Chapter 14
‘นะโมโทรมาบอกมึงหรือยังว่าพรุ่งนี้อยากไปเที่ยวไหน?’
‘โทรมาแล้ว นะโมบอกว่าอยากไปเอเชียทีค’
‘อ๋อ แล้วเราจะไปกันตอนกี่โมงดีอะ กูจะได้เตรียมตัว’
‘ประมาณทุ่มสองทุ่มแหละ’
‘งั้นเดี๋ยวกูขับรถไปจอดบ้านมึงนะ ตอนกลับจะได้ขับกลับเอง ไม่ต้องให้มึงวนไปส่ง’
‘โอเคครับ’
‘จ้า’
บทสนทนาระหว่างเรียวกับเพื่อนสนิทที่เกิดขึ้นเมื่อคืนผุดขึ้นในหัวอีกครั้ง เพราะเฮียโทรมาถามถึงแพลนไปเที่ยวของนะโม เรียวที่ได้ฟังบรีฟแผนการมาแล้วจึงตอบไปตามแผน โดยแผนการใหม่ที่ทุกคนช่วยกันคิดมีดังนี้...
วันนี้ไปเอเชียทีค แล้วนะโมกับเขาก็ต้องพยายามทำให้เฮียรู้สึกหึง
วันรุ่งขึ้นหยุดพัก 1 วัน แต่เขาต้องไปบ้านเฮีย เพื่อไปทำให้เ้าตัวรู้สึกหวั่นไหวมากกว่าเดิม
วันต่อมาไปสวนสนุก รอบนี้จะมีเพื่อน ๆ ไปช่วยด้วย
วันสุดท้ายของแผนการ เขากับเฮียจะต้องไปส่งนะโมที่สนามบินอีกครั้ง
จากที่ฟังแม่ของเฮียอธิบายแผนการให้ฟังอย่างละเอียดอีกรอบแล้ว มันก็เป็แผนที่ดีและน่าจะสำเร็จได้โดยไม่โดนจับได้เสียก่อน หากแต่เรียวก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ‘ไอ้ตัวป่วน’ จะทำให้ผิดแผนอีกไหม
ตอนนี้ทุกคนเลยเอาแต่ภาวนาขอให้แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่น แล้วก็ขอให้แม่ทัพอย่างเขาเลิกใจอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามสักที ซึ่งเรียวพูดได้คำเดียวว่า ‘จะพยายาม...แต่นั่นมันก็โคตรยากเลย’
คนตัวสูงที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวกับกางเกงยีนขายาวสีอ่อนเดินมาหยุดยืนที่หน้าประตูรั้ว ก่อนจะกดรีโมตเพื่อให้ประตูเหล็กขนาดใหญ่เลื่อนเปิดอัตโนมัติ เมื่อกี้เขาได้ยินเสียงคล้ายรถขนส่งพัสดุมาจอดหน้าบ้าน แต่กลับไม่มีใครกดกริ่งเรียกคนในบ้านเลย เรียวจึงอยากออกมาดูให้แน่ใจว่าไม่มีพัสดุมาส่งจริง ๆ
แต่ทว่าคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของประตูรั้วกลับทำให้เรียวเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ เขาจ้องมองเพื่อนสนิทที่ยืนยิ้มแฉ่งราวกับดวงอาทิตย์ ก่อนจะยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู แล้วเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่ง...
“อีน้ำแดง นี่เพิ่งห้าโมงครึ่งเอง ยังไม่ถึงเวลานัดเลย”
คนตัวสูงน้อยกว่าที่กอดกล่องพัสดุที่น้ำตาลไว้ ก้าวเท้าเดินมาหยุดยืนตรงหน้า ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เหมือนกูรีบเลยเนอะ แต่ก็เออ...กูรีบจริง ๆ แหละ”
“...”
“กลัวมาไม่ทันแล้วมึงออกไปกับนะโมก่อน”
ประโยคคำพูดของเพื่อนสนิททำให้เรียวอดยิ้มไม่ได้ เขาจึงปล่อยให้ตัวเองได้ยิ้ม ก่อนจะหลุบตาลงมองกล่องพัสดุในอ้อมแขนของอีกฝ่าย
“แล้วนั่นอะไร? ...พัสดุของบ้านกูใช่เปล่า?”
“เออ กูรับไว้ให้แทน”
“เฮีย เอาจริง ๆ เลยนะ มึงมาแอบจอดรถรอหน้าบ้านกูั้แ่กี่โมง?”
“บ่ายสามจ้ะ”
“บ่ายสาม?”
“เออ”
“มึงรีบจริง ๆ แหละ...” เรียวถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยต่อ “แล้วทำไมไม่เข้าไปรอในบ้าน?”
“กูกลัวมึงแซวกูอะ”
“แซวเื่?”
“ก็เื่ที่กูมาก่อนเวลานี่แหละ”
“...”
“ตอนแรกกูกะจะตีเนียนไง ถ้ามึงขับรถออกมาตอนหกโมง กูก็จะบอกว่าเพิ่งมาถึงพอดี”
“...”
“แต่มึงดันออกมาก่อนเวลา กูเลยโป๊ะเลยเนี่ย”
เรียวอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนเอ่ย “ถ้ารีบขนาดนี้ ทีหลังก็นอนค้างบ้านกูเลยก็ได้นะ”
“น่ะ ไอ้สัด มึงแซวกูจริง ๆ ด้วย”
คนตัวสูงกว่าเพื่อนสนิทหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยื่นมือไปหยิบกล่องพัสดุมาจากอีกฝ่าย แล้วเอ่ยชวน “เข้าบ้านกัน”
“ไม่เข้า”
“ทำไม?”
“อยากลองเล่นตัวบ้าง ทำตัวง่าย ๆ มาเยอะแล้ว”
เรียวหลุดหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ก่อนจะยกแขนข้างหนึ่งขึ้นโอบรอบลำคอคนตัวสูงน้อยกว่าไว้ แล้วพาเ้าตัวเดินเข้ามาในบ้านด้วยกัน คนที่พยายามเล่นตัวก็เดินมากับเขาด้วยรอยยิ้ม นั่นทำให้เรียวอดพูดไม่ได้...
“ไหนบอกว่าอยากเล่นตัวหน่อยไง”
“...”
“ไม่เห็นขัดขืนผมเลย”
เฮียที่โดนกอดคออยู่ก้มหน้าก้มตาเดิน ก่อนเอ่ยด้วยเสียงแ่เบา “พอเป็มึงแล้วก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาขัดขืนเลย ใจอ่อนไปหมด ไอ้สัด”
คนตัวสูงหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อได้ยินแบบนั้น แล้วเพราะเขาโคตรมันเขี้ยวอีกฝ่าย เรียวจึงแอบกดจมูกลงบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเล็กน้อย ก่อนจะรีบถอนจมูกออกด้วยความรวดเร็ว
แต่ทว่าเฮียที่ชะงักฝีเท้ากะทันหัน แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากัน ทำให้เรียวรู้ว่า ‘ซวยแล้วกู โดนจับได้แล้ว’ คนที่มีฉายาว่า ‘อีน้ำแดง’ เบิกตาโต ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมหัวกลม ๆ ของตัวเองไว้ เ้าตัวก้าวถอยห่างจากเขาไปสองก้าว แล้วยกมืออีกข้างขึ้นชี้หน้าเขา
“มะ มึงแอบหอมหัวกูเหรอไอ้เรียว”
“ฮะ เฮ้ย เปล่านะเว้ย…” ปฏิเสธไปก่อน เพราะมันดูไม่ชอบใจเอาซะเลย
“ไม่จริง กูััได้ มึงหอมหัวกู!”
“...”
“ใช่ไหม?!”
เรียวกลืนน้ำลายลงคอ แล้วคิดว่า ‘ไอ้คนน่ารัก กูขอโทษ’ เขาสบตากับเพื่อนสนิทอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนเอ่ย “ก็หัวมึงหอมดี กูก็เลยเผลอดมไป”
“ฮืออออ กูลูกมีพ่อมีแม่นะเว้ย ทำแบบนี้ได้ไงอะ!”
คนตัวสูงน้อยกว่าพูดพลางร้อง ‘ฮือ’ ในลำคอ ก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นกุมหัวกลม ๆ อีก เ้าตัวรีบวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน แล้วเรียวที่ยืนอยู่ที่เดิมก็ได้ยินเฮียะโเรียก ‘อาม่า’ ไปตลอดทาง
“อาม่า~ ฮืออออ ไอ้เรียวมันรังแกเฮีย!”
เขาหัวเราะเบา ๆ ในลำคอพลางคิดว่า ‘ไอ้คนน่ารักไม่ได้ไม่พอใจที่ทำแบบนั้นหรอก แต่มันแค่เขินเท่านั้นเอง’ พอเรียวเดินตามเข้าไปในบ้านก็เห็นเพื่อนสนิทกำลังนั่งอยู่กับอาม่าที่โซฟาหนังตัวยาว
“ถ้าเขาหอมเรา เราก็หอมกลับสิ จะได้ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบไง”
“ทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับอาม่า”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ...อ๋ออ หรือเพราะว่าเรียวตัวสูงกว่า เราก็บอกให้เขาย่อตัวลงมาหน่อยสิ ไม่เห็นยากเลย”
“อะ อาม่า~”
อาม่าหัวเราะ ‘หึๆ’ ก่อนเอ่ย “ทีหลังก็เอาหัวไปคลุกขี้ดินขี้โคลนไว้ เขาจะได้ไม่อยากหอม”
เรียวยกยิ้มมุมปากขณะมองเฮียกับอาม่านั่งคุยกันอยู่ เขาเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้บุนวมที่วางอยู่ข้าง ๆ โซฟาหนังตัวยาว วางกล่องพัสดุลงบนตักตัวเอง ก่อนจะยักคิ้วให้เพื่อนสนิทที่หันมามองกัน
เขาเดาว่าอีกฝ่ายจะต้องหลบสายตา แต่ทุกอย่างกลับผิดคาด เพราะนอกจากเฮียจะไม่หลบสายตาเขาแล้ว เ้าตัวยังลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวเท้าเดินมาหยุดยืนตรงหน้า เรียวที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนสนิท ก่อนเอ่ย...
“อะไรครับ?”
“กูมาคิด ๆ ดูแล้ว”
“...”
“…ที่อาม่าพูดก็ถูก ถ้าเขาหอมเรา เราก็แค่หอมเขากลับ”
“...”
“กูจะไม่ร้องโวยวายไปฟ้องใครอีกแล้ว”
“…”
“ต่อไปนี้นะไอ้เรียว...ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
จบประโยคคำพูดนั้น ด้วยน้ำเสียงและสายตาที่จริงจังของเพื่อนสนิท เฮียก็โน้มใบหน้าลงมาใกล้ใบหน้าของเขา แม้หัวใจจะสั่นไหวไม่เบากับการที่ใบหน้าของเราสองคนอยู่ใกล้กันในระยะประชิดแบบนี้ แต่เรียวไม่คิดถอยหนีเลยสักนิด เพราะเขาเฝ้ารอเวลานี้มานานแล้ว
และใช่...คำว่า ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ ของเฮีย หมายถึงการที่เ้าตัวเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้กันอีกหน่อย ก่อนจะฝังจมูกลงบนศีรษะของเขาอย่างแ่เบา แล้วรีบถอนออกไปด้วยความรวดเร็ว
ตอนนี้...
หัวใจแม่ง
เต้นแรงอย่างกับแผ่นดินไหวเลย
ดวงตาเรียวยาวคล้ายเหยี่ยวมองเพื่อนสนิทที่เดินไปนั่งลงข้าง ๆ อาม่าเหมือนเดิม แล้วคนที่เป็คนให้คำแนะนำด้วยตัวเองก็ดูคาดไม่ถึงเหมือนกัน อาม่าเบิกตาโตเล็กน้อยพร้อมกลืนน้ำลายลงคอ อาม่าคงไม่คิดว่าเฮียจะทำแบบนั้นจริง ๆ
เฮียที่มีใบหน้าแดงระเรื่อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยักคิ้วให้เขา พอเรียวเห็นแบบนี้ก็คิดว่า ‘สรุปใครกำลังโดนเล่นงานวะ?’ เขาสบตากับเพื่อนสนิทอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนเอ่ย...
“ได้เฮีย ได้”
เฮียคนทะเล้นพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเอ่ยขึ้นบ้าง “ได้เลยเรียว ไม่มีปัญหา”
ไอ้คนน่ารักแม่งโคตรแสบเลย
:)
TBC
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้