดยกำเนิดของหมาป่าเงาบอกพวกมันว่า เด็กหนุ่มตรงหน้าเล่นงานได้ไม่ง่าย ดังนั้นพวกมันจึงปิดล้อมฉู่อวิ๋นอย่างระมัดระวังและเตรียมการโจมตีเป็กลุ่ม
“หนึ่ง สอง สาม... รวมเป็หมาป่าเงาสิบตัว เวรเอ้ย เยอะจริงๆ!”
เมื่อเห็นหมาป่าเงาจำนวนมากปรากฏตัวต่อๆ กัน ฉู่อวิ๋นจึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เขาก็จะถูกหมาป่าปีศาจฆ่าตาย
“ดูท่าแล้วคงต้องใช้ประกายทมิฬเท่านั้นแล้ว”
ประกายทมิฬสามารถปล่อยปราณกระบี่หลายๆ ดาบในเวลาเดียวกันได้ เป็ท่าโจมตีกระบี่แบบกลุ่มและเหมาะที่สุดสำหรับการใช้งานเมื่อถูกปิดล้อม แน่นอนว่าสำหรับกระบวนท่าที่สิ้นเปลืองพลังปราณเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นสามารถใช้ได้เพียงสามหรือสี่ครั้งเท่านั้น .
ฉู่อวิ๋นระดมพลังปราณในร่างกายอย่างรวดเร็วในทันที ใช้กระบี่ค้ำตัวขึ้นยืนและจ้องตรงไปข้างหน้า
"ฮู้ว--"
ทันใดนั้น เงาหมาป่าทั้งหมดก็ลอยขึ้นสู่อากาศ กลายเป็ภาพติดตาสีม่วง และพุ่งเข้าหาฉู่อวิ๋นอย่างรวดเร็ว
“ประกายทมิฬ!”
ฉู่อวิ๋นเพ่งมอง เท้าของเขาก้าวเข้าหากัน เขายกกระบี่เศวตรรุ้งในมือขึ้นและฟันลงไปในแนวนอนและแทงตรง
"ชิ้ง!"
มองเห็นรังสีกระบี่แสงดาวสามสิบหกมรรคากะพริบไปทั่วอากาศ ทีละดวงๆ ราวกับคลื่นน้ำที่กระทบต่อเนื่อง แสงเย็นๆ สว่างจ้า ส่งแรงผลักดันอันดุเดือด งดงามไร้เทียบเทียม
"ชึบ-ชึบ-"
วินาทีต่อมา เืก็เต็มท้องฟ้า
หมาป่าเงาทั้งสิบตัวต่างหมดลมหายใจและตกลงมาจากอากาศทีละตัวๆ มีรูกระบี่ลึกหลายรูบริเวณท้องของศพ แต่ละตัวมีเืหยดไหลออกมา
“นี่...นี่?”
เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นสังหารหมาป่าด้วยกระบี่เล่มเดียว ชายร่างใหญ่ก็ตกตะลึงจนลืมวางขวานลง ดาวหายนี่มีพลังขนาดนี้ได้เมื่อไหร่กัน?
หลังจากนั้น ชายร่างใหญ่เห็นดวงตาเ็าของฉู่อวิ๋น ทั้งยังรีบวิ่งเข้ามาหาเขา เขาก็ะโทันที "อย่า...อย่าๆๆๆ อย่า! จอมยุทธ์น้อย! ท่านจอมยุทธ์! อย่า อย่าฆ่าข้า!"
"ควั่บ--"
แสงสีม่วงพุ่งผ่านความว่างเปล่า ชายร่างใหญ่คิดว่าเขาคงต้องตายแล้วจึงหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
ครึ่งวินาทีต่อมา ชายร่างใหญ่ก็ตระหนักได้ว่าเขายังขยับมือขยับเท้าได้ จึงรีบลืมตาขึ้น มองเห็นคมกระบี่ของฉู่อวิ๋นจ่ออยู่ที่ข้างคอของเขา เมื่อหันหน้าไปมองก็เห็นว่าปลายกระบี่สีหยกขาวแทงลึกเข้าไปในหัวของหมาป่าเงา
ฉู่อวิ๋นช่วยเขาเอาไว้
เมื่อเขาได้สติ ชายร่างใหญ่ก็หลั่งน้ำตาทันที ก้มหัวขอบคุณฉู่อวิ๋นซ้ำๆ "ท่านจอมยุทธ์! ท่านจอมยุทธ์! ข้ามีตาแต่มองไม่เห็นเขาไท่ซาน[1]! บุญคุณช่วยชีวิตไม่มีสิ่งใดทดแทน ข้าจะนำเื่ของท่านไปเล่าให้ทั่วเมืองหยางเฉิง ใครหน้าไหนมันกล้ามาว่าท่านว่าเป็ดาวหายนะ ข้าจะเป็คนแรกที่พุ่งเข้าไปจัดการ!”
เมื่อมองดูชายร่างใหญ่ที่จู่ๆ ทัศนคติก็เปลี่ยนไป ฉู่อวิ๋นก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก "เชอะ อาจจะยังมีหมาป่าเงาอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ เ้าควรจะออกไปจากที่นี่โดยเร็ว... "
ยังไม่ทันจะพูดจบ เขาก็เห็นชายร่างใหญ่วิ่งไปตามทางและะโเสียงดัง "ท่านจอมยุทธ์! ข้าขอลาก่อนแล้ว! วันหน้าหากมีโอกาสเราค่อยมาพบกันใหม่!"
“นี่มัน...ต้องรีบวิ่งขนาดนั้นเชียวหรือ? ขี้ขลาดเสียจริง”
“แต่ก็เป็คนที่น่าสนใจ”
เมื่อมองดูร่างที่ตื่นตระหนกของชายหนุ่ม ฉู่อวิ๋นก็ยิ้มขำและเตรียมตัวจากไป แต่เขาก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างได้
“ต้องมีอะไรแน่ ๆ หมาป่าเงาถึงมาอยู่ที่นี่มากมาย หรือว่าใกล้ๆ นี้มีสิ่งที่มีพลังิญญาอยู่?”
โดยทั่วไปแล้ว สัตว์ปีศาจจะรวมตัวกันอยู่รอบๆ สิ่งที่มีพลังิญญาและปกป้องพวกมันไว้ราวกับเป็สมบัติ
เมื่อคาดเดาในใจแล้ว ฉู่อวิ๋นก็เริ่มค้นหาสถานที่ใกล้ๆ ทันที ใช้เวลากว่าสิบนาทีก่อนที่เขาจะพบสถานที่พิเศษ
“ข้าเดาไม่ผิดจริงด้วย!”
ฉู่อวิ๋นเดินเข้ามาใต้ต้นไม้สูงตระหง่าน และเห็นดอกไม้สีเขียวแปลกๆ ใกล้กับโคนต้นไม้ เปล่งแสงสีขาวออกมา มีกลีบทั้งสิ้นสามกลีบ
“นี่น่าจะเป็ดอกปี้หลิงสามกลีบ โตได้งามทีเดียว!”
ฉู่อวิ๋นจมอยู่ในห้วงคำนึงขณะที่สังเกตพันธุ์ไม้ประหลาดตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
จากนั้นไม่นาน ฉู่อวิ๋นก็ยื่นมือขวาออกไปอย่างเริงร่า เตรียมจะเด็ดดอกไม้ แต่ก่อนที่นิ้วของเขาจะแตะเหง้าราก เขาก็รู้สึกชาไปทั่วทั้งร่างและรีบผละออกโดยไม่รู้ตัว
“ฟิ้ว——”
ลูกศรขนนกบินข้ามความว่างเปล่าตัดผ่านหน้าผากของฉู่อวิ๋น และปักเข้ากับต้นไม้สูงตระหง่านที่อยู่ข้างๆ ทำให้ลำต้นหนาแตกออกเป็ร่องๆ และล้มลงดัง “โครม” อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นลูกศรที่อันตรายดอกนี้ ใบหน้าของฉู่อวิ๋นก็มืดมนลง หากเขาตอบสนองช้าลงสักนิด ศีรษะของเขาคงแหลกไปนานแล้ว
คนที่ยิงธนูดอกนี้ ชัดเจนว่า้าเอาชีวิตเขา
"ใคร!?"
จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็หันกลับมา ชักกระบี่เศวตรรุ้งออกจากฝัก และมองไปในทิศทางของลูกศรขนนกที่บินมาด้วยความโกรธ
----------------------------------------------
[1] มีตาหามีแววไม่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้