อวี๋เจียวจ้องหลินเฟิงเขม็ง แววตามีเสน่ห์ได้จางหายไป แล้วแทนที่ด้วยความประหลาดใจแทน
เมื่อครู่หลินเฟิงปลดปล่อยกลิ่นอายออกมา และเป็ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 แต่กลับรู้แจ้งและควบคุมอำนาจดาบได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสังหารเคอเฉิงได้ในชั่วพริบตา แม้เคอเฉิงจะอวดดีแต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของหลินเฟิง ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงจะสามารถข่มเหงผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6ได้
อวี๋เจียวขมวดคิ้ว นางก็ไม่เคยเห็นหลินเฟิงมาก่อน ดังนั้นเมื่อครู่นางจึงเหยียดหยามอีกฝ่าย แต่เพราะว่าความสนใจของนางจึงเป็เหตุทำให้เคอเฉิงต้องตาย
“หึๆ จู่หนิง เ้าเคอเฉิงช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ประมาทศัตรูทั้งที่ตัวเองก็อยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 แม้เ้าหมอนี่จะควบคุมอำนาจได้ แต่มันก็แค่พอรับมือได้เท่านั้น” อวี๋เจียวหัวเราะพลางชี้ให้เห็นว่าเคอเฉิงนั้นไร้ประโยชน์และยังประมาทศัตรู แล้วยังบอกกับจู่หนิงว่าผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ก็เพียงพอที่จะรับมือกับหลินเฟิงได้
จู่หนิงขมวดคิ้ว แม้อวี๋เจียวจะพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงยั่วยวน แต่เขากลับรู้สึกว่ามันเป็เื่จริง ผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 อีกทั้งควบคุมอำนาจดาบได้ ก็น่าจะรับมือหลินเฟิงได้?
ความหวาดกลัวได้จางหายไปจากหัวใจของจู่หนิง และพร้อมต่อสู้อีกครั้ง
“จู่หนิง เ้าเห็นเคอเฉิงถูกฆ่าตายก็เลยหวาดกลัวงั้นหรือ?” น้ำเสียงของอวี๋เจียวดูแปลกๆ จึงทำให้จู่หนิงตกตะลึง ขณะกัดฟันแล้วจ้องเขม็งไปที่หลินเฟิงก่อนกล่าวว่า “ทำไมข้าต้องกลัว? ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 งั้นเหรอ ข้าสังหารเขาได้อยู่แล้ว”
หลินเฟิงเผยรอยยิ้มเยือกเย็น และกล่าวติดตลกว่า “แล้วทำไมเ้ายังยืนอยู่ตรงนั้นอีกล่ะ? ”
จู่หนิงมองหลินเฟิงด้วยสายตาไม่แยแส และสีหน้าอันบิดเบี้ยวของเขาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม ทันใดนั้นด้านหลังของจู่หนิงได้ปรากฏดวงตาคู่หนึ่งอยู่ในอากาศ ดวงตาคู่นี้ราวกับดวงตาของนกอินทรีมันช่างแหลมคมอย่างยิ่ง เมื่อดวงตาคู่ดังกล่าวได้ปรากฏขึ้น แววตาของจู่หนิงก็กลายเป็ชั่วร้ายและแปลกประหลาดไป
“จิติญญานักรบ!” หลินเฟิงประหลาดใจ ดวงตาคู่นั้นที่ปรากฏอยู่ด้านหลังของจู่หนิง จะต้องเป็จิติญญานักรบอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามจิติญญานักรบประเภทนี้หลินเฟิงก็ยังไม่เคยเจอมาก่อน
ทว่าหลินเฟิงกลับไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะทวีปเก้า์นั้นกว้างใหญ่ เขาไม่ได้รู้ไปทุกเื่ แม้อาณาเขตหิมะจะแบ่งเป็สี่จักรวรรดิและเก้าอาณาจักร ตอนนี้เขาเพียงอาศัยอยู่ในอาณาจักรเสวี่ยเยว่ที่เป็อาณาจักรธรรมดา แล้วเขาก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าจิติญญานักรบนั้นมีมากมายแค่ไหน
“อัสนีกัมปนาท!” หลินเฟิงแทงดาบออกไป จนเกิดเสียงฟ้าร้องดังสนั่น
ั์ตาคู่ประหลาดของจู่หนิงจ้องเขม็งไปที่ดาบของหลินเฟิงขณะยืนนิ่ง เมื่อหลินเฟิงมาถึงเบื้องหน้าเขา เขาขยับร่างกายเล็กน้อยก็สามารถหลบดาบของหลินเฟิงได้
ในขณะเดียวกันจู่หนิงก็ยกมือขึ้น ขณะนั้นฝ่ามือของเขาและั์ตาคู่ประหลาดล้วนเปล่งประกายคมกริบ ขณะที่มันเคลื่อนไปยังดวงตาของหลินเฟิง นี่เป็การโจมตีที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง
ดาบยาวของหลินเฟิงกรีดร้อง อย่างไรก็ตามกลับเห็นฝ่ามือของจู่หนิงยังคงพุ่งตรงไปยังศีรษะของหลินเฟิง
หลินเฟิงก้มหลบเล็กน้อย จากนั้นใช้เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวดั่งเงาะโถอยหลัง และโจมตีด้วยดาบปลิดิญญาอย่างไม่ลังเล แสงดาบเจิดจ้าพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“ดาบของเ้าอาจโจมตีคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่ข้า”
น้ำเสียงเ็าออกจากปากของจู่หนิง ร่างกายของเขาขยับเพียงเล็กน้อย ดาบปลิดิญญานั่นเขาสามารถหลบได้ อีกทั้งจู่หนิงก็ไม่กลัวมันเลยสักนิด
“ดวงตาคู่นี้สามารถทำนายการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามเพื่อช่วยในการหลบหลีกได้ และยังคล้ายคลึงกับจิติญญา์ด้วย”
หลินเฟิงพึมพำ กลิ่นอายของเขาค่อยๆ เยือกเย็นขึ้น ั์ตาฉายแววเหี้ยมโหด พลันม่านตาสีเทาคู่นั้นได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
จู่หนิงขมวดคิ้วเมื่อกลิ่นอายของหลินเฟิงเปลี่ยนไป คาดไม่ถึงว่ากลิ่นอายของหลินเฟิงจะเปลี่ยนไปในพริบตา กลายเป็เหี้ยมโหดและเยือกเย็นมากขึ้น ทำให้หัวใจของเขาต้องสั่นสะท้าน
ถ้าดวงตาของจู่หนิงว่าประหลาดแล้ว ดวงตาของหลินเฟิงในตอนนี้คงไม่สามารถใช้คำว่าปีศาจมาอธิบายได้เลย มันทั้งเหี้ยมโหดและเยือกเย็นราวกับไม่ใช่ดวงตามนุษย์
“ไม่สามารถโจมตีเ้าได้งั้นหรือ?”
น้ำเสียงเยือกเย็นออกจากปากของหลินเฟิง จากนั้นกลิ่นอายอันหนาวเหน็บได้เยื้องกรายมาถึงจู่หนิง อำนาจดาบพลันแหลมคมกว่าเดิมและยังมีกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง
“ดาบปลิดิญญา”
หลินเฟิงกวัดแกว่งดาบและเคลื่อนไหวราวกับภูตผี ฟันไปยังร่างจู่หนิง
จู่หนิงร้องเสียงดัง ั์ตาประหลาดคู่นั้นปล่อยกลิ่นอายดุดันออกมาและเป็อีกครั้งที่การโจมตีล้มเหลว
“ดาบแห่งความตาย”
หลินเฟิงยังคงไร้อารมณ์และปล่อยคลื่นดาบอีกครั้ง รังสีทำลายล้างสีเทาได้แผ่กระจายไปทั่ว กลิ่นอายอันหนาวเหน็บของดาบแห่งความตายปกคลุมจู่หนิง ทำให้ร่างของจู่หนิงแข็งทื่อ แม้จะอยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 เขายังไม่กล้ารับดาบของหลินเฟิงโดยตรง มิหนำซ้ำหลินเฟิงยังเป็นักดาบที่สามารถควบคุมอำนาจดาบได้ การโจมตีจึงมีพลังแข็งแกร่ง เพราะฉะนั้นการหลบเลี่ยงย่อมเป็ทางเลือกที่ดีที่สุด
ร่างกายของหลินเฟิงกลายเป็ภาพลวงตา แม้ดาบแห่งความตายจะรวดเร็ว แต่มันปรากฏในสายตาของจู่หนิงได้อย่างชัดเจน หลินเฟิงจึงไม่สามารถโจมตีเขาได้สักครั้ง
ในขณะนั้นั์ตาของหลินเฟิงกลับจ้องเขม็งไปที่จู่หนิง มองวิถีการเคลื่อนไหวของเขา ซึ่งในม่านตาของเขาตอนนี้กลับมองได้อย่างชัดเจน
หลินเฟิงมองจู่หนิง แต่ขณะเดียวกันจู่หนิงก็มองดาบของหลินเฟิงเช่นกัน
รังสีทำลายล้างสีเทาของดาบยาวแหวกว่ายอยู่ในอากาศ การเคลื่อนไหวของหลินเฟิงไม่หยุดสักวินาทีเดียว เขากวัดแกว่งดาบออกไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้จู่หนิงต้องถอยร่นตามไปด้วย
หลินเฟิงสังเกตการเคลื่อนไหวของจู่หนิงเงียบๆ มุมปากของหลินเฟิงเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา และกล่าวเสียงต่ำว่า “มันจบแล้ว”
เป็น้ำเสียงที่เงียบสงบ แต่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นอันแรงกล้า จึงทำให้หัวใจของจู่หนิงต้องเต้นรัว จากนั้นเขาพลันรู้สึกได้ว่าอำนาจดาบได้จางหายไป เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็ความว่างเปล่า
ไม่มีแล้วความเย็นเยือกและความดุดัน มีเพียงดาบธรรมดาที่กำลังพุ่งมาหาเขา
ั์ตาคู่ประหลาดของจู่หนิงจ้องดาบด้วยความสงสัย เขาอยากรู้ว่าการโจมตีครั้งนี้จะจบลงเช่นไร
จู่หนิงหลบไปทางด้านซ้าย จากนั้นม่านตาของเขากลับหดลง
แต่ดาบยังคงเล็งมาทางเขา แล้วชี้ตำแหน่งหัวใจอีกด้วย
ั์ตาคู่ประหลาดเปล่งประกายแหลมคม ร่างของจู่หนิงกะพริบอีกครั้งและจ้องมองดาบนั่น แต่สิ่งที่ทำให้จู่หนิงตกตะลึงคือดาบนี้ราวกับเงาที่ติดตามไปทุกที่ ไม่ว่าจะเคลื่อนที่ไปไหน มันก็ยังคงชี้ไปที่หัวใจของเขา จึงยิ่งทำให้จู่หนิงรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น ระยะของดาบกับหัวใจนั้นเริ่มเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
“เป็ไปได้ยังไงกัน? จิติญญาเนตรอินทรีของข้าไม่มีทางมองวิถีการเคลื่อนไหวไม่ออก”
หัวใจของจู่หนิงเริ่มสั่นระรัว จู่ๆ เขาก็พบว่าดาบที่ธรรมดานี้คล้ายกับเพลงดาบแห่งความตายที่พร้อมคร่าชีวิตผู้คน
เมื่อมองดาบที่กำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จู่หนิง้าที่จะหลบ แต่กลับไม่สามารถทำได้
ในเมื่อไม่สามารถหลบพ้น เขาจึงยกมือทั้งสองข้าง ในขณะนั้นจู่ๆ กลิ่นอายอันแหลมคมได้ถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้หัวใจของจู่หนิงสั่นอย่างรุนแรง แววตาเผยความสิ้นหวังออกมา มันเป็ขอบเขตดาบที่แข็งแกร่งกว่าอำนาจดาบเมื่อครู่นี้มาก
ดาบที่ดูธรรมดาๆ เล่มนั้น กลายเป็การผสานดาบ
หลินเฟิงก็มองดาบของตัวเองเช่นกัน การผสาน เป็การผสานอำนาจเพื่อเพิ่มพลังโจมตี
ขอบเขตการผสาน เป็ขอบเขตที่ละเอียดอ่อนมาก แค่การโจมตีเบาๆ ครั้งเดียว กลับสามารถเปลี่ยนรูปแบบไปได้ทุกชนิด ทั้งยังแฝงไปด้วยอำนาจแห่งดาบ ถึงแม้ว่าท่าดาบจะไม่สะดุดตา แต่กลับมีพลังโจมตีร้ายกาจ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าผสานอย่างแท้จริง ถึงจะบอบบางแต่ก็ทรงพลัง นี่แหละคือขอบเขตการผสาน
ดวงตาของหลินเฟิงกลับสู่สภาพปกติ ไม่มีความเยือกเย็นและไร้อารมณ์อีก จากนั้นพลันปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
การผสานกับอำนาจนั้นเหมือนกัน มันเป็หนึ่งในขอบเขต บางคนก็สามารถรู้แจ้งได้มาก บางคนก็เข้าใจได้น้อย การรู้แจ้งในอำนาจจะสามารถบรรลุขอบเขตการผสานได้ ในตอนนี้หลินเฟิงได้รู้แจ้งขอบเขตการผสานขั้นที่ 1 แล้ว
“ฉึก...!”
ขณะนั้นเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้น ดาบยาวในมือของหลินเฟิงไม่ได้แทงไปที่ร่างของจู่หนิง แต่กลับแทงไปที่หัวใจ การผสานดาบได้ทำลายอวัยวะภายในของจู่หนิงทันที
ดวงตาของจู่หนิงเบิกตาโพลง ั์ตาคู่ประหลาดได้สลายไป เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “ข้า… รู้สึก… เสียใจ… มาก!”
สิ้นเสียงสุดท้ายของจู่หนิง เขาก็สิ้นลมหายใจทันที
แววตาของหลินเฟิงไร้อารมณ์ เขาดึงดาบออกมา จากนั้นร่างของจู่หนิงก็ล้มลง ั์ตาของหลินเฟิงเหลือบมองอวี๋เจียวที่อยู่ไม่ไกล ทำให้อวี๋เจียวต้องสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว