ถังเหล่ยเดินทางตามแผนที่ไปโดยไม่ได้หยุดพัก
ไม่นานข่าวที่เขาสังหารเยียนหลิงซานก็จะกระจายไปทั่วจักรวรรดิเทียนอวี่ หากเป็ไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้เขามีโอกาสแปดหรือเก้าส่วนที่จะกลายเป็คนร้ายประกาศจับของจักรวรรดิ หากไม่รีบออกไป เขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแน่
ถังเหล่ยเลือกเดินตามเส้นทางที่สั้นที่สุด บางสถานที่มีกระทั่งสัตว์อสูรปรากฏ
แต่จากพลังของถังเหล่ยตอนนี้ สัตว์อสูรระดับหนึ่งระดับสองไม่อาจคุกคามเขาได้แม้แต่น้อย
“ด้านหน้ามีเมืองเมืองหนึ่ง หากผ่านเมืองนี้ไปได้ อีกไม่นานก็จะถึงชายแดนแล้ว!”
ผ่านไปสองวัน ในป่าบนูเาลูกหนึ่ง ถังเหล่ยกางแผนที่ออกเพื่อยืนยันตำแหน่งของตัวเองในปัจจุบัน เมื่อดูจากบนแผนที่ อีกแค่หนึ่งวันถังเหล่ยก็จะออกจากจักรวรรดิเทียนอวี่สำเร็จ
แต่ตอนที่จะออกจากชายแดน จะต้องผ่านป้อมปราการแห่งหนึ่งด้วย
ตำแหน่งของป้อมนี้พิเศษมาก ทั้งสองฝั่งล้วนขนาบด้วยเทือกเขาสูงเสียดฟ้า หากต้องเดินทางอ้อมจากที่อื่น จะต้องเสียเวลาหลายวัน
ชื่อของป้อมปราการแห่งนี้คือด่านซิวหลัว หนึ่งในป้อมปราการที่สำคัญที่สุดในจักรวรรดิเทียนอวี่
ถังเหล่ยทำการแปลงโฉมเล็กน้อย หากผ่านด่านนี้ไปได้ ก็เข้าเขตจักรวรรดิซือฉีที่ปลอดภัยมากขึ้น อย่างน้อยทหารในจักรวรรดิเทียนอวี่ก็ไม่อาจเข้าไปในเขตจักรวรรดิซือฉีได้
ด้านข้างห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตรก็คือถนนเส้นหลัก ถังเหล่ยเลือกที่จะไม่เดินบนถนนเส้นนั้น และเดินทางผ่านป่าด้านข้างแทน แม้ตอนนี้จะอยู่ห่างจากเมืองอวิ๋นหลิวเกือบพันลี้ แต่การระวังตัวไว้ก่อนย่อมดีกว่า ใครจะรู้ว่าจักรวรรดิส่งทหารไล่ตามมาหรือไม่
อีกเหตุผลหนึ่งคือป้องกันสัตว์อสูรที่อาจจะปรากฏตัวได้ตลอดเวลา และเคลื่อนไหวไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น ถังเหล่ยวิ่งไปด้านหน้าราวกับลิงูเา
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ถังเหล่ยก็นอนอยู่บนต้นไม้สูงเสียดฟ้า เขากำลังฟื้นฟูปราณแท้พลังยุทธ์ในร่าง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากที่ไม่ไกล
ถังเหล่ยตั้งสติทันใด เสียงกรีดร้องนี้อยู่ห่างจากเขาไม่มาก เสียงที่ตามต่อมาคือเสียงสัตว์อสูรคำราม เขาลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ตัดสินใจไปสังเกตการณ์ ส่วนเื่ช่วยหรือไม่นั้น ต้องดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ถังเหล่ยก็มาถึงสถานที่เกิดเหตุ บนถนนสายหลักมีคาราวานพ่อค้ากลุ่มหนึ่งที่มีคนราวสิบกว่าคน แต่มีเพียงห้าคนเท่านั้นที่มีพลังถึงระดับผู้ชำนาญยุทธ์ และมีสี่คนที่เป็เพียงผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา ที่เหลืออีกห้าหกคนล้วนเป็คนธรรมดา
สัตว์อสูรที่พวกเขาเจอคือสัตว์อสูรระดับสามตัวหนึ่ง ศีรษะพยัคฆ์ขนาดใหญ่กำลังฉีกทึ้งร่างกายของผู้ชำนาญยุทธ์คนหนึ่ง ร่างท่อนบนถูกฉีกเป็ชิ้นๆ คิดจะรักษาศพให้สมบูรณ์คงเป็ไปไม่ได้
“พลังแค่นี้ยังกล้ามาเดินที่นี่ รนหาที่ตายชัดๆ!”
ถังเหล่ยส่ายหัว คนที่แข็งแกร่งที่สุดในขบวนเป็เพียงผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นหกคนหนึ่ง แม้แต่อาวุธที่ใช้การได้สักชิ้นก็ไม่มี เขาอาจจะปกป้องตัวเองได้ แต่คนอื่นๆ ต้องตายอย่างไม่อาจเลี่ยง
นอกจากนี้ที่นี่คือเทือกเขาสัตว์อสูร เสียงคำรามจะยิ่งดึงดูดสัตว์อสูรตัวอื่นๆ มาอีก ถ้าผู้ชำนาญยุทธ์อีกสี่คนที่เหลือฉลาดพอก็ควรจะหนีไปตอนนี้เสีย
แต่ชัดเจนว่าคนเหล่านี้ไม่เลือกที่จะหนี เพราะในมือของพวกเขากำอาวุธเอาไว้แน่น และใช้ิญญายุทธ์พุ่งเข้าหาสัตว์อสูร
สัตว์อสูรระดับสามหาได้หวาดกลัวไม่ มันฟาดหางออกไปกระแทกผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่ง จนกระเด็นออกไปกระแทกกับต้นไม้ด้านข้าง และสิ้นลมทันใด
“รีบพาอวี่เอ๋อร์หนีไป เร็วเข้า!”
ผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นที่หกที่แข็งแกร่งที่สุดคนนั้นะโออกมา สิ้นเสียงก็มีเด็กสาวคนหนึ่งะโออกมาจากบนรถม้าที่ใส่สินค้าเอาไว้เต็มคัน
ผู้ชำนาญยุทธ์สองคนแบกเด็กสาว และพร้อมจะวิ่งหนีไป แต่สัตว์อสูรระดับสามตัวนี้ไม่คิดจะปล่อยให้อาหารหลุดรอดไป
ร่างั์นั้นพุ่งกระโจนไปทางกลุ่มคนที่คิดจะหนี ผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นที่หกเข้าขวางเอาไว้ แต่ก็ถูกกระแทกกระเด็นไปด้านข้าง สัตว์อสูรกำลังอ้าปากไปทางเด็กสาว
ผู้ชำนาญยุทธ์สองคนหันกลับมา ในดวงตาเผยแววเด็ดเดี่ยว พวกเขาดึงอาวุธออกมาหมายจะสังหารสัตว์อสูร แต่ก็ทำได้เพียงป้องกันการโจมตีสองครั้งเท่านั้น
ถังเหล่ยมองออกว่า แม้คนเหล่านี้จะปลุกิญญายุทธ์ได้ แต่กลับไม่มีวิทยายุทธ์อะไรเลย อีกทั้งิญญายุทธ์ที่ปลุกได้ก็เป็เพียงิญญายุทธ์ระดับต่ำมาก พลังต่อสู้ไม่อาจเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพร์สูงได้ หากจะสู้กับสัตว์อสูรจริงๆ ยังไร้พลังเกินไป
“ห้ามลงมือ ห้ามลงมือเด็ดขาดเลย!”
ถังเหล่ยย้ำกับตัวเอง ตอนนี้เขายังเอาตัวเองไม่รอด นี่ไม่ใช่เวลาเสนอหน้าไปช่วยใคร
สัตว์อสูรสังหารผู้ชำนาญยุทธ์ไปแล้วสองคน มันกำลังพุ่งไปทางเด็กสาว ร่างกายขนาดใหญ่กระโจนลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะตกลงตรงหน้าของเด็กสาวผู้นั้น
มันคำรามออกมาเสียงดังลั่น ั์ตาของผู้ชำนาญยุทธ์รอบด้านล้วนเหลือเพียงแต่ความสิ้นหวัง
ขณะที่พยัคฆ์กำลังจะเขมือบเด็กสาว จู่ๆ มันก็ััได้ถึงจิตสังหารหนึ่ง
สัตว์อสูรระดับสามเทียบเท่ากับผู้ทรงยุทธ์ของมนุษย์ ประสาทััและปฏิกิริยาตอบสนองเฉียบคมมาก หลังจากััได้ถึงจิตสังหาร มันก็หยุดการโจมตีเด็กสาว แล้วคิดจะขยับร่างใหญ่ั์ถอยร่น
ทว่าสายไปเสียแล้ว เงาร่างสายหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า แล้วกระแทกลงบนหลังของสัตว์อสูร
พลังอันมหาศาลนั้นทำให้ขาทั้งข้างของมันผิดรูป ราวกับไม่อาจต้านทานพลังที่ตกลงมาได้ไหว
และแสงสีเงินสายหนึ่งพลันกะพริบไหวบนศีรษะของสัตว์อสูร ร่างกายของมันแน่นิ่งไปโดยฉับพลัน เงาคนที่ยืนบนร่างสัตว์อสูระโลงมาบนพื้นอย่างมั่นคง ใบหน้าอ่อนเยาว์ปรากฏสู่สายตาทุกคน
จากนั้นศีรษะของสัตว์อสูรก็ปรากฏเส้นสีแดงเส้นหนึ่ง ร่างั์ของมันล้มตึง เืไหลนองเต็มพื้น
“นี่...”
ทุกคนล้วนตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าไม่อาจตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ได้ทัน สัตว์อสูรระดับสามตัวหนึ่งถูกสังหารไป โดยที่พวกเขามองตามไม่ทันว่าอีกฝ่ายลงมืออย่างไรด้วยซ้ำ
อีกทั้งคนที่สังหารสัตว์อสูรเป็เพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุประมาณสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น
“ท่านพ่อ!”
เด็กสาวลุกขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล นางวิ่งไปร้องไห้ไปหยุดอยู่ที่ข้างกายผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นที่หก
จนแล้วจนรอดทุกคนก็ได้สติกลับมา สายตาที่มองไปยังถังเหล่ยต่างเต็มไปด้วยความตื้นตันระคนใ
“ข้ามีนามว่าเซี่ยลี่ ขอบคุณท่านจอมยุทธ์ที่ลงมือช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่ากระไร?”
ผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นที่หกปลอบใจสาวน้อยผู้นั้น ก่อนจะพานางมาที่ด้านหน้าถังเหล่ย
เด็กสาวอายุไม่ต่างจากถังเฟยเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าปลุกิญญายุทธ์แล้วหรือยัง นี่คือสาเหตุที่ถังเหล่ยตัดสินใจช่วยเหลือ
“แค่เื่เล็กน้อย คำขอบคุณก็ไม่ต้องแล้ว เ้ารีบจัดการเื่ตรงนี้เถอะ อาจมีสัตว์อสูรตัวอื่นมาได้ตลอด!”
ถังเหล่ยยักไหล่ ที่เขาลงมือช่วยเป็แค่เื่เล็กน้อย ไม่ได้หวังทำเพื่อให้อีกฝ่ายซาบซึ้ง
อีกฝ่ายคล้ายอยากพูดอะไรอยู่บ้าง ทันใดนั้นสีหน้าของถังเหล่ยพลันเปลี่ยนไป เขาหันหน้ามองไปทางป่าด้านซ้าย
ในกี่อึดใจก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น คนที่รอดชีวิตมาได้ต่างก็ล้อมวงเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก พวกเขากำลังตั้งท่าป้องกันสัตว์อสูรที่กำลังวิ่งออกมา
ศีรษะของหมาป่านภาหลายสิบตัวโผล่ออกมาจากในป่า ก่อนจะพุ่งออกมาด้วยความรวดเร็ว
ฝูงหมาป่ากระจายตัว ล้อมกลุ่มพ่อค้าเอาไว้ในเสี้ยววิ
ถังเหล่ยถอนหายใจเล็กน้อย โชคชะตาช่างเล่นตลกจริงๆ!
เขาแค่ลงมือช่วยเหลือ เพื่อมาเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่ารึไง!?