อยู่ต่อหน้าเสวียปู้หุ่ยแล้ว ิเสวียนดูตัวเล็กมาก แต่ท่าทางของเสวียปู้หุ่ยกลับเต็มไปด้วยความดุดันและเคารพ
เขาคำนับแล้วพูดว่า “ถ้าเช่นนั้น กระหม่อมก็ไม่เกรงใจแล้วล่ะนะ”
ระหว่างที่พูดเขาก็กำหมัดที่แข็งแกร่งราวกับเหล็ก ดาบเสี้ยวพระจันทร์ที่มีขนาดเท่ากับตัวของเขาก็ปรากฏขึ้นมาในมือ
ดาบเสี้ยวพระจันทร์ชิงหลงเป็ศาสตราวุธระดับเก้า มีน้ำหนักมากถึงสองพันห้าร้อยแปดสิบกรัม!
จากนั้นเสวียปู้หุ่ยก็คำรามแล้วฟันดาบเสี้ยวพระจันทร์ชิงหลงลงมา กวัดแกว่งมันออกไปอย่างบ้าคลั่งโดยไม่ปราณี
ดาบนี้มีคนในราชวงศ์ต้าิไม่กี่คนเท่านั้นที่รับมันได้!
แต่ในเวลานี้เอง ิเสวียนก็ยื่นมือขวาออกมาจากด้านหลัง แสงสีฟ้าที่มีพลังและลมปราณที่พุ่งออกมาจากฝ่ามือราวกับอสรพิษสายฟ้าที่กำลังคลั่ง!
ฝ่ามือนี้พุ่งปะทะกับดาบเสี้ยวพระจันทร์ชิงหลง หลังจากเกิดเสียงกึกก้อง ระลอกคลื่นพลังงานอันรุนแรงได้ถูกซัดออกไป และเกือบดับคบเพลิงที่อยู่ห่างออกไปหลายพันเมตร
ทุกคนมองอย่างตั้งใจ แล้วก็พบว่าฝ่ามือของิเสวียนจับดาบเสี้ยวพระจันทร์ชิงหลงที่แหลมคมอยู่!
ร่างแห่งสายฟ้า ไม่เพียงเปลี่ยนลมปราณให้เป็สายฟ้าแล้วปล่อยพลังสังหารออกไปเท่านั้น แต่เพราะการฝึกพลังแห่งสายฟ้า ทำให้ิเสวียนที่แม้จะดูซูบผอม แต่ในความเป็จริงแล้วร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า
ในคนระดับเดียวกัน ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาไม่มีใครเทียบได้ เพราะมันเป็ร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบหนึ่งพันปี!
การเคลื่อนไหวในมือของิเสวียนยังไม่หยุด หลังจากที่จับดาบของเสวียปู้หุ่ยเอาไว้แล้ว เขาก็กระชากดาบเสี้ยวพระจันทร์ชิงหลงออกมา แล้วซัดหมัดที่เสียงดังราวกับฟ้าร้องออกไป
ท่ามกลางฟ้าร้องฟ้าผ่านี้ เสวียปู้หุ่ยก็ยกดาบขึ้นมาต้านอย่างต่อเนื่อง แต่ละดาบของเขานั้นรุนแรงมาก ซัดจนอากาศฉีกขาด แต่ก็ยังคงถูกิเสวียนบีบจนต้องล่าถอย!
แต่หลังจากนั้น ิเสวียนกลับหยุดแล้วถอยไปด้านหลัง ลูกศรสีเืที่ส่องประกายแสงอันเยือกเย็นเข้าไปอยู่แทนที่ตำแหน่งเดิมของเขาเมื่อครู่นี้ จากนั้นก็ะเิพลังที่มีอยู่ออกมา แต่เนื่องจากิเสวียนถอยห่างออกไปแล้ว เขาจึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ
ตอนที่เสวียปู้หุ่ยทำการโจมตี เซิ่นเจิ่นโหวก็ถอยหลัง โดยใช้เวลาที่เขาทั้งสองคนปะทะกันลอยตัวขึ้นไปบนลานประลอง แล้วยืนอย่างห่างจากิเสวียนประมาณสองพันเมตร
ลูกศรดอกนั้น เซิ่นเจิ่นโหวเป็คนยิง!
ใต้เงาจันทร์ เซิ่นเจิ่นโหวเต็มไปด้วยลมปราณ เสื้อคลุมสีแดงปลิวไสว มือเขาถือคันธนูจันทร์สีเื เขาง้างธนูพลังเทียบเท่าราชสีห์แปดพันกว่าตัวออกมา และหนีบลูกศรอีกสามดอกแล้วยิงมันออกมา!
หลังจากที่เซิ่นเจิ่นโหวปล่อยลูกศรออกไป ลูกศรสีเืสามดอกก็พุ่งออกไปใส่ิเสวียน
ธนูสามดอกนั้นเร็วมาก เมื่ออยู่ท่ามกลางความมืดก็แทบจะมองไม่เห็นเลย แต่ิเสวียนได้เปิดดวงตาหยั่งรู้ไว้แล้ว เขาซัดพลังฝ่ามือออกไปสามครั้ง!
“ตู้ม!”
“ตู้ม!”
“ตู้ม!”
เสียงะเิในแต่ละครั้งเป็ของธนูแต่ละดอก หลังผ่านครบสามดอกิเสวียนก็หนีบนิ้ว แล้วปล่อยแสงสีฟ้าออกไป สายตาที่ราวกับอสรพิษพุ่งะเิออกไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็บีบจนเซิ่นเจิ่นโหวต้องล่าถอยไป
แต่ในเวลานี้เอง เสวียปู้หุ่ยก็โผล่มาด้านหลังของิเสวียนและฟันดาบเสี้ยวพระจันทร์ชิงหลงเข้าใส่ หากโดนดาบนี้ฟันเข้าให้ิเสวียนขาดเป็สองท่อนแน่นอน!
“สายฟ้าแลบ”
ทันใดนั้นเอง ร่างกายของิเสวียนก็ะเิตัวออกมาเป็ฟ้าร้องและฟ้าผ่า หลังจากนั้นก็กลายเป็สีฟ้าจางๆ และดาบของเสวียปู้หุ่ยก็เหมือนจะแฝงอยู่ในสายฟ้านั้น
หลังจากนั้นด้านหลังของเสวียปู้หุ่ยเองก็ปรากฏสายฟ้าขึ้นมาเส้นหนึ่ง ิเสวียนไปโผล่อยู่ด้านหลังของเสวียปู้หุ่ยเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขายกเท้าถีบเสวียปู้หุ่ยกระเด็นไปไกลถึงห้าร้อยเมตร!
ั้แ่เริ่มต่อสู้กันมาจนถึงตอนนี้ เป็เวลาแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น ิเสวียนสามารถรับกระบวนท่าสังหารของขุนพลสร้างแผ่นดินได้ทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถโต้กลับอย่างได้เปรียบอีกด้วย
แล้วั้แ่ต้นจนจบ ิเสวียนก็ไม่เคยใช้กระบี่สายฟ้าออกมารับมือศัตรูเลย หากในมือของเขามีกระบี่สายฟ้าอยู่ด้วยและใช้กำลังต่อสู้ทั้งหมด ภาพการทำลายล้างแบบนั้นอาจทำให้คนที่เห็นขนลุกได้!
พูดได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็กำลังรบหรือว่ากำลังแฝงของิเสวียน มันไปถึงจุดที่ยากจะประเมินได้แล้ว!
“เยี่ยม”
ิเฉินเหยียนยิ้มอย่างชื่นชมแล้วก็ปรบมือขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อได้เห็นิเสวียนแสดงความแข็งแกร่งออกมาเขาก็รู้สึกภูมิใจ แต่ในขณะเดียวกัน ในใจของเขาก็เหมือนได้รับยาชโลมจิตใจ ในดินแดนอสูรว่านโซ่ว ลูกชายของเขาจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตแน่นอน
“ทุกคน ยามเฉิน*พรุ่งนี้ออกเดินทางไปดินแดนอสูรว่านโซ่ว ตอนนี้แยกย้ายได้” ิเฉินเหยียนสะบัดชายเสื้อ
(*เวลาเช้า 07.00 – 08.59 น.)
ทุกคนทำความเคารพแล้วก็กลับกันไป ิเฉินเหยียนถึงได้พูดกับิเสวียนว่า “เสวียนเอ๋อร์ เ้าอยู่ก่อน ข้าจะคุยกับเ้าตามลำพัง”
“พะยะค่ะ” ิเสวียนตอบอย่างนอบน้อม
จากนั้น ิเฉินเหยียนก็พาิเสวียนมายังตำหนักเฉินหลง
เมื่อเห็นลูกชายของตัวเองนั้นโดดเด่นมีความสามารถ สายตาของิเฉินเหยียนก็เต็มไปด้วยความชื่นชม เขาหยิบแหวนหยกออกมาวงหนึ่งแล้วมอบให้กับิเสวียน
“เสด็จพ่อ นี่คือ ...”
ิเฉินเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า “เสวียนเอ๋อร์ วันนี้พ่อพอใจกับการแสดงฝีมือของเ้ามาก หลายปีที่ผ่านมาเ้าออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์ข้างนอกตลอด เติบโตขึ้นมาไม่น้อย พ่อรู้สึกดีใจมาก ในแหวนหยกวงนี้ เป็ทรัพยากรการฝึกที่พ่อเตรียมให้เ้ามากว่าครึ่งปี แล้วยังมีลายเส้นอักขระที่เอาไว้คุ้มครองชีวิตด้วย แล้วก็มียาบำรุงชั้นดีอีกเม็ด เมื่อเ้าเข้าไปดินแดนอสูรว่านโซ่ว หากได้รับาเ็ มันจะฟื้นฟูเืให้เ้าได้ในระยะเวลาสั้นๆ ”
ิเสวียนคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อ อาการาเ็ของท่านยังไม่หายดี ยาบำรุงนี่ท่านเก็บเอาไว้น่าจะดีกว่า! ลูกรับมันไว้ไม่ได้”
“หือ? เหอะๆ เสวียนเอ๋อร์ พ่อชื่นชมเ้ามากจริงๆ เลยนะ ในเวลาแบบนี้เ้ายังคิดแทนพ่ออีก” ิเฉินเหยียนรักและเอ็นดูิเสวียนมากขึ้น
ิเสวียนส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ลูกจะกล้าอกตัญญูได้อย่างไร มันเป็หลักการที่ลูกควรทำ”
ิเฉินเหยียนพยักหน้า แล้วก็เริ่มพูดอย่างจริงจัง “หลักการมันก็ส่วนหลักการ แต่หากเ้าไปเจออันตรายในดินแดนอสูรว่านโซ่ว พ่อจะเป็ห่วงยิ่งกว่า ถ้าเ้าไม่รับของพวกนี้ไว้ นั่นแหละถึงเรียกว่าอกตัญญู”
“ลูกมิกล้า! ลูกจะกตัญญูต่อเสด็จพ่อไปตลอดชีวิต” ิเสวีนรีบก้มหน้ารับคำ แล้วรับแหวนหยกมาอย่างนอบน้อม
เมื่อเห็นลูกชายสุดที่รักของตัวเองรู้เื่และกตัญญูขนาดนี้ ิเฉินเหยียนเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาแดงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เสวียนเอ๋อร์ เ้าไม่เหมือนกับพ่อที่เกิดมาในยุคที่ต้าิของเรากำลังวุ่นวาย พ่อต้องใช้ชีวิตอย่างระวังตัวทุกวัน นอนไม่หลับเลยสักคืน เพราะไม่แน่ว่าในนาทีต่อไปพ่ออาจจะถูกพี่น้องแท้ๆ ของตัวเองฆ่าตายก็ได้!”
“อำนาจ ไม่ว่าใครก็อยากจะได้มันทั้งนั้น หากมีชะตาที่จะได้มันมามันก็จะได้มา แล้วพ่อก็มีชะตาที่จะได้นั่งบัลลังก์นี้”
น้ำเสียงของิเฉินเหยียนเต็มไปด้วยอำนาจของกษัตริย์ “ส่วนเ้า เสวียนเอ๋อร์ เ้าเองก็มีชะตาที่จะได้เป็เ้าเหมือนกัน! ไม่ว่าใครที่มีสิทธิ่ชิงกับเ้า แต่ก็ไม่มีพี่น้องคนไหนมีความสามารถมากพอที่จะไปทำร้ายเ้า เ้ามีวาสนานะ”
“ข้าเคยบอกเ้าว่า หลังจากนี้อีกสามสิบปี รอให้เ้ามีประสบการณ์มากพอ ข้าจะมอบทรัพยากรการฝึกที่ดีที่สุดและแผ่นดินนี้ให้กับเ้า! ภายในระยะเวลาสามสิบปีนี้ เส้นทางที่เ้าจะต้องเดินมันไม่ง่ายเลยนะ ความสามารถยิ่งมาก ภาระหน้าที่มันก็จะหนักตามไปด้วย”
“ลูกโง่เขลานัก ไม่ทราบว่าเส้นทางอีกสามสิบปีที่ลูกต้องเดินในสายตาของเสด็จพ่อนั้นมันคือเส้นทางไหน ในสายตาของลูก พลังฝีมือ พร์ ความแข็งแกร่ง มันก็คือเส้นทางของลูกแล้ว มันคือ ... ชีวิตของลูก”
สายตาของิเสวียนมีประกายแปลกๆ แต่ละคำที่เขาพูดออกมานั้นดูหนักแน่นมาก!
ิเฉินเหยียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “บางเื่ ตอนนี้เ้ายังไม่เข้าใจ พลังฝีมือนั้นสำคัญก็จริง แต่ความสุขุมสำหรับกษัตริย์แล้วมันสำคัญยิ่งกว่า ในสามสิบปีเ้าสามารถลดการฝึกลงได้บ้าง แต่เ้าต้องเจอคนให้มาก แก้ไขปัญหาให้ได้ในหลายเื่ มันถึงจะทำให้เ้าได้เติบโตจริงๆ และมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับเ้าจริงๆ เมื่อผ่าน่เวลาสามสิบปีนั้นไปแล้ว เมื่อเ้าย้อนกลับมาดูก็จะพบว่าทางที่เ้าเดินมาตลอดสามสิบปีนั้น มันไม่สูญเปล่า”
“เ้ามีพร์มากอยู่แล้ว ฝึกฝนประสบการณ์อีกสักสามสิบปี ต่อไปเ้าก็จะสามารถนำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ต้าิของเราได้อย่างแน่นอน!”
ในสายตาของิเฉินเหยียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง เขาฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้ที่ลูกชายของเขาคนนี้ เขาไม่เพียงจะทำให้ิเสวียนมีพลังฝีมือก้าวหน้า แต่ก็จะทำให้เขากลายเป็คนที่มีนิสัยสุขุมอีกด้วย
แบบนี้เท่านั้นถึงจะคู่ควรกับการเป็กษัตริย์ มันถึงจะทำให้ิเฉินเหยียนนั้นวางใจได้
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่สั่งสอน”
ิเสวียนยิ้มแล้วคำนับ เขาไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของิเฉินเหยียน แต่ว่าเขาก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร
“เอาล่ะ ข้าเองก็ควรพักแล้ว เ้ากลับไปเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะไปส่งเ้าออกเดินทาง”
ิเสวียนคำนับ “เสด็จพ่อ ลูกทูลลา”
พูดจบเขาก็หันหลังแล้วเดินออกไปเลย แผ่นหลังนั้นดูเรียบเฉย แต่กลับมีใบหน้าที่ดุดันโเี้!
……
เมื่อิอวี่กลับมาถึงตำหนักลั่วฮวา สิ่งที่เกิดขึ้นที่ลานประลองก็จบลงแล้ว เขาออกไปเป็เวลาครึ่งชั่วยาม ร่างค่ายกละเิเพลิงกับค่ายกลระฆังทองอย่างละห้า จากนั้นก็เข้านอน
เช้าวันต่อมา ิอวี่ทิ้งจดหมายเอาไว้ บอกว่าเขาจะออกไปหาประสบการณ์การฝึกข้างนอกสักระยะ จากนั้นเขาก็แอบไปรออยู่ที่หน้าประตูวังหลวง
ไม่นานนักก็มีเงาดำๆ หลายเงาผ่านไป ิอวี่เปิดััแห่งิญญาขึ้นมา เขาเห็นมีจุดดำๆ อยู่บนท้องฟ้า มันคือเหยี่ยวดำหลิงเฟิง อสูรระดับเจ็ด ที่แบกเหล่าผู้กล้าเดินทางไปยังดินแดนอสูรว่านโซ่ว
ประสาทััที่อ่อนไหวมากของััแห่งิญญา ิอวี่คิดว่าคนเหล่านี้น่าจะมีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่แปดระดับประสานเป็หนึ่งกันเป็อย่างต่ำ แล้วหนึ่งในนั้นก็มีลมปราณของคนที่ิอวี่คุ้นเคยดีด้วย ไม่ใช่ใครอื่น นางคือเยี่ยซี
แต่ว่าเหมือนจะไม่ได้มีเยี่ยซีคนเดียวที่เป็ผู้หญิง แต่ยังมีผู้หญิงหน้าตางดงามอีกสี่คนที่นั่งเหยี่ยวดำหลิงเฟิงด้วย
รวมเยี่ยซีที่ขี่อยู่บนเหยี่ยวดำหลิงเฟิงแล้วก็เป็ห้าคน ทั้งหมดเรียงเป็หน้ากระดานอยู่ด้านหลังเหยี่ยวดำหลิงเฟิงที่ิเสวียนขี่อยู่
ิอวี่ประเมินว่า ผู้หญิงห้าคนนั้นน่าจะเป็ภรรยาและอนุของิเสวียน ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่มีพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่แปดระดับประสานเป็หนึ่ง! และเยี่ยซีก็เป็คนที่อายุน้อยที่สุดด้วย